เทียนฉางเฉิงดูถูกเขาในใจ ชายแก่คนนี้มักสร้างปัญหา และหาเหตุผลที่ฟังขึ้น ยังคิดว่าตัวเองเดาไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าเขาต้องการจะทำอะไร? “นิสัยของนาย ชอบการแข่งขันมากเกินไป สู้กันมากี่ปี่ต่อกี่ปี นายก็ยังไม่เข้าใจอีก มีครั้งไหนบ้างที่นายไม่แพ้ฉัน?” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหลัวปินมืดลงทันที และเป็นเพราะเขาไม่เคยชนะเทียนฉางเฉิง ดังนั้นเขาจึงคับแค้นใจ ถ้าแค้นนี้ไม่ได้แก้ เขาคงหลับตาไม่ลง แม้ในขณะที่เขากำลังจะตาย ยิ่งไปกว่านั้น หลัวปินต้องวางแผนอนาคตให้กับหลัวสวี้เหยา หากตระกูลหลัวและตระกูลเทียนสามารถแต่งงานได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของหลัวสวี้เหยาในอนาคต แน่นอนว่าความเห็นแก่ตัวของหลัวปินไม่ได้จำกัดอยู่แค่จุดนี้ เขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงให้ความสำคัญกับเทียนหลิงเอ๋อร์มาก และมีทรัพย์สมบัตรของตระกูลจำนวนมากที่จะให้เทียนหลิงเอ๋อร์ในอนาคต ถ้าเทียนหลิงเอ๋อร์แต่งงานกับหลัวสวี้เหยา ทรัพย์สินของตระกูลนี้ก็เหมือนทรัพย์สินของตระกูลหลัวไม่ใช่เหรอ? หลัวปินวางแผนแบบนี้มานานแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว “อย่าชะล่าใจไป ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าฉันชนะ รีบเอาไอ
“ปู่ต่างหากที่หดหัว” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง เทียนฉางเฉิงรีบดุ “หลิงเอ๋อร์ พูดแบบนั้นกับปู่หลัวได้อย่างไร” แม้ว่าเทียนฉางเฉิงจะรู้ว่าหลัวปินจงใจยั่วยุเทียนหลิงเอ๋อร์ แต่เทียนหลิงเอ๋อร์อายุน้อยกว่า จะไปพูดกับหลัวปินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้อย่างไร “ไม่เป็นไร ฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลิงเอ๋อร์ทำไม แต่หลิงเอ๋อร์ ต่อให้เธอช่วยเขาพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในฐานะลูกผู้ชาย ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เขาไม่กล้าปรากฏตัว จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว มันน่าอายนะ” หลัวปินยิ้ม “หนูจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ” หลังจากพูดจบ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เทียนฉางเฉิงยิ้มเจื่อน ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ตกหลุมพรางของหลัวปินโดยไม่รู้ตัว “หลัวปิน นายไม่ควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก” เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนเป็นเสือที่ดุร้าย จุดจบความโกรธของเสือคือตายไร้ศพ เขาถือว่าเตือนหลัวปินในฐานะเพื่อนเก่า หลัวปินไม่สนใจ และไม่เข้าใจสิ่งที่เทียนฉางเฉิงพูด หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงาน เขาก็รับสายเทียนหลิงเอ๋อร์ทันทีที่เขามาถึงคลับเมจิกซิตี้
ระหว่างที่หานซานเฉียนไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินหยุนเฉิง หญิงมีเสน่ห์วัยสามสิบก้าวลงจากเครื่องบินสูงพร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคน เมื่อมองแวบแรก ตัวตนของเธอนั้นไม่ธรรมดา เธอมีรูปร่างที่ดีมาก และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ท่าทางที่มีเสน่ห์ของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้เธอ อีกทั้งเธอก็มีออร่าที่น่าเกรงขาม แค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอเป็นคนระดับสูง ออร่าแบบนี้ต้องมาจากตระกูลใหญ่เท่านั้น “พี่เหยียนจะไปหาเขาเมื่อไหร่ครับ” ข้าง ๆ ผู้หญิงมีเสน่ห์เป็นผู้ชายที่ดูเหมือนผู้ช่วยเอ่ยถาม หานเหยียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ญาติที่ไม่ได้มีสายเลือดโดยตรง มีเหตุผลอะไรถึงให้ฉันไปพบเขาด้วยตัวเอง และถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง ไปหาเขา และให้เขาใช้เวลาอยุ่ต่อหน้าฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเสียเวลาเพราะเขา” หานเหยียนเป็นลูกสาวของตระกูลหานในเขตจีนของสหรัฐอเมริกา ตระกูลหานในอเมริกามีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับตระกูลหานในเหยียนจิง แต่ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นจากรุ่นก่อนของหานเทียนหยาง ดังนั้นจึงมีประวัติศาสต
เมื่อมาถึงโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนก็รู้สึกขยะแขยงอีกครั้ง โรงแรมที่ดีที่สุดนั้นอยู่ในสภาพเส็งเคร็ง ยิ่งทำให้เธอเกลียดผู้ชายที่ชื่อหานซานเฉียนมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้ประโยชน์ เธอคงไม่ต้องเดินทางไกล เพื่อมาสถานที่ขยะในหยุนเฉิงแบบนี้งั้นเหรอ เมื่อหานซานเฉียนมาถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ สีหน้าบูดบึ้งของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็ชัดเจนขึ้นทันที เธอวิ่งเหยาะ ๆ มาหาหานซานเฉียน “พี่ไม่เหมาะจะเป็นพี่ชายเลย เพิ่งมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว หลังจากที่หานซานเฉียนวางสาย เธอก็รีบลุกลนไม่หยุด “รอพี่มีเงินก่อนนะ พี่จะสร้างจรวด ต่อไปเร็วกว่านี้แน่ ๆ” หานซานเฉียนกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็เข้าใจคำพูดเสียดสีของหานซานเฉียน จู่ ๆ เตาสือเอ้อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียนก็เครียดขึ้นมาทันที หรือเขาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว? จากสายตาของเตาสือเอ้อร์ หานซานเฉียนเห็นชายวัยกลางคนยืนเคร่งขรึมอยู่ข้างหลัวปิน เขาดูไม่ธรรมดา แต่ถึงกับทำให้เตาสือเอ้อร์มีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อหลัวปินเห็นหานซานเฉียน เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพราะครั้งที่แล้วเ
เจตนาฆ่าในสายตาของโจวป๋อทำให้หลัวปินเย็นวูบถึงกระดูกสันหลัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดของโจวป๋อ แต่เขาก็พอเดาตัวตนของโจวป๋อได้ เขาน่าจะเป็นพวกอันธพาลไม่กลัวตาย เขาดูอันตรายมาก หลัวปินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่ชีวิตก็สำคัญยิ่งกว่า “เขาเอาเงินจากคุณไปเท่าไหร่ ผมจะคืนให้” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ โจวป๋อชำเลืองมองหานวานเฉียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ต้องการให้ใครช่วยเรื่องคืนเงิน และหลัวปินก็ไม่กล้าขอเงินเขาคืน “หานซานเฉียน เขาเอาเงินของฉันไป นายควรช่วยฉันทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาผิดสัญญา แก้ปัญหาด้วยเงินได้ไหม?” ในฐานะนักธุรกิจ แวบแรกหลัวปินคิดถึงการชดเชยค่าเสียหาย โดยจิตใต้สำนึกต้องการรีดไถหานซานเฉียน หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ หลัวปินเต็มไปด้วยความโลภของนักธุรกิจ ตอนนี้เขายังต้องการเพิ่มผลประโยชน์สูงสุด “ผมขอถอนคำพูด ไม่คืนให้แล้ว ถ้าคุณมีความสามารถก็ไปขอเขาเองสิ” หานซานเฉียนกล่าว หลัวปินสีหน้าประหลาดใจ จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ยื่นข้อเสนอที่เขาไม่คาดคิด แต่ตอนนี้นอกจากรีดไถไม่สำเร็จ เขากลับสูญเสียทุกอย่าง แต่ไม่กล้าบ่นสักคำ เพราะเจตนาฆ่าในส
หลัวปินพาหลัวสวี้เหยากลับไปโดยไม่เต็มใจ วันนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้แก้แค้น แต่เขายังอับอายมากขึ้น และยังอยู่ต่อหน้าเทียนฉางเฉิงอีก เขาจะไปป่าวประกาศความอับอายนี้ได้อย่างไร! “คุณปู่ อย่าเลยครับ ช่างมันเถอะ?” หลัวสวี้เหยากล่าวหลังจากออกจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ คำพูดของเทียนฉางเฉิงทำให้เขากังวลมาก และเขาไม่อยากร้ายตัวเองเพราะความหุนหันพลันแล่นของหลัวปิน “แกนี่ขี้ขลาดจริง ๆ ฉันจะหวังให้แกทำให้ตระกูลหลัวเจริญได้ยังไง?” หลัวปินพูดน้ำเสียงเย็นชา หลัวสวี้เหยาถอนหายใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจหลัวปินได้ เขาได้แต่หวังว่าคำพูดของเทียนฉางเฉิงเป็นแค่การข่มขู่ ไม่อย่างนั้นตระกูลหลัวอาจจบลงจริง ๆ หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ สามคนมาที่เวทีมวย ที่นี่ปิดไม่มีคน และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสนทนา เตาสือเอ้อร์ก็รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาควรสารภาพบางอย่างกับหานซานเฉียน “พี่ซานเฉียน พี่อยากรู้อะไร ผมจะบอกพี่ทุกอย่างครับ” เตาสือเอ้อร์กล่าว เมื่อเห็นท่าทางของเตาสือเอ้อร์ที่มีต่อหานซานเฉียน โจวป๋อก็รู้สึกไม่พอใจมาก ผู้ชายคนนี้ เขามีสิทธิ์อะไรที่สามารถทำให้พี่เตาถ่อมตนได้? หลังจากที่หานซานเฉียนชำเ
“ยังไม่ขอบคุณพี่ซานเฉียนอีก” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เตาสือเอ้อร์ก็เตะโจวป๋อเบา ๆ โจวป๋อคุกเข่าเหมือนสุนัข เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเตาสือเอ้อร์ถึงมีท่าทางแบบนี้กับหานวานเฉียน ชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถแค่ไหนกัน? แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจ แต่โจวป๋อก็ยังไม่กล้าขัดเตาสือเอ้อร์ จึงรีบพูดว่า "ขอบคุณครับพี่ซานเฉียน” “พวกนายทั้งสองไม่ได้เจอกันมากว่าสองปีแล้ว งั้นฉันไม่รบกวนแล้วกัน ระลึกถึงวันเก่า ๆ กันตามสบาย” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินออกจากเวทีมวย โจวป๋อยืนขึ้นตบฝุ่น และพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “พี่เตา ผู้ชายคนนี้คือใครเหรอครับ ทำไมพี่ถึงทำเหมือนเป็นลูกน้องเขา? แค่หมัดเดียวผมก็ฆ่าเขาได้แล้ว” เตาสือเอ้อร์มองโจวป๋อด้วยสายตาเย็นชาและดุว่า “เขาเป็นเจ้านายของฉัน ถ้านายอยากอยู่เคียงข้างฉัน นายก็ควรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ไม่อย่างนั้นก็ออกไปให้พ้น อีกอย่างการที่นายจะเอาชนะเขาได้มันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาเคยเอาฉันอยู่หมัด ถึงฉันจะไม่ได้ใช้แรงอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ดวงตาของโจวป๋อเบิกกว้าง ผู้ชายคนนี้เคยต่อสู้กับเตาสือเอ้อร์มาก่อน แถมยังเสมอกัน เป็นไปได้อย่างไร! เตาสือเอ้อร์เคยเป็
เหยียนจุนเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนยังยิ้มได้แบบนั้น “ช่วงนี้ยังขี้เกียจอยู่หรือเปล่า?” เหยียนจุนถาม หานซานเฉียนจะแสดงท่าทางถ่อมตัวเฉพาะต่อหน้าเหยียนจุนเท่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เหยียนจุนพูด หานซานเฉียนก็เกาหัวพลางพูดช้า ๆ “ฝึกน้อยลงนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังมีการฝึกขั้นพื้นฐานอยู่ครับ” เหยียนจุนเขกหัวหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกต้องขี้เกียจแน่นอน หรือแกลืมสิ่งที่ปู่เหยียนเคยบอกเหรอ?” หานซานเฉียนส่ายหัวไม่หยุด “ไม่ลืมแน่นอนครับ ผมจะลืมได้ยังไงล่ะ” “เงินเป็นสิ่งนอกกาย เงินจำนวนมากไม่สามารถช่วยในยามวิกฤตได้ มีเพียงกำปั้นที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดไปได้ นี่คือสิ่งที่ปู่เหยียนเตือนแกครั้งสุดท้าย” เหยียนจุนกล่าว คำพูดเหล่านี้ทำให้หานานเฉียนเคร่งเครียดทันที ครั้งสุดท้าย หรือเขาจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว? “คุณปู่เหยียน ปู่จะไปไหนครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่ได้ไปไหน แค่แกโตแล้ว ไม่ต้องให้คนนอกคอยเตือนว่าควรทำอะไร” เหยียนจุนกล่าว หานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เหยียนไม่ใช่คนนอก ถ้าผมไม่มีปู่คอยสอน ผมจะยืนหยัดได้ยั