“ปู่ต่างหากที่หดหัว” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง เทียนฉางเฉิงรีบดุ “หลิงเอ๋อร์ พูดแบบนั้นกับปู่หลัวได้อย่างไร” แม้ว่าเทียนฉางเฉิงจะรู้ว่าหลัวปินจงใจยั่วยุเทียนหลิงเอ๋อร์ แต่เทียนหลิงเอ๋อร์อายุน้อยกว่า จะไปพูดกับหลัวปินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้อย่างไร “ไม่เป็นไร ฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลิงเอ๋อร์ทำไม แต่หลิงเอ๋อร์ ต่อให้เธอช่วยเขาพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในฐานะลูกผู้ชาย ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เขาไม่กล้าปรากฏตัว จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว มันน่าอายนะ” หลัวปินยิ้ม “หนูจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ” หลังจากพูดจบ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เทียนฉางเฉิงยิ้มเจื่อน ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ตกหลุมพรางของหลัวปินโดยไม่รู้ตัว “หลัวปิน นายไม่ควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก” เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนเป็นเสือที่ดุร้าย จุดจบความโกรธของเสือคือตายไร้ศพ เขาถือว่าเตือนหลัวปินในฐานะเพื่อนเก่า หลัวปินไม่สนใจ และไม่เข้าใจสิ่งที่เทียนฉางเฉิงพูด หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงาน เขาก็รับสายเทียนหลิงเอ๋อร์ทันทีที่เขามาถึงคลับเมจิกซิตี้
ระหว่างที่หานซานเฉียนไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินหยุนเฉิง หญิงมีเสน่ห์วัยสามสิบก้าวลงจากเครื่องบินสูงพร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคน เมื่อมองแวบแรก ตัวตนของเธอนั้นไม่ธรรมดา เธอมีรูปร่างที่ดีมาก และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ท่าทางที่มีเสน่ห์ของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้เธอ อีกทั้งเธอก็มีออร่าที่น่าเกรงขาม แค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอเป็นคนระดับสูง ออร่าแบบนี้ต้องมาจากตระกูลใหญ่เท่านั้น “พี่เหยียนจะไปหาเขาเมื่อไหร่ครับ” ข้าง ๆ ผู้หญิงมีเสน่ห์เป็นผู้ชายที่ดูเหมือนผู้ช่วยเอ่ยถาม หานเหยียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ญาติที่ไม่ได้มีสายเลือดโดยตรง มีเหตุผลอะไรถึงให้ฉันไปพบเขาด้วยตัวเอง และถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง ไปหาเขา และให้เขาใช้เวลาอยุ่ต่อหน้าฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเสียเวลาเพราะเขา” หานเหยียนเป็นลูกสาวของตระกูลหานในเขตจีนของสหรัฐอเมริกา ตระกูลหานในอเมริกามีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับตระกูลหานในเหยียนจิง แต่ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นจากรุ่นก่อนของหานเทียนหยาง ดังนั้นจึงมีประวัติศาสต
เมื่อมาถึงโรงแรมเพนนินซูล่า หานเหยียนก็รู้สึกขยะแขยงอีกครั้ง โรงแรมที่ดีที่สุดนั้นอยู่ในสภาพเส็งเคร็ง ยิ่งทำให้เธอเกลียดผู้ชายที่ชื่อหานซานเฉียนมากขึ้น ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไร้ประโยชน์ เธอคงไม่ต้องเดินทางไกล เพื่อมาสถานที่ขยะในหยุนเฉิงแบบนี้งั้นเหรอ เมื่อหานซานเฉียนมาถึงสถาบันศิลปะการต่อสู้ สีหน้าบูดบึ้งของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็ชัดเจนขึ้นทันที เธอวิ่งเหยาะ ๆ มาหาหานซานเฉียน “พี่ไม่เหมาะจะเป็นพี่ชายเลย เพิ่งมาถึงตอนนี้เนี่ยนะ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าว หลังจากที่หานซานเฉียนวางสาย เธอก็รีบลุกลนไม่หยุด “รอพี่มีเงินก่อนนะ พี่จะสร้างจรวด ต่อไปเร็วกว่านี้แน่ ๆ” หานซานเฉียนกล่าว เทียนหลิงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก แม้ว่าเธอจะยังเด็ก แต่เธอก็เข้าใจคำพูดเสียดสีของหานซานเฉียน จู่ ๆ เตาสือเอ้อร์ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียนก็เครียดขึ้นมาทันที หรือเขาเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งแล้ว? จากสายตาของเตาสือเอ้อร์ หานซานเฉียนเห็นชายวัยกลางคนยืนเคร่งขรึมอยู่ข้างหลัวปิน เขาดูไม่ธรรมดา แต่ถึงกับทำให้เตาสือเอ้อร์มีปฏิกิริยาที่รุนแรงขนาดนี้เลยเหรอ? เมื่อหลัวปินเห็นหานซานเฉียน เขาก็รู้สึกพึงพอใจอย่างมาก เพราะครั้งที่แล้วเ
เจตนาฆ่าในสายตาของโจวป๋อทำให้หลัวปินเย็นวูบถึงกระดูกสันหลัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดของโจวป๋อ แต่เขาก็พอเดาตัวตนของโจวป๋อได้ เขาน่าจะเป็นพวกอันธพาลไม่กลัวตาย เขาดูอันตรายมาก หลัวปินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่ชีวิตก็สำคัญยิ่งกว่า “เขาเอาเงินจากคุณไปเท่าไหร่ ผมจะคืนให้” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ โจวป๋อชำเลืองมองหานวานเฉียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ต้องการให้ใครช่วยเรื่องคืนเงิน และหลัวปินก็ไม่กล้าขอเงินเขาคืน “หานซานเฉียน เขาเอาเงินของฉันไป นายควรช่วยฉันทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาผิดสัญญา แก้ปัญหาด้วยเงินได้ไหม?” ในฐานะนักธุรกิจ แวบแรกหลัวปินคิดถึงการชดเชยค่าเสียหาย โดยจิตใต้สำนึกต้องการรีดไถหานซานเฉียน หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ หลัวปินเต็มไปด้วยความโลภของนักธุรกิจ ตอนนี้เขายังต้องการเพิ่มผลประโยชน์สูงสุด “ผมขอถอนคำพูด ไม่คืนให้แล้ว ถ้าคุณมีความสามารถก็ไปขอเขาเองสิ” หานซานเฉียนกล่าว หลัวปินสีหน้าประหลาดใจ จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ยื่นข้อเสนอที่เขาไม่คาดคิด แต่ตอนนี้นอกจากรีดไถไม่สำเร็จ เขากลับสูญเสียทุกอย่าง แต่ไม่กล้าบ่นสักคำ เพราะเจตนาฆ่าในส
หลัวปินพาหลัวสวี้เหยากลับไปโดยไม่เต็มใจ วันนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้แก้แค้น แต่เขายังอับอายมากขึ้น และยังอยู่ต่อหน้าเทียนฉางเฉิงอีก เขาจะไปป่าวประกาศความอับอายนี้ได้อย่างไร! “คุณปู่ อย่าเลยครับ ช่างมันเถอะ?” หลัวสวี้เหยากล่าวหลังจากออกจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ คำพูดของเทียนฉางเฉิงทำให้เขากังวลมาก และเขาไม่อยากร้ายตัวเองเพราะความหุนหันพลันแล่นของหลัวปิน “แกนี่ขี้ขลาดจริง ๆ ฉันจะหวังให้แกทำให้ตระกูลหลัวเจริญได้ยังไง?” หลัวปินพูดน้ำเสียงเย็นชา หลัวสวี้เหยาถอนหายใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจหลัวปินได้ เขาได้แต่หวังว่าคำพูดของเทียนฉางเฉิงเป็นแค่การข่มขู่ ไม่อย่างนั้นตระกูลหลัวอาจจบลงจริง ๆ หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ สามคนมาที่เวทีมวย ที่นี่ปิดไม่มีคน และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสนทนา เตาสือเอ้อร์ก็รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาควรสารภาพบางอย่างกับหานซานเฉียน “พี่ซานเฉียน พี่อยากรู้อะไร ผมจะบอกพี่ทุกอย่างครับ” เตาสือเอ้อร์กล่าว เมื่อเห็นท่าทางของเตาสือเอ้อร์ที่มีต่อหานซานเฉียน โจวป๋อก็รู้สึกไม่พอใจมาก ผู้ชายคนนี้ เขามีสิทธิ์อะไรที่สามารถทำให้พี่เตาถ่อมตนได้? หลังจากที่หานซานเฉียนชำเ
“ยังไม่ขอบคุณพี่ซานเฉียนอีก” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เตาสือเอ้อร์ก็เตะโจวป๋อเบา ๆ โจวป๋อคุกเข่าเหมือนสุนัข เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเตาสือเอ้อร์ถึงมีท่าทางแบบนี้กับหานวานเฉียน ชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถแค่ไหนกัน? แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจ แต่โจวป๋อก็ยังไม่กล้าขัดเตาสือเอ้อร์ จึงรีบพูดว่า "ขอบคุณครับพี่ซานเฉียน” “พวกนายทั้งสองไม่ได้เจอกันมากว่าสองปีแล้ว งั้นฉันไม่รบกวนแล้วกัน ระลึกถึงวันเก่า ๆ กันตามสบาย” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินออกจากเวทีมวย โจวป๋อยืนขึ้นตบฝุ่น และพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “พี่เตา ผู้ชายคนนี้คือใครเหรอครับ ทำไมพี่ถึงทำเหมือนเป็นลูกน้องเขา? แค่หมัดเดียวผมก็ฆ่าเขาได้แล้ว” เตาสือเอ้อร์มองโจวป๋อด้วยสายตาเย็นชาและดุว่า “เขาเป็นเจ้านายของฉัน ถ้านายอยากอยู่เคียงข้างฉัน นายก็ควรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ไม่อย่างนั้นก็ออกไปให้พ้น อีกอย่างการที่นายจะเอาชนะเขาได้มันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาเคยเอาฉันอยู่หมัด ถึงฉันจะไม่ได้ใช้แรงอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ดวงตาของโจวป๋อเบิกกว้าง ผู้ชายคนนี้เคยต่อสู้กับเตาสือเอ้อร์มาก่อน แถมยังเสมอกัน เป็นไปได้อย่างไร! เตาสือเอ้อร์เคยเป็
เหยียนจุนเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนยังยิ้มได้แบบนั้น “ช่วงนี้ยังขี้เกียจอยู่หรือเปล่า?” เหยียนจุนถาม หานซานเฉียนจะแสดงท่าทางถ่อมตัวเฉพาะต่อหน้าเหยียนจุนเท่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เหยียนจุนพูด หานซานเฉียนก็เกาหัวพลางพูดช้า ๆ “ฝึกน้อยลงนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังมีการฝึกขั้นพื้นฐานอยู่ครับ” เหยียนจุนเขกหัวหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกต้องขี้เกียจแน่นอน หรือแกลืมสิ่งที่ปู่เหยียนเคยบอกเหรอ?” หานซานเฉียนส่ายหัวไม่หยุด “ไม่ลืมแน่นอนครับ ผมจะลืมได้ยังไงล่ะ” “เงินเป็นสิ่งนอกกาย เงินจำนวนมากไม่สามารถช่วยในยามวิกฤตได้ มีเพียงกำปั้นที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดไปได้ นี่คือสิ่งที่ปู่เหยียนเตือนแกครั้งสุดท้าย” เหยียนจุนกล่าว คำพูดเหล่านี้ทำให้หานานเฉียนเคร่งเครียดทันที ครั้งสุดท้าย หรือเขาจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว? “คุณปู่เหยียน ปู่จะไปไหนครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่ได้ไปไหน แค่แกโตแล้ว ไม่ต้องให้คนนอกคอยเตือนว่าควรทำอะไร” เหยียนจุนกล่าว หานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เหยียนไม่ใช่คนนอก ถ้าผมไม่มีปู่คอยสอน ผมจะยืนหยัดได้ยั
เมื่อเหอถิงเปิดประตูก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก ทำให้เธออดปิดจมูกไม่ได้ สายตามองไม่เห็นใครแต่พอก้มศีรษะลง ก็เห็นหานซานเฉียนทรุดอยู่กับพื้น “ซานเฉียน ทำไมเธอดื่มมาเยอะจัง” เหอถิงย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอออกกำลังกายมามาก ทำให้เธอพาหานซานเฉียนเข้าไปห้องรับแขก จนแทบจะรับน้ำหนักของหานซานเฉียนไม่ไหว กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วห้องรับแขกทันที เหอถิงรีบไปต้มน้ำน้ำผึ้งในครัว เพื่อให้หานซานเฉียนดื่มแก้เมาค้าง เจี่ยงเชิงบังเอิญมาที่ห้องรับแขก และเห็นหานซานเฉียนเมามาก ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายทันที เจี่ยงเชิงเดินไปที่โซฟาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “หานซานเฉียน นายเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่ตอบสนอง ใบหน้าของเจี่ยงเชิงก็ดูเคร่งขรึมทันที นี่เป็นโอกาสดีที่จะแก้แค้นถ้าเขาเมาและไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาอาจจะไม่สามารถตอบโต้ได้ถ้าถูกทุบตี เจี่ยงเชิงตบหน้าหานซานเฉียนเพื่อหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไป เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนยังไม่ตอบสนอง เขาจึงเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย “แม่งเอ้ย ในที่สุดฉันก็ได้โอกาสแล้ว ผู้ชายเกาะผู้หญิงกินอย่างแกจนถึงทุวันนี้ก็ยังไม่ได้หยิงเซ