เหยียนจุนเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนยังยิ้มได้แบบนั้น “ช่วงนี้ยังขี้เกียจอยู่หรือเปล่า?” เหยียนจุนถาม หานซานเฉียนจะแสดงท่าทางถ่อมตัวเฉพาะต่อหน้าเหยียนจุนเท่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เหยียนจุนพูด หานซานเฉียนก็เกาหัวพลางพูดช้า ๆ “ฝึกน้อยลงนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังมีการฝึกขั้นพื้นฐานอยู่ครับ” เหยียนจุนเขกหัวหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกต้องขี้เกียจแน่นอน หรือแกลืมสิ่งที่ปู่เหยียนเคยบอกเหรอ?” หานซานเฉียนส่ายหัวไม่หยุด “ไม่ลืมแน่นอนครับ ผมจะลืมได้ยังไงล่ะ” “เงินเป็นสิ่งนอกกาย เงินจำนวนมากไม่สามารถช่วยในยามวิกฤตได้ มีเพียงกำปั้นที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดไปได้ นี่คือสิ่งที่ปู่เหยียนเตือนแกครั้งสุดท้าย” เหยียนจุนกล่าว คำพูดเหล่านี้ทำให้หานานเฉียนเคร่งเครียดทันที ครั้งสุดท้าย หรือเขาจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว? “คุณปู่เหยียน ปู่จะไปไหนครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่ได้ไปไหน แค่แกโตแล้ว ไม่ต้องให้คนนอกคอยเตือนว่าควรทำอะไร” เหยียนจุนกล่าว หานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เหยียนไม่ใช่คนนอก ถ้าผมไม่มีปู่คอยสอน ผมจะยืนหยัดได้ยั
เมื่อเหอถิงเปิดประตูก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก ทำให้เธออดปิดจมูกไม่ได้ สายตามองไม่เห็นใครแต่พอก้มศีรษะลง ก็เห็นหานซานเฉียนทรุดอยู่กับพื้น “ซานเฉียน ทำไมเธอดื่มมาเยอะจัง” เหอถิงย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอออกกำลังกายมามาก ทำให้เธอพาหานซานเฉียนเข้าไปห้องรับแขก จนแทบจะรับน้ำหนักของหานซานเฉียนไม่ไหว กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วห้องรับแขกทันที เหอถิงรีบไปต้มน้ำน้ำผึ้งในครัว เพื่อให้หานซานเฉียนดื่มแก้เมาค้าง เจี่ยงเชิงบังเอิญมาที่ห้องรับแขก และเห็นหานซานเฉียนเมามาก ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายทันที เจี่ยงเชิงเดินไปที่โซฟาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “หานซานเฉียน นายเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่ตอบสนอง ใบหน้าของเจี่ยงเชิงก็ดูเคร่งขรึมทันที นี่เป็นโอกาสดีที่จะแก้แค้นถ้าเขาเมาและไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาอาจจะไม่สามารถตอบโต้ได้ถ้าถูกทุบตี เจี่ยงเชิงตบหน้าหานซานเฉียนเพื่อหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไป เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนยังไม่ตอบสนอง เขาจึงเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย “แม่งเอ้ย ในที่สุดฉันก็ได้โอกาสแล้ว ผู้ชายเกาะผู้หญิงกินอย่างแกจนถึงทุวันนี้ก็ยังไม่ได้หยิงเซ
“เจี่ยงเชิง แกกำลังทำอะไรอยู่?” จู่ ๆ เสียงดุของเจี่ยงหงก็ดังมาจากด้านหลัง ตอนนี้อาศัยอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น เจี่ยงหงไม่อยากให้เจี่ยงเชิงมาทำตัววุ่นวายที่นี่ แม้ว่าเหอถิงจะเป็นแค่คนรับใช้ก็ตาม “คุณปู่” เจี่ยงเชิงหดคอและรีบปล่อยเหอถิง “เกิดอะไรขึ้น?” เจียงหงถาม จู่ ๆ เจี่ยงเชิงแค่มีความคิดที่อยากแก้แค้น เขาจึงต่อยหานซานเฉียน ถ้าเขารู้ว่าเหอถิงจะมาเห็นเข้า เขาคงไม่ทำแบบนั้น “คุณปู่ ผมเห็นว่าหานซานเฉียนเมา ผมก็เลยต่อยหานซานเฉียน แต่ไม่คิดว่าเธอจะมาเจอ” เจี่ยงเชิงกล่าว เจี่ยงหงมองไปที่เจี่ยงเชิงด้วยสายตาโกรธเคือง การทุบตีเขาเพื่อแก้แค้นจะไปมีประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งพาซูหยิงเซี่ย เพื่อให้เธอช่วยจัดการเรื่องงาน และพวกเขาจะได้มีโอกาสอยู่ในหยุนเฉิง เพื่อปักหลักอยู่ที่หยุนเฉิง เมื่อมีเงินก็ยังไม่สายที่จะแก้แค้น “ฉันเตือนแกก่อนจะมาที่นี่แล้วว่าอย่าสร้างปัญหา ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง?” เจี่ยงหงโกรธมาก เจี่ยงเชิงไม่เคยมีความคิดที่จะแก้แค้นและก็ไม่กล้าขนาดนั้น แต่พอมีโอกาสเข้ามา เข้าก็อดทำไม่ได้ “คุณปู่ ผมขอโทษ ผมอดไม่ไหวจริง ๆ แต่...แต่ตอนนี้เขาโดนต่อยไปแล้ว ผมจะทำย
เมื่อซูหยิงเซี่ยกลับถึงบ้าน เหอถิงก็ถูกไล่ออกไปแล้ว เธอเห็นเพียงหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนโซฟาและเจี่ยงหลานที่แสร้งทำเป็นดูแลหานซานเฉียน “กลับมาแล้วเหรอลูก ลูกดูแลเขาให้ดี ๆ นะ กลางวันแสก ๆ ทำไมถึงได้ดื่มเยอะขนาดนี้ เหลวไหลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” เจี่ยงหลานกล่าวด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน ซูหยิงเซี่ยได้กลิ่นแอลกอฮอล์ทั่วร่างกายของหานซานเฉียนจึงกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ทำไมเขาถึงดื่มมากขนาดนี้” ตั้งแต่รู้จักกับหานซานเฉียนมานานกว่าสามปี แม้ว่าเขาจะดื่มบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็เพียงแค่จิบเท่านั้น เขาไม่เคยเมาเลย ยิ่งเมาเละเทะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย “เธอถามฉัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ พาเขากลับไปที่ห้องเถอะ บ้านเหม็นหมดแล้ว” เจี่ยงหลานกล่าว ซูหยิงเซี่ยพยายามที่จะแบกหานซานเฉียนด้วยตัวเอง เจี่ยงหลานไม่ยอมช่วย เธอแค่ยืนมองด้วยสายตาเย็นชา แม้ว่าเหอถิงจะถูกไล่ออกไปแล้ว แต่เจี่ยงหลานก็ยังกังวลว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย ซูหยิงเซี่ยคงโกรธมากจนเจี่ยงหลานคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออก ตอนนี้เธอมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อหานซานเฉียน ซึ่งเจี่ยงหลานสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ทันทีที่กลับเข้ามาในห้อง หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยวางหา
เจี่ยงเชิงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง ตอนนี้คิดถึงสิ่งที่เจี่ยงหงพูด รอตั้งหลักในหยุนเฉิง และมีเงินก่อนก็มันไม่สายไปที่จะแก้แค้น เขายังไม่ได้ทำงานในบริษัทซู และยังไม่มีเงินใช้ ถ้าเขาถูกไล่ออกไปทั้งสภาพนี้ เกรงว่าทางรอดเดียวคือการเป็นขอทาน เมื่อเห็นเจี่ยงหงมาที่ห้องรับแขก เจี่ยงเชิงก็รีบเดินเข้าไปหาเขาและพูดว่า “คุณปู่ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ?” เจี่ยงหงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เมื่อเห็นว่าท่าทางของเจี่ยงหงแตกต่างจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด เจี่ยงเชิงก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงแสดงท่าทางมั่นใจขนาดนี้ เหอถิงคงไม่บอกหานซานเฉียนจริง ๆ ใช่ไหม? “คุณปู่แน่ใจได้ยังไงครับ?” เจียงเชิงถามอย่างสงสัย “เมื่อคืนฉันคุยกับป้าหลานของแกแล้ว เธอได้ส่งคนไปที่บ้านเกิดของเหอถิง เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกเปิดเผย รู้มาว่าเธอสั่งสอนและให้บทเรียนกับผู้หญิงคนนั้นอย่างจริงจัง ฉันเชื่อว่าเธอไม่กล้ามายุ่งหรอก” เจี่ยงหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เจี่ยงเชิงถอนหายใจด
หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยหลับจนถึงช่วงบ่าย เมื่อซูหยิงเซี่ยลืมตาก็เห็นหานซานเฉียน และรู้สึกว่าหานซานเฉียนกำลังกอดเธอ ใบหน้าก็พลันมีเลือดฝาด “ตื่นแล้วเหรอ?” หานซานเฉียนถาม ซูหยิงเซี่ยก้มหน้าอย่างเขินอายและพูดว่า “ฉันไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานแล้วค่ะ” หานซานเฉียนยิ้มอย่างมีความสุข และถามว่า “ถ้าคุณรู้สึกสบาย ถ้าอย่างนั้นต่อไปผมจะกอดคุณทุกวันเลย” ซูหยิงเซี่ยไม่พูด เธอพยักหน้าเล็กน้อย แต่โชคดีที่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าเธอหมายถึงอะไร “ฉันหิวแล้วค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูด “งั้นผมให้ป้าเหอทำกับข้าวให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” หานซานเฉียนลุกขึ้น และเดินออกจากห้อง เมื่อเขามาถึงห้องรับแขก หานซานเฉียนเห็นเพียงแค่เจี่ยงหลานและเจี่ยงหงเท่านั้น จริง ๆ แล้วตอนนี้เหอถิงควรจะกำลังทำความสะอาดบ้าน “แม่ครับ ป้าเหอล่ะครับ?” หานซานเฉียนถาม เจี่ยงหลานหันหน้ามาพูดว่า “เธอบอกว่าที่บ้านมีเรื่อง เธอจึงรีบกลับไป และลาออกจากที่นี่แล้ว” หานซานเฉียนกัดฟัน ถ้าเหอถิงมีเรื่องจำเป็นต้องกลับบ้านเกิดของเธอจริง คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่บอกเขา จู่ ๆ ก็จากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หานซานเฉียนเข้าครัวทำไข่ดาวสองฟองให้ซูหยิงเซี่ย เมื่อเขากลับมาที่ห้องเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของซูหยิงเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” “แม่ไล่ป้าเหอออกแล้ว คุณรู้หรือยังคะ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ผมกลัวว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่แค่ไล่ออกธรรมดา ๆ” หานซานเฉียนกล่าว ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เจี่ยงหลานก็คงไม่ตัดสินใจแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องหาเหอถิงให้เจอ “คุณหมายถึงเกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถาม “บางทีเจี่ยงเชิงอาจจะยังเรียนรู้บทเรียนไม่มากพอ” หานซานเฉียนยิ้มเย็นชา นอกจากเขาแล้ว หานซานเฉียนก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอีกบ้างที่อยู่นิ่งไม่ได้ ที่จะต้องสร้างปัญหาไปเรื่อย “ถ้าเป็นเพราะเขาจริง ๆ ฉันจะไล่เขาออกไป” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “กินข้าวก่อนเถอะ ผมจะหาทางหาป้าเหอ” ซูหยิงเซี่ยกินไข่ดาวร้อน ๆ ด้วยใบหน้าที่มีความสุข แม้จะมีอาหารที่อร่อยมากมายในโลก แต่ก็เทียบไม่ได้กับอาหารที่หานซานเฉียนทำ นี่อาจจะเรียกได้ว่ารักทุกอย่างที่เป็นเขา เมื่อตกหลุมรักหานซานเฉียน ก็จะชอบทุกอย่างเกี่ยวกับเขา แม้แต่ไข่ดาวธรรมดา ๆ ก็สามารถทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่มีอ
คำพูดเหล่านี้เหมือนสายฟ้าผ่าเจี่ยงหงและเจี่ยงหลานกลางวันแสก ๆ ในบ้านมีกล้องวงจรปิด! กล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้นั้นจะถูกแสดงบนหน้าจอทีวีในไม่ช้า ไม่ใช่แค่ฉากที่ทุบตีเหอถิง แต่ยังต่อยเตะหานซานเฉียนด้วย เจี่ยงเชิงหวาดกลัวมากจนขาอ่อนแรงและนั่งลงบนพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ถ้าเขามีโอกาสให้เลือกอีกครั้ง เขาจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด “ลูก ทำอะไร ทำไมไม่ไปนั่งบนโซฟาให้ดี ๆ ไปนั่งบนพื้นทำไม?” เจี่ยงเฟิงกวางเดินไปหาเจี่ยงเชิงด้วยความสับสน และพยายามดึงเจี่ยงเชิงขึ้น แต่เจี่ยงเชิงมือไม้อ่อนแรง จู่ ๆ ในใจก็รู้สึกแปลก ๆ เหตุการณ์ในวันนี้คงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเชิงใช่ไหม หรือว่าเขาทำอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว! วิดีโอกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นบนทีวี หานซานเฉียนกรอวิดีโอกลับไปตอนที่เขากลับถึงบ้าน จากนั้นจึงปรับความเร็วการเล่นตามปกติ เมื่อบนจอปรากฏภาพเจี่ยงเชิงกำลังทำร้ายหานซานเฉียน ทุกคนในห้องรับแขกต่างเงียบกริบ ใครจะคิดว่าเจี่ยงเชิงจะทำแบบนี้! เขาเตะต่อยหานซานเฉียนในขณะที่เมา! ซูหยิงเซี่ยโกรธทันที การที่หานซานเฉียนถูกทุบตีเป็นสิ่งที่น่าสะเทือนใจสำหรับเธอ เจี่ยงเ