หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยหลับจนถึงช่วงบ่าย เมื่อซูหยิงเซี่ยลืมตาก็เห็นหานซานเฉียน และรู้สึกว่าหานซานเฉียนกำลังกอดเธอ ใบหน้าก็พลันมีเลือดฝาด “ตื่นแล้วเหรอ?” หานซานเฉียนถาม ซูหยิงเซี่ยก้มหน้าอย่างเขินอายและพูดว่า “ฉันไม่ได้นอนหลับสบายแบบนี้มานานแล้วค่ะ” หานซานเฉียนยิ้มอย่างมีความสุข และถามว่า “ถ้าคุณรู้สึกสบาย ถ้าอย่างนั้นต่อไปผมจะกอดคุณทุกวันเลย” ซูหยิงเซี่ยไม่พูด เธอพยักหน้าเล็กน้อย แต่โชคดีที่หานซานเฉียนรู้สึกได้ว่าเธอหมายถึงอะไร “ฉันหิวแล้วค่ะ” ซูหยิงเซี่ยพูด “งั้นผมให้ป้าเหอทำกับข้าวให้เดี๋ยวนี้เลยครับ” หานซานเฉียนลุกขึ้น และเดินออกจากห้อง เมื่อเขามาถึงห้องรับแขก หานซานเฉียนเห็นเพียงแค่เจี่ยงหลานและเจี่ยงหงเท่านั้น จริง ๆ แล้วตอนนี้เหอถิงควรจะกำลังทำความสะอาดบ้าน “แม่ครับ ป้าเหอล่ะครับ?” หานซานเฉียนถาม เจี่ยงหลานหันหน้ามาพูดว่า “เธอบอกว่าที่บ้านมีเรื่อง เธอจึงรีบกลับไป และลาออกจากที่นี่แล้ว” หานซานเฉียนกัดฟัน ถ้าเหอถิงมีเรื่องจำเป็นต้องกลับบ้านเกิดของเธอจริง คงเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไม่บอกเขา จู่ ๆ ก็จากไปอย่างกะทันหันแบบนี้ ต้องมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
หานซานเฉียนเข้าครัวทำไข่ดาวสองฟองให้ซูหยิงเซี่ย เมื่อเขากลับมาที่ห้องเห็นสีหน้าที่เศร้าหมองของซูหยิงเซี่ยก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ?” “แม่ไล่ป้าเหอออกแล้ว คุณรู้หรือยังคะ?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “ผมกลัวว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่แค่ไล่ออกธรรมดา ๆ” หานซานเฉียนกล่าว ถ้าไม่ใช่ด้วยเหตุผลบางอย่าง จู่ ๆ เจี่ยงหลานก็คงไม่ตัดสินใจแบบนั้น แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องหาเหอถิงให้เจอ “คุณหมายถึงเกี่ยวข้องกับคนอื่นหรือเปล่าคะ?” ซูหยิงเซี่ยถาม “บางทีเจี่ยงเชิงอาจจะยังเรียนรู้บทเรียนไม่มากพอ” หานซานเฉียนยิ้มเย็นชา นอกจากเขาแล้ว หานซานเฉียนก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครอีกบ้างที่อยู่นิ่งไม่ได้ ที่จะต้องสร้างปัญหาไปเรื่อย “ถ้าเป็นเพราะเขาจริง ๆ ฉันจะไล่เขาออกไป” ซูหยิงเซี่ยกล่าว “กินข้าวก่อนเถอะ ผมจะหาทางหาป้าเหอ” ซูหยิงเซี่ยกินไข่ดาวร้อน ๆ ด้วยใบหน้าที่มีความสุข แม้จะมีอาหารที่อร่อยมากมายในโลก แต่ก็เทียบไม่ได้กับอาหารที่หานซานเฉียนทำ นี่อาจจะเรียกได้ว่ารักทุกอย่างที่เป็นเขา เมื่อตกหลุมรักหานซานเฉียน ก็จะชอบทุกอย่างเกี่ยวกับเขา แม้แต่ไข่ดาวธรรมดา ๆ ก็สามารถทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกพึงพอใจอย่างไม่มีอ
คำพูดเหล่านี้เหมือนสายฟ้าผ่าเจี่ยงหงและเจี่ยงหลานกลางวันแสก ๆ ในบ้านมีกล้องวงจรปิด! กล่าวได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้นั้นจะถูกแสดงบนหน้าจอทีวีในไม่ช้า ไม่ใช่แค่ฉากที่ทุบตีเหอถิง แต่ยังต่อยเตะหานซานเฉียนด้วย เจี่ยงเชิงหวาดกลัวมากจนขาอ่อนแรงและนั่งลงบนพื้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง ถ้าเขามีโอกาสให้เลือกอีกครั้ง เขาจะไม่ทำแบบนั้นเด็ดขาด “ลูก ทำอะไร ทำไมไม่ไปนั่งบนโซฟาให้ดี ๆ ไปนั่งบนพื้นทำไม?” เจี่ยงเฟิงกวางเดินไปหาเจี่ยงเชิงด้วยความสับสน และพยายามดึงเจี่ยงเชิงขึ้น แต่เจี่ยงเชิงมือไม้อ่อนแรง จู่ ๆ ในใจก็รู้สึกแปลก ๆ เหตุการณ์ในวันนี้คงไม่ได้มุ่งเป้าไปที่เจี่ยงเชิงใช่ไหม หรือว่าเขาทำอะไรโง่ ๆ อีกแล้ว! วิดีโอกล้องวงจรปิดปรากฏขึ้นบนทีวี หานซานเฉียนกรอวิดีโอกลับไปตอนที่เขากลับถึงบ้าน จากนั้นจึงปรับความเร็วการเล่นตามปกติ เมื่อบนจอปรากฏภาพเจี่ยงเชิงกำลังทำร้ายหานซานเฉียน ทุกคนในห้องรับแขกต่างเงียบกริบ ใครจะคิดว่าเจี่ยงเชิงจะทำแบบนี้! เขาเตะต่อยหานซานเฉียนในขณะที่เมา! ซูหยิงเซี่ยโกรธทันที การที่หานซานเฉียนถูกทุบตีเป็นสิ่งที่น่าสะเทือนใจสำหรับเธอ เจี่ยงเ
หลังจากพูดจบ เจี่ยงหลานก็รีบเดินไปหาหานซานเฉียน ทั้งดึงทั้งกระชาก และตบหน้าหานซานเฉียน หานซานเฉียนยืนนิ่งเหมือนภูเขาไท่ ท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ถ้าแม่ตีผม ผมไม่สู้กลับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะได้ผล ผมจะไปขอโทษป้าเหอเดี๋ยวนี้ ถ้าผมกลับมาเจอคนพวกนี้อีก ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา เจี่ยงหลานรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของหานซานเฉียน เธอจึงปล่อยหานซานเฉียนโดยไม่รู้ตัว ตอนที่หนานกงเชียนชิวเสียชีวิตในห้องรับแขก สีหน้าของหานซานเฉียนในตอนนี้ เหมือนกับตอนที่หนานกงเชียนชิวแขวนคอตัวเอง! หานซานเฉียนเดินไปหาเจี่ยงเชิง ใบหน้าของเจี่ยงเชิงซีดราวกับกระดาษ ร่างกายเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “เตะฉันสิ แล้วฉันจะกลับมาแน่นอน” ทันทีที่เขาพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะเข้าที่หน้าเจี่ยงเชิง เจี่ยงเชิงเอามือปิดหน้า และร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด พลางกลิ้งไปกับพื้น เลือดไหลออกมาจากร่องนิ้ว “ขอโทษ ขอโทษ” เจี่ยงเชิงกล่าวอย่างเสียใจ “แกทำร้ายป้าเหอ ฉันจะล้างแค้นแทนเธอแน่นอน” หานซานเฉียนคว้าตัวเจี่ยงเชิงและเตะเข้าที่ท้อง เจี่ยงเชิงเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อตระกูลเจี่ยงเห็น
ตระกูลเจี่ยงต่างเก็บสัมภาระโดยไม่เต็มใจ ทุกคนต่างตำหนิเจี่ยงเชิงในใจ แม้แต่เจี่ยงเฟิงกวางก็ยังโกรธ พวกเขามีโอกาสที่จะตั้งถิ่นฐานในหยุนเฉิง และเข้าทำงานบริษัทของซูหยิงเซี่ยเพื่อเปลี่ยนโชคชะตา โอกาสดี ๆ ถูกทำลายเพราะความโง่เขลาเพียงชั่วขณะของเจี่ยงเชิง เมื่อทุกคนมารวมกันในห้องรับแขก ทุกสายตาที่มองเจี่ยงเชิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจี่ยงเชิง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรื่องงามหน้าที่เธอทำ” “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราคงไม่เป็นแบบนี้” “ขยะอย่างแกมีสิทธิ์อะไรไปสู้กับหานซานเฉียน” ในเวลานี้ดูเหมือนไม่มีใครมองว่าหานซานเฉียนเป็นคนโง่เง่าอีกต่อไป เจี่ยงเชิงไม่เสียใจทีหลัง? เขาอยากคุกเข่าลง และขอโทษหานซานเฉียน ตราบใดที่เขาสามารถอยู่ในหยุนเฉิงได้ ตราบใดที่เขาสามารถทำงานในบริษัทของซูหยิงเซี่ยได้ เขาก็จะทำทุกวิถีทาง แต่น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้หานซานเฉียนไม่มีทางให้โอกาสเขาอย่างแน่นอน “ป้าหลาน ป้าเกลี้ยกล่อมหยิงเซี่ยหน่อยไม่ได้เหรอครับ” เจี่ยงเชิงมองไปที่เจี่ยงหลานด้วยความคาดหวัง เจี่ยงหลานส่ายหน้าเบา ๆ สิ่งที่ซูหยิงเซี่ยเพิ่งพูดนั้นชัดเจนมาก ถ้าเธอต้องการช่วยตระกูลเจี่ยง เธอคงทำได
บ้านเกิดของเหอถิง มีร่องรอยกะหล่ำปลีเน่าจำนวนมากและไข่เน่าที่เกิดจากการถูกปาอยู่ที่ประตู บางคนถึงกับเทปุ๋ยคอกลงในลานบ้าน เนื่องจากชาวบ้านหลายคนคิดว่าเหอถิงอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วจะทำให้พวกเขาอับอาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของหมู่บ้าน และต้องการไล่เหอถิงออกไป ตอนนี้ข่าวลือพวกนั้นแทบจะถูกพวกซุบซิบนินทาเอ่ยราวกับว่าเป็นความจริง และทุกคนคิดว่าเหอถิงต้องทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเธอจึงจะถูกคนอื่นตอบโต้แบบนี้ เมื่อเห็นขยะภายในบ้าน และแม้แต่อุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็น เหอถิงนั่งอย่างหดหู่ที่ประตูบ้าน ตั้งแต่สามีของเธอเสียชีวิต บางคนบอกว่าเธอเป็นหญิงม่ายที่มีมลทิน และผู้ชายคนไหนก็ตามที่มาอยู่บ้านเธอ คนก็จะหาว่าเธอไปหลอกเขามา หลังจากที่เหอถิงรู้เช่นนั้น เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเธอ เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับผู้ชายคนไหนในหมู่บ้านเลย และไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้ามาในบ้านของเธอด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นซุบซิบนินทาไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นยังคงติดอยู่ในใจของเหอถิงราวกับคำสาป เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปทำงาน แม้กระทั่งจ่ายค่าเช่าบ้านเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการได้ยินชาวบ้านซุบซ
“เหอถิง เธอดูตอนนี้สิ ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อย่างไร้ยางอายล่ะ” หลิวฝูพูดด้วยรอยยิ้ม ในเวลาแบบนี้ยังต้องมีหลักฐานอะไรอีก ท่าทางของทุกคนอธิบายหมดแล้ว “ฉันไม่ต้องการให้พวกเขาเชื่อ นี่คือบ้านของฉัน และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่” เหอถิงพูดพร้อมกัดฟัน “ดูสิ ดูสิ นี่มันไร้ยางอายจริง ๆ หน้าด้าน” “เธอไม่ไป แล้วพวกเราต้องอับอายไปกับเธอด้วยเหรอ?” “เหอถิง เธอร่านของเธอเอง อย่ามาทำให้เราต้องโดนด่าไปด้วย ถ้าคนในหมู่บ้านข้าง ๆ รู้เรื่องนี้ พวกเราจะถูกเยาะเย้ยได้ นังสารเลว ช่วยทำเรื่องดี ๆ สักหน่อยไม่ได้หรือไง” เมื่อเห็นว่าเหอถิงไม่อยากไป ทุกคนก็สาปแช่งเธอด้วยความโกรธ บางคนถึงกับขว้างก้อนหินใส่ เหอถิงเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกายจากการถูกทำร้าย “ฉันไม่ได้ทำอะไรไร้ยางอาย มันคือข่าวลือที่พวกเธอคิดไปเอง หรือแค่คำพูดไม่กี่คำของพวกเธอก็กลายเป็นเรื่องจริงเหรอ?” เหอถิงกัดฟันพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมจากเบรกรถกะทันหัน ทุกคนหันศีรษะไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ รถอาวดี้เอหกจอดอยู่ไม่ไกล ฟลิวฝูตกตะลึงเล็กน้อย รถคันนี้เป็นรถที่ดีมาก มีประมาณแค่หนึ่งแสนคัน รถยนต์หรูหราแบบนี้มาปรากฎที่นี่ได
ขวับ! ทันทีที่หลิวฝูพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะหลิวฝูทันที การเตะที่แข็งแกร่งนี้ทำให้หลิวฝูถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วกลิ้งลงบนพื้น ชาวบ้านต่างตกตะลึง ชายคนนี้กล้าทำร้ายหลิวฝู เขาอยากตายหรืออย่างไร ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้จักนิสัยการเอาคืนของหลิวฝู ใครก็ตามที่ไปยั่วยุเขาจะไม่จบไม่สวยแน่นอน “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำให้นายขอโทษผู้ใหญ่บ้านซะ เขาไม่ใช่คนที่นายควรจะมีปัญหาด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งเตือนหานซานเฉียน “ผมแนะนำให้พวกคุณทุกคนคุกเข่าลง และขอโทษเหอถิง ไม่อย่างนั้นผมเองก็จะเป็นคนก่อปัญหาเหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดเสียงเบา “คุกเข่าให้เหอถิง? ไอหนุ่ม แกปัญญาอ่อนเหรอ” “จะให้ฉันขอโทษนังโสเภณีนี่ เป็นไปได้ยังไง” “เด็กหลงระเริงมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เราขอโทษ” “นายไม่รู้หรอกว่าเหอถิงทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบไหนเอาไว้บ้าง ผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนี้ต้องถูกขังให้อยู่ในกรงหมูแบบในสมัยโบราณ” หานซานเฉียนไม่รู้เรื่องข่าวลือในหมู่บ้าน แต่เขารู้ว่าเหอถิงไม่ใช่คนแบบที่คนเหล่านี้พูดกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดล้วนเป็นการใส่ร้ายเหอถิง “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปทั่ว รับสิ่งที่จะตามมาได้เหรอ?”