ขวับ! ทันทีที่หลิวฝูพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะหลิวฝูทันที การเตะที่แข็งแกร่งนี้ทำให้หลิวฝูถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วกลิ้งลงบนพื้น ชาวบ้านต่างตกตะลึง ชายคนนี้กล้าทำร้ายหลิวฝู เขาอยากตายหรืออย่างไร ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้จักนิสัยการเอาคืนของหลิวฝู ใครก็ตามที่ไปยั่วยุเขาจะไม่จบไม่สวยแน่นอน “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำให้นายขอโทษผู้ใหญ่บ้านซะ เขาไม่ใช่คนที่นายควรจะมีปัญหาด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งเตือนหานซานเฉียน “ผมแนะนำให้พวกคุณทุกคนคุกเข่าลง และขอโทษเหอถิง ไม่อย่างนั้นผมเองก็จะเป็นคนก่อปัญหาเหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดเสียงเบา “คุกเข่าให้เหอถิง? ไอหนุ่ม แกปัญญาอ่อนเหรอ” “จะให้ฉันขอโทษนังโสเภณีนี่ เป็นไปได้ยังไง” “เด็กหลงระเริงมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เราขอโทษ” “นายไม่รู้หรอกว่าเหอถิงทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบไหนเอาไว้บ้าง ผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนี้ต้องถูกขังให้อยู่ในกรงหมูแบบในสมัยโบราณ” หานซานเฉียนไม่รู้เรื่องข่าวลือในหมู่บ้าน แต่เขารู้ว่าเหอถิงไม่ใช่คนแบบที่คนเหล่านี้พูดกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดล้วนเป็นการใส่ร้ายเหอถิง “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปทั่ว รับสิ่งที่จะตามมาได้เหรอ?”
หลิวฝูเข้าใจสิ่งที่หานซานเฉียนพูด จึงพูดกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วยความตื่นตระหนกว่า “พวกเธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่คุกเข่าขอโทษ” ชาวบ้านคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แค่โยนผักเน่าไข่เน่าไม่ใช่เหรอ ถึงกับต้องคุกเข่าขอโทษจริงจัง? เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมคุกเข่า หลิวฝูจึงพูดด้วยสีหน้าดุร้าย “ถ้าพวกเธอไม่คุกเข่า ก็อย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน อย่าคิดว่าจะอยู่ได้กันอย่างสงบสุข!” ชาวบ้านไม่กลัวหานซานเฉียน เพราะพวกเขาไม่รับรู้ถึงอำนาจของหานซานเฉียน แต่การข่มขู่ของหลิวฝูกลับทำให้พวกเขาไม่กล้าประมาท เพราะหลิวฝูอยู่ใกล้ระดับของพวกเขามากกว่า และพวกเขาเคยเห็นการตอบโต้ของหลิวฝูแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าตกเป็นเป้าหมายของเขา ต่อจากนี้ไปคงยากที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียวในหมู่บ้าน! “ฉันจะให้เวลาสามวินาทีสุดท้ายแก่พวกเธอ” หลิวฝูชำเลืองมองหานซานเฉียนด้วยหางตา ความเย็นชาบนใบหน้าทำให้หลิวฝูตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ภายใต้การข่มขู่ของหลิวฝู ชาวบ้านเหล่านั้นจึงคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ เหอถิงมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาซาบซึ้ง เขาช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่รู้ว่าจะตอบแทนหานซานเฉียนได้อย่างไร “ซานเฉีย
หลังจากที่หานซานเฉียนกลับบ้านและช่วยเหอถิงยกกระเป๋า คนกลุ่มนั้นก็ขับรถออกไปแล้ว หลิวฝูเหงื่อเต็มตัว พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยืนขึ้น และพูดกับชาวบ้านว่า “พวกเธอได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม อย่าเอาไปนินทาอีก ถ้าฉันได้ยิน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาเป็นใครกัน แม้แต่คุณ พวกเขายังทำร้ายได้ลงเหรอ” ชาวบ้านคนหนึ่งถามหลิวฝู หลิวฝูไม่กลัวเสียหน้า สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่สู้กับม่อหยางไม่ได้ “พวกเธอไม่รู้อะไร ม่อหยางเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิง ส่วนชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนในตระกูลเทียน” หลิวฝูกล่าว สถานะของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงมีรากฐานมั่นคง ไม่มีใครไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าหานซานเฉียนอาจมาจากตระกูลเทียน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ ถ้ามาจากตระกูลเทียนจริง เหอถิงก็ต้องทำงานในตระกูลเทียนสิ” “เธอโชคดีอะไรขนาดนี้ ถึงได้เข้าไปในตระกูลเทียนได้” “ตระกูลเทียนแล้วยังไง ก็แค่มีเงินไม่ใช่เหรอ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเหอถิง ตระกูลเทียนมีเงิน ไม่ใช่เธอสักหน่อย” มีคนพูดจาเสียดสี ทุกคนมีความริษยาอยู่ใ
ในโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสวยและมีเสน่ห์ราวกับว่าเธอไม่ควรอยู่บนโลก แต่เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ คนอย่างเธอถูกกำหนดไว้เพื่อทำให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ รู้สึกอับอาย ร่างผอมเพรียวนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ขาเรียวสองข้างไขว่ห้าง ยิ่งเผยให้เห็นขายาวและมีเสน่ห์ของเธอ ตงฮ้าวก้มหน้าลง แม้แต่หางตาเขายังไม่กล้ามองฉี๋อีหยุน เพราะสำหรับเขาแล้ว มันเป็นการไม่เคารพต่อคุณหนู “คุณหนูครับ ทำไมหานเฟิงถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะครับ ผมจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับมาที่ประเทศจีนเลย” ตงฮ้าวพูดด้วยท่าทางสงสัย ตระกูลหานเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ชาวจีนเกือบทั้งหมดต่างรู้จัก ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงคุ้นเคยกับตระกูลหานเป็นอย่างดี และคราวนี้ปัญหาของตระกูลฉี๋ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหานไม่มากก็น้อย ดังนั้นเธอจึงตั้งใจไปทำความรู้จักกับตระกูลหานโดยเฉพาะ ตระกูลหานตั้งหลักแหล่งในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเมื่อนานมาแล้ว เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และมีต้นสายปลายเหตุที่ลึกซึ้ง แต่พวกเขากลับไม่เคยกลับไปที่ประเทศจีนเลย ฉี๋อีหยุนเดาว่าตระกูลหานอาจมีข้อห้ามบางอย่างในเรื่องนี้
ด้านนอกโรงแรมเพนนินซูล่า ม่อหยางได้นำคนมารอที่นี่แล้ว หลังจากถูกทำร้ายในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้หานซานเฉียนระวังตัวมากขึ้น เขาไม่ต้องการถูกคนอื่นประเมินอีกแล้ว เรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียวในชีวิตก็เกินพอ “ไม่มีข่าวคราวใด ๆ แต่อีกฝ่ายน่าจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นคงหาข้อมูลเจอแล้ว” ม่อหยางกล่าว “ไม่ต้องหาแล้ว จะคนหรือผีแค่ไปดูก็รู้แล้ว” หานซานเฉียนพูด ในใจเขาก็เดาเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาหานซานเฉียนด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างสูงไม่เท่าหานซานเฉียน แต่ท่าทางของเธอก็กลับดูเหนือกว่า “คุณคือหานซานเฉียนใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงคนนี้ชื่อหานชิง แม้ว่านามสกุลของเธอคือหาน แต่เธอไม่มีสายเลือดของตระกูลหาน เธอเติบโตมาในตระกูลหาน และดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้หานเหยีนน ฐานะของเธอเป็นเพียงสาวใช้ของตระกูลหานเท่านั้น “คุณเป็นใครครับ?” หานซานเฉียนถาม หานชิงมองไปที่หานซานเชียนด้วยสายตาเหยียดหยามและพูดว่า “ฉันชื่อหานชิง คุณหนูของเราต้องการพบคุณ แต่เธอไม่ต้องการพบคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” คนที่ไม่เกี่ยวข้องในที่นี้คือม่อหยาง ม่อห
ความคิดดูถูกประเทศจีนของหานเหยียนที่มีต่อประเทศจีนนั้นฝังลึกลงในกระดูก ทำให้หานซานเฉียนโกรธมาก เขาไม่เข้าใจว่าคนที่มีเลือดจีนไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จะพูดจาแบบนี้ออกมาได้อย่างไร หานซานเฉียนเคยเห็นคนที่นิยมวัฒนธรรมต่างชาติมามากมาย แต่การไม่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดเสียดสีได้ขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะเติบโตในต่างประเทศ แต่อย่างน้อยเธอก็ควรรู้ว่ารากเหง้าของเธออยู่ที่ไหน “นี่คือสิ่งที่ตระกูลหานบ่มสอนคุณมาอย่างนั้นเหรอ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร?” หานซานเฉียนพูดน้ำเสียงเย็นชา การอบรมสั่งสอนที่หานเหยียนได้รับตั้งแต่เด็ก สภาพแวดล้อมที่เธออยู่ และญาติ ๆ รอบตัวเธอปฏิบัติต่อประเทศจีนแทบจะเหมือนกับเธอ คนเหล่านั้นยังดูถูกประเทศจีนเข้ากระดูก จึงทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมีอะไรผิด และการที่หานซานเฉียนพูดถึงการอบรมสั่งสอนของตระกูลหานนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการตำหนิตระกูลหาน สวะของตระกูลย่อยมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิตระกูลหาน? “คุณกำลังสงสัยเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนระดับสูงที่ฉันได้รับใช่ไหม? อย่าอวดความรักชาติของคุณต่อหน้าฉัน คุณมันปัญญาอ่อนจนไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็น คุณก็คง
เซินเวิงไปพบหานจุนในห้องเยี่ยม วันนี้หานจุนกลายเป็นคนไร้ค่า เขาเกลียดหานซานเฉียนเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะฆ่าหานซานเฉียนด้วยมือของเขาเอง แล้วดื่มเลือดและกินเนื้อของเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถระบายความเกลียดชังที่มีได้ “แผนของเราเป็นยังไงบ้างครับ?” หานจุนถามเซินเวิง “คนจากตระกูลหานในอเมริกาได้ไปที่หยุนเฉิงแล้ว แต่ฉันเดาไม่ถูกว่าพวกเขาจะทำอะไรกันแน่” เซินเวิงกล่าว เขาคือคนที่โทรหาพ่อของหานจุน จุดประสงค์ของเขาก็ง่ายมาก คือต้องการให้หานซานเฉียนเป็นคู่ต่อสู้ แต่คู่ต่อสู้คนนี้จะทำอะไร เซินเวิงไม่รู้ได้ “รีบหาทางให้พวกเขาฆ่าหานซานเฉียนไม่ได้หรือไง?” หานจุนพูดพร้อมกัดฟัน ด้วยสถานะของเซินเวิง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะควบคุมสิ่งที่ตระกูลหานในอเมริกาทำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยุให้พวกเขาเกลียดหานซานเฉียน “หานจุน แกพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?” เซินเวิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ขอโทษครับ คุณปู่เซิน ผมตื่นเต้นเกินไป ผมแทบรอไม่ไหวที่จะแก้แค้นน่ะครับ” หานจุนก้มศีรษะและขอโทษ แต่ดวงตาของเขาไม่มีวี่แววของความสำนึกผิด “การแก้แค้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม แกยังต้องอยู่ในคุกอีกสอง
หานซานเฉียนและม่อหยางออกจากโรงแรมเพนนินซูล่าพร้อมกัน และคุยเรื่องชิงอวิ๋นในรถ ช่วงนี้หานซานเฉียนปฏิบัติต่อชิงอวิ๋นด้วยท่าทีที่ไร้กังวล และไม่ว่าเขาจะทำอะไรในหยุนเฉิง เขาแค่ขอให้ม่อหยางจัดคนคอยจับตาดูเขา “เพื่อนของนายเป็นคนมีความสามารถนะ” เมื่อพูดถึงชิงอวิ๋น รอยยิ้มเจื่อน ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของม่อหยาง “เกิดอะไรขึ้น?” หานซานเฉียนสงสัย “นายบอกฉันก่อนเถอะว่าจริง ๆ แล้วพรสวรรค์ที่ว่ามันเป็นยังไง นายรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง?” ม่อหยางสงสัย “เขาเคยเป็นนักบวชลัทธิเต๋าที่เป็นนักต้มตุ๋น เราพบกันโดยบังเอิญ ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันหรอก” หานซานเฉียนกล่าว เหตุผลหลักที่เขาให้ชิงอวิ๋นอยู่เคียงข้างเขาคือ เพื่อดูว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไร และทำไมต้องอยู่เคียงข้างเขา “เฮ้อ” ม่อหยางถอนหายใจและพูดว่า “เขาเข้าไปในห้องร้องเพลง แล้วไปทำลวนลามถึงสามครั้ง สองครั้งแรกไม่มีหลักฐานทำให้เขารอดตัว แต่ครั้งนี้โชคไม่ดีนัก เขาถูกถ่ายรูปไว้ทัน อาจจะถูกปิดไปสักพัก” หานซานเฉียนสีหน้าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าชิงอวิ๋นไม่ใช่คนดี และมีความต้องการผู้หญิงมาก แต่หานซานเฉียนไม่เคยคิดว่าเขาจะทำสิ่งที่ไร้ยางอายและอนาจารเช่นน
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ