หลังจากที่หานซานเฉียนกลับบ้านและช่วยเหอถิงยกกระเป๋า คนกลุ่มนั้นก็ขับรถออกไปแล้ว หลิวฝูเหงื่อเต็มตัว พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยืนขึ้น และพูดกับชาวบ้านว่า “พวกเธอได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม อย่าเอาไปนินทาอีก ถ้าฉันได้ยิน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาเป็นใครกัน แม้แต่คุณ พวกเขายังทำร้ายได้ลงเหรอ” ชาวบ้านคนหนึ่งถามหลิวฝู หลิวฝูไม่กลัวเสียหน้า สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่สู้กับม่อหยางไม่ได้ “พวกเธอไม่รู้อะไร ม่อหยางเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิง ส่วนชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนในตระกูลเทียน” หลิวฝูกล่าว สถานะของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงมีรากฐานมั่นคง ไม่มีใครไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าหานซานเฉียนอาจมาจากตระกูลเทียน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ ถ้ามาจากตระกูลเทียนจริง เหอถิงก็ต้องทำงานในตระกูลเทียนสิ” “เธอโชคดีอะไรขนาดนี้ ถึงได้เข้าไปในตระกูลเทียนได้” “ตระกูลเทียนแล้วยังไง ก็แค่มีเงินไม่ใช่เหรอ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเหอถิง ตระกูลเทียนมีเงิน ไม่ใช่เธอสักหน่อย” มีคนพูดจาเสียดสี ทุกคนมีความริษยาอยู่ใ
ในโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสวยและมีเสน่ห์ราวกับว่าเธอไม่ควรอยู่บนโลก แต่เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ คนอย่างเธอถูกกำหนดไว้เพื่อทำให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ รู้สึกอับอาย ร่างผอมเพรียวนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ขาเรียวสองข้างไขว่ห้าง ยิ่งเผยให้เห็นขายาวและมีเสน่ห์ของเธอ ตงฮ้าวก้มหน้าลง แม้แต่หางตาเขายังไม่กล้ามองฉี๋อีหยุน เพราะสำหรับเขาแล้ว มันเป็นการไม่เคารพต่อคุณหนู “คุณหนูครับ ทำไมหานเฟิงถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะครับ ผมจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับมาที่ประเทศจีนเลย” ตงฮ้าวพูดด้วยท่าทางสงสัย ตระกูลหานเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ชาวจีนเกือบทั้งหมดต่างรู้จัก ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงคุ้นเคยกับตระกูลหานเป็นอย่างดี และคราวนี้ปัญหาของตระกูลฉี๋ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหานไม่มากก็น้อย ดังนั้นเธอจึงตั้งใจไปทำความรู้จักกับตระกูลหานโดยเฉพาะ ตระกูลหานตั้งหลักแหล่งในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเมื่อนานมาแล้ว เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และมีต้นสายปลายเหตุที่ลึกซึ้ง แต่พวกเขากลับไม่เคยกลับไปที่ประเทศจีนเลย ฉี๋อีหยุนเดาว่าตระกูลหานอาจมีข้อห้ามบางอย่างในเรื่องนี้
ด้านนอกโรงแรมเพนนินซูล่า ม่อหยางได้นำคนมารอที่นี่แล้ว หลังจากถูกทำร้ายในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้หานซานเฉียนระวังตัวมากขึ้น เขาไม่ต้องการถูกคนอื่นประเมินอีกแล้ว เรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียวในชีวิตก็เกินพอ “ไม่มีข่าวคราวใด ๆ แต่อีกฝ่ายน่าจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นคงหาข้อมูลเจอแล้ว” ม่อหยางกล่าว “ไม่ต้องหาแล้ว จะคนหรือผีแค่ไปดูก็รู้แล้ว” หานซานเฉียนพูด ในใจเขาก็เดาเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาหานซานเฉียนด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างสูงไม่เท่าหานซานเฉียน แต่ท่าทางของเธอก็กลับดูเหนือกว่า “คุณคือหานซานเฉียนใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงคนนี้ชื่อหานชิง แม้ว่านามสกุลของเธอคือหาน แต่เธอไม่มีสายเลือดของตระกูลหาน เธอเติบโตมาในตระกูลหาน และดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้หานเหยีนน ฐานะของเธอเป็นเพียงสาวใช้ของตระกูลหานเท่านั้น “คุณเป็นใครครับ?” หานซานเฉียนถาม หานชิงมองไปที่หานซานเชียนด้วยสายตาเหยียดหยามและพูดว่า “ฉันชื่อหานชิง คุณหนูของเราต้องการพบคุณ แต่เธอไม่ต้องการพบคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” คนที่ไม่เกี่ยวข้องในที่นี้คือม่อหยาง ม่อห
ความคิดดูถูกประเทศจีนของหานเหยียนที่มีต่อประเทศจีนนั้นฝังลึกลงในกระดูก ทำให้หานซานเฉียนโกรธมาก เขาไม่เข้าใจว่าคนที่มีเลือดจีนไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จะพูดจาแบบนี้ออกมาได้อย่างไร หานซานเฉียนเคยเห็นคนที่นิยมวัฒนธรรมต่างชาติมามากมาย แต่การไม่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดเสียดสีได้ขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะเติบโตในต่างประเทศ แต่อย่างน้อยเธอก็ควรรู้ว่ารากเหง้าของเธออยู่ที่ไหน “นี่คือสิ่งที่ตระกูลหานบ่มสอนคุณมาอย่างนั้นเหรอ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร?” หานซานเฉียนพูดน้ำเสียงเย็นชา การอบรมสั่งสอนที่หานเหยียนได้รับตั้งแต่เด็ก สภาพแวดล้อมที่เธออยู่ และญาติ ๆ รอบตัวเธอปฏิบัติต่อประเทศจีนแทบจะเหมือนกับเธอ คนเหล่านั้นยังดูถูกประเทศจีนเข้ากระดูก จึงทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมีอะไรผิด และการที่หานซานเฉียนพูดถึงการอบรมสั่งสอนของตระกูลหานนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการตำหนิตระกูลหาน สวะของตระกูลย่อยมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิตระกูลหาน? “คุณกำลังสงสัยเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนระดับสูงที่ฉันได้รับใช่ไหม? อย่าอวดความรักชาติของคุณต่อหน้าฉัน คุณมันปัญญาอ่อนจนไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็น คุณก็คง
เซินเวิงไปพบหานจุนในห้องเยี่ยม วันนี้หานจุนกลายเป็นคนไร้ค่า เขาเกลียดหานซานเฉียนเข้ากระดูกดำ แทบอยากจะฆ่าหานซานเฉียนด้วยมือของเขาเอง แล้วดื่มเลือดและกินเนื้อของเขา ด้วยวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะสามารถระบายความเกลียดชังที่มีได้ “แผนของเราเป็นยังไงบ้างครับ?” หานจุนถามเซินเวิง “คนจากตระกูลหานในอเมริกาได้ไปที่หยุนเฉิงแล้ว แต่ฉันเดาไม่ถูกว่าพวกเขาจะทำอะไรกันแน่” เซินเวิงกล่าว เขาคือคนที่โทรหาพ่อของหานจุน จุดประสงค์ของเขาก็ง่ายมาก คือต้องการให้หานซานเฉียนเป็นคู่ต่อสู้ แต่คู่ต่อสู้คนนี้จะทำอะไร เซินเวิงไม่รู้ได้ “รีบหาทางให้พวกเขาฆ่าหานซานเฉียนไม่ได้หรือไง?” หานจุนพูดพร้อมกัดฟัน ด้วยสถานะของเซินเวิง เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะควบคุมสิ่งที่ตระกูลหานในอเมริกาทำ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือยุให้พวกเขาเกลียดหานซานเฉียน “หานจุน แกพูดกับฉันแบบนี้เหรอ?” เซินเวิงพูดด้วยสีหน้าเย็นชา “ขอโทษครับ คุณปู่เซิน ผมตื่นเต้นเกินไป ผมแทบรอไม่ไหวที่จะแก้แค้นน่ะครับ” หานจุนก้มศีรษะและขอโทษ แต่ดวงตาของเขาไม่มีวี่แววของความสำนึกผิด “การแก้แค้นไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในระยะเวลาสั้น ๆ อย่างไรก็ตาม แกยังต้องอยู่ในคุกอีกสอง
หานซานเฉียนและม่อหยางออกจากโรงแรมเพนนินซูล่าพร้อมกัน และคุยเรื่องชิงอวิ๋นในรถ ช่วงนี้หานซานเฉียนปฏิบัติต่อชิงอวิ๋นด้วยท่าทีที่ไร้กังวล และไม่ว่าเขาจะทำอะไรในหยุนเฉิง เขาแค่ขอให้ม่อหยางจัดคนคอยจับตาดูเขา “เพื่อนของนายเป็นคนมีความสามารถนะ” เมื่อพูดถึงชิงอวิ๋น รอยยิ้มเจื่อน ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของม่อหยาง “เกิดอะไรขึ้น?” หานซานเฉียนสงสัย “นายบอกฉันก่อนเถอะว่าจริง ๆ แล้วพรสวรรค์ที่ว่ามันเป็นยังไง นายรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง?” ม่อหยางสงสัย “เขาเคยเป็นนักบวชลัทธิเต๋าที่เป็นนักต้มตุ๋น เราพบกันโดยบังเอิญ ไม่ถือว่าเป็นเพื่อนกันหรอก” หานซานเฉียนกล่าว เหตุผลหลักที่เขาให้ชิงอวิ๋นอยู่เคียงข้างเขาคือ เพื่อดูว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไร และทำไมต้องอยู่เคียงข้างเขา “เฮ้อ” ม่อหยางถอนหายใจและพูดว่า “เขาเข้าไปในห้องร้องเพลง แล้วไปทำลวนลามถึงสามครั้ง สองครั้งแรกไม่มีหลักฐานทำให้เขารอดตัว แต่ครั้งนี้โชคไม่ดีนัก เขาถูกถ่ายรูปไว้ทัน อาจจะถูกปิดไปสักพัก” หานซานเฉียนสีหน้าประหลาดใจ แม้ว่าเขาจะรู้ว่าชิงอวิ๋นไม่ใช่คนดี และมีความต้องการผู้หญิงมาก แต่หานซานเฉียนไม่เคยคิดว่าเขาจะทำสิ่งที่ไร้ยางอายและอนาจารเช่นน
“มีอะไรหรือเปล่า?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาถาม ซูหยิงเซี่ยเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ซานเฉียน เมื่อกี้เพื่อนของคุณโทรหาฉัน และบอกว่าเขากำลังจะออกจากหยุนเฉิงแล้ว” เพื่อน? หานซานเฉียนคิดอยู่พักหนึ่ง เธอน่าจะหมายถึงฉินหลิน สถานการณ์ปัจจุบันของบริษัทซูมีเสถียรภาพแล้ว ฉินหลินก็ต้องกลับเยียนจิงไปจัดการบริษัทเฟิงเชียนของเขาเอง “เขาเป็นหัวหน้าของบริษัทด้วย คงยากที่จะให้เขามาช่วย หรือคุณยังต้องการให้เขาทำงานให้เหรอครับ? หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่เขาเก่งจริง ๆ นะคะ ฉันถือว่าเขาเป็นไอดอลเลย ฉันกลัวว่าบริษัทไม่มีเขาแล้ว ฉันจะรับมือไม่ไหว”ซูหยิงเซี่ยกล่าว ความสามารถของฉินหลินในการจัดการเรื่องต่าง ๆ ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกชื่นชมเขามากการที่เธอถือว่าเขาเป็นไอดอลไม่ใช่พูดเล่นแน่นอน เมื่อรู้ข่าวว่าจู่ ๆ ฉินหลินจะไป ซูหยิงเซี่ยรู้สึกรับไม่ทันเล็กน้อย คำพูดเหล่านี้ทำให้หานซานเฉียนอิจฉา ฉินหลินเป็นเพียงหุ่นเชิดของเขา จู่ ๆ ซูหยิงเซี่ยก็ถือว่าเขาเป็นไอดอลซะอย่างนั้น เธอเอาผู้ชายคนอื่นมาเป็นไอดอลได้อย่างไร “แล้วผมไม่เก่งเหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดไม่ออก เมื่อเห็นปฏิกิริยาของหานซานเฉียนแล้ว ซูหย
“คุณปฏิเสธได้เหรอครับ?” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม “ทำไมฉันจะปฏิเสธไม่ได้ล่ะ ก็แค่ไม่ไปเท่านั้น" ซูหยิงเซี่ยพูดพร้อมกับทำปากจู๋ เมื่อหานซานเชียนเห็นซูหยิงเซี่ยทำปากจู๋ เขาก็เลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวและพูดว่า “แม่ต้องมีแรงจูงใจบางอย่างที่ให้เราไปด้วย ถ้าคุณทำให้เธอไม่พอใจ เธอก็จะโกรธ” ซูหยิงเซี่ยรู้ว่าเจี่ยงหลานต้องมีจุดประสงค์อื่นแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงไม่ลากพวกเขาทั้งสองไปด้วยกัน เป็นเพราะเหตุนี้เหมือนกันที่ซูหยิงเซี่ยไม่อยากไป อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หานซานเฉียนพูดก็สมเหตุสมผล ถ้าไม่ไปเจี่ยงหลานคงโกรธแน่นอน ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้เธอพอใจด้วยเรื่องเล็กน้อยนี้ จู่ ๆ เสียงโทรศัพท์ของหานซานเฉียนก็ดังขึ้น ฉินหลินจะไปแล้ว จึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะต้องรายงานหานซานเฉียน หลังจากเชื่อมต่อสายแล้ว ฉินหลินก็พูดว่า “คุณหาน ผมจะ...” “ไปให้พ้น รีบไปให้พ้นเลย” หานซานเฉียนพูดจบก็วางสาย ฉินหลินที่อยู่ในโรงแรมถึงกับงุนงง เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ฟังจากน้ำเสียงของหานซานเฉียนก็รู้ว่าว่าหานซานเฉียนโกรธมาก สิ่งที่ทำให้ฉินหลินครุ่นคิด หรือเขาจะทำอะไรผิดไป? แต่หลังจากคิดแล้ว ฉินหลินก็ยังไ