“แม่ครับ ถึงเราจะไปตอนนี้ ก็ไม่มีใครอยู่โรงแรมหรอกครับ พวกเขายังต้องไปรับเจ้าสาวก่อน เราไปเร็วขนาดนั้น คนอื่นก็จะไม่หัวเราะเยาะเอาหรอกเหรอครับ?” หานซานเฉียนยืนพูดอยู่ข้าง ๆ “พวกเขาไม่ได้จัดในโรงแรม พวกเขาจองบ้านไร่เอาไว้ เราก็ต้องไปบ้านไร่กันแต่เช้านี่ไง” เจี่ยงหลานกล่าว ท่าทีและน้ำเสียงของเธอที่มีต่อหานซานเฉียนดูนุ่มนวลกว่าอย่างเห็นได้ชัด ไม่รุนแรงเท่ากับตอนที่เธอพูดกับซูกั๋วเย่า “คนที่รับเจ้าสาวก็ยังไม่มา แขกแบบแม่ไปถึงก่อนซะอีก ถ้าไม่มีใครทักทายแม่ แล้วแม่จะเอาหน้าไปไว้ไหน” ซูหยิงเซี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “ไปสาย ๆ หน่อยก็แล้วกันค่ะ น้องสาวของแม่คงมาถึงกันพอดี หลังจากที่แม่ปรากฏตัว พวกเขาก็จะมุ่งความสนใจมาที่แม่ ไม่อย่างนั้นใครจะสังเกตเห็นแม่ล่ะคะ” เมื่อเจี่ยงหลานได้ยินแบบนั้น เธอก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผล ยิ่งเธอไปช้าก็ยิ่งดึงดูดความสนใจของผู้คนได้ง่ายขึ้น และเธอไม่จำเป็นเรียกร้องความสนใจ “ตกลง ตามนั้นแล้วกัน” เจี่ยงหลานกล่าว หานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยกลับมาที่ห้อง “ฉันไปอาบน้ำก่อนนะคะ คุณอยากไปด้วยกันไหม?” ซูหยิงเซี่ยกล่าว หานซานเฉียนรู้สึกประหลาดใจกับคำพูดเหล่านี้
“คุณจะไม่กลายเป็นแบบนี้ในอนาคตใช่ไหม” หานซานเฉียนถามซูหยิงเซี่ย หลังจากที่จอดรถและมองไปที่หญิงวัยกลางคนที่ประตู เมื่อเห็นแต่ละคนแต่งตัวประชันกัน ซูหยิงเซี่ยหยิกเอวของหานซานเฉียนอย่างแรง ทำให้หานซานเฉียนอ้าปากค้าง “คุณเห็นฉันเป็นแบบนั้นเหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยกัดฟัน และพูดกับหานซานเฉียน เมื่อรู้ว่าตัวเองพูดผิด หานซานเฉียนจึงรีบปฏิเสธทันที “ไม่แน่นอนครับ ผมแค่พูดเล่น คุณอย่าจริงจังเลยนะ” ซูหยิงเซี่ยตะคอกเสียงเย็นชาว่า “ทีหลังก็คิดให้ดี ๆ ก่อนพูด ฉันไม่ใช่เป็นคนที่จะมายั่วได้ง่าย ๆ นะคะ” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน เขาแน่ใจแล้วว่านิสัยของผู้หญิงนั้นพลิกเปลี่ยนไวยิ่งกว่าพลิกหนังสือซะอีก หลังจากเข้าไปในบ้านไร่แล้ว แขกส่วนใหญ่ก็นั่งอยู่ในห้องรับประทานอาหาร เวทีงานแต่งงานก็จัดอย่างหรูหรา เจ้าภาพงานแต่งงานและคู่บ่าวสาวทั้งสองได้สรุปขั้นตอนงาน “พวกคุณมาช้าเกินไป ที่นั่งที่จัดไว้ถูกคนอื่นแย่งไปแล้ว และคนที่มาก็เป็นแขกทั้งหมด อย่างนั้นก็นั่งตรงนี้เถอะ”จีชุนพาเจี่ยงหลานและคนอื่น ๆ ไปที่โต๊ะอาหารที่อยู่ไกลที่สุดจากเวที เห็นได้ชัดว่าตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่สำคัญน้อยที่สุด ทำให้เจี่ยงหลานรู้ส
คำพูดที่อุกอาจแบบนี้ หยางฉียังไม่กล้าแม้แต่จะคิด แต่เขากลับกล้าพูดมันต่อหน้าหานซานเฉียน “แม่ง ฉันมาที่นี่เพราะให้เกียรตินาย หยุดไร้สาระและไปให้พ้นสักที” หยางฉีสบถ เจ้าบ่าวตกตะลึง เขาไม่เข้าใจว่าทำไมจู่ ๆ หยางฉีถึงโกรธ จึงรีบพูดว่า “ผมขอโทษ พี่ฉี ถ้าพี่อยากนั่งตรงนี้ก็นั่งได้ตามสบายเลยครับ” “ไปให้พ้น” หยางฉีหมดความอดทน เจ้าบ่าวปาดเหงื่อที่หน้าผาก แล้วรีบจากไปอย่างรวดเร็ว จีชุนตัวแข็งทื่อ ญาติ ๆ ของเธอทุกคนเห็นฉากนี้ทำให้เธอรู้สึกอายเล็กน้อย แต่หยางฉีเป็นคนแบบไหน เธอรู้ดี แม้ว่าเธอจะเสียหน้า เธอก็ทำได้เพียงยอมรับ “พวกเธอนั่งลงก่อน ฉันจะไปจัดการอย่างอื่น” หลังจากจีชุนพูดจบก็รีบออกไป คนอื่น ๆ ก็กลับไปที่เก้าอี้ของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ เก้าอี้ที่ใกล้กับเวทีมากที่สุด ทำให้พวกเธอรู้สึกเหนือกว่าเจี่ยงหลาน อาศัยอยู่ในคฤหาสน์บนภูเขาแล้วอย่างไร ยังถูกลดความสำสำคัญมานั่งในตำแหน่งที่ไม่เป็นจุดสนใจ “พี่ฉี ทำไมพี่ถึงมานั่งตรงนี้คะ?” ซูหยิงเซี่ยถามหยางฉีด้วยความสงสัย เธอและหยางฉีเคยพบกัน และด้วยสถานะของหยางฉี แม้ว่าเขาจะนั่งอยู่บนเวที ครอบครัวของจีชุนก็ไม่โต้แย้งใด ๆ ดังนั้นซูหยิงเซ
หานซานเฉียน! เมื่อเจ้าภาพพูดสามคำนี้ ทุกคนที่นั่นก็เริ่มหันไปมองหาหานซานเฉียน เพราะหานซานเฉียนมีชื่อเสียงมากในหยุนเฉิง ใครจะไม่อยากเจอคนในตำนาน? “ไหนล่ะ ๆ หานซานเฉียนมาจริง ๆ เหรอ?” “เขายังกล้ามางานแต่งคนอื่นอีก เหตุการณ์ในงานแต่งงานยังกระทบเขาไม่พออีกหรือ?” “พวกเธอยังไม่เคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นที่จัตุรัสเหรินหมินเมื่อนานมาแล้วใช่ไหม ว่ากันว่าเขาไม่ใช่คนที่ควรจะไปยุ่งด้วยนะ” “ใช่ แม้แต่พวกของเจียงฟู่ก็ต้องคุกเข่าลงให้เขา” ผู้คนในที่นั่นแบ่งออกเป็นสองประเภท ประเภทที่หนึ่งไม่รู้อะไรเลย และคิดแค่ว่าหานซานเฉียนเป็นตัวตลก แต่มีคนอีกประเภทหนึ่ง พวกเขารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่จัตุรัสเหรินหมิน และยังรู้อีกว่าบริษัทของเจียงฝู่ล้มละลายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว มีการคาดเดากันมากมายเกี่ยวกับสาเหตุ แต่ที่น่าเชื่อที่สุดก็คือตัวตนของหานซานเฉียน คนที่ทำแบบนี้ได้ จะเป็นคนขี้ขลาดตาขาวและไร้ความสามารถจริงเหรอ? เจ้าบ่าวเซี่ยหยุนเผิงยืนอยู่บนเวทีด้วยรอยยิ้ม เขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นที่จัตุรัสเหรินหมินเป็นอย่างดี แต่เขาไม่มีความกลัวหานซานเฉียนเลยแม้แต่น้อย เพราะตระกูลเซี่ยมีความสัมพันธ์ร่วมมือกับตระ
เมื่อมองไปที่หลังของหานซานเฉียน หยางฉีก็รู้สึกเสียววูบสันหลัง ในบ้านผลไม้ฝูหยาง เนื่องจากหยางเหวินทำให้หานซานเฉียนขุ่นเคือง เขาจะต้องคุกเข่าในบ้านผลไม้เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ จนขาของเขาแทบพิการ จู่ ๆ เซี่ยหยุนเผิงผู้ชายที่ไม่รู้อะไรควรไม่ควร ถึงกับกล้าสร้างปัญหาให้กับหานซานเฉียน เรื่องนี้คงจบไม่สวยแน่? หรือผู้ชายคนนี้ไม่เคยได้ยินเรื่องจตุรัสเหรินหมิย? ไม่มีทางหรอก เรื่องนี้ทำให้เกิดปัญหามากมายในเมือง และมีคนน้อยมากที่ไม่รู้เรื่องนี้ จัดอยู่ในกลุ่มคนระดับต่ำ พูดตามเหตุผล คงเป็นไปไม่ได้ที่สถานะอย่างเซี่ยหยุนเผิงจะไม่รู้เรื่องนี้ กล่าวคือ เขารู้จุดจบของเจียงฟู่ แต่เขาก็ยังไม่กลัวหานซานเฉียน หยางฉียิ้มเบา ๆ ดูเหมือนว่าผู้ชายคนนี้จะพึ่งพาตระกูลเทียนที่อยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าเขาทำแบบนั้นตระกูลเทียนจะปกป้องตระกูลเซี่ยได้จริงเหรอ? เซี่ยหยุนเผิงเอ้ย เซี่ยหยุนเผิง คุณประเมินเขาต่ำไป ตระกูลเทียนจะมารุกรานหานซานเฉียน เพราะคุณได้อย่างไร? เมื่อเห็นหานซานเฉียนเดินเข้าใกล้เวที ใบหน้าของเซี่ยหยุนเผิงก็เต็มไปด้วยรายยิ้มดูถูกเหยียดหยาม เขาคิดว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนหน้าด้าน ที่จู่ ๆ ก็กล้าแสดงตัวอย่
เซี่ยหยุนเผิงหน้าถอดสี หานซานเฉียนพูดต่อหน้าผู้คนมากมายในงานแต่งงานของเขาว่า ภรรยาของเขาไม่ดีเท่าซูหยิงเซี่ย แม้ว่านี่จะเป็นความจริง แต่เธอเป็นภรรยาของเซี่ยหยุนเผิง จะปล่อยให้สวะนินทาว่าร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? หานซานเฉียนมองไปที่เซี่ยหยุนเผิงที่กำลังโกรธจัดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “คุณจะเถียงผมไหม?” “หานซานเฉียน ขอโทษภรรยาของผมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณไปเป็นอันขาด” เซี่ยหยุนเผิงพูดพร้อมกัดฟัน วันนี้เขาแค่อยากจะแกล้งหานซานเฉียน และทำให้แขกในงานดูเรื่องตลก แต่เรื่องตลกกลับไม่ใช่เขา “ทำไมคุณถึงขอให้ผมขอโทษล่ะ? ผมพูดความจริงไม่ได้เลยเหรอครับ?” หานซานเฉียนมีความสุขมากที่เห็นเซี่ยหยุนเผิงกำลังจะจนตรอก นอกจากนี้เขายังต้องการดูว่าเซี่ยหยุนเผิง กระต่ายตัวนี้จะกัดใครจริงไหม จู่ ๆ ภรรยาของเซี่ยหยุนเผิงก็พูดกับหานซานเฉียนว่า “ฉันยอมรับว่าฉันไม่สวยเท่าซูหยิงเซี่ย แต่ฉันมีความสุขมากกว่าเธอ ไม่เหมือนเธอ ที่ต้องแต่งงานกับสวะ แม้แต่งานแต่งงานของตัวเองก็กลายเป็นเรื่องตลก” คำพูดนี้ทำให้ท่าทางของหานซานเฉียนดิ่งลงทันที ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งค
ท่าทางของเซี่ยหยุนเผิงกลายเป็นดุร้าย หานซานเฉียนได้รับความสนใจ และขโมยความสนใจของเขาไปอย่างสิ้นเชิง นี่จะทำให้งานแต่งงานของเขากลายเป็นเรื่องตลกใช่ไหม? “หานซานเฉียน ไสหัวไปซะ!” เซี่ยหยุนเผิงเปล่งเสียงดัง และเตะหานซานเฉียนที่ด้านหลัง หานซานเฉียนที่มั่นคงพอ ๆ กับภูเขาไท่ซาน กลับกันเซี่ยหยุนเผิงถูกแรงกระแทกลงกับพื้น “พ่อ หนูบอกแล้วว่าไม่มา พ่อก็ให้หนูมาอยู่ได้ น่าโมโหจริง ๆ?” ในขณะที่หานซานเฉียนคุกเข่าลง เทียนหลิงเอ๋อร์และเทียนหงฮุยยืนอยู่ประตูเข้างาน เทียนหงฮุยมาร่วมงานแต่งงานของเซี่ยหยุนเผิงในนามของตระกูลเทียน เพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ แต่เขาไม่ชอบกระบวนการแต่งงานที่ยุ่งยากดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาสาย แต่ไม่คิดว่าพอมาถึงก็เห็นฉากนี้ เทียนหงฮุยรู้ว่าหานซานเฉียนมองเทียนหลิงเอ๋อร์เป็นแค่น้องสาว แต่ในใจของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็ยังชอบหานซานเฉียนอยู่ ฉากนี้จึงเป็นฉากที่สะเทือนอารมณ์เทียนหลิงเอ๋อร์อย่างมาก “ถ้าถือว่าเขาเป็นพี่ชาย ก็ควรกำจัดความรู้สึกก่อนหน้านี้ซะ” เทียนหงฮุยกล่าว เมื่อมองไปที่ดวงตาของซูหยิงเซี่ย เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่สามารถซ่อนความหึงหวงของตัวเองได้เลย จึงพูดว่า “ฉันอิจฉ
เซี่ยหยุนเผิงวิ่งไปหาเทียนหลิงเอ๋อร์ด้วยความตื่นตระหนก และอธิบายอย่างรวดเร็ว “หลิงเอ๋อร์ ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเธอ” “อย่ามาเรียกฉันด้วยคำที่สนิทสนม ฉันสนิทกับนายเหรอ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเทียนใกล้ชิดยิ่งขึ้น เซี่ยหยุนเผิงจึงพยายามทำตัวสนิทสนมกับทุกคนในตระกูลเทียน เขาสนิทกับทุกคนในตระกูลเทียนมาก แต่ก่อนหน้านี้เขาเรียกว่าเทียนหลิงเอ๋อร์ และไม่เคยถูกเทียนหลิงเอ๋อร์รังเกียจ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนหลิงเอ๋อร์ถึงพูดแบบนั้น “หลิงเอ๋อร์ ถ้าเธอโกรธ ฉันสามารถชดใช้ให้เธอได้นะ เธออยากได้อะไรก็บอก” เซี่ยหยุนเผิงกล่าว “ชดใช้?” เทียนหลิงเอ๋อร์ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ฉันอยากให้คนอื่นซื้อของที่ฉันชอบให้เหรอ? หรือนายกำลังดูถูกตระกูลเทียน?” คำพูดนี้ทำให้หนังศีรษะของเซี่ยหยุนเผิงชา เขาจะกล้าดูถูกตระกูลเทียนได้อย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับตระกูลเทียน แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเชิดหน้าชูตาใส่ตระกูลเทียน ตระกูลเทียนต้องการเปลี่ยนคู่ค้าเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น “ไม่ ไม่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นค