เซี่ยหยุนเผิงหน้าถอดสี หานซานเฉียนพูดต่อหน้าผู้คนมากมายในงานแต่งงานของเขาว่า ภรรยาของเขาไม่ดีเท่าซูหยิงเซี่ย แม้ว่านี่จะเป็นความจริง แต่เธอเป็นภรรยาของเซี่ยหยุนเผิง จะปล่อยให้สวะนินทาว่าร้ายแบบนี้ได้อย่างไร? หานซานเฉียนมองไปที่เซี่ยหยุนเผิงที่กำลังโกรธจัดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “คุณจะเถียงผมไหม?” “หานซานเฉียน ขอโทษภรรยาของผมเดี๋ยวนี้ ไม่อย่างนั้นวันนี้ผมจะไม่ปล่อยคุณไปเป็นอันขาด” เซี่ยหยุนเผิงพูดพร้อมกัดฟัน วันนี้เขาแค่อยากจะแกล้งหานซานเฉียน และทำให้แขกในงานดูเรื่องตลก แต่เรื่องตลกกลับไม่ใช่เขา “ทำไมคุณถึงขอให้ผมขอโทษล่ะ? ผมพูดความจริงไม่ได้เลยเหรอครับ?” หานซานเฉียนมีความสุขมากที่เห็นเซี่ยหยุนเผิงกำลังจะจนตรอก นอกจากนี้เขายังต้องการดูว่าเซี่ยหยุนเผิง กระต่ายตัวนี้จะกัดใครจริงไหม จู่ ๆ ภรรยาของเซี่ยหยุนเผิงก็พูดกับหานซานเฉียนว่า “ฉันยอมรับว่าฉันไม่สวยเท่าซูหยิงเซี่ย แต่ฉันมีความสุขมากกว่าเธอ ไม่เหมือนเธอ ที่ต้องแต่งงานกับสวะ แม้แต่งานแต่งงานของตัวเองก็กลายเป็นเรื่องตลก” คำพูดนี้ทำให้ท่าทางของหานซานเฉียนดิ่งลงทันที ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งค
ท่าทางของเซี่ยหยุนเผิงกลายเป็นดุร้าย หานซานเฉียนได้รับความสนใจ และขโมยความสนใจของเขาไปอย่างสิ้นเชิง นี่จะทำให้งานแต่งงานของเขากลายเป็นเรื่องตลกใช่ไหม? “หานซานเฉียน ไสหัวไปซะ!” เซี่ยหยุนเผิงเปล่งเสียงดัง และเตะหานซานเฉียนที่ด้านหลัง หานซานเฉียนที่มั่นคงพอ ๆ กับภูเขาไท่ซาน กลับกันเซี่ยหยุนเผิงถูกแรงกระแทกลงกับพื้น “พ่อ หนูบอกแล้วว่าไม่มา พ่อก็ให้หนูมาอยู่ได้ น่าโมโหจริง ๆ?” ในขณะที่หานซานเฉียนคุกเข่าลง เทียนหลิงเอ๋อร์และเทียนหงฮุยยืนอยู่ประตูเข้างาน เทียนหงฮุยมาร่วมงานแต่งงานของเซี่ยหยุนเผิงในนามของตระกูลเทียน เพราะทั้งสองเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ แต่เขาไม่ชอบกระบวนการแต่งงานที่ยุ่งยากดังนั้นเขาจึงตั้งใจมาสาย แต่ไม่คิดว่าพอมาถึงก็เห็นฉากนี้ เทียนหงฮุยรู้ว่าหานซานเฉียนมองเทียนหลิงเอ๋อร์เป็นแค่น้องสาว แต่ในใจของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็ยังชอบหานซานเฉียนอยู่ ฉากนี้จึงเป็นฉากที่สะเทือนอารมณ์เทียนหลิงเอ๋อร์อย่างมาก “ถ้าถือว่าเขาเป็นพี่ชาย ก็ควรกำจัดความรู้สึกก่อนหน้านี้ซะ” เทียนหงฮุยกล่าว เมื่อมองไปที่ดวงตาของซูหยิงเซี่ย เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่สามารถซ่อนความหึงหวงของตัวเองได้เลย จึงพูดว่า “ฉันอิจฉ
เซี่ยหยุนเผิงวิ่งไปหาเทียนหลิงเอ๋อร์ด้วยความตื่นตระหนก และอธิบายอย่างรวดเร็ว “หลิงเอ๋อร์ ฉันขอโทษ ฉันเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเธอ” “อย่ามาเรียกฉันด้วยคำที่สนิทสนม ฉันสนิทกับนายเหรอ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างเหยียดหยาม เพื่อให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับตระกูลเทียนใกล้ชิดยิ่งขึ้น เซี่ยหยุนเผิงจึงพยายามทำตัวสนิทสนมกับทุกคนในตระกูลเทียน เขาสนิทกับทุกคนในตระกูลเทียนมาก แต่ก่อนหน้านี้เขาเรียกว่าเทียนหลิงเอ๋อร์ และไม่เคยถูกเทียนหลิงเอ๋อร์รังเกียจ ดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนหลิงเอ๋อร์ถึงพูดแบบนั้น “หลิงเอ๋อร์ ถ้าเธอโกรธ ฉันสามารถชดใช้ให้เธอได้นะ เธออยากได้อะไรก็บอก” เซี่ยหยุนเผิงกล่าว “ชดใช้?” เทียนหลิงเอ๋อร์ยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ฉันอยากให้คนอื่นซื้อของที่ฉันชอบให้เหรอ? หรือนายกำลังดูถูกตระกูลเทียน?” คำพูดนี้ทำให้หนังศีรษะของเซี่ยหยุนเผิงชา เขาจะกล้าดูถูกตระกูลเทียนได้อย่างไร แม้ว่าพวกเขาจะร่วมมือกับตระกูลเทียน แต่ตระกูลเซี่ยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเชิดหน้าชูตาใส่ตระกูลเทียน ตระกูลเทียนต้องการเปลี่ยนคู่ค้าเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น “ไม่ ไม่ ผมไม่ได้หมายความอย่างนั้นค
นอกจากเซี่ยหยุนเผิงแล้ว คนอื่น ๆ ก็แปลกใจมากเช่นกัน ถ้าเทียนหลิงเอ๋อร์ยอมรับว่าหานซานเฉียนเป็นพี่ชายของเธอ เช่นนั้นสถานะของเขาก็ไม่มีใครในที่นี้เทียบได้เลย หลายคนมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป แล้วนึกถึงเหตุการณ์ที่จัตุรัสเหรินหมิน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา “หงฮุย เรื่องพวกนี้แค่เรื่องเล็กน้อย นายให้หยุนเผิงเสร็จงานแต่งงานก่อนเถอะ” เซี่ยฮ้าวหรานซึ่งเป็นพ่อของเซี่ยหยุนเผิงเดินไปหาเทียนหงฮุย เขามีความสัมพันธ์ที่ดีกับเทียนหงฮุย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าต้องออกมาพูดด้วยตัวเองถึงจะแก้ปัญหานี้ได้ “เซี่ยฮ้าวหราน นายอาจไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้ดีนัก เกียรตินี้ ฉันคงให้ไม่ไหว” เทียนหงฮุยกล่าวดูหมิ่น ท่าทางของเซี่ยฮ้าวหรานแข็งทื่อ เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเทียนหงฮุยถึงช่วยหานซานเฉียนขนาดนั้น ดูท่าทาง ต่อให้เขาจะต้องฉีกหน้าตระกูลของเขา เขาก็ไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ฉันจะโทรหานายใหญ่ตระกูลเทียนทันที และขอให้เขามาช่วยจัดการ” เซี่ยฮ้าวหรานกล่าว “นายก็โทรสิ” เทียนหงฮุยพูดด้วยรอยยิ้ม ทำให้ให้ชายชรารู้ว่าสถานการณ์ของตระกูลเซี่ยมีแต่จะยิ่งแย่ลงเท่านั้น ในสายตาของคนอื่น ๆ ตระกูลเท
‘ฟ่อ’ ตอนนี้สถาณการณ์ดูอึดอัด ผลจากการเห็นเซี่ยฮ้าวหรานคุกเข่าต่อหน้าทุกคน เหมือนคลื่นที่โหมซัดสาดอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของทุกคนเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ใครจะเชื่อว่าเซี่ยฮ้าวหรานจะคุกเข่าจริง ๆ! หานซานเฉียนจับมือซูหยิงเซี่ยแล้วเดินไปหาเซี่ยหยุนเผิง เซี่ยหยุดเผิงพลันก้มหน้าไม่กล้ามองหานซานเฉียน เรื่องนี้เริ่มต้นขึ้น เพราะหานซานเฉียนและตระกูลเทียนสั่งให้พวกเขาคุกเข่า ไม่เพียงเพราะเขาดุเทียนหลิงเอ๋อร์ที่ปรบมือเท่านั้น แต่ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าหานซานเฉียนแตกต่างออกไปจากคนอื่น ๆ เซี่ยหยุนเผิงอดด่าจีชุนในใจไม่ได้ ถ้าจีชุนไม่ยืนกรานที่จะแกล้งหานซานเฉียน แล้วเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร? “กลัวเหรอ?” หานซานเฉียนพูดออกมาสองคำง่าย ๆ เซี่ยหยุนเผิงเหงื่อตก เขาจะไม่กลัวได้อย่างไร ตอนนี้เขากลัวแทบตายแล้ว ไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นใจจะขาด ไม่อย่างนั้นเรื่องคงไม่เป็นแบบนี้ “หานซานเฉียน วันนี้เป็นงานแต่งงานของผม โปรดให้เกียรติผมด้วยเถอะนะครับ” เซี่ยหยุนเผิงพูดกับหานซานเฉียนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน “อย่ากังวล ผมไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณลำบาก ผมยังต้องขอบคุณคุณด้วยซ้ำไป” หานซานเฉียนกล่าว เซ
เขาเป็นแค่พนักงานของบริษัทจัดงานแต่งงาน และเป็นสมาชิกในตระกูลเซี่ยและตระกูลเทียน ดังนั้นในสถานการณ์แบบนี้ เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะตายอย่างไร เมื่อได้ยินคำพูดของเจี่ยงหลาน พิธีกรก็รีบเดินไปหาและพูดว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับผมนะ ผมแค่รับคำสั่งจากเซี่ยหยุนเผิง” “เขาสั่งให้คุณทำอะไร?” เจี่ยงหลานถามอย่างเย็นชา พิธีกรพูดเสียงสั่น “เขา เขาอยากยั่วยุหานซานเฉียน และทำให้หานซานเฉียนเสียหน้าในงานแต่งงาน” เจี่ยงหลานมองไปที่เซี่ยหยุนเผิง และถามต่อว่า “ใครเป็นคนสั่งให้เธอทำแบบนี้ และมีจุดประสงค์อะไร?” เซี่ยหยุนเผิงไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกับหานซานเฉียน ในใจของเขา หานซานเฉียนมักจะเป็นตัวตลกเสมอ และมันก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเรื่องตลกสองสามเรื่อง ไม่มีเหตุผลที่จะต้องจริงจังกับหานซานเฉียน แต่จีชุนเป็นแม่ของเขา ในเมื่อจีชุนต้องการแบบนี้ฟ เขาจึงต้องทำให้จีชุนพึงพอใจอยู่แล้ว “ไม่มีใครสั่งผม และผมก็ไม่มีจุดประสงค์อื่นด้วย” เซี่ยหยุนเผิงกล่าว เจี่ยงหลานยิ้มเบา ๆ และพูดว่า “ไม่มีจุดประสงค์อื่น? ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ของเธอ เธอคงไม่ทำเรื่องแบบนี้หรอกมั้ง?” หลังจากพูดจบ เจี่ยงหลานก็มองไปที่จีชุนอีกครั้
“หานเหยียน เธอมาทำอะไรที่นี่?” หานซานเฉียนพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เมื่อได้ยินชื่อนี้ เทียนหงฮุยใจวูบทันที นามสกุลหานเหมือนกัน และดูไม่แยแสหานซานเฉียน เป็นไปได้ไหมว่าเธอมาจากตระกูลหานด้วย? หากนี่คือการต่อสู้ภายในตระกูลหาน ตระกูลเทียนจะต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย หานเหยียนมองไปที่เซี่ยฮ้าวหราน โดยไม่สนใจคำพูดของหานซานเฉียน และพูดต่อว่า “แกกลัวตระกูลเทียนไหม? ฉันสามารถให้ช่วยทำให้แกสู้กับตระกูลเทียนได้นะ และจะทำให้แกเป็นตระกูลอันดับหนึ่งในหยุนเฉิง แกกล้าไหมล่ะ?” เซี่ยฮ้าวหรานไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเหนือกว่าตระกูลตระกูลเทียนได้ในวันหนึ่ง เพราะในหยุนเฉิง ตระกูลเทียนแทบจะครอบครองทั้งหมด แม้ว่าเจียงฟู่และพรรคพวกของเขาจะรวมกันต่อต้านตระกูลเทียน พวกเขาก็ยังไม่กล้า หากพวกเขาลงมือทำ พวกเขากลัวความล้มเหลว กลัวว่าจะไม่เหลืออะไรเลย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า เมื่อมีโอกาสแบบนั้น เซี่ยฮ้าวหรานจะไม่เกิดอารมณ์หวั่นไหว อย่างไรก็ตาม บุคคลไม่รู้ที่มาที่ไปจู่ ๆ ปรากฏตัว แล้วมาบอกเขาว่าสามารถช่วยเขาสู้กับตระกูลเทียนได้นั้น ทำให้เซี่ยฮ้าวหรานไม่ปักใจเชื่อง่าย ๆ “ผมไม่รู้จักคุณสักหน่อย” เซี่ยฮ้าวหราน
“หานซานเฉียน ถ้านายไม่รู้วิธีสั่งสอนผู้หญิงของตัวเอง ฉันก็ไม่รังเกียจที่จะช่วยนายนะ” หานเหยียนกล่าว “หานเหยียน ถ้าเธอกล้าแตะต้องเธอแม้แต่เส้นผม ฉันจะฆ่าเธอ” หานซานเฉียนพูดน้ำเสียงเย็นชา เมื่อหานเหยียนได้ยินประโยคขู่นี้ เธอไม่กลัวแม้แต่น้อย แต่กลับหัวเราะและพูดว่า “ยังมีเวลาอีกนาน ฉันจะทำให้นายคุกเข่าลงและยอมรับผิด แล้วนายจะเข้าใจว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงคืออะไร ฉันแค่ใช้สุนัขที่เลี้ยงแค่หนึ่งตัว ก็สามารถทำให้นายศพไม่สวยแล้ว” หลังจากพูดจบ หานเหยียนก็หันไปมองเซี่ยฮ้าวหรานและพูดว่า “แกยอมเป็นสุนัขของฉันไหม?” คำว่าสุนัขนั้นเป็นคำที่อัปยศอดสูมาก แต่ถ้าเป็นสุนัขแล้วสามารถเอาชนะตระกูลเทียนได้ เซี่ยฮ้าวหรานก็ยอมทิ้งศักดิ์ศรีของตัวเอง รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนี้ ตั้งแต่ปรากฏตัวดูสง่างามราวกับสายรุ้ง เทียนหงฮุยไม่พูดอะไรสักคำ ความกลัวของเขานั้นแสดงออกมาชัดเจนมาก หลังจากคิดทบทวนไม่กี่วินาที เซี่ยฮ้าวหรานก็พูดว่า “ผมยอมครับ” “แกฉลาดมาก ต่อไปฉันจะทำให้แกมีอำนาจในหยุนเฉิง ไม่ว่าจะเป็นหานซานเฉียนหรือตระกูลเทียน ในสายตาของแก พวกมันจะกลายเป็นแค่สวะ” หานเหยียนกล่าว ตอนนี้เขาเลือกที่จะเชื