หลังจากพูดจบ เจี่ยงหลานก็รีบเดินไปหาหานซานเฉียน ทั้งดึงทั้งกระชาก และตบหน้าหานซานเฉียน หานซานเฉียนยืนนิ่งเหมือนภูเขาไท่ ท่าทางเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ถ้าแม่ตีผม ผมไม่สู้กลับ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่ามันจะได้ผล ผมจะไปขอโทษป้าเหอเดี๋ยวนี้ ถ้าผมกลับมาเจอคนพวกนี้อีก ก็อย่าหาว่าผมไม่เกรงใจ” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชา เจี่ยงหลานรู้สึกได้ถึงความเย็นชาของหานซานเฉียน เธอจึงปล่อยหานซานเฉียนโดยไม่รู้ตัว ตอนที่หนานกงเชียนชิวเสียชีวิตในห้องรับแขก สีหน้าของหานซานเฉียนในตอนนี้ เหมือนกับตอนที่หนานกงเชียนชิวแขวนคอตัวเอง! หานซานเฉียนเดินไปหาเจี่ยงเชิง ใบหน้าของเจี่ยงเชิงซีดราวกับกระดาษ ร่างกายเขาสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว “เตะฉันสิ แล้วฉันจะกลับมาแน่นอน” ทันทีที่เขาพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะเข้าที่หน้าเจี่ยงเชิง เจี่ยงเชิงเอามือปิดหน้า และร้องตะโกนด้วยความเจ็บปวด พลางกลิ้งไปกับพื้น เลือดไหลออกมาจากร่องนิ้ว “ขอโทษ ขอโทษ” เจี่ยงเชิงกล่าวอย่างเสียใจ “แกทำร้ายป้าเหอ ฉันจะล้างแค้นแทนเธอแน่นอน” หานซานเฉียนคว้าตัวเจี่ยงเชิงและเตะเข้าที่ท้อง เจี่ยงเชิงเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออก เมื่อตระกูลเจี่ยงเห็น
ตระกูลเจี่ยงต่างเก็บสัมภาระโดยไม่เต็มใจ ทุกคนต่างตำหนิเจี่ยงเชิงในใจ แม้แต่เจี่ยงเฟิงกวางก็ยังโกรธ พวกเขามีโอกาสที่จะตั้งถิ่นฐานในหยุนเฉิง และเข้าทำงานบริษัทของซูหยิงเซี่ยเพื่อเปลี่ยนโชคชะตา โอกาสดี ๆ ถูกทำลายเพราะความโง่เขลาเพียงชั่วขณะของเจี่ยงเชิง เมื่อทุกคนมารวมกันในห้องรับแขก ทุกสายตาที่มองเจี่ยงเชิงเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เจี่ยงเชิง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะเรื่องงามหน้าที่เธอทำ” “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราคงไม่เป็นแบบนี้” “ขยะอย่างแกมีสิทธิ์อะไรไปสู้กับหานซานเฉียน” ในเวลานี้ดูเหมือนไม่มีใครมองว่าหานซานเฉียนเป็นคนโง่เง่าอีกต่อไป เจี่ยงเชิงไม่เสียใจทีหลัง? เขาอยากคุกเข่าลง และขอโทษหานซานเฉียน ตราบใดที่เขาสามารถอยู่ในหยุนเฉิงได้ ตราบใดที่เขาสามารถทำงานในบริษัทของซูหยิงเซี่ยได้ เขาก็จะทำทุกวิถีทาง แต่น่าเสียดายที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้หานซานเฉียนไม่มีทางให้โอกาสเขาอย่างแน่นอน “ป้าหลาน ป้าเกลี้ยกล่อมหยิงเซี่ยหน่อยไม่ได้เหรอครับ” เจี่ยงเชิงมองไปที่เจี่ยงหลานด้วยความคาดหวัง เจี่ยงหลานส่ายหน้าเบา ๆ สิ่งที่ซูหยิงเซี่ยเพิ่งพูดนั้นชัดเจนมาก ถ้าเธอต้องการช่วยตระกูลเจี่ยง เธอคงทำได
บ้านเกิดของเหอถิง มีร่องรอยกะหล่ำปลีเน่าจำนวนมากและไข่เน่าที่เกิดจากการถูกปาอยู่ที่ประตู บางคนถึงกับเทปุ๋ยคอกลงในลานบ้าน เนื่องจากชาวบ้านหลายคนคิดว่าเหอถิงอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วจะทำให้พวกเขาอับอาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของหมู่บ้าน และต้องการไล่เหอถิงออกไป ตอนนี้ข่าวลือพวกนั้นแทบจะถูกพวกซุบซิบนินทาเอ่ยราวกับว่าเป็นความจริง และทุกคนคิดว่าเหอถิงต้องทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเธอจึงจะถูกคนอื่นตอบโต้แบบนี้ เมื่อเห็นขยะภายในบ้าน และแม้แต่อุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็น เหอถิงนั่งอย่างหดหู่ที่ประตูบ้าน ตั้งแต่สามีของเธอเสียชีวิต บางคนบอกว่าเธอเป็นหญิงม่ายที่มีมลทิน และผู้ชายคนไหนก็ตามที่มาอยู่บ้านเธอ คนก็จะหาว่าเธอไปหลอกเขามา หลังจากที่เหอถิงรู้เช่นนั้น เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเธอ เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับผู้ชายคนไหนในหมู่บ้านเลย และไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้ามาในบ้านของเธอด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นซุบซิบนินทาไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นยังคงติดอยู่ในใจของเหอถิงราวกับคำสาป เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปทำงาน แม้กระทั่งจ่ายค่าเช่าบ้านเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการได้ยินชาวบ้านซุบซ
“เหอถิง เธอดูตอนนี้สิ ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อย่างไร้ยางอายล่ะ” หลิวฝูพูดด้วยรอยยิ้ม ในเวลาแบบนี้ยังต้องมีหลักฐานอะไรอีก ท่าทางของทุกคนอธิบายหมดแล้ว “ฉันไม่ต้องการให้พวกเขาเชื่อ นี่คือบ้านของฉัน และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่” เหอถิงพูดพร้อมกัดฟัน “ดูสิ ดูสิ นี่มันไร้ยางอายจริง ๆ หน้าด้าน” “เธอไม่ไป แล้วพวกเราต้องอับอายไปกับเธอด้วยเหรอ?” “เหอถิง เธอร่านของเธอเอง อย่ามาทำให้เราต้องโดนด่าไปด้วย ถ้าคนในหมู่บ้านข้าง ๆ รู้เรื่องนี้ พวกเราจะถูกเยาะเย้ยได้ นังสารเลว ช่วยทำเรื่องดี ๆ สักหน่อยไม่ได้หรือไง” เมื่อเห็นว่าเหอถิงไม่อยากไป ทุกคนก็สาปแช่งเธอด้วยความโกรธ บางคนถึงกับขว้างก้อนหินใส่ เหอถิงเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกายจากการถูกทำร้าย “ฉันไม่ได้ทำอะไรไร้ยางอาย มันคือข่าวลือที่พวกเธอคิดไปเอง หรือแค่คำพูดไม่กี่คำของพวกเธอก็กลายเป็นเรื่องจริงเหรอ?” เหอถิงกัดฟันพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมจากเบรกรถกะทันหัน ทุกคนหันศีรษะไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ รถอาวดี้เอหกจอดอยู่ไม่ไกล ฟลิวฝูตกตะลึงเล็กน้อย รถคันนี้เป็นรถที่ดีมาก มีประมาณแค่หนึ่งแสนคัน รถยนต์หรูหราแบบนี้มาปรากฎที่นี่ได
ขวับ! ทันทีที่หลิวฝูพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะหลิวฝูทันที การเตะที่แข็งแกร่งนี้ทำให้หลิวฝูถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วกลิ้งลงบนพื้น ชาวบ้านต่างตกตะลึง ชายคนนี้กล้าทำร้ายหลิวฝู เขาอยากตายหรืออย่างไร ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้จักนิสัยการเอาคืนของหลิวฝู ใครก็ตามที่ไปยั่วยุเขาจะไม่จบไม่สวยแน่นอน “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำให้นายขอโทษผู้ใหญ่บ้านซะ เขาไม่ใช่คนที่นายควรจะมีปัญหาด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งเตือนหานซานเฉียน “ผมแนะนำให้พวกคุณทุกคนคุกเข่าลง และขอโทษเหอถิง ไม่อย่างนั้นผมเองก็จะเป็นคนก่อปัญหาเหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดเสียงเบา “คุกเข่าให้เหอถิง? ไอหนุ่ม แกปัญญาอ่อนเหรอ” “จะให้ฉันขอโทษนังโสเภณีนี่ เป็นไปได้ยังไง” “เด็กหลงระเริงมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เราขอโทษ” “นายไม่รู้หรอกว่าเหอถิงทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบไหนเอาไว้บ้าง ผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนี้ต้องถูกขังให้อยู่ในกรงหมูแบบในสมัยโบราณ” หานซานเฉียนไม่รู้เรื่องข่าวลือในหมู่บ้าน แต่เขารู้ว่าเหอถิงไม่ใช่คนแบบที่คนเหล่านี้พูดกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดล้วนเป็นการใส่ร้ายเหอถิง “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปทั่ว รับสิ่งที่จะตามมาได้เหรอ?”
หลิวฝูเข้าใจสิ่งที่หานซานเฉียนพูด จึงพูดกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วยความตื่นตระหนกว่า “พวกเธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่คุกเข่าขอโทษ” ชาวบ้านคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แค่โยนผักเน่าไข่เน่าไม่ใช่เหรอ ถึงกับต้องคุกเข่าขอโทษจริงจัง? เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมคุกเข่า หลิวฝูจึงพูดด้วยสีหน้าดุร้าย “ถ้าพวกเธอไม่คุกเข่า ก็อย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน อย่าคิดว่าจะอยู่ได้กันอย่างสงบสุข!” ชาวบ้านไม่กลัวหานซานเฉียน เพราะพวกเขาไม่รับรู้ถึงอำนาจของหานซานเฉียน แต่การข่มขู่ของหลิวฝูกลับทำให้พวกเขาไม่กล้าประมาท เพราะหลิวฝูอยู่ใกล้ระดับของพวกเขามากกว่า และพวกเขาเคยเห็นการตอบโต้ของหลิวฝูแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าตกเป็นเป้าหมายของเขา ต่อจากนี้ไปคงยากที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียวในหมู่บ้าน! “ฉันจะให้เวลาสามวินาทีสุดท้ายแก่พวกเธอ” หลิวฝูชำเลืองมองหานซานเฉียนด้วยหางตา ความเย็นชาบนใบหน้าทำให้หลิวฝูตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ภายใต้การข่มขู่ของหลิวฝู ชาวบ้านเหล่านั้นจึงคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ เหอถิงมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาซาบซึ้ง เขาช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่รู้ว่าจะตอบแทนหานซานเฉียนได้อย่างไร “ซานเฉีย
หลังจากที่หานซานเฉียนกลับบ้านและช่วยเหอถิงยกกระเป๋า คนกลุ่มนั้นก็ขับรถออกไปแล้ว หลิวฝูเหงื่อเต็มตัว พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยืนขึ้น และพูดกับชาวบ้านว่า “พวกเธอได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม อย่าเอาไปนินทาอีก ถ้าฉันได้ยิน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาเป็นใครกัน แม้แต่คุณ พวกเขายังทำร้ายได้ลงเหรอ” ชาวบ้านคนหนึ่งถามหลิวฝู หลิวฝูไม่กลัวเสียหน้า สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่สู้กับม่อหยางไม่ได้ “พวกเธอไม่รู้อะไร ม่อหยางเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิง ส่วนชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนในตระกูลเทียน” หลิวฝูกล่าว สถานะของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงมีรากฐานมั่นคง ไม่มีใครไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าหานซานเฉียนอาจมาจากตระกูลเทียน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ ถ้ามาจากตระกูลเทียนจริง เหอถิงก็ต้องทำงานในตระกูลเทียนสิ” “เธอโชคดีอะไรขนาดนี้ ถึงได้เข้าไปในตระกูลเทียนได้” “ตระกูลเทียนแล้วยังไง ก็แค่มีเงินไม่ใช่เหรอ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเหอถิง ตระกูลเทียนมีเงิน ไม่ใช่เธอสักหน่อย” มีคนพูดจาเสียดสี ทุกคนมีความริษยาอยู่ใ
ในโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสวยและมีเสน่ห์ราวกับว่าเธอไม่ควรอยู่บนโลก แต่เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ คนอย่างเธอถูกกำหนดไว้เพื่อทำให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ รู้สึกอับอาย ร่างผอมเพรียวนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ขาเรียวสองข้างไขว่ห้าง ยิ่งเผยให้เห็นขายาวและมีเสน่ห์ของเธอ ตงฮ้าวก้มหน้าลง แม้แต่หางตาเขายังไม่กล้ามองฉี๋อีหยุน เพราะสำหรับเขาแล้ว มันเป็นการไม่เคารพต่อคุณหนู “คุณหนูครับ ทำไมหานเฟิงถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะครับ ผมจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับมาที่ประเทศจีนเลย” ตงฮ้าวพูดด้วยท่าทางสงสัย ตระกูลหานเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ชาวจีนเกือบทั้งหมดต่างรู้จัก ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงคุ้นเคยกับตระกูลหานเป็นอย่างดี และคราวนี้ปัญหาของตระกูลฉี๋ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหานไม่มากก็น้อย ดังนั้นเธอจึงตั้งใจไปทำความรู้จักกับตระกูลหานโดยเฉพาะ ตระกูลหานตั้งหลักแหล่งในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเมื่อนานมาแล้ว เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และมีต้นสายปลายเหตุที่ลึกซึ้ง แต่พวกเขากลับไม่เคยกลับไปที่ประเทศจีนเลย ฉี๋อีหยุนเดาว่าตระกูลหานอาจมีข้อห้ามบางอย่างในเรื่องนี้