บ้านเกิดของเหอถิง มีร่องรอยกะหล่ำปลีเน่าจำนวนมากและไข่เน่าที่เกิดจากการถูกปาอยู่ที่ประตู บางคนถึงกับเทปุ๋ยคอกลงในลานบ้าน เนื่องจากชาวบ้านหลายคนคิดว่าเหอถิงอยู่ในหมู่บ้านนี้แล้วจะทำให้พวกเขาอับอาย ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของหมู่บ้าน และต้องการไล่เหอถิงออกไป ตอนนี้ข่าวลือพวกนั้นแทบจะถูกพวกซุบซิบนินทาเอ่ยราวกับว่าเป็นความจริง และทุกคนคิดว่าเหอถิงต้องทำเรื่องไม่ชอบมาพากล ดังนั้นเธอจึงจะถูกคนอื่นตอบโต้แบบนี้ เมื่อเห็นขยะภายในบ้าน และแม้แต่อุจจาระที่ส่งกลิ่นเหม็น เหอถิงนั่งอย่างหดหู่ที่ประตูบ้าน ตั้งแต่สามีของเธอเสียชีวิต บางคนบอกว่าเธอเป็นหญิงม่ายที่มีมลทิน และผู้ชายคนไหนก็ตามที่มาอยู่บ้านเธอ คนก็จะหาว่าเธอไปหลอกเขามา หลังจากที่เหอถิงรู้เช่นนั้น เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียงของเธอ เธอจึงไม่ได้ติดต่อกับผู้ชายคนไหนในหมู่บ้านเลย และไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้ามาในบ้านของเธอด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ห้ามไม่ให้คนเหล่านั้นซุบซิบนินทาไม่ได้ คำพูดเหล่านั้นยังคงติดอยู่ในใจของเหอถิงราวกับคำสาป เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปทำงาน แม้กระทั่งจ่ายค่าเช่าบ้านเพียงเพื่อหลีกเลี่ยงการได้ยินชาวบ้านซุบซ
“เหอถิง เธอดูตอนนี้สิ ไม่มีใครเชื่อเธอเลย แล้วทำไมเธอถึงยังอยู่ที่นี่อย่างไร้ยางอายล่ะ” หลิวฝูพูดด้วยรอยยิ้ม ในเวลาแบบนี้ยังต้องมีหลักฐานอะไรอีก ท่าทางของทุกคนอธิบายหมดแล้ว “ฉันไม่ต้องการให้พวกเขาเชื่อ นี่คือบ้านของฉัน และฉันก็มีสิทธิ์ที่จะอยู่” เหอถิงพูดพร้อมกัดฟัน “ดูสิ ดูสิ นี่มันไร้ยางอายจริง ๆ หน้าด้าน” “เธอไม่ไป แล้วพวกเราต้องอับอายไปกับเธอด้วยเหรอ?” “เหอถิง เธอร่านของเธอเอง อย่ามาทำให้เราต้องโดนด่าไปด้วย ถ้าคนในหมู่บ้านข้าง ๆ รู้เรื่องนี้ พวกเราจะถูกเยาะเย้ยได้ นังสารเลว ช่วยทำเรื่องดี ๆ สักหน่อยไม่ได้หรือไง” เมื่อเห็นว่าเหอถิงไม่อยากไป ทุกคนก็สาปแช่งเธอด้วยความโกรธ บางคนถึงกับขว้างก้อนหินใส่ เหอถิงเจ็บทั้งใจเจ็บทั้งกายจากการถูกทำร้าย “ฉันไม่ได้ทำอะไรไร้ยางอาย มันคือข่าวลือที่พวกเธอคิดไปเอง หรือแค่คำพูดไม่กี่คำของพวกเธอก็กลายเป็นเรื่องจริงเหรอ?” เหอถิงกัดฟันพูด ทันใดนั้นก็มีเสียงแหลมจากเบรกรถกะทันหัน ทุกคนหันศีรษะไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ รถอาวดี้เอหกจอดอยู่ไม่ไกล ฟลิวฝูตกตะลึงเล็กน้อย รถคันนี้เป็นรถที่ดีมาก มีประมาณแค่หนึ่งแสนคัน รถยนต์หรูหราแบบนี้มาปรากฎที่นี่ได
ขวับ! ทันทีที่หลิวฝูพูดจบ หานซานเฉียนก็เตะหลิวฝูทันที การเตะที่แข็งแกร่งนี้ทำให้หลิวฝูถอยหลังไปสองสามก้าว แล้วกลิ้งลงบนพื้น ชาวบ้านต่างตกตะลึง ชายคนนี้กล้าทำร้ายหลิวฝู เขาอยากตายหรืออย่างไร ทั้งหมู่บ้านไม่มีใครไม่รู้จักนิสัยการเอาคืนของหลิวฝู ใครก็ตามที่ไปยั่วยุเขาจะไม่จบไม่สวยแน่นอน “ไอ้หนุ่ม ฉันแนะนำให้นายขอโทษผู้ใหญ่บ้านซะ เขาไม่ใช่คนที่นายควรจะมีปัญหาด้วย” ชาวบ้านคนหนึ่งเตือนหานซานเฉียน “ผมแนะนำให้พวกคุณทุกคนคุกเข่าลง และขอโทษเหอถิง ไม่อย่างนั้นผมเองก็จะเป็นคนก่อปัญหาเหมือนกัน” หานซานเฉียนพูดเสียงเบา “คุกเข่าให้เหอถิง? ไอหนุ่ม แกปัญญาอ่อนเหรอ” “จะให้ฉันขอโทษนังโสเภณีนี่ เป็นไปได้ยังไง” “เด็กหลงระเริงมาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เราขอโทษ” “นายไม่รู้หรอกว่าเหอถิงทำสิ่งที่น่ารังเกียจแบบไหนเอาไว้บ้าง ผู้หญิงน่ารังเกียจแบบนี้ต้องถูกขังให้อยู่ในกรงหมูแบบในสมัยโบราณ” หานซานเฉียนไม่รู้เรื่องข่าวลือในหมู่บ้าน แต่เขารู้ว่าเหอถิงไม่ใช่คนแบบที่คนเหล่านี้พูดกัน และสิ่งที่พวกเขาพูดล้วนเป็นการใส่ร้ายเหอถิง “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไปทั่ว รับสิ่งที่จะตามมาได้เหรอ?”
หลิวฝูเข้าใจสิ่งที่หานซานเฉียนพูด จึงพูดกับชาวบ้านคนอื่น ๆ ด้วยความตื่นตระหนกว่า “พวกเธอมัวทำอะไรอยู่ ทำไมไม่คุกเข่าขอโทษ” ชาวบ้านคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเขา แค่โยนผักเน่าไข่เน่าไม่ใช่เหรอ ถึงกับต้องคุกเข่าขอโทษจริงจัง? เมื่อเห็นว่าไม่มีใครยอมคุกเข่า หลิวฝูจึงพูดด้วยสีหน้าดุร้าย “ถ้าพวกเธอไม่คุกเข่า ก็อย่ามาโทษฉันทีหลังก็แล้วกัน อย่าคิดว่าจะอยู่ได้กันอย่างสงบสุข!” ชาวบ้านไม่กลัวหานซานเฉียน เพราะพวกเขาไม่รับรู้ถึงอำนาจของหานซานเฉียน แต่การข่มขู่ของหลิวฝูกลับทำให้พวกเขาไม่กล้าประมาท เพราะหลิวฝูอยู่ใกล้ระดับของพวกเขามากกว่า และพวกเขาเคยเห็นการตอบโต้ของหลิวฝูแล้ว อย่างไรก็ตาม ถ้าตกเป็นเป้าหมายของเขา ต่อจากนี้ไปคงยากที่จะขยับเขยื้อนแม้แต่นิ้วเดียวในหมู่บ้าน! “ฉันจะให้เวลาสามวินาทีสุดท้ายแก่พวกเธอ” หลิวฝูชำเลืองมองหานซานเฉียนด้วยหางตา ความเย็นชาบนใบหน้าทำให้หลิวฝูตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว ภายใต้การข่มขู่ของหลิวฝู ชาวบ้านเหล่านั้นจึงคุกเข่าลงอย่างไม่เต็มใจ เหอถิงมองไปที่หานซานเฉียนด้วยสายตาซาบซึ้ง เขาช่วยเหลือครั้งแล้วครั้งเล่า เธอไม่รู้ว่าจะตอบแทนหานซานเฉียนได้อย่างไร “ซานเฉีย
หลังจากที่หานซานเฉียนกลับบ้านและช่วยเหอถิงยกกระเป๋า คนกลุ่มนั้นก็ขับรถออกไปแล้ว หลิวฝูเหงื่อเต็มตัว พลันถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนยืนขึ้น และพูดกับชาวบ้านว่า “พวกเธอได้ยินที่เขาพูดเมื่อครู่นี้แล้วใช่ไหม อย่าเอาไปนินทาอีก ถ้าฉันได้ยิน ก็อย่าหาว่าฉันไม่เกรงใจ” “ผู้ใหญ่บ้าน พวกเขาเป็นใครกัน แม้แต่คุณ พวกเขายังทำร้ายได้ลงเหรอ” ชาวบ้านคนหนึ่งถามหลิวฝู หลิวฝูไม่กลัวเสียหน้า สุดท้ายก็ไม่ใช่เรื่องน่าอายที่สู้กับม่อหยางไม่ได้ “พวกเธอไม่รู้อะไร ม่อหยางเป็นคนที่มีอำนาจมากที่สุดในพื้นที่สีเทาของหยุนเฉิง ส่วนชายหนุ่มคนนั้นน่าจะเป็นคนในตระกูลเทียน” หลิวฝูกล่าว สถานะของตระกูลเทียนในหยุนเฉิงมีรากฐานมั่นคง ไม่มีใครไม่รู้จัก ดังนั้นเมื่อชาวบ้านได้ยินว่าหานซานเฉียนอาจมาจากตระกูลเทียน พวกเขาก็ต่างตกตะลึง “ให้ตายเถอะ ถ้ามาจากตระกูลเทียนจริง เหอถิงก็ต้องทำงานในตระกูลเทียนสิ” “เธอโชคดีอะไรขนาดนี้ ถึงได้เข้าไปในตระกูลเทียนได้” “ตระกูลเทียนแล้วยังไง ก็แค่มีเงินไม่ใช่เหรอ แล้วเกี่ยวข้องอะไรกับเหอถิง ตระกูลเทียนมีเงิน ไม่ใช่เธอสักหน่อย” มีคนพูดจาเสียดสี ทุกคนมีความริษยาอยู่ใ
ในโรงแรมเพนนินซูล่า ฉี๋อีหยุนแต่งหน้าอ่อน ๆ ดูสวยและมีเสน่ห์ราวกับว่าเธอไม่ควรอยู่บนโลก แต่เป็นนางฟ้าบนสวรรค์ คนอย่างเธอถูกกำหนดไว้เพื่อทำให้ผู้หญิงคนอื่น ๆ รู้สึกอับอาย ร่างผอมเพรียวนั่งอยู่ที่ข้างเตียง ขาเรียวสองข้างไขว่ห้าง ยิ่งเผยให้เห็นขายาวและมีเสน่ห์ของเธอ ตงฮ้าวก้มหน้าลง แม้แต่หางตาเขายังไม่กล้ามองฉี๋อีหยุน เพราะสำหรับเขาแล้ว มันเป็นการไม่เคารพต่อคุณหนู “คุณหนูครับ ทำไมหานเฟิงถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ล่ะครับ ผมจำได้ว่าพวกเขาไม่เคยกลับมาที่ประเทศจีนเลย” ตงฮ้าวพูดด้วยท่าทางสงสัย ตระกูลหานเป็นตระกูลที่มีฐานะร่ำรวยที่สุดในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีน ชาวจีนเกือบทั้งหมดต่างรู้จัก ดังนั้นฉี๋อีหยุนจึงคุ้นเคยกับตระกูลหานเป็นอย่างดี และคราวนี้ปัญหาของตระกูลฉี๋ก็เกี่ยวข้องกับตระกูลหานไม่มากก็น้อย ดังนั้นเธอจึงตั้งใจไปทำความรู้จักกับตระกูลหานโดยเฉพาะ ตระกูลหานตั้งหลักแหล่งในพื้นที่ชาวอเมริกันเชื้อสายจีนเมื่อนานมาแล้ว เป็นตระกูลที่มีประวัติยาวนานหลายร้อยปี และมีต้นสายปลายเหตุที่ลึกซึ้ง แต่พวกเขากลับไม่เคยกลับไปที่ประเทศจีนเลย ฉี๋อีหยุนเดาว่าตระกูลหานอาจมีข้อห้ามบางอย่างในเรื่องนี้
ด้านนอกโรงแรมเพนนินซูล่า ม่อหยางได้นำคนมารอที่นี่แล้ว หลังจากถูกทำร้ายในงานเลี้ยงอาหารค่ำเมื่อครั้งที่แล้ว ทำให้ครั้งนี้หานซานเฉียนระวังตัวมากขึ้น เขาไม่ต้องการถูกคนอื่นประเมินอีกแล้ว เรื่องแบบนี้แค่ครั้งเดียวในชีวิตก็เกินพอ “ไม่มีข่าวคราวใด ๆ แต่อีกฝ่ายน่าจะมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง ไม่อย่างนั้นคงหาข้อมูลเจอแล้ว” ม่อหยางกล่าว “ไม่ต้องหาแล้ว จะคนหรือผีแค่ไปดูก็รู้แล้ว” หานซานเฉียนพูด ในใจเขาก็เดาเรื่องนี้ แต่เขาก็ยังไม่แน่ใจ ทันใดนั้น ผู้หญิงคนหนึ่งเดินมาหาหานซานเฉียนด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง แม้ว่าเธอจะมีรูปร่างสูงไม่เท่าหานซานเฉียน แต่ท่าทางของเธอก็กลับดูเหนือกว่า “คุณคือหานซานเฉียนใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงคนนี้ชื่อหานชิง แม้ว่านามสกุลของเธอคือหาน แต่เธอไม่มีสายเลือดของตระกูลหาน เธอเติบโตมาในตระกูลหาน และดูแลเรื่องต่าง ๆ ให้หานเหยีนน ฐานะของเธอเป็นเพียงสาวใช้ของตระกูลหานเท่านั้น “คุณเป็นใครครับ?” หานซานเฉียนถาม หานชิงมองไปที่หานซานเชียนด้วยสายตาเหยียดหยามและพูดว่า “ฉันชื่อหานชิง คุณหนูของเราต้องการพบคุณ แต่เธอไม่ต้องการพบคนที่ไม่เกี่ยวข้อง” คนที่ไม่เกี่ยวข้องในที่นี้คือม่อหยาง ม่อห
ความคิดดูถูกประเทศจีนของหานเหยียนที่มีต่อประเทศจีนนั้นฝังลึกลงในกระดูก ทำให้หานซานเฉียนโกรธมาก เขาไม่เข้าใจว่าคนที่มีเลือดจีนไหลเวียนอยู่ในร่างกาย จะพูดจาแบบนี้ออกมาได้อย่างไร หานซานเฉียนเคยเห็นคนที่นิยมวัฒนธรรมต่างชาติมามากมาย แต่การไม่ชอบก็ไม่ได้หมายความว่าจะพูดเสียดสีได้ขนาดนี้ แม้ว่าเธอจะเติบโตในต่างประเทศ แต่อย่างน้อยเธอก็ควรรู้ว่ารากเหง้าของเธออยู่ที่ไหน “นี่คือสิ่งที่ตระกูลหานบ่มสอนคุณมาอย่างนั้นเหรอ คุณไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองเป็นใคร?” หานซานเฉียนพูดน้ำเสียงเย็นชา การอบรมสั่งสอนที่หานเหยียนได้รับตั้งแต่เด็ก สภาพแวดล้อมที่เธออยู่ และญาติ ๆ รอบตัวเธอปฏิบัติต่อประเทศจีนแทบจะเหมือนกับเธอ คนเหล่านั้นยังดูถูกประเทศจีนเข้ากระดูก จึงทำให้เธอกลายเป็นคนแบบนี้ เธอไม่คิดว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นมีอะไรผิด และการที่หานซานเฉียนพูดถึงการอบรมสั่งสอนของตระกูลหานนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นการตำหนิตระกูลหาน สวะของตระกูลย่อยมีสิทธิ์อะไรมาตำหนิตระกูลหาน? “คุณกำลังสงสัยเกี่ยวกับการอบรมสั่งสอนระดับสูงที่ฉันได้รับใช่ไหม? อย่าอวดความรักชาติของคุณต่อหน้าฉัน คุณมันปัญญาอ่อนจนไม่มีอะไรจะแสดงให้เห็น คุณก็คง