เจตนาฆ่าในสายตาของโจวป๋อทำให้หลัวปินเย็นวูบถึงกระดูกสันหลัง แม้ว่าเขาจะไม่รู้รายละเอียดของโจวป๋อ แต่เขาก็พอเดาตัวตนของโจวป๋อได้ เขาน่าจะเป็นพวกอันธพาลไม่กลัวตาย เขาดูอันตรายมาก หลัวปินถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว แม้ว่าเงินจะสำคัญ แต่ชีวิตก็สำคัญยิ่งกว่า “เขาเอาเงินจากคุณไปเท่าไหร่ ผมจะคืนให้” หานซานเฉียนพูดเบา ๆ โจวป๋อชำเลืองมองหานวานเฉียนด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยามอย่างเห็นได้ชัด เขาไม่ต้องการให้ใครช่วยเรื่องคืนเงิน และหลัวปินก็ไม่กล้าขอเงินเขาคืน “หานซานเฉียน เขาเอาเงินของฉันไป นายควรช่วยฉันทำอะไรสักอย่าง แต่ตอนนี้เขาผิดสัญญา แก้ปัญหาด้วยเงินได้ไหม?” ในฐานะนักธุรกิจ แวบแรกหลัวปินคิดถึงการชดเชยค่าเสียหาย โดยจิตใต้สำนึกต้องการรีดไถหานซานเฉียน หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ หลัวปินเต็มไปด้วยความโลภของนักธุรกิจ ตอนนี้เขายังต้องการเพิ่มผลประโยชน์สูงสุด “ผมขอถอนคำพูด ไม่คืนให้แล้ว ถ้าคุณมีความสามารถก็ไปขอเขาเองสิ” หานซานเฉียนกล่าว หลัวปินสีหน้าประหลาดใจ จู่ ๆ หานซานเฉียนก็ยื่นข้อเสนอที่เขาไม่คาดคิด แต่ตอนนี้นอกจากรีดไถไม่สำเร็จ เขากลับสูญเสียทุกอย่าง แต่ไม่กล้าบ่นสักคำ เพราะเจตนาฆ่าในส
หลัวปินพาหลัวสวี้เหยากลับไปโดยไม่เต็มใจ วันนี้ไม่เพียงแต่เขาจะไม่ได้แก้แค้น แต่เขายังอับอายมากขึ้น และยังอยู่ต่อหน้าเทียนฉางเฉิงอีก เขาจะไปป่าวประกาศความอับอายนี้ได้อย่างไร! “คุณปู่ อย่าเลยครับ ช่างมันเถอะ?” หลัวสวี้เหยากล่าวหลังจากออกจากสถาบันศิลปะการต่อสู้ คำพูดของเทียนฉางเฉิงทำให้เขากังวลมาก และเขาไม่อยากร้ายตัวเองเพราะความหุนหันพลันแล่นของหลัวปิน “แกนี่ขี้ขลาดจริง ๆ ฉันจะหวังให้แกทำให้ตระกูลหลัวเจริญได้ยังไง?” หลัวปินพูดน้ำเสียงเย็นชา หลัวสวี้เหยาถอนหายใจ เขาไม่สามารถเปลี่ยนใจหลัวปินได้ เขาได้แต่หวังว่าคำพูดของเทียนฉางเฉิงเป็นแค่การข่มขู่ ไม่อย่างนั้นตระกูลหลัวอาจจบลงจริง ๆ หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ สามคนมาที่เวทีมวย ที่นี่ปิดไม่มีคน และเป็นสถานที่ที่เหมาะสมสำหรับการสนทนา เตาสือเอ้อร์ก็รู้ว่าในสถานการณ์แบบนี้ เขาควรสารภาพบางอย่างกับหานซานเฉียน “พี่ซานเฉียน พี่อยากรู้อะไร ผมจะบอกพี่ทุกอย่างครับ” เตาสือเอ้อร์กล่าว เมื่อเห็นท่าทางของเตาสือเอ้อร์ที่มีต่อหานซานเฉียน โจวป๋อก็รู้สึกไม่พอใจมาก ผู้ชายคนนี้ เขามีสิทธิ์อะไรที่สามารถทำให้พี่เตาถ่อมตนได้? หลังจากที่หานซานเฉียนชำเ
“ยังไม่ขอบคุณพี่ซานเฉียนอีก” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เตาสือเอ้อร์ก็เตะโจวป๋อเบา ๆ โจวป๋อคุกเข่าเหมือนสุนัข เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเตาสือเอ้อร์ถึงมีท่าทางแบบนี้กับหานวานเฉียน ชายหนุ่มคนนี้มีความสามารถแค่ไหนกัน? แม้ว่าเขาจะไม่แน่ใจ แต่โจวป๋อก็ยังไม่กล้าขัดเตาสือเอ้อร์ จึงรีบพูดว่า "ขอบคุณครับพี่ซานเฉียน” “พวกนายทั้งสองไม่ได้เจอกันมากว่าสองปีแล้ว งั้นฉันไม่รบกวนแล้วกัน ระลึกถึงวันเก่า ๆ กันตามสบาย” หลังจากที่หานซานเฉียนพูดจบ เขาก็เดินออกจากเวทีมวย โจวป๋อยืนขึ้นตบฝุ่น และพูดกับเตาสือเอ้อร์ว่า “พี่เตา ผู้ชายคนนี้คือใครเหรอครับ ทำไมพี่ถึงทำเหมือนเป็นลูกน้องเขา? แค่หมัดเดียวผมก็ฆ่าเขาได้แล้ว” เตาสือเอ้อร์มองโจวป๋อด้วยสายตาเย็นชาและดุว่า “เขาเป็นเจ้านายของฉัน ถ้านายอยากอยู่เคียงข้างฉัน นายก็ควรปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ ไม่อย่างนั้นก็ออกไปให้พ้น อีกอย่างการที่นายจะเอาชนะเขาได้มันไม่ง่ายขนาดนั้น เขาเคยเอาฉันอยู่หมัด ถึงฉันจะไม่ได้ใช้แรงอย่างเต็มที่ แต่มันก็ไม่ง่ายเลย ดวงตาของโจวป๋อเบิกกว้าง ผู้ชายคนนี้เคยต่อสู้กับเตาสือเอ้อร์มาก่อน แถมยังเสมอกัน เป็นไปได้อย่างไร! เตาสือเอ้อร์เคยเป็
เหยียนจุนเผชิญหน้ากับหานซานเฉียนยังยิ้มได้แบบนั้น “ช่วงนี้ยังขี้เกียจอยู่หรือเปล่า?” เหยียนจุนถาม หานซานเฉียนจะแสดงท่าทางถ่อมตัวเฉพาะต่อหน้าเหยียนจุนเท่านั้น เมื่อได้ยินสิ่งที่เหยียนจุนพูด หานซานเฉียนก็เกาหัวพลางพูดช้า ๆ “ฝึกน้อยลงนิดหน่อยครับ แต่ก็ยังมีการฝึกขั้นพื้นฐานอยู่ครับ” เหยียนจุนเขกหัวหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าแกต้องขี้เกียจแน่นอน หรือแกลืมสิ่งที่ปู่เหยียนเคยบอกเหรอ?” หานซานเฉียนส่ายหัวไม่หยุด “ไม่ลืมแน่นอนครับ ผมจะลืมได้ยังไงล่ะ” “เงินเป็นสิ่งนอกกาย เงินจำนวนมากไม่สามารถช่วยในยามวิกฤตได้ มีเพียงกำปั้นที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถฝ่าฟันอุปสรรคทั้งหมดไปได้ นี่คือสิ่งที่ปู่เหยียนเตือนแกครั้งสุดท้าย” เหยียนจุนกล่าว คำพูดเหล่านี้ทำให้หานานเฉียนเคร่งเครียดทันที ครั้งสุดท้าย หรือเขาจะไม่ปรากฏตัวอีกแล้ว? “คุณปู่เหยียน ปู่จะไปไหนครับ?” หานซานเฉียนถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ฉันไม่ได้ไปไหน แค่แกโตแล้ว ไม่ต้องให้คนนอกคอยเตือนว่าควรทำอะไร” เหยียนจุนกล่าว หานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกและพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณปู่เหยียนไม่ใช่คนนอก ถ้าผมไม่มีปู่คอยสอน ผมจะยืนหยัดได้ยั
เมื่อเหอถิงเปิดประตูก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์แรงมาก ทำให้เธออดปิดจมูกไม่ได้ สายตามองไม่เห็นใครแต่พอก้มศีรษะลง ก็เห็นหานซานเฉียนทรุดอยู่กับพื้น “ซานเฉียน ทำไมเธอดื่มมาเยอะจัง” เหอถิงย่อตัวลงอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เธอออกกำลังกายมามาก ทำให้เธอพาหานซานเฉียนเข้าไปห้องรับแขก จนแทบจะรับน้ำหนักของหานซานเฉียนไม่ไหว กลิ่นฉุนของแอลกอฮอล์กระจายไปทั่วห้องรับแขกทันที เหอถิงรีบไปต้มน้ำน้ำผึ้งในครัว เพื่อให้หานซานเฉียนดื่มแก้เมาค้าง เจี่ยงเชิงบังเอิญมาที่ห้องรับแขก และเห็นหานซานเฉียนเมามาก ดวงตาของเขาพลันเปล่งประกายทันที เจี่ยงเชิงเดินไปที่โซฟาแล้วพูดเบา ๆ ว่า “หานซานเฉียน นายเป็นยังไงบ้าง?” เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนไม่ตอบสนอง ใบหน้าของเจี่ยงเชิงก็ดูเคร่งขรึมทันที นี่เป็นโอกาสดีที่จะแก้แค้นถ้าเขาเมาและไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาอาจจะไม่สามารถตอบโต้ได้ถ้าถูกทุบตี เจี่ยงเชิงตบหน้าหานซานเฉียนเพื่อหยั่งเชิงอย่างระมัดระวัง เขาไม่กล้าใช้กำลังมากเกินไป เมื่อเห็นว่าหานซานเฉียนยังไม่ตอบสนอง เขาจึงเพิ่มแรงขึ้นเล็กน้อย “แม่งเอ้ย ในที่สุดฉันก็ได้โอกาสแล้ว ผู้ชายเกาะผู้หญิงกินอย่างแกจนถึงทุวันนี้ก็ยังไม่ได้หยิงเซ
“เจี่ยงเชิง แกกำลังทำอะไรอยู่?” จู่ ๆ เสียงดุของเจี่ยงหงก็ดังมาจากด้านหลัง ตอนนี้อาศัยอยู่ใต้ชายคาของคนอื่น เจี่ยงหงไม่อยากให้เจี่ยงเชิงมาทำตัววุ่นวายที่นี่ แม้ว่าเหอถิงจะเป็นแค่คนรับใช้ก็ตาม “คุณปู่” เจี่ยงเชิงหดคอและรีบปล่อยเหอถิง “เกิดอะไรขึ้น?” เจียงหงถาม จู่ ๆ เจี่ยงเชิงแค่มีความคิดที่อยากแก้แค้น เขาจึงต่อยหานซานเฉียน ถ้าเขารู้ว่าเหอถิงจะมาเห็นเข้า เขาคงไม่ทำแบบนั้น “คุณปู่ ผมเห็นว่าหานซานเฉียนเมา ผมก็เลยต่อยหานซานเฉียน แต่ไม่คิดว่าเธอจะมาเจอ” เจี่ยงเชิงกล่าว เจี่ยงหงมองไปที่เจี่ยงเชิงด้วยสายตาโกรธเคือง การทุบตีเขาเพื่อแก้แค้นจะไปมีประโยชน์อะไร ในเมื่อตอนนี้พวกเขาต้องพึ่งพาซูหยิงเซี่ย เพื่อให้เธอช่วยจัดการเรื่องงาน และพวกเขาจะได้มีโอกาสอยู่ในหยุนเฉิง เพื่อปักหลักอยู่ที่หยุนเฉิง เมื่อมีเงินก็ยังไม่สายที่จะแก้แค้น “ฉันเตือนแกก่อนจะมาที่นี่แล้วว่าอย่าสร้างปัญหา ไม่เข้าใจภาษาคนหรือไง?” เจี่ยงหงโกรธมาก เจี่ยงเชิงไม่เคยมีความคิดที่จะแก้แค้นและก็ไม่กล้าขนาดนั้น แต่พอมีโอกาสเข้ามา เข้าก็อดทำไม่ได้ “คุณปู่ ผมขอโทษ ผมอดไม่ไหวจริง ๆ แต่...แต่ตอนนี้เขาโดนต่อยไปแล้ว ผมจะทำย
เมื่อซูหยิงเซี่ยกลับถึงบ้าน เหอถิงก็ถูกไล่ออกไปแล้ว เธอเห็นเพียงหานซานเฉียนที่นอนอยู่บนโซฟาและเจี่ยงหลานที่แสร้งทำเป็นดูแลหานซานเฉียน “กลับมาแล้วเหรอลูก ลูกดูแลเขาให้ดี ๆ นะ กลางวันแสก ๆ ทำไมถึงได้ดื่มเยอะขนาดนี้ เหลวไหลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว” เจี่ยงหลานกล่าวด้วยสีหน้าสะอิดสะเอียน ซูหยิงเซี่ยได้กลิ่นแอลกอฮอล์ทั่วร่างกายของหานซานเฉียนจึงกล่าวด้วยสีหน้างุนงง “ทำไมเขาถึงดื่มมากขนาดนี้” ตั้งแต่รู้จักกับหานซานเฉียนมานานกว่าสามปี แม้ว่าเขาจะดื่มบ้างเป็นบางครั้ง แต่เขาก็เพียงแค่จิบเท่านั้น เขาไม่เคยเมาเลย ยิ่งเมาเละเทะยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย “เธอถามฉัน ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ พาเขากลับไปที่ห้องเถอะ บ้านเหม็นหมดแล้ว” เจี่ยงหลานกล่าว ซูหยิงเซี่ยพยายามที่จะแบกหานซานเฉียนด้วยตัวเอง เจี่ยงหลานไม่ยอมช่วย เธอแค่ยืนมองด้วยสายตาเย็นชา แม้ว่าเหอถิงจะถูกไล่ออกไปแล้ว แต่เจี่ยงหลานก็ยังกังวลว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดเผย ซูหยิงเซี่ยคงโกรธมากจนเจี่ยงหลานคิดวิธีแก้ปัญหาไม่ออก ตอนนี้เธอมีความรู้สึกลึกซึ้งต่อหานซานเฉียน ซึ่งเจี่ยงหลานสามารถรู้สึกได้อย่างชัดเจน ทันทีที่กลับเข้ามาในห้อง หลังจากที่ซูหยิงเซี่ยวางหา
เจี่ยงเชิงนั่งบนโซฟาในห้องรับแขกอย่างกระวนกระวายใจ เมื่อคืนเขาก็ไม่ได้นอนทั้งคืนเพราะเสียใจกับความหุนหันพลันแล่นของตัวเอง ตอนนี้คิดถึงสิ่งที่เจี่ยงหงพูด รอตั้งหลักในหยุนเฉิง และมีเงินก่อนก็มันไม่สายไปที่จะแก้แค้น เขายังไม่ได้ทำงานในบริษัทซู และยังไม่มีเงินใช้ ถ้าเขาถูกไล่ออกไปทั้งสภาพนี้ เกรงว่าทางรอดเดียวคือการเป็นขอทาน เมื่อเห็นเจี่ยงหงมาที่ห้องรับแขก เจี่ยงเชิงก็รีบเดินเข้าไปหาเขาและพูดว่า “คุณปู่ คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นใช่ไหมครับ?” เจี่ยงหงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผ่อนคลาย และพูดว่า “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เมื่อเห็นว่าท่าทางของเจี่ยงหงแตกต่างจากเมื่อวานอย่างเห็นได้ชัด เจี่ยงเชิงก็รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย ทำไมเขาถึงแสดงท่าทางมั่นใจขนาดนี้ เหอถิงคงไม่บอกหานซานเฉียนจริง ๆ ใช่ไหม? “คุณปู่แน่ใจได้ยังไงครับ?” เจียงเชิงถามอย่างสงสัย “เมื่อคืนฉันคุยกับป้าหลานของแกแล้ว เธอได้ส่งคนไปที่บ้านเกิดของเหอถิง เพื่อให้แน่ใจว่าเรื่องนี้จะไม่ถูกเปิดเผย รู้มาว่าเธอสั่งสอนและให้บทเรียนกับผู้หญิงคนนั้นอย่างจริงจัง ฉันเชื่อว่าเธอไม่กล้ามายุ่งหรอก” เจี่ยงหงกล่าวด้วยรอยยิ้ม เจี่ยงเชิงถอนหายใจด
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ