“พวกเธอไม่ต้องกังวลหรอก ฉันเป็นใหญ่สุดในบ้านหลังนี้” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เจี่ยงหงพยักหน้าด้วยความโล่งใจ แม้ว่าหานซานเฉียนจะมีอิทธิพล แต่อย่างน้อยเขาก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมของเจี่ยงหลาน และลูกสาวของเธอก็ยังมีความสามารถมาก ซูหยิงเซี่ยเดินไปข้าง ๆ เจี่ยงหลาน และเตือนเบา ๆ ว่า “อย่าพูดเกินไป ถ้าซานเฉียนโกรธ หนูไม่รู้ด้วยนะคะ” ต่อหน้าทุกคน เจี่ยงหลานไม่เปลี่ยนสีหน้า แต่ในใจเธอไม่กล้าพูดเกินไป หานซานเฉียนเพิ่งไว้หน้าเธอและเธอก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้ หลังจากพูดในสิ่งที่อยากพูดแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็เดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง “ซานเฉียน ถ้าคุณอยากสอนบทเรียนให้เจียงเชิง ฉันจะสนับสนุนคุณโดยไม่มีเงื่อนไขค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หานซานเฉียนส่ายยิ้มเจื่อน ๆ และพูดว่า “ตอนนี้แม่ดูเหมือนแทบอยากจะกินผมไม่ไหวแล้ว ยิ่งไปสอนบทเรียนให้เจียงเชิง ยิ่งเหมือนเป็นการตบหน้าเธอไม่ใช่เหรอครับ” ซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ พลางเดินไปจับมือหานซานเฉียนและพูดว่า “หรือว่าครั้งนี้ คุณจะไว้หน้าเธอเหรอคะ?” หานซานเฉียนหัวเราะและพูดว่า “ในเมื่อภรรยาทูนหัวของผมพูดไปแล้ว มีเหรอผมจะไม่ไว้หน้า” เม
“ซูกั๋วเย่า ยังไม่ทันใช้เงินของคุณเลย คุณเริ่มรู้สึกลำบากใจแล้วเหรอ? พวกเขาคือครอบครัวของฉันนะ ถ้าพวกเขามาเที่ยว ฉันควรไล่พวกเขาออกไปเหรอ?” เจี่ยงหลานมองซูกั๋วเย่าด้วยสายตาไม่พอใจ “คุณไม่เข้าใจผม ผมกังวลว่าพวกเขาจะไม่กลับไป” ซูกั๋วเย่ากล่าว “ไม่กลับไป? ไม่กลับไปได้ยังไง ถ้าพวกเขาไม่กลับบ้านแล้วจะอยู่ทำอะไร?” เจี่ยงหลานงง “ปกติคุณดูเหมือนเป็นคนรู้ทันคน ทำไมถึงคิดไม่ออกล่ะ ตอนนี้หยิงเซี่ยเป็นประธาน คุณไม่คิดเหรอว่าพวกเขามาร่วมครอบครัวของเรา และขอให้หยิงเซี่ยจัดการเรื่องงานให้?” ซูกั๋วเย่าอธิบาย คำพูดเหล่านี้ทำให้เจี่ยงหลานหยุดชะงัก เธอรู้ดีว่าญาติของเธอวัน ๆ เอาแต่ทำตัวไร้เปล่าประโยชน์ แต่ให้พวกเขาเข้ามาทำตัวเป็นแมลงหวี่ในบริษัทคงเป็นไปไม่ได้แน่นอน “เป็นไปไม่ได้หรอก” เจี่ยงหลานกล่าว “คุณยังไม่มั่นใจคำพูดของตัวเองเลย จะให้ผมบอกชัด ๆ ไหม?” ซูกั๋วเย่ากล่าว เดิมทีเจี่ยงหลานคิดแผนการเดินทางของพรุ่งนี้ไว้หมดแล้ว ว่าจะพาพวกเขาไปดูความแตกต่างระหว่าหยุนเฉิงและปินเซี่ยน แต่สิ่งที่ซูกั๋วเย่าพูด ทำให้เธอชะงักไปชั่วขณะ ถ้าเรื่องเป็นไปตามที่ซูกั๋วเย่าพูดจริง ๆ เธอคงต้องคิดหาวิ
หลินซูเจินอยู่ในห้อง เธอนั่งอยู่บนเตียงและไม่ได้นอนเลย “เป็นยังไงบ้าง ตกลงไหม?” หลินซูเจินถาม เจี่ยงหงยิ้มมีเลศนัยและพูดว่า “มีอะไรที่ผมจัดการไม่ได้บ้าง?” หลินซูเจินยิ้มอย่างมีความสุขและพูดว่า “ที่นี่เป็นสถานที่ที่ดี ถ้าฉันได้อยู่ที่นี่ไปตลอด ฉันคงอิ่มเอมใจไปตลอดชีวิต” เจี่ยงหงมองไปรอบ ๆ ห้องที่หรูหรา พร้อมกับถอนหายใจและพูดว่า “ใช่แล้ว สถานที่ที่หรูหราแบบนี้ มีใครไม่อยากมาอยู่บ้าง แถมยังมีคนรับใช้คอยดูแล กว่าจะได้เสวยสุข ถึงแม้จะช้าไปหน่อย แต่ในที่สุดมันก็มาถึง”เมื่อพิจารณาจากน้ำเสียงของเจี่ยงหง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ที่นี่สักพัก นึกย้อนกลับไปตอนที่แม่เฒ่าตระกูลซูยังมีชีวิตอยู่ ในใจก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่แม่เฒ่าตระกูลซูไม่สามารถทำสิ่งนี้ได้เพราะศักดิ์ศรีของเธอ และเห็นได้ชัดว่าเจี่ยงหงไม่ได้อยากเสียหน้า นี่อาจเป็นคุณสมบัติเด่นของตระกูลเจี่ยง ทั้งสามชั่วอายุคนเหมือนกันหมด มีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบ ในห้องรับแขก เจี่ยงหลานอยู่ในสภาพสิ้นหวัง เธอรู้ว่าซูหยิงเซี่ยคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่นอน แต่เจี่ยงหงได้พูดคุยเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และเธอไม่มีทางเลือกอื่น
เจี่ยงหลานไม่แปลกใจเลยว่าทำไมซูหยิงเซี่ยถึงปฏิเสธเรื่องนี้ สมาชิกของตระกูลเจี่ยงเป็นญาติสนิทของเธอ และเจี่ยงหลานก็รู้ความสามารถของพวกเขาดีกว่าใคร ๆ แต่เจี่ยงหงพูดออกมาแล้ว เธอจึงทำได้เพียงพยายามให้ดีที่สุด และนิสัยของซูหยิงเซี่ย แค่ขอร้องด้วยสารพัดวิธี เธอยิ่งมั่นใจว่าเธอสามารถโน้มน้าวซูหยิงเซี่ยได้ “อย่าเพิ่งรีบปฏิเสธ ให้แม่อธิบายให้ลูกฟังก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” เจี่ยงหลานพูดเบา ๆ หานซานเฉียนกลับไปที่ห้อง เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้ ไม่ว่าซูหยิงเซี่ยจะตัดสินใจอย่างไร หานซานเฉียนก็จะเคารพมัน หานซานเฉียนนั่งอยู่ข้างเตียง หยิบอุปกรณ์เซ็นเซอร์ออกมาจากกระเป๋าเงินของเขา มันมีขนาดเล็กมากและอาจหายได้ง่าย แต่สำหรับหานซานเฉียนไม่ใช่ เพราะวันหนึ่งเขาดูมันหลายครั้งมาก เมื่อนับเวลาดูแล้วนั้น ตี้สู่ได้ไปนานแล้ว เขาคงจะเข้าไปอยู่ในเรือนจำตี้ซินแล้ว แต่เซ็นเซอร์กลับไม่ตอบสนองมาสักพัก อาจจะมีอะไรผิดปกติกับเขา หรือว่าจริง ๆ แล้วเรือนจำตี้ซินไม่มีหานเทียนหยาง? เมื่อใดก็ตามที่หานซานเฉียนคิดเรื่องนี้ เขาจะรู้สึกกระสับกระส่าย เขาหวังว่าหานเทียนหยางจะยังมีชีวิตอยู่ เขาคาดหวังมากและกังวลว่าควา
แต่เมื่อย่างเท้าเข้ามาใกล้ ตี้สู่ก็ถูกทุบตีอย่างไร้ความปราณี และหลังจากการทุบตีเสร็จ คนเหล่านั้นก็จากไปอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้พาตี้สู่ออกไปด้วย ตี้สู่นอนอยู่บนพื้น และกระโจนเข้าไปในห้องมืดอีกครั้ง เขารู้สึกสิ้นหวังเป็นครั้งแรก นี่คือสิ่งที่ต้องเจอในเรือนจำตี้ซิน? ไม่เพียงแต่ต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มืดมิดเท่านั้น แต่พวกเขายังถูกถูกทุบตีอีกด้วย? "ฉันอยู่ท่ามกลางแมลงสาบ ไม่มีใครเอาชนะฉันได้!” ตี้สู่พูดพร้อมกัดฟัน จู่ ๆ ห้องก็เริ่มสั่น และคราวนี้ความถี่ในการสั่นมากกว่าครั้งก่อน ๆ พวกแกทั้งแก๊งไม่กลัวเหรอว่าพังสถานที่ห่วย ๆ นี้แล้วมันจะฝังพวกแกทั้งเป็นด้วย” ตี้สู่ตกใจมาก จนตัวสั่นด้วยความกลัว ทำให้เขาแน่ใจมากขึ้นว่าเรือนจำตี้ซินนั้นอยู่ในชั้นใต้ดิน คฤหาสน์บนภูเขา หลังจากที่หานซานเฉียนเก็บเซ็นเซอร์ดีแล้ว ซูหยิงเซี่ยก็บังเอิญกลับมาที่ห้องพอดี เมื่อเห็นท่าทางซึมหงอยไหล่ตกของซูหยิงเซี่ยก็พอจะเดาได้ “คุณตอบตกลงไหม?” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม ซูหยิงเซี่ยกัดริมฝีปาก เธอไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่เธอไม่สามารถเอาชนะเจี่ยงหลานได้ “ซานเฉียน คุณจะไม่ตำหนิฉันใช่ไหมคะ” ซูหยิงเซี่ยก้มหน้า แล
เทียนฉางเฉิงดูถูกเขาในใจ ชายแก่คนนี้มักสร้างปัญหา และหาเหตุผลที่ฟังขึ้น ยังคิดว่าตัวเองเดาไม่ออกจริง ๆ เหรอว่าเขาต้องการจะทำอะไร? “นิสัยของนาย ชอบการแข่งขันมากเกินไป สู้กันมากี่ปี่ต่อกี่ปี นายก็ยังไม่เข้าใจอีก มีครั้งไหนบ้างที่นายไม่แพ้ฉัน?” เทียนฉางเฉิงกล่าวอย่างภาคภูมิใจ คำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหลัวปินมืดลงทันที และเป็นเพราะเขาไม่เคยชนะเทียนฉางเฉิง ดังนั้นเขาจึงคับแค้นใจ ถ้าแค้นนี้ไม่ได้แก้ เขาคงหลับตาไม่ลง แม้ในขณะที่เขากำลังจะตาย ยิ่งไปกว่านั้น หลัวปินต้องวางแผนอนาคตให้กับหลัวสวี้เหยา หากตระกูลหลัวและตระกูลเทียนสามารถแต่งงานได้ ก็จะเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการพัฒนาของหลัวสวี้เหยาในอนาคต แน่นอนว่าความเห็นแก่ตัวของหลัวปินไม่ได้จำกัดอยู่แค่จุดนี้ เขารู้ว่าเทียนฉางเฉิงให้ความสำคัญกับเทียนหลิงเอ๋อร์มาก และมีทรัพย์สมบัตรของตระกูลจำนวนมากที่จะให้เทียนหลิงเอ๋อร์ในอนาคต ถ้าเทียนหลิงเอ๋อร์แต่งงานกับหลัวสวี้เหยา ทรัพย์สินของตระกูลนี้ก็เหมือนทรัพย์สินของตระกูลหลัวไม่ใช่เหรอ? หลัวปินวางแผนแบบนี้มานานแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว “อย่าชะล่าใจไป ครั้งนี้ฉันมั่นใจว่าฉันชนะ รีบเอาไอ
“ปู่ต่างหากที่หดหัว” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดอย่างโกรธเคือง เทียนฉางเฉิงรีบดุ “หลิงเอ๋อร์ พูดแบบนั้นกับปู่หลัวได้อย่างไร” แม้ว่าเทียนฉางเฉิงจะรู้ว่าหลัวปินจงใจยั่วยุเทียนหลิงเอ๋อร์ แต่เทียนหลิงเอ๋อร์อายุน้อยกว่า จะไปพูดกับหลัวปินด้วยน้ำเสียงแบบนั้นได้อย่างไร “ไม่เป็นไร ฉันจะคิดเล็กคิดน้อยกับหลิงเอ๋อร์ทำไม แต่หลิงเอ๋อร์ ต่อให้เธอช่วยเขาพูดมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์หรอก ในฐานะลูกผู้ชาย ก็ต้องมีความรับผิดชอบ เขาไม่กล้าปรากฏตัว จะให้ฉันเชื่อได้ยังไงว่าเขาไม่ใช่คนขี้ขลาดตาขาว มันน่าอายนะ” หลัวปินยิ้ม “หนูจะโทรหาเขาเดี๋ยวนี้แหละ” หลังจากพูดจบ เทียนหลิงเอ๋อร์ก็หยิบโทรศัพท์ของเธอออกมา เทียนฉางเฉิงยิ้มเจื่อน ๆ เทียนหลิงเอ๋อร์ตกหลุมพรางของหลัวปินโดยไม่รู้ตัว “หลัวปิน นายไม่ควรเข้าไปพัวพันกับเรื่องนี้ มันไม่มีประโยชน์หรอก” เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนเป็นเสือที่ดุร้าย จุดจบความโกรธของเสือคือตายไร้ศพ เขาถือว่าเตือนหลัวปินในฐานะเพื่อนเก่า หลัวปินไม่สนใจ และไม่เข้าใจสิ่งที่เทียนฉางเฉิงพูด หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยไปทำงาน เขาก็รับสายเทียนหลิงเอ๋อร์ทันทีที่เขามาถึงคลับเมจิกซิตี้
ระหว่างที่หานซานเฉียนไปสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ เครื่องบินส่วนตัวลำหนึ่งลงจอดที่สนามบินหยุนเฉิง หญิงมีเสน่ห์วัยสามสิบก้าวลงจากเครื่องบินสูงพร้อมกับบอดี้การ์ดหลายคน เมื่อมองแวบแรก ตัวตนของเธอนั้นไม่ธรรมดา เธอมีรูปร่างที่ดีมาก และแทบจะไม่มีข้อบกพร่องใด ๆ ท่าทางที่มีเสน่ห์ของเธอทำให้ผู้คนรู้สึกว่าคนแปลกหน้าไม่ควรเข้าใกล้เธอ อีกทั้งเธอก็มีออร่าที่น่าเกรงขาม แค่ยืนเฉย ๆ ก็ทำให้คนอื่นรู้สึกว่าเธอเป็นคนระดับสูง ออร่าแบบนี้ต้องมาจากตระกูลใหญ่เท่านั้น “พี่เหยียนจะไปหาเขาเมื่อไหร่ครับ” ข้าง ๆ ผู้หญิงมีเสน่ห์เป็นผู้ชายที่ดูเหมือนผู้ช่วยเอ่ยถาม หานเหยียนยิ้มอย่างเหยียดหยามและกล่าวว่า “ญาติที่ไม่ได้มีสายเลือดโดยตรง มีเหตุผลอะไรถึงให้ฉันไปพบเขาด้วยตัวเอง และถ้าไม่ใช่เพราะเขา ฉันจะมาอยู่ในสถานที่แบบนี้ได้ยังไง ไปหาเขา และให้เขาใช้เวลาอยุ่ต่อหน้าฉันให้เร็วที่สุด ฉันไม่อยากเสียเวลาเพราะเขา” หานเหยียนเป็นลูกสาวของตระกูลหานในเขตจีนของสหรัฐอเมริกา ตระกูลหานในอเมริกามีความเชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับตระกูลหานในเหยียนจิง แต่ความสัมพันธ์นี้เริ่มต้นจากรุ่นก่อนของหานเทียนหยาง ดังนั้นจึงมีประวัติศาสต
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ