เมื่อฉี๋อีหยุนออกจากร้านหรู และเดินไปในห้างสรรพสินค้า ทุกแห่งกลายเป็นฉากที่สวยงาม ทุกคนต่างพากันหยุดดู ผู้หญิงต่างก็พากันอิจฉา ส่วนผู้ชายก็ดูหลงใหล ไม่ไกลมากนักมีร่างสูงสะกดรอยตามเธออย่างเงียบ ๆ และต้องการจะฆ่าผู้ชายทุกคนที่จ้องตาฉี๋อีหยุน สำหรับตงฮ้าว การมองฉี๋อีหยุนมากเกินไปถือเป็นการดูหมิ่น น่าเสียดายที่การฆ่าคนไม่สามารถปกปิดออร่าของฉี๋อีหยุนได้ เมื่อเธอสลัดสิ่งที่แปลกปลอมทั้งหมดออก เธอก็ดูสวยเป็นพิเศษ “คุณหนู ไอแค่สวะนั่น ทำให้คุณต้องทำถึงขนาดนี้เลยเหรอครับ” ตงฮ้าวพูดพร้อมกัดฟัน เขารู้ว่าสาเหตุที่ฉี๋อีหยุนเปลี่ยนไปนั้นเป็นเพราะหานซานเฉียน แต่สวะอย่างหานซานเฉียนนั่นมีดีอะไรนักหนา! ตงฮ้าวต้องการฆ่าหานซานเฉียน แต่เขารู้ว่าถ้าเขาทำอย่างนั้นจริง ๆ เขาจะไม่สามารถเข้าใกล้ฉี๋อีหยุนได้อีกในชีวิต หัวใจของเขาเจ็บปวด และไม่ต้องการให้ผู้ชายคนอื่นเห็นความสวยของฉี๋อีหยุน แต่สำหรับเรื่องนี้กลับไม่มีทางเลือก เมื่อฉี๋อีหยุนเดินออกจากห้างสรรพสินค้า ก็ทำให้เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์หลายต่อหลายครั้ง เพียงเพราะแค่เธอยืนอยู่ข้างถนน ผู้ขับขี่เหล่านั้นจดจ่ออยู่กับการมองฉี๋อีหยุนมากเกินไป จึงทำให้ร
“ลูกมีผู้ชายที่ชอบแล้วเหรอคะ?” โอวหยางเฟยถาม “เหมือนจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ หรือว่าต้องไปสืบดูว่าเขาคนนี้เป็นใคร?” ฉี๋ตงหลินกล่าว โอวหยางเฟยรีบส่ายหน้าแล้วพูดว่า “เข้าไปยุ่งกับเรื่องของเธอ คุณอยากโดนดุเหรอ ฉันไม่ช่วยคุณนะ” ฉี๋ตงหลินยิ้มแห้ง ๆ เพราะเขาค่อนข้างกลัว จึงได้แต่ถอนหายใจ ฉี๋อีหยุนแข็งแกร่งมาก เธอทำทุกอย่างด้วยตัวเอง และไม่เคยขอความช่วยเหลือจากทั้งสองคนเลยตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งทำให้ฉี๋อีหยุนต่อต้านเรื่องนี้มาก “ลูกก็โตแล้ว เธอรู้อะไรควรไม่ควร คุณวางใจเถอะค่ะ” โอวหยางเฟยกล่าว ฉี๋ตงหลินพยักหน้าและพูดว่า “ผมคงทำได้เท่านี้แหละ ผมหวังว่าเจ้าเด็กคนนั้นจะไม่ทำให้ผิดหวัง ถ้าเขากล้าทำให้อีหยุนเสียใจ ผมฆ่าเขาแน่” ตอนนี้หานซานเฉียนยังคงเพลิดเพลินกับแอปเปิ้ลที่ซูหยิงเซี่ยปอกให้ “หยิงเซี่ย เมื่อไหร่ผมจะออกจากโรงพยาบาลได้เหรอครับ?” แม้ว่าเขาจะมีความสุขกับการที่ซูหยิงเซี่ยดูแลเขาเป็นอย่างดีที่โรงพยาบาล แต่นั่นก็ไม่ใช่สถานที่ที่ดีนัก หานซานเฉียนจึงไม่อยากอยู่นานกว่านี้ “ฉันถามให้แล้ว มันก็ขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของคุณ อย่างดีก็ใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ค่ะ”
เมื่อเผชิญกับความกังวลของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนรู้เหตุผลเป็นอย่างดี เธอจะต้องคุยโวบางเรื่อง แน่นอนว่าเพื่อรักษาหน้าตัวเอง แต่บางคำก็เกินความจริงจนเกินไป ด้วยนิสัยของเจี่ยงหลาน บางอย่างจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องเตือนเธอ "แม่ ผมรู้ว่าแม่ต้องรักษาหน้าไว้ แต่บางคำพูดก็ไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานหุบยิ้มทันที หลังจากได้ยินประโยคนี้ เธอกลายเป็นคนเคร่งขรึม จากสถานะของเธอ หานซานเฉียนจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร? “หานซานเฉียน อย่าคิดว่าจะชี้แนะฉันได้ เพราะทำเรื่องบางอย่างลงไป เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงจะพูด นั่นก็คือลูกสาวของฉัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เจี่ยงหลานพูดอย่างเย็นชา นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนกังวล เขาแน่ใจว่าเจี่ยงหลานคงไม่เอาเขาไปคุยโว ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อเสียงของเขาในหยุนเฉิงนั้นแย่มาก พูดว่าเขาเก่งกาจอย่างไรคนอื่นก็คงไม่เชื่อ “ผมรู้ ผมก็เลยหวังว่าแม่จะไม่ออกตัวมากจนเกินไปจนเกิดปัญหา ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนในหยุนเฉิงที่ต้องการให้หยิงเซี่ยล้ม ยิ่งแม่โม้ว่าหยิงเซี่ย
“พี่เผิง ผมจะไปเทียบกับพี่ได้ยังไงกัน” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาพบว่ามีร่องรอยของความเศร้าระหว่างคิ้วของเผิงฟาง ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ทั้งหมดอยู่ด้วย หานซานเฉียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก “จริงสิ วันนี้ต่งซานก็โทรหาฉันด้วย บอกว่าจะมาหา เธอสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่” เผิงฟางกล่าว “บังเอิญจัง ตอนนี้เธอยังมาที่นี่บ่อยไหมครับ?” ต่งซานเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจ อ่อนหวานและน่ารัก เธอมักจะมาช่วยที่บ้านแห่งรัก และเธอก็รู้จักกับหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่พูดไป พวกเขาเคยเจอกันไม่เกินสิบครั้งในสองหรือสามปี “ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว บางครั้งก็พาเขามาที่นี่ด้วย แต่แค่ไม่กี่ครั้ง” เผิงฟางกล่าว เมื่อเล่นกับเด็ก ๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ต่งซานก็เดินมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ เด็ก ๆ รอบ ๆ หานซานเฉียนต่างแห่กันไปหาต่งซานทันที “พวกเธอนี่ร้ายจริง ๆ ระวังไว้คราวหน้าพี่จะไม่มาหาแล้ว” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน “ซานเฉียน นายก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอ เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ต่งซานพูดกับหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายที่ยืนข้างเธอคือแฟนที่เผิงฟางพูดถึง เขาชื่อว่าซ่งจี ซ่งจีมองหานซานเฉียนอย่างระแว
คำพูดเหล่านี้ทำให้หานซานเฉียนลำบากใจเล็กน้อย เพราะเหตุการณ์นี้อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากเขาทางอ้อม ตอนที่เขามุ่งเป้าไปที่บริษัทเจียงเหอ กรุ๊ป เขาไม่คิดว่าปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้น แต่ตราบใดที่มันเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน สำหรับหานซานเฉียนแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนสังเกตเห็นว่าซ่งจีแอบเก็บกุญแจรถเบนซ์ การกระทำนี้ทำให้เขาแอบหัวเราะในใจ ผู้ชายคนนี้มีความสุขเมื่อเขาได้โอ้อวด แต่เมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องเงิน เขาก็ตัวแข็งทื่อทันที ราวกับว่ากลัวจะไปขอเงินเขา “พี่เผิง ค่าใช้จ่ายรายเดือนของสถานสงเคราะห์เท่าไหร่ครับ?” หานซานเฉียนถาม “คิดเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ราคาเกือบหมื่น แต่เด็กเหล่านี้อยู่ในช่วงเติบโต ดังนั้นอาหารก็ไม่ควรแย่เกินไป” เผิงฟางกล่าว “ในเมื่อช่วงนี้เป็นช่วงเวลาย่ำแย่ ให้พวกเขากินคุณภาพต่ำมาหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงพวกเขาก็มีปัญหาอยู่แล้ว สุขภาพดีจะมีประโยชน์อะไร” ซ่งจีพูดเบา ๆ ประโยคนี้ทำให้เผิงฟางไม่พอใจอย่างมาก สถานสงเคราะห์ไม่ยอมรับใครก็ตามที่มีจิตใจอคติ แต่เขาเป็นแฟนของต่งซาน เผิงฟางจึงไม่สามารถกล่าวโทษเขาโดยตรงได้“ซ่งจี คุณพู
“คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” ซ่งจีปลดล็อกรถอย่างภาคภูมิใจ พลางชี้ไปที่รถเบนซ์แล้วพูดกับหานซานเฉียน “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอ และผมก็ต้องหาวิธีที่แก้ปัญหาให้บ้านแห่งรักด้วย” หานซานเฉียนกล่าว “ยังจะอวดดีอีกนะ โอเค ผมจะไม่แฉคุณ คุณมีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะ” ซ่งจีพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นรถแล้วทั้งสองก็ขับออกไป ต่งซานพูดกับซ่งจีในรถว่า “คุณไม่เคยมีปัญากับเขา แล้วทำไมคุณถึงต้องทำให้เขาลำบากใจด้วยคะ" “ผมทนฟังผู้ชายขี้โม้แบบนี้ไม่ได้ คุณก็ดูเขาสิ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วยังคุยโวว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาเรื่องบ้านแห่งรักได้ เขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซ่งจีพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เขามีใจคิดจะช่วย” ต่งซานกล่าว “คุณยังไร้เดียงสาเกินไป มีใจแล้วมีประโยชน์ไหม? เขาแค่คุยโม้ต่อหน้าผม เพื่อสนองความไร้สาระของเขาเองไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ฉีกหน้าเขาก็ถือว่าไว้หน้าคุณแล้วนะ” ซ่งจีพูดต่งซานถอนหายใจ ในใจเธอหวังจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนจะช่วยได้ ถ้าเขาไม่สามารถช่วยได้ บ้านแห่งรักอาจจะพังลงได้“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ
หลังจากที่เทียนหลิงเอ๋อร์ออกมา เทียนฉางเฉิงก็ไม่มีโอกาสพูดต่อ เขาจึงปล่อยให้หานซานเฉียนไป แม้แต่ขึ้นรถเขาไปเขาก็ไม่กล่าวลากับเทียนฉางเฉิง ในขณะนี้ เทียนหลิงเอ๋อร์มีเพียงหานซานเฉียนในสายตา เทียนฉางเฉิงก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับสิ่งนี้ “พี่หายไปไหนมา ไม่ได้ข่าวซะนานเลย” เทียนหลิงเอ๋อร์ถามหานซานเฉียนในรถ “ฉันไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับซูหยิงเซี่ยที่เกาะจีเหยียนมา” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินคำว่าหยิงเซี่ย สีหน้าของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็นิ่งเฉยทันที ถ้ารู้ว่าเขาไปเกาะจีเหยียนกับซูหยิงเซี่ยมา เธอจะไม่ถามคำถามนี้เลย “พี่รู้ไหมว่าร้านอยู่ไหน?” เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปลี่ยนเรื่อง“ฉันเพิ่งกลับมา ฉันจะรู้ได้ยังไง แต่มันเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดคุณหนูเทียนได้ คงไม่เลวใช่ไหม” หานซานเฉียนกล่าว “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันดีไม่ดี แค่โฆษณามันดึงดูดจนคนเกือบทั้งเมืองรู้จัก ฉันจะเปิดแผนที่ให้ แล้วพี่ก็ขับไปตามเส้นทางนะคะ” เทียนหลิงเอ๋อร์หยิบโทรศัพท์ออกมา และจงใจเปิดมันต่อหน้าหานซานเฉียน ภาพพักหน้าจอคือภาพถ่ายของหานซานเฉียน เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปิดแผนที่อย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าหานซานเฉียนได้เห็นสิ่งที่เธ
“คุณหนูเทียน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมา ผมโชคดีที่ได้พบคุณครั้งหนึ่งที่โรงยิมมวยของคุณท่านเทียน ไม่รู้ว่าคุณจำได้ไหม” เจ้าของร้านพูดด้วยรอยยิ้ม “จำไม่ได้ค่ะ ร้านของคุณยังมีโต๊ะว่างไหมคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดตามตรง เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของเจ้าของร้าน ปากหานซานเฉียนก็กระตุก วันนี้เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็ดูแลอารมณ์ของเจ้าของร้านบ้าง “มี มี มีครับ มีแน่นอน คุณเทียนเชิญตามผมมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านรีบพูดโดยไม่สนใจท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะนี่คือคุณหนูคนโตของตระกูลเทียน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มารับประทานอาหารที่ร้านของเขา เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร หานซานเฉียนมองแขกจำนวนมากที่อยู่ข้างใน แต่เขาไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จัก และอีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน “หานซานเฉียน เจ้าบ้านั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซ่งจีพูดด้วยท่าทางระแวดระวัง “คงบังเอิญ ถ้าคุณมา เขาก็มาได้” ต่งชานไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากบังเอิญเจอกันที่ร้านข้าว? “มันช่างบังเอิญจริง ๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะตั้งใจตามเรามา ผมบอกแล้วว่าเขามีเจตนาไม่ดีกับคุณ แต่คุณก็ยังไม่เชื่อ” ซ่งจีพู
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ