เมื่อเผชิญกับความกังวลของเจี่ยงหลาน หานซานเฉียนรู้เหตุผลเป็นอย่างดี เธอจะต้องคุยโวบางเรื่อง แน่นอนว่าเพื่อรักษาหน้าตัวเอง แต่บางคำก็เกินความจริงจนเกินไป ด้วยนิสัยของเจี่ยงหลาน บางอย่างจะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว ดังนั้นหานซานเฉียนจึงต้องเตือนเธอ "แม่ ผมรู้ว่าแม่ต้องรักษาหน้าไว้ แต่บางคำพูดก็ไม่สามารถพูดเรื่อยเปื่อยได้ ไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้นะครับ” หานซานเฉียนกล่าว เจี่ยงหลานหุบยิ้มทันที หลังจากได้ยินประโยคนี้ เธอกลายเป็นคนเคร่งขรึม จากสถานะของเธอ หานซานเฉียนจะมาวิพากษ์วิจารณ์ได้อย่างไร? “หานซานเฉียน อย่าคิดว่าจะชี้แนะฉันได้ เพราะทำเรื่องบางอย่างลงไป เธอไม่ต้องกังวล ฉันไม่ได้พูดอะไร แต่ถึงจะพูด นั่นก็คือลูกสาวของฉัน ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ” เจี่ยงหลานพูดอย่างเย็นชา นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนกังวล เขาแน่ใจว่าเจี่ยงหลานคงไม่เอาเขาไปคุยโว ท้ายที่สุดแล้ว ชื่อเสียงของเขาในหยุนเฉิงนั้นแย่มาก พูดว่าเขาเก่งกาจอย่างไรคนอื่นก็คงไม่เชื่อ “ผมรู้ ผมก็เลยหวังว่าแม่จะไม่ออกตัวมากจนเกินไปจนเกิดปัญหา ตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนกี่คนในหยุนเฉิงที่ต้องการให้หยิงเซี่ยล้ม ยิ่งแม่โม้ว่าหยิงเซี่ย
“พี่เผิง ผมจะไปเทียบกับพี่ได้ยังไงกัน” หานซานเฉียนพูดด้วยรอยยิ้ม เขาพบว่ามีร่องรอยของความเศร้าระหว่างคิ้วของเผิงฟาง ต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน แต่ตอนนี้เด็ก ๆ ทั้งหมดอยู่ด้วย หานซานเฉียนจึงไม่ได้พูดอะไรมาก “จริงสิ วันนี้ต่งซานก็โทรหาฉันด้วย บอกว่าจะมาหา เธอสองคนไม่ได้เจอกันนานแล้วนี่” เผิงฟางกล่าว “บังเอิญจัง ตอนนี้เธอยังมาที่นี่บ่อยไหมครับ?” ต่งซานเป็นผู้หญิงที่มีน้ำใจ อ่อนหวานและน่ารัก เธอมักจะมาช่วยที่บ้านแห่งรัก และเธอก็รู้จักกับหานซานเฉียนเป็นอย่างดี แต่พูดไป พวกเขาเคยเจอกันไม่เกินสิบครั้งในสองหรือสามปี “ตอนนี้เธอมีแฟนแล้ว บางครั้งก็พาเขามาที่นี่ด้วย แต่แค่ไม่กี่ครั้ง” เผิงฟางกล่าว เมื่อเล่นกับเด็ก ๆ ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ต่งซานก็เดินมาพร้อมกับขนมถุงใหญ่ เด็ก ๆ รอบ ๆ หานซานเฉียนต่างแห่กันไปหาต่งซานทันที “พวกเธอนี่ร้ายจริง ๆ ระวังไว้คราวหน้าพี่จะไม่มาหาแล้ว” หานซานเฉียนยิ้มเจื่อน “ซานเฉียน นายก็มาที่นี่เหมือนกันเหรอ เราไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ต่งซานพูดกับหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายที่ยืนข้างเธอคือแฟนที่เผิงฟางพูดถึง เขาชื่อว่าซ่งจี ซ่งจีมองหานซานเฉียนอย่างระแว
คำพูดเหล่านี้ทำให้หานซานเฉียนลำบากใจเล็กน้อย เพราะเหตุการณ์นี้อาจกล่าวได้ว่าเกิดจากเขาทางอ้อม ตอนที่เขามุ่งเป้าไปที่บริษัทเจียงเหอ กรุ๊ป เขาไม่คิดว่าปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้น แต่ตราบใดที่มันเป็นปัญหาที่สามารถแก้ไขได้ด้วยเงิน สำหรับหานซานเฉียนแล้วมันไม่ใช่ปัญหาเลย ในขณะเดียวกัน หานซานเฉียนสังเกตเห็นว่าซ่งจีแอบเก็บกุญแจรถเบนซ์ การกระทำนี้ทำให้เขาแอบหัวเราะในใจ ผู้ชายคนนี้มีความสุขเมื่อเขาได้โอ้อวด แต่เมื่อพูดถึงปัญหาเรื่องเงิน เขาก็ตัวแข็งทื่อทันที ราวกับว่ากลัวจะไปขอเงินเขา “พี่เผิง ค่าใช้จ่ายรายเดือนของสถานสงเคราะห์เท่าไหร่ครับ?” หานซานเฉียนถาม “คิดเฉพาะค่าอาหาร ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ราคาเกือบหมื่น แต่เด็กเหล่านี้อยู่ในช่วงเติบโต ดังนั้นอาหารก็ไม่ควรแย่เกินไป” เผิงฟางกล่าว “ในเมื่อช่วงนี้เป็นช่วงเวลาย่ำแย่ ให้พวกเขากินคุณภาพต่ำมาหน่อยคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงพวกเขาก็มีปัญหาอยู่แล้ว สุขภาพดีจะมีประโยชน์อะไร” ซ่งจีพูดเบา ๆ ประโยคนี้ทำให้เผิงฟางไม่พอใจอย่างมาก สถานสงเคราะห์ไม่ยอมรับใครก็ตามที่มีจิตใจอคติ แต่เขาเป็นแฟนของต่งซาน เผิงฟางจึงไม่สามารถกล่าวโทษเขาโดยตรงได้“ซ่งจี คุณพู
“คุณจะไปไหน เดี๋ยวผมไปส่ง” ซ่งจีปลดล็อกรถอย่างภาคภูมิใจ พลางชี้ไปที่รถเบนซ์แล้วพูดกับหานซานเฉียน “ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากเป็นก้างขวางคอ และผมก็ต้องหาวิธีที่แก้ปัญหาให้บ้านแห่งรักด้วย” หานซานเฉียนกล่าว “ยังจะอวดดีอีกนะ โอเค ผมจะไม่แฉคุณ คุณมีความสุขก็ทำไปเถอะ ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนล่ะ” ซ่งจีพูดด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นรถแล้วทั้งสองก็ขับออกไป ต่งซานพูดกับซ่งจีในรถว่า “คุณไม่เคยมีปัญากับเขา แล้วทำไมคุณถึงต้องทำให้เขาลำบากใจด้วยคะ" “ผมทนฟังผู้ชายขี้โม้แบบนี้ไม่ได้ คุณก็ดูเขาสิ เป็นแค่ผู้ชายธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แล้วยังคุยโวว่าตัวเองสามารถแก้ปัญหาเรื่องบ้านแห่งรักได้ เขามีอำนาจมากขนาดนั้นเลยเหรอ?” ซ่งจีพูดอย่างเหยียดหยาม “ไม่ว่าเขาจะมีอำนาจหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เขามีใจคิดจะช่วย” ต่งซานกล่าว “คุณยังไร้เดียงสาเกินไป มีใจแล้วมีประโยชน์ไหม? เขาแค่คุยโม้ต่อหน้าผม เพื่อสนองความไร้สาระของเขาเองไม่ใช่เหรอ? ผมไม่ฉีกหน้าเขาก็ถือว่าไว้หน้าคุณแล้วนะ” ซ่งจีพูดต่งซานถอนหายใจ ในใจเธอหวังจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนจะช่วยได้ ถ้าเขาไม่สามารถช่วยได้ บ้านแห่งรักอาจจะพังลงได้“อย่าเพิ่งอารมณ์เสียสิ
หลังจากที่เทียนหลิงเอ๋อร์ออกมา เทียนฉางเฉิงก็ไม่มีโอกาสพูดต่อ เขาจึงปล่อยให้หานซานเฉียนไป แม้แต่ขึ้นรถเขาไปเขาก็ไม่กล่าวลากับเทียนฉางเฉิง ในขณะนี้ เทียนหลิงเอ๋อร์มีเพียงหานซานเฉียนในสายตา เทียนฉางเฉิงก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับสิ่งนี้ “พี่หายไปไหนมา ไม่ได้ข่าวซะนานเลย” เทียนหลิงเอ๋อร์ถามหานซานเฉียนในรถ “ฉันไปถ่ายพรีเวดดิ้งกับซูหยิงเซี่ยที่เกาะจีเหยียนมา” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินคำว่าหยิงเซี่ย สีหน้าของเทียนหลิงเอ๋อร์ก็นิ่งเฉยทันที ถ้ารู้ว่าเขาไปเกาะจีเหยียนกับซูหยิงเซี่ยมา เธอจะไม่ถามคำถามนี้เลย “พี่รู้ไหมว่าร้านอยู่ไหน?” เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปลี่ยนเรื่อง“ฉันเพิ่งกลับมา ฉันจะรู้ได้ยังไง แต่มันเป็นสถานที่ที่สามารถดึงดูดคุณหนูเทียนได้ คงไม่เลวใช่ไหม” หานซานเฉียนกล่าว “ฉันก็ไม่รู้ว่ามันดีไม่ดี แค่โฆษณามันดึงดูดจนคนเกือบทั้งเมืองรู้จัก ฉันจะเปิดแผนที่ให้ แล้วพี่ก็ขับไปตามเส้นทางนะคะ” เทียนหลิงเอ๋อร์หยิบโทรศัพท์ออกมา และจงใจเปิดมันต่อหน้าหานซานเฉียน ภาพพักหน้าจอคือภาพถ่ายของหานซานเฉียน เทียนหลิงเอ๋อร์รีบเปิดแผนที่อย่างรวดเร็ว เธอเชื่อว่าหานซานเฉียนได้เห็นสิ่งที่เธ
“คุณหนูเทียน คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมา ผมโชคดีที่ได้พบคุณครั้งหนึ่งที่โรงยิมมวยของคุณท่านเทียน ไม่รู้ว่าคุณจำได้ไหม” เจ้าของร้านพูดด้วยรอยยิ้ม “จำไม่ได้ค่ะ ร้านของคุณยังมีโต๊ะว่างไหมคะ?” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดตามตรง เมื่อเห็นสีหน้าอึดอัดของเจ้าของร้าน ปากหานซานเฉียนก็กระตุก วันนี้เทียนหลิงเอ๋อร์ต้องไม่ไว้หน้ากันเกินไปแล้ว อย่างน้อยก็ดูแลอารมณ์ของเจ้าของร้านบ้าง “มี มี มีครับ มีแน่นอน คุณเทียนเชิญตามผมมาได้เลยครับ” เจ้าของร้านรีบพูดโดยไม่สนใจท่าทางของเทียนหลิงเอ๋อร์ เพราะนี่คือคุณหนูคนโตของตระกูลเทียน นับเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มารับประทานอาหารที่ร้านของเขา เมื่อเดินเข้าไปในร้านอาหาร หานซานเฉียนมองแขกจำนวนมากที่อยู่ข้างใน แต่เขาไม่คิดว่าจะเจอคนรู้จัก และอีกฝ่ายก็เห็นเขาเช่นกัน “หานซานเฉียน เจ้าบ้านั่นมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” ซ่งจีพูดด้วยท่าทางระแวดระวัง “คงบังเอิญ ถ้าคุณมา เขาก็มาได้” ต่งชานไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร แล้วจะเป็นอะไรไปได้อีกนอกจากบังเอิญเจอกันที่ร้านข้าว? “มันช่างบังเอิญจริง ๆ ผมคิดว่าเขาอาจจะตั้งใจตามเรามา ผมบอกแล้วว่าเขามีเจตนาไม่ดีกับคุณ แต่คุณก็ยังไม่เชื่อ” ซ่งจีพู
เทียนหลิงเอ๋อร์ไม่พอใจมากที่ซ่งจีบุกรุกเข้าไปในห้อง เพราะกว่าจะมีโอกาสได้กินข้าวกับหานซานเฉียน แม้แต่เทียนฉางเฉิงก็ไม่กล้ารบกวนเธอ การบุกรุกเข้ามาของซ่งจีนั้น เป็นการทำลายบรรยากาศเธอโดยสิ้นเชิง“ออกไป” เทียนหลิงเอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงทุ้ม โดยไม่แม้แต่จะมองไปที่ซ่งจีซ่งจีหน้าตาเฉยเมย และแสดงท่าทางที่ดีต่อเทียนหลิงเอ๋อร์แล้วพูดว่า “สาวน้อย เธอรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขากำลังพยายามจะหลอกลวงเธอนะ อย่าไปหลงกลเขาเด็ดขาด ถ้าฉันไม่เข้ามาขวาง เธออาจถูกหลอกทั้งเงินทั้งเซ็กส์”เทียนหลิงเอ๋อร์อยากถูกหลอก แต่ก็น่าเสียดายที่เธอรู้ว่าหานซานเฉียนไม่สนใจเธอ“ฉันจะเตือนคุณอีกครั้ง ออกไป” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่าวตอนนี้ซ่งจีไม่สบายใจ เขาทำเพื่อประโยชน์ของเด็กผู้หญิง แต่คำพูดของเธอกลับไม่มีมารยาทเลยราวกับไม่รู้ว่าเขาหวังดี“สาวน้อย เธอพูดแบบนี้ไม่ถูกนะ ฉันช่วยเธอ แต่เธอกลับไล่ฉัน เธอไม่อยากรู้เหรอว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนแบบไหน” ซ่งจีพูดเทียนหลิงเอ๋อร์มองซ่งจีด้วยหางตาและพูดว่า “คุณเป็นใคร ฉันถึงต้องการความช่วยเหลือจากคนอย่างคุณ?”หานซานเฉียนดูฉากนี้ด้วยรอยยิ้ม เห็นได้ชัดว่าซ่งจีไม่รู้ว่าเทียนหลิงเอ๋อร์คือใคร
“คุณแน่ใจเหรอว่าผมเป็นคนหลอกลวง” หานซานเฉียนถามด้วยรอยยิ้ม นอกจากหมดหนทางแล้ว เขาไม่รู้สึกโกรธ เพราะในสายตาของเขา เพลี้ยอย่างซ่งจีไม่มีค่าอะไรเลย เขาจะโมโหเพราะคนแบบนี้ได้อย่างไร “ใช่ และแน่นอนที่สุด” ซงจีพูดอย่างเย่อหยิ่ง แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่รู้อะไรเลย เขาแค่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น “เฮ้อ ไปดีกว่า ผมไม่สนใจคุณแล้ว” หานซานเฉียนถอนหายใจ แม้ว่ามันง่ายมากที่จะทุบมดให้ตาย แต่ถึงทำแบบนั้นก็ไม่รู้สึกถึงความสำเร็จ แล้วทำไมต้องเสียแรงเปล่า ซงจีเย้ยหยันและพูดว่า “คุณกลัวว่าผมจะเปิดโปงคุณล่ะสิ ไม่ต้องกังวลหรอก ผมเปิดโปงคุณก่อนไปแน่นอน” “ผมให้โอกาสคุณออกไปอย่างปลอดภัย ในเมื่อคุณต้องการอยู่ที่นี่จริง ๆ ก็อยู่ต่อไป ผมหวังว่าคุณจะรับผลที่ตามมาได้นะ” หานซานเฉียนกล่าว ซ่งจีมองท่าทางนิ่งขรึมของหานซานเฉียน และยังขู่เขาอีก ในใจก็รู้สึกดูถูกเหยียดหยามมากขึ้น เขาจะปล่อยสวะแบบนี้ไปได้อย่างไร? เทียนหลิงเอ๋อร์โกรธมาก อาจกล่าวได้ว่าเธอไม่เคยโกรธมาก่อน เพราะเธอเกิดในสภาพแวดล้อมอีกแบบ จึงไม่เคยมีใครยั่วยุเธอแบบนี้ เจ้าของร้านเดินเข้ามาเสิร์ฟอาหารด้วยตนเอง เมื่อเขาเห็นซ่งจีก็รู้สึกได้ว่าบรรยากาศในห้องเห