“คุณคิดจะทำอะไร?” ซูหยิงเซี่ยถาม“วันนี้ผมสามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ในเมื่อเขาชอบการคุกเข่ามาก ผมก็เลยจะทำให้เขารู้สึกพึงพอใจ” หานซานเฉียนพูดอย่างคลุมเครือ ในขณะทานข้าวเมื่อเผชิญหน้ากับความมั่นใจอย่างแรงกล้าของหานซานเฉียน แม้ว่าจะไม่สงสัยเลยว่าหานซานเฉียนจะทำได้หรือไม่ แต่ในใจของเธอมีร่องรอยของความกังวลอยู่ อย่างไรเสีย กลุ่มคนที่เจียงฟู่รวบรวมล้วนเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงมากอิทธิพลในหยุนเฉิง และตอนนี้ตระกูลเทียนก็ไม่สามารถช่วยเหลือหานซานเฉียนได้ ทำได้เพียงแค่พึ่งพาความสามารถของหานซานเฉียนแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เขาจะสามารถรับมือกับตระกูลที่มีอิทธิพลเหล่านั้นได้เหรอ?ในตอนนั้นเองโทรศัพท์ของซูหยิงเซี่ยก็ดังขึ้น“หยิงเซี่ย เธอได้ยินหรือยังว่าคนพวกนั้นต้องการให้หานซานเฉียนไปคุกเข่าที่จัตุรัสเหรินหมิน เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วแล้ว ได้ยินมาว่าคนจำนวนไม่น้อยไปที่จัตุรัสเหรินหมินเพื่อรอดูอย่างใกล้ชิด ตอนนี้มีคนไปจองที่ที่จัตุรัสเหรินหมินแล้วด้วย” เฉินหลิงเหยากล่าว“ฉันได้ยินมาบ้างแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดด้วยสีหน้าที่ไม่น่ามอง เจียงฟู่จงใจปล่อยข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาต้องการให้คนทั้งเมือง
เจียงเหอ กรุ๊ปหลังจากการประชุมภายในสิ้นสุดลง เมื่อเจียงไห่กำลังจะออกไป ผู้บริหารระดับสูงของบริษัทแห่งหนึ่งยิ้มและพูดกับเขาว่า "ท่านประธานเจียง หลายวันมานี้คุณเจียงฟู่ได้รับความสนใจจากคนมากมาย อิทธิพลของเขานี่ไม่เคยลดลงเลยนะครับ"เมื่อได้ยินประโยคนี้ เจียงไห่ยิ้มเพียงเล็กน้อย และกล่าวว่า “อิทธิพลอะไรกันล่ะ ช่วงนี้ท่านอาจจะเบื่อ ๆ น่ะ ก็เลยหาอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้ตัวเองทำ”“ครั้งนี้ตระกูลซูคงถูกท่านเจียงเล่นงานจนน่าสมเพชเลยก็ได้นะครับ ซูหยิงเซี่ยคนนั้นช่างโชคร้ายจริง ๆ กว่าเธอจะได้ขึ้นเป็นประธานบริษัทตระกูลซู คาดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าก่อความยุ่งยากให้กับท่านเจียง นี่มันรนหาที่ตายให้ตัวเองชัด ๆ” ผู้บริหารระดับสูงกล่าว“ฉันได้ยินมาว่าเธอทำเพื่อปกป้องคนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียนคนนั้น ไม่รู้เลยว่าเธอคิดอะไรอยู่” ผู้บริหารระดับสูงอีกคนเยาะเย้ย ทุกคนในหยุนเฉิงรู้เรื่องนี้ดี คนในเจียงเหอ กรุ๊ป เองก็ย่อมเคยได้ยินเรื่องนี้มา นายใหญ่ลงมือเล่นงานตระกูลซูเองขนาดนี้ ตอนนี้ไม่รู้เลยว่ามีคนกี่คนที่รอดูเรื่องสนุกนี้อยู่“หานซานเฉียนคนนี้ ทำให้ผู้ชายอย่างพวกเราอับอายขายหน้า เพราะฉะนั้นให้พ่อของฉันจัดก
เมื่อม่อหยางเห็นเจียงไห่ เขาก็จงใจลุกขึ้นและจัดเสื้อผ้าของเขา พร้อมกับกล่าวด้วยท่าทางขอโทษว่า “ประธานเจียง ผมต้องขอโทษจริง ๆ กับการเจอกันครั้งแรกของเรา แต่ผมกลับแต่งตัวไม่สุภาพ” “พี่ใหญ่ม่อ อย่าพูดอย่างนี้เลยครับ เจียงไห่ก็เป็นแค่คนธรรมดาคนนึงเท่านั้น จะต้องให้พี่ใหญ่แต่งตัวสุภาพมาได้ยังไงกัน?” เจียงไห่กล่าว“ในเมื่อนายรู้ตัวว่า ตัวเองเป็นแค่คนธรรมดา แล้วยังกล้าจะรนหาที่ตายอีกเหรอไง?” ม่อหยางกล่าวอย่างดูถูกที่เจียงไห่แสดงตัวว่าเป็นบุคคลธรรมดานั้นเป็นการแสดงความอ่อนน้อมถ่อมตนของเขา แต่เขานึกไม่ถึงเลยว่าม่อหยางจะพูดแบบนี้ แสดงว่าเขานั้นไม่ได้รับความสนใจจากม่อหยางเลยสักนิดเจียงไห่กัดฟันกรอดอย่างโกรธเคือง และพูดว่า “พี่ใหญ่ม่อ คุณหมายความว่าอะไร ผมก็ถือเป็นบุคคลมีชื่อเสียงที่โด่งดังคนหนึ่งในหยุนเฉิงเหมือนกัน หากคุณเจตนาจะมาจ้องจับผิดรวมถึงหาเรื่องผม เจียงไห่คนนี้ก็ใช่ว่าจะมาหาเรื่องกันได้ง่าย ๆ”“ที่ฉันมาหานายวันนี้ก็เพื่อจะส่งข่าวให้นายเรื่องหนึ่ง และถือว่าเป็นการช่วยตระกูลเจียงของนายด้วย ส่วนนายจะโด่งดังแค่ไหน มันก็ไม่เกี่ยวกับฉัน” ม่อหยางกล่าว“เฮอะ” เจียงไห่พ่นลมอย่างเย็นชา แ
“พ่อต้องให้หานซานเฉียนคุกเข่าใช่ไหม พ่อถึงจะพอใจ?” เจียงไห่ถาม“ก็ใช่น่ะสิ” เจียงฟู่พูดอย่างมั่นใจ “ฉันอายุปูนนี้แล้ว ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรทั้งนั้นนอกจากศักดิ์ศรี แกคงไม่รู้ว่าคนภายนอกพูดถีงสมาคมหมากล้อมหยุนเฉิงยังไง ถึงตอนนี้ฉันจะลาออกจากสมาคมแล้ว แต่ก็โดนด่าไปไม่น้อย ถ้าไม่ได้ล้างแค้น แบบนี้ตายตาไม่หลับแน่ ”เจียงไห่ถอนหายใจ เขาเป็นคนที่ค่อนข้างกตัญญูและใส่ใจความรู้สึกของเจียงฟู่เป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้ เรื่องนี้เป็นปัญหามากกว่าที่เจียงฟู่นั้นจินตนาการไว้เจียงไห่ไม่อยากจะผิดใจกับม่อหยาง และยิ่งไม่อยากฉีกหน้าม่อหยางด้วย ถึงยังไงเขาก็เป็นคนในพื้นที่สีเทา ถ้าหากว่าเขาจะสร้างปัญหาให้ตระกูลซูจริง ๆ นี่คงจะเป็นเรื่องที่ทำให้คนปวดหัวมาก “เราไม่มีทางหนีทีไล่อื่น อย่างการเจรจาเลยเหรอครับ?” เจียงไห่กล่าวเมื่อเจียงฟู่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ เขาก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อดูท่าทีของเจียงไห่ ดูเหมือนว่าจะต้องการให้เขาทำเรื่องใหญ่ให้เป็นเรื่องเล็ก นี่จึงทำให้เจียงฟู่เผยสีหน้าไม่พอใจออกมา“เจียงไห่ นี่แกหมายความว่ายังไง ฉันจะทำอะไรต้องให้แกมาสั่งสอนด้วยหรือไง? แค่จะจัดการกับคนไร้ประโยชน์
“พี่ใหญ่ม่อฉลาดมาก พอคนเหล่านี้มา ก็สามารถกวาดเรียบไม่เหลือ” หลินหย่งกล่าว ม่อหยางพยักหน้าด้วยรอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “โตแล้วสอนกันได้ แต่น่าเสียดายที่นายขี้ขลาดไปหน่อย” ประโยคนี้พูดกระแทกเข้ากับความเจ็บปวดรวดร้าวภายในใจหลินหย่งเข้าอย่างจัง หากเขาไม่ได้มีการแสดงออกที่ไม่เด็ดขาดในบ่อนคาสิโน เขาก็อาจจะนั่งอยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของม่อหยางก็ได้ แต่เรื่องนี้ก็ผ่านไปนานแล้ว หลินหย่งเองก็ได้ปล่อยวางไปแล้ว จะคนเดียวหรือสองคนก็ไม่มีความแตกต่างกันเท่าใดนัก อีกอย่างยังสามารถลดปัญหาออกไปได้มากอีกด้วยจันทร์กระจ่างพร่างพราวนภา ชายหนุ่มหญิงสาวที่มาสนุกกันที่ไนต์คลับทยอยกันเข้ามา ไม่นานที่นั่งในไนต์คลับก็ไม่เหลือที่ว่าง ในฐานะไนต์คลับที่ได้รับความนิยมที่สุดในหยุนเฉิง คลับเมจิกซิตี้แทบไม่มีคู่แข่งเลย ในเวลานี้ มีคนวัยกลางคนหลายคนยืนอยู่ที่ประตูคลับเมจิกซิตี้ หนึ่งในนั้นคือเจียงไห่ ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนเป็นลูกชายของสมาชิกสมาคมอื่น ๆ พวกเขามาที่นี่พร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “ม่อหยางไปหาพวกคุณด้วยหรือเปล่า” เจียงไห่ถามพวกเขา“ใช่ เขาต้องการให้พ่อของฉันคุกเข่าที่จัตุรัสเหรินหมินในวันพรุ่งนี้” “อีกอย่าง
คฤหาสน์ใจกลางเนินเขาบนโต๊ะอาหารเงียบสงบมาก เพราะพรุ่งนี้เป็นเส้นตายที่เจียงฟู่กำหนดไว้ หานซานเฉียนต้องคุกเข่าที่จัตุรัสเหรินเหมิน เจี่ยงหลานได้เห็นภาพเหตุการณ์ในจัตุรัสเหรินเหมินทางวีแชท คนเหล่านั้นจองที่นั่งกันข้ามคืนเพื่อมาดูความสนุก ดูว่างมากจนฟุ้งซ่าน เรื่องนี้ทำให้เจียงหลานยิ่งกังวลมากขึ้นผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ถ้าหานซานเฉียนไม่สามารถหาทางออกได้ และไปคุกเข่าที่จัตุรัสเหรินเหมิน เธอจะไม่เหลือศักดิ์ศรีอยู่เลย ต่อไปจะเอาหน้าที่ไหนไปร่วมงานพบปะสังสรรค์ของพี่สาวน้องสาวอีก เหอถิงก็กังวลเรื่องหานซานเฉียนเช่นกัน ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็เป็นคนให้งานเธอ แล้วยังช่วยเจียงหยิงหยิงแก้ปัญหาใหญ่อีก เธอไม่อยากให้หานซานเฉียนต้องโดนดูถูก แต่เรื่องนี้เธอก็จนปัญญาที่จะช่วยไหวแม่บ้านตัวเล็ก ๆ จะมีความสามารถไปช่วยเหลือได้อย่างไร“หานซานเฉียน เรื่องวันพรุ่งนี้ นายตัดสินใจแล้วหรือยังว่าจะจัดการยังไง ตอนนี้นายไม่ได้ตัวคนเดียวแล้ว แต่เป็นตัวแทนของครอบครัวเรา ไม่ใช่นายคนเดียวที่ขายหน้า” เจี่ยงหลานพูดกับหานซานเฉียนด้วยน้ำเสียงคาดคั้นเธอไม่สนใจว่าหานซานเฉียนจะขายหน้าหรือไม่ แค่หานซานเฉียนไม่ทำให้เธ
ในขณะเดียวกัน ที่บริเวณคฤหาสน์ของตระกูลเทียนเทียนหลิงเอ๋อร์ยังคงเซ้าซี้เทียนฉางเฉิง เธอหวังว่าเทียนฉางเฉิงจะสามารถช่วยหานซานเฉียนได้ ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็เป็นเทพบุตรในฝันของเธอ แม้ว่าเธอจะเคยถูกหานซานเฉียนทำร้ายมาก่อน แต่เธอก็ไม่อยากเห็นหานซานเฉียนเสียหน้า “คุณปู่ ช่วยเขาด้วยนะคะ ตอนนี้นอกจากปู่แล้ว ยังจะมีใครช่วยเขาได้อีกล่ะคะ” เทียนหลิงเอ๋อร์จับมือเทียนฉางเฉิง แล้วพูดออดอ้อน เทียนฉางเฉิงถูกทรมานจนจำยอม เทียนหลิงเอ๋อร์ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ นานาหมดแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาเคยพูดว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกแซง แต่โดยพื้นฐานแล้ว หานซานเฉียนนั้นไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเลย “ปู่เคยบอกไม่ใช่เหรอว่า เขาแก้ปัญหาเองได้ เธอไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” เทียนฉางเฉิงพูดอย่างจนใจ เทียนหลิงเอ๋อร์มีหรือจะเชื่อคำพูดนี้ เมื่อก่อนหานซานเฉียนยังมีตระกูลซูเป็นผู้หนุนหลัง แต่ตอนนี้ตระกูลซูได้ล่มสลายลงแล้ว หานซานเฉียนจะมีวิธีจัดการกับตระกูลเจียงได้อย่างไร “คุณปู่ ถึงหานซานเฉียนจะเก่งกาจ แต่เขาก็ไม่สามารถตีพวกเจียงฟู่ทีละคนได้ใช่ไหม ถ้าปู่ไม่ช่วยเขา เรื่องนี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่า
จัตุรัสเหรินเหมิน เวลาแปดโมงเช้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่มีถนนสายหนึ่งว่างเปล่า ทุกคนตั้งใจไม่ใช้ถนน เพราะวันนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อดูอะไรสนุก ๆ ถ้าไม่เปิดทางให้หานซานเฉียนผู้เป็นพระเอกของงานนี้ แล้วจะหาดูความสนุกได้ที่ไหน? “หานซานเฉียนจะมาไหม? ไม่ใช่ว่ารอมาทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่เห็นอะไรเลย ขาดทุนแย่” “น่าจะมานะ เจียงฟู่ออกปากพูดแล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างเขาจะกล้าที่จะไม่มาเหรอ” “ได้ยินชื่อนี้มาตลอด แต่ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นตัวจริงของคนไร้ประโยชน์คนนี้แล้ว อยากรู้จัง ไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นยังไง ถึงทำให้ซูหยิงเซี่ยหลงเสน่ห์ถึงขั้นนี้ได้” พระเอกยังไม่ทันได้ขึ้นเวที ผู้ชมก็เริ่มพูดคุยกันเองอย่างอดไม่ไหวตั้งแต่เมื่อวาน สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้ตลอด หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหานซานเฉียนได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเป็นประวัติการณ์ ถึงอย่างไรชื่อหานซานเฉียนสามคำนี้ได้ดังก้องอยู่ในเมืองหยุนเฉิงมาเป็นเวลาสามปีเต็ม เป็นเรื่องตลกที่ทุกคนในเมืองหยุนเฉิงต้องได้ยินสามเวลาหลังอาหาร แต่สำหรับคนส่วนใหญ่นั้นไม่เคยเห็นหานซานเฉียนตัวจริงมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่แค่อยากเห