จัตุรัสเหรินเหมิน เวลาแปดโมงเช้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่มีถนนสายหนึ่งว่างเปล่า ทุกคนตั้งใจไม่ใช้ถนน เพราะวันนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อดูอะไรสนุก ๆ ถ้าไม่เปิดทางให้หานซานเฉียนผู้เป็นพระเอกของงานนี้ แล้วจะหาดูความสนุกได้ที่ไหน? “หานซานเฉียนจะมาไหม? ไม่ใช่ว่ารอมาทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่เห็นอะไรเลย ขาดทุนแย่” “น่าจะมานะ เจียงฟู่ออกปากพูดแล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างเขาจะกล้าที่จะไม่มาเหรอ” “ได้ยินชื่อนี้มาตลอด แต่ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นตัวจริงของคนไร้ประโยชน์คนนี้แล้ว อยากรู้จัง ไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นยังไง ถึงทำให้ซูหยิงเซี่ยหลงเสน่ห์ถึงขั้นนี้ได้” พระเอกยังไม่ทันได้ขึ้นเวที ผู้ชมก็เริ่มพูดคุยกันเองอย่างอดไม่ไหวตั้งแต่เมื่อวาน สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้ตลอด หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหานซานเฉียนได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเป็นประวัติการณ์ ถึงอย่างไรชื่อหานซานเฉียนสามคำนี้ได้ดังก้องอยู่ในเมืองหยุนเฉิงมาเป็นเวลาสามปีเต็ม เป็นเรื่องตลกที่ทุกคนในเมืองหยุนเฉิงต้องได้ยินสามเวลาหลังอาหาร แต่สำหรับคนส่วนใหญ่นั้นไม่เคยเห็นหานซานเฉียนตัวจริงมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่แค่อยากเห
ท่ามกลางฝูงชน ซูไห่เฉากับซูอี้หานก็ตามมาดูอะไรสนุก ๆ เช่นกัน เรื่องดี ๆ แบบนี้สำหรับคนสองคนที่เกลียดหานซานเฉียนถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แล้วพวกเขาจะพลาดได้อย่างไร “ไห่เฉา นายคิดว่าหานซานเฉียนจะมาไหม” ซูอี้หานเอ่ยถาม “เขาน่ะเหรอ? จะมาหรือไม่มาสำคัญตรงไหน มาก็มาคุกเข่าให้ขายหน้า ไม่มาก็เป็นเต่าหดหัว ขายหน้าเหมือนกัน ต่างกันอย่างไร” ซูไห่เฉากล่าวด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานได้ยินเหตุผลเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “อยากรู้จริงว่าตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกยังไง เธอต้องอับอายขายหน้ามาสามปี เพราะแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ สุดท้ายยังทำให้บริษัทล้มละลาย คิดดูแล้วก็น่าสนุก” “มาแล้ว!” หางตาของซูไห่เฉาพลันเห็นคนสองคนเดินเข้ามาตามถนนเส้นเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่า นั่นคือหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ย“คิดไม่ถึงว่าซูหยิงเซี่ยจะมาด้วย ยัยโสเภณีนี่หน้าด้านมาก ตามมาขายหน้ากับหานซานเฉียนด้วย จะเล่นบทผัวเมียหัวใจเดียวเหรอ?” ซูอี้หานพูดอย่างเหยียดหยาม ผู้คนเริ่มหงุดหงิดกระสับกระส่าย ข่าวการปรากฏตัวของหานซานเฉียนได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนนับไม่ถ้วนเขย่งเท้าชะเง้อคอมองดูว่าบุคคลที่กล่าวขานกันนั้นห
ซูหยิงเซี่ยตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เพราะคนเหล่านี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอ นำความกดดันมาให้เธอมาก หานซานเฉียนรู้สึกถึงความผิดปกติของซูหยิงเซี่ย จึงบีบมือของซูหยิงเซี่ยไว้เพื่อให้เธอผ่อนคลาย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซูหยิงเซี่ยจะผ่อนคลายลงได้อย่างไร? หลายนาทีผ่านไป ดูเหมือนจะไม่มีใครก้าวออกมาสั่งหานซานเฉียนให้คุกเข่า ผู้ชมเหล่านั้นมีบางส่วนที่ทนรอไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขากำลังรอคอยการแสดงอันวิเศษสุดที่จะเกิดขึ้น ดวงอาทิตย์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ใครจะมาทนตากแดดรออยู่ตรงนี้ตลอดเวลา “เกิดอะไรขึ้น ยังไม่มีใครทำให้หานซานเฉียนคุกเข่าลงอีกเหรอ?” “น่าแปลก แปลกจริง ทำไมคนพวกนั้นดูท่าทางผิดปกติ”“คงไม่มีเรื่องหักมุมอะไรใช่ไหม”“จะมีอะไรหักมุมได้อีกล่ะ เจียงฟู่ก่อการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ นอกจากคนไร้ประโยชน์หานซานเฉียนจะคุกเข่าลง ยังจะมีทางแก้ไขอื่นอีกเหรอ?” “คุก...คุกเข่าแล้ว!”“บ้าเอ๊ย คุกเข่าแล้ว! ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”ผู้คนจำนวนมากในฝูงชนร้องอุทานขึ้นมา มองไปยังสมาชิกของสมาคมหมากล้อมด้วยความตกใจ แต่ละคนคุกเข่าลงข้างหลังหานซานเฉียน ทุกคนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง“ทำไมถึง
ฉีอีหยุนจินตนาการไม่ออกว่าเขาทำได้อย่างไร แน่นอน สิ่งนี้ยังทำให้ฉีอีหยุนมั่นใจในตัวหานซานเฉียนมากขึ้นอีกด้วย บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เธอกำลังตามหามาตลอด มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยตระกูลฉีให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งหลายได้ “เธอเห็นแล้วไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเหรอ? คนเหล่านี้เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหยุนเฉิง แต่...แต่ตอนนี้พวกเขาคุกเข่าให้กับหานซานเฉียน!” เฉิงหลิงเหยาพูดอย่างงุนงง ฉีอีหยุนถอนหายใจออกมาอย่างแรงแล้วพูดว่า “คนใหญ่คนโต? บางทีในสายตาของหานซานเฉียน พวกเขายังเป็นไม่ได้แม้แต่มดด้วยซ้ำ”“อีหยุน เธอพูดอะไร?” เฉินหลิงเหยาได้ยินไม่ถนัดในสิ่งที่ฉีอีหยุนพูด เธอเดินเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งแล้วถามฉีอีหยุนใกล้ ๆ ฉีอีหยุนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ตอนนี้เจียงฟู่ยังไม่ปรากฏตัว เขาต่างหากที่เป็นผู้บงการที่แท้จริงของเรื่องนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไงยังไม่มีใครรู้ได้” เฉินหลิงเหยาพยักหน้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความสามารถมากนัก แต่ก็ชอบสนใจเรื่องราวของคนในสังคมชั้นสูง แม้ว่าคนที่มาที่จัตุรัสแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเจียงฟู่ เรื่องทั้งหมดเจียงฟู่เป็นคนปั่นขึ้น ถ
“มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดเจียงฟู่ก็มาถึงแล้ว!” “ให้คนรอตั้งนาน ทีนี้ล่ะ หานซานเฉียนถึงคราวจองหองไม่ออกแล้ว” “บัดซบ! คนไร้ประโยชน์ยังคิดจะเปลี่ยนฐานะตนเองให้เป็นฝ่ายชนะ มาดูกันว่าเขาจะมีอะไรเก็บไว้อีก” เจียงฟู่เดินตามถนนโล่ง ๆ มุ่งตรงมาถึงตัวหานซานเฉียนเมื่อเขาเห็นกลุ่มคนจากสมาคมได้คุกเข่าลงข้างหลังหานซานเฉียน ก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง เขาคิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะใช้วิธีการที่ต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ ตอนนี้เจียงไห่ตกอยู่ในมือม่อหยาง ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขาไม่อยากให้คนผมหงอกต้องไปงานศพคนผมดำ แต่ถ้าเขาต้องคุกเข่าให้หานซานเฉียนต่อหน้าสาธารณชน เรื่องน่าละอายเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจียงฟู่จะทำได้ “หานซานเฉียน นายคิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้จริงหรือ? ตอนนี้นายข่มขู่ฉันได้ แต่นายจะรับมือกับการแก้แค้นของฉันในอนาคตได้หรือเปล่า?” เจียงฟู่กัดฟันกรอด ขณะที่พูดกับหานซานเฉียน “ในอนาคต? เจียงฟู่ คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณคงไม่คิดใช่ไหมว่าเจียงเหอ กรุ๊ป จะยังคงมีอนาคตอยู่?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย เจียงฟู่หัวเราะทั้งที่โมโหมาก คนไร้ประโยชน์คนนี้ยังคิดโค่นล้มเจียงเหอ กรุ๊ป แห่งเมืองห
ในเวลานี้ทุกคนมองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่แตกต่างไป ไม่ดูถูกอีกแต่จริงจังมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็ไม่สามารถลบความจริงที่เจียงฟู่คุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขาได้ ซูหยิงเซี่ยกลืนน้ำลายอย่างคอแห้ง ไม่คิดว่าเจียงฟู่จะคุกเข่าลงจริง ๆ! เขาคือเจียงฟู่ เป็นรองเพียงคนใหญ่โตอย่างตระกูลเทียนเท่านั้น! ในเวลานี้ซูไห่เฉาและซูอี้หานเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีคิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับหลังจากเจียงฟู่มาถึง คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์กลับไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น พวกเขาผลักหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยไปสู่คลื่นลมที่กำลังบ้าคลั่ง แต่กลับทำให้ทั้งสองกลายเป็นที่สนใจ! “ไห่เฉา นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้อาวุโสอย่างเจียงฟู่คุกเข่าให้หานซานเฉียน” ซูอี้หานเอ่ยซูไห่เฉาขมวดคิ้ว หานซานเฉียนอาศัยพลังของตระกูลหานหรือเปล่า? แต่เขาเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหาน มันจะเป็นไปได้อย่างไร? หรือจะบอกว่า คนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียน แอบอ้างบารมีชื่อเสียงของตระกูลหานมาข่มเหงผู้อื่นซูไห่เฉาอยากจะเปิดโปงหน้ากากจอมปลอมของหานซานเฉียนเหลือเกิน แต่เซินเวิงเคยบอกว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทันทีที่มันถูกเปิดเผยจา
ซูหยิงเซี่ยนั่งรถกลับคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางเนินเขา ยังสลัดอารมณ์เมื่อครู่ไม่พ้น ราวกับว่าเจียงฟู่ยังคงคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอ เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝัน เธอไม่กล้าแม้แต่จะบีบต้นขาตัวเอง กลัวว่าจะตื่นจากความฝัน “เป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยของซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียนก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ซานเฉียน? ฉันกำลังฝันอยู่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถามอย่างแข็งทื่อ หานซานเฉียนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แน่นอน กลับบ้านแล้วเราจะซื้อตั๋วเครื่องบินไปเกาะจีเหยียนกัน เราจะไปถ่ายรูปแต่งงานกันอีกครั้ง” “แต่ว่า แล้วบริษัทล่ะ? คุณไม่สนในเรื่อบริษัทแล้วเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถาม แม้ว่าเรื่องในจัตุรัสจะจบลงแล้ว แต่บริษัทของตระกูลซูยังคงต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ไปเกาะจีเหยียนในช่วงเวลาแบบนี้ ซูหยิงเซี่ยจะสบายใจได้อย่างไร “ผมได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแล้ว อีกสองวันเขาจะพาคนกลุ่มหนึ่งไปเมืองหยุนเฉิง เพื่อรับช่วงต่อบริษัท ลูกน้องของเขาล้วนเป็นพวกอัจฉริยะ มอบหมายให้เขาทำอย่างสบายใจเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูด ซูหยิงเซี่ยก็ก้มหน้าลงด้วยอารมณ์ตกต่ำในทันใด “เป็
สีหน้าของเจี่ยงหลานแข็งกร้าว เธอเป็นพวกวัตถุนิยม ถ้าหานซานเฉียนไม่มีเงินไม่มีอำนาจ แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในสายตาเธอแน่ ทำไมถึงคิดเป็นอย่างนี้ไปได้นะ“ฉันไม่ตอบคำถามที่เป็นสมมติฐาน” เจี่ยงหลานเอ่ยซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ เจี่ยงหลานยังคงไม่ยอมรับสถานะของหานซานเฉียน แค่เพราะการปรากฏตัวของหานซานเฉียน ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหานซานเฉียน แต่ซูหยิงเซี่ยรู้ว่า ถ้าสักวันหนึ่งในอนาคต หานซานเฉียนเกิดตกระกำลำบากขึ้นมา เจี่ยงหลานก็จะฟื้นคืนความเลวร้ายที่เธอมีต่อหานซานเฉียนอย่างไม่ลังเล แม้แต่น้อยเหอถิงในฐานะคนใช้ในบ้าน เธอไม่ได้มีสิทธิ์ในการพูด แต่รับรู้ได้ถึงท่าทีของเจี่ยงหลานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หานซานเฉียนคนที่ดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็น่าจะได้รับการเคารพ แต่สิ่งที่เจี่ยงหลานสนใจ กลับเป็นแค่สิ่งของที่อยู่ภายนอกออกจากคฤหาสน์ หานซานเฉียนขับรถไปบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จงเหลียงรอหน้าประตูเป็นเวลานาน อีกทั้งข้างกานเขายังมีชายวัยกลางคนที่หน้าตาดูมีราศียืนอยู่ด้วย ฉินหลิน! สำหรับฉินหลิน จงเหลียงรู้จักเป็นอย่างดีมาก ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แต่จงเหลียงนึกไม่ถึงเลยว่า ฉิ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ