สีหน้าของเจี่ยงหลานแข็งกร้าว เธอเป็นพวกวัตถุนิยม ถ้าหานซานเฉียนไม่มีเงินไม่มีอำนาจ แน่นอนว่าไม่ได้อยู่ในสายตาเธอแน่ ทำไมถึงคิดเป็นอย่างนี้ไปได้นะ“ฉันไม่ตอบคำถามที่เป็นสมมติฐาน” เจี่ยงหลานเอ่ยซูหยิงเซี่ยถอนหายใจ เจี่ยงหลานยังคงไม่ยอมรับสถานะของหานซานเฉียน แค่เพราะการปรากฏตัวของหานซานเฉียน ดังนั้นเธอจึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อหานซานเฉียน แต่ซูหยิงเซี่ยรู้ว่า ถ้าสักวันหนึ่งในอนาคต หานซานเฉียนเกิดตกระกำลำบากขึ้นมา เจี่ยงหลานก็จะฟื้นคืนความเลวร้ายที่เธอมีต่อหานซานเฉียนอย่างไม่ลังเล แม้แต่น้อยเหอถิงในฐานะคนใช้ในบ้าน เธอไม่ได้มีสิทธิ์ในการพูด แต่รับรู้ได้ถึงท่าทีของเจี่ยงหลานก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ หานซานเฉียนคนที่ดีขนาดนี้ ไม่ว่าจะรวยหรือจน ก็น่าจะได้รับการเคารพ แต่สิ่งที่เจี่ยงหลานสนใจ กลับเป็นแค่สิ่งของที่อยู่ภายนอกออกจากคฤหาสน์ หานซานเฉียนขับรถไปบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จงเหลียงรอหน้าประตูเป็นเวลานาน อีกทั้งข้างกานเขายังมีชายวัยกลางคนที่หน้าตาดูมีราศียืนอยู่ด้วย ฉินหลิน! สำหรับฉินหลิน จงเหลียงรู้จักเป็นอย่างดีมาก ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี แต่จงเหลียงนึกไม่ถึงเลยว่า ฉิ
คำพูดง่าย ๆ ทำให้รูม่านตาจงเหลียงเบิกกว้างอย่างไม่น่าเชื่อ!“คืนนั้นฝนตกหนัก ฉันติดหนี้ที่บ่อนการพนัน ถูกคนตามทำร้าย เกือบจะถูกฆ่า เขาเป็นคนที่มาช่วยฉัน เขาบอกฉันว่าอยากเป็นผู้เป็นคนไหม ตอนนั้นฉันจนตรอก ดังนั้นแม้เขาจะเป็นแค่เด็กคนหนึ่ง ฉันยังเลือกที่จะเชื่อเขา” ฉินหลินพูดต่อจงเหลียงขมวดคิ้ว ตามความเข้าใจของเขา เมื่อก่อนฉินหลินเป็นนักธุรกิจ แม้ว่าธุรกิจจะไม่ใหญ่โตอะไร แต่ก็ถือว่ายอดเยี่ยม ประสบการณ์ที่ฉินหลินตกระกำลำบากนี้เขาไม่เคยได้ยินมันมาก่อน“เมื่อก่อนนายมีบริษัทเล็ก ๆ ไม่ใช่เหรอ” จงเหลียงถาม “คนเราต่างก็มีความทะเยอทะยาน ฉันจะยอมเป็นแค่เจ้าของบริษัทเล็ก ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ ตอนนั้นเพื่อที่จะทำความรู้จักกลุ่มเพื่อนที่ขยายตัวเองออกไป เลยได้พบเจอผู้คนหลากหลาย จนกระทั่งเข้าไปสู่การพนัน ชีวิตของฉันเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเทา ล้มแล้วลุกขึ้นมาไม่ได้” ฉินหลินพูด“ฉันยังไม่เข้าใจ ทำไมนายถึงน้อยเลือกนาย” จงเหลียงถามอย่างสงสัย ในเมื่อฉินหลินเป็นแค่เจ้าของกิจการเล็ก ๆ หานซานเฉียนทำไมถึงให้ความสำคัญกับหมากตัวนี้อย่างเขา? “ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทำไมเขาถึงเปิดบ่อนการพนัน” ฉินหลินยิ้มเจื่อน ๆ
เทียนหลิงเอ๋อร์ดีใจในทันที แล้วพูดว่า “ได้ค่ะ ได้ค่ะ พวกคุณค่อย ๆ คุยกันไปก่อนนะคะ ไม่ต้องรีบ ฉันยังต้องแต่งหน้าและเปลี่ยนเสื้อผ้า” เทียนฉางเฉิงเห็นเทียนหลิงเอ๋อร์ที่จากไปอย่างกระโดดโลดเต้น ก็เกิดอารมณ์ที่หนักอึ้งขึ้นภายในใจ หานซานเฉียนจงใจให้เทียนหลิงเอ๋อร์ออกไป เห็นได้ชัดว่ามีเรื่องอะไรบางอย่างที่สำคัญ “อาจารย์ ดื่มชาก่อนครับ”เขากล่าวกับหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้ม เทียนฉางเฉิงควบคุมอารมณ์ของตัวเองอย่างสุดกำลัง ขณะที่เทียนฉางเฉิงเตรียมจะรินชาให้หานซานเฉียนนั้น หานซานเฉียนก็ยกกาน้ำชาขึ้นมาก่อน “อาจารย์ นี่เป็นเรื่องเล็กเองครับให้ผมทำดีกว่า” เทียนฉางเฉิงรีบพูด หานซานเฉียนไม่ได้สนใจแต่อย่างใด แถมยังรินชาให้เทียนฉางเฉิงเองโดยตรง แต่เขารินจนเต็มแก้ว จนน้ำชาล้นออกมา หานซานเฉียนก็ยังไม่หยุดรินเทียนฉางเฉิงเห็นดังนั้นก็รีบพูดขึ้นว่า “เต็มแล้วครับ เต็มแล้ว” หานซานเฉียนรินจนน้ำที่อยู่ในกาหมดเกลี้ยง ถึงได้พูดว่า “ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย การอยากได้มากจนเกินไป จนท้ายที่สุดแม้แต่เงินทุนก็ต้องสูญเสียไป นี่ผมโลภเกินไปใช่ไหม? ”การเสียดสีด้วยคำพูดในคราวนี้ เทียนฉางเฉิงทำไมจะไม่เข้าใจ เขาจึงพ
วันนั้นหลังจากเทียนฉางเฉิงเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้เทียนหงฮุยฟัง เทียนหงฮุยก็นั่งหน้าซีดเป็นอัมพาตอยู่ที่โซฟา โดยเฉพาะเรื่องที่หานซานเฉียนดื่มชาที่เดือดจัด ทำให้เทียนหงฮุยมีความรู้สึกตึงเครียดขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าเป็นเมื่อก่อน ท่าทีของเทียนหงฮุยที่ตกใจกับเรื่องแบบนี้ เทียนฉางเฉิงจะต้องสั่งสอนเขาสักสองสามคำอย่างแน่นอน ผู้ประสบความสำเร็จในเรื่องใหญ่ก็ต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไม่ตื่นตระหนกตกใจ แต่วันนี้เทียนฉางเฉิงไม่มีคุณสมบัติพูดแบบนี้จริง ๆ เพราะแม้แต่เขาเองก็ถูกอ่อร่าของหานซานเฉียนครอบงำจนช็อกไม่รู้ว่าต้องทำอะไร“พ่อมีวิธีการอะไรที่สามารถชดเชยในส่วนที่ขาดได้บ้างไหมครับ” เทียนหงฮุยถาม เขารู้ดีว่าระยะห่างระหว่างตระกูลเทียนและตระกูลหาน การขนานนามของตระกูลนี้ในหยุนเฉิงไม่ได้ทำให้เทียนหงฮุยหลงตัวเอง ทว่าเขาสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้มากขึ้น รู้ดีว่าจุดจบหลังจากที่ทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจเป็นอย่างไร เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดา สำหรับเขาแล้ว การชดเชยส่วนที่ขาดล้วนแต่ไม่มีประโยชน์ รอยร้าวเส้นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่มีทางซ่อมแซมได้ มีเพียงแค่การจัดการเรื่องราวต่อ
ตอนที่เห็นหานซานเฉียนครั้งแรก สวีถงตกใจเล็กน้อย เพราะนี่ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการเอาไว้ในหัวแม้ว่าหนุ่มหน้าอ่อนจะต้องมีองค์ประกอบที่หล่อครบครัน แต่ความหล่อของหานซานเฉียน แข็งแกร่งกว่าพวกหนุ่ยน้อยทั่วไปอยู่มาก แม้แต่บรรดาหนุ่มน้อยสำหรับสวีถงแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับหานซานเฉียน “คุณซูครับ พวกเราเตรียมตัวเสร็จแล้ว พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อครับ” หยางเฉินพูดกับซูหยิงเซี่ย “นายเรียกฉันว่าหยิงเซี่ยก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียกคุณซูหรอก มันดูห่างเหินเกินไป” ซูหยิงเซี่ยพูด ประโยคนี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกดีต่อซูหยิงเซี่ย เขาเคยรับงานในด้านนี้มาหลายครั้ง อีกทั้งลูกค้าล้วนแต่เป็นคนรวย แต่ท่าทีของคนรวยพวกนั้นส่วนมากล้วนแต่หยิ่งยโส ทั้งยังปฏิบัติต่อเขาเป็นคนชั้นล่างทั่วไป ลูกค้าอย่างซูหยิงเซี่ยที่เรียบง่ายเป็นกันเองถือว่าน้อยมากที่จะได้เจอ “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ ผมอยู่ที่เกาะจีเหยียนเคยมีประสบการณ์การถ่ายภาพสองถึงสามครั้ง ดังนั้นร้านชุดแต่งงานที่นั่นผมค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อถึงเวลา คุณสามารถเลือกชุดแต่งงานได้อย่างสบายใจเลยครับ” หยางเฉินพูด “ดูเหมือนว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกั
“เธอทำอะไรน่ะ นี่มันห้องน้ำชายนะ” หานซานเฉียนเอียงตัว มองฉี๋อีหยุนที่พุ่งเข้ามาในห้องน้ำชาย อย่างระวังตัว ฉี๋อีหยุนวางป้ายงดใช้ชั่วคราวไว้หน้าประตู ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าจู่ ๆ จะมีใครพุ่งเข้ามา ถอดแว่นแล้วเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน“คุณกับซูหยิงเซี่ยคบกันมานานขนาดนี้ เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไหม?” ฉี๋อีหยุน พูดระบายสิ่งที่อยู่ในใจข้างหูหานซานเฉียน การสนิทสนมที่เกินกว่าเพื่อนอย่างนี้ ทำให้ระหว่างคิ้วของหานซานเฉียนเผยให้เห็นถึงความเคร่งขรึม ซูหยิงเซี่ยเห็นฉี๋อีหยุนเป็นพี่สาวน้องสาวที่ดี แต่เรื่องของเธอตอนนี้ กลับทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขา “นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเรา เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย” หานซานเฉียนพูด ฉี๋อีหยุนจู่ ๆ ก็ยื่นมือไปลูบอกของหานซานเฉียน ถามด้วยดวงตาที่สวยหยาดเยิ้ม “หรือว่าคุณไม่มีความปรารถนาทางด้านนี้เหรอคะ?” “ฉี๋อีหยุน ผมเป็นสามีของเพื่อนรักคุณ” หานซานเฉียนน้ำเสียงเย็นชา “คุณคิดว่าฉันจะสนใจตรงจุดนี้ไหม? สำหรับฉันแล้ว ขอแค่สามารถมีผลประโยชน์กับตัวเอง แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่สนใจเรื่องอื่น” ฉี๋อีหยุนโอบลำคอของหานซานเฉียนด้วยสองมือ เธอที่ถอดแว่นออก ช่างดึงดูดคว
กลางคืนตอนนอน ซูหยิงเซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่มีท่าทีที่มึนงง เพราะเธอกำลังจะสวมชุดเจ้าสาวอีกครั้ง ความรู้สึกอย่างนี้สำหรับเธอนั้นดีใจมากเป็นพิเศษ เมื่อสามปีก่อนนั้นเธอลังเลที่สวมชุดแต่งงานแต่ตอนนี้ เธอไม่ใช่แค่เต็มใจ ทั้งยังรอไม่ไหวด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นหกโมงเพื่อออกมาวิ่งตามปกติ หลังจากวิ่งแล้ว ทั้งสองคนกินอาหารเช้าที่โรงแรม หลังจากพบกับหยางเฉินและสวีถง แล้วจึงไปร้านชุดเจ้าสาวที่หยางเฉินคุ้นเคย ที่นี่เป็นร้านชุดแต่งงานที่พิเศษที่สุดในเกาะจีเหยียน ให้บริการเช่าและขายชุดแต่งงาน ในร้านมีสมบัติล้ำค่าประจำเมืองอยู่ ชุดแต่งงานที่สร้างสรรค์จากมือทั้งหมดมูลค่ากว่าสองล้านกว่าบาท เป็นเวลาหลายปีที่หยางเฉินมาที่นี่หลายครั้งเกือบทุกปี แต่สมบัติล้ำค่าประจำเมืองกลับยังอยู่ในร้านตลอด นั่นหมายความว่าเดิมทีไม่ค่อยมีคนซื้อของที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาแม้แต่น้อย สำหรับหลายคน ชุดแต่งงานทั้งชีวิตใส่ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเช่าชุดแต่งงาน ต่อให้ซื้อก็ไม่ซื้อของที่แพงขนาดนี้ แต่คนมีฐานะร่ำรวยจริง แม้ว่ามีความต้องการชุดแต่งงานที่สูง ก็จะเชิญให้ผู้เชี่ยวชาญสั่งทำด้วยมือ ไม่ไปเล
ภายในร้าน สำหรับการจะซื้อชุดเจ้าสาวที่แพงขนาดนี้ ซูหยิงเซี่ยเองก็ไม่ค่อยยินยอม เพราะสำหรับเธอแล้วของแพงขนาดนี้ไม่จำเป็น แค่ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสองล้านกว่า ไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า“ซานเฉียน พวกเราดูแบบอื่นกันดีกว่าค่ะ ชุดนี้แพงเกินไป” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ไม่ง่ายเลยที่จะรอถึงการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกครั้ง ผมจะให้คุณใส่ในสื่งที่คนอื่นเคยใส่มาแล้วได้ยังไงกัน สองล้านกว่าสำหรับผมแล้ว นี่คือราคาที่ถูกมาก เรื่องนี้ฟังผมนะ ตกลงไหม” หานซานเฉียนพูด เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกถึงการเผด็จการที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซูหยิงเซี่ยรู้ว่า เงินตรงนี้สำหรับหานซานเฉียน บางทีไม่คิดอะไรจริง ๆ “แต่….” “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นแบบนี้แล้วกัน” การตัดสินใจของหานซานเฉียนเด็ดขาด ไม่มีโอกาสใดให้ซูหยิงเซี่ยคัดค้านอีก ซูหยิงเซี่ยทำได้เพียงพยักหน้า แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อย แต่ภายในใจก็รู้ดีใจมาก สวีถงที่อยู่ด้านข้างมองซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่ชื่นชม สามปีก่อนตอนที่หานซานเฉียนแต่งเข้า ทั้งหยุนเฉิงต่างก็พูดว่าซูหยิงเซี่ยตาบอด ให้คนไร้ค่าแต่งเข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้สวีถงกลับรู้ส