วันนั้นหลังจากเทียนฉางเฉิงเล่าเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นให้เทียนหงฮุยฟัง เทียนหงฮุยก็นั่งหน้าซีดเป็นอัมพาตอยู่ที่โซฟา โดยเฉพาะเรื่องที่หานซานเฉียนดื่มชาที่เดือดจัด ทำให้เทียนหงฮุยมีความรู้สึกตึงเครียดขึ้นอย่างรุนแรง ถ้าเป็นเมื่อก่อน ท่าทีของเทียนหงฮุยที่ตกใจกับเรื่องแบบนี้ เทียนฉางเฉิงจะต้องสั่งสอนเขาสักสองสามคำอย่างแน่นอน ผู้ประสบความสำเร็จในเรื่องใหญ่ก็ต้องจัดการเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไม่ตื่นตระหนกตกใจ แต่วันนี้เทียนฉางเฉิงไม่มีคุณสมบัติพูดแบบนี้จริง ๆ เพราะแม้แต่เขาเองก็ถูกอ่อร่าของหานซานเฉียนครอบงำจนช็อกไม่รู้ว่าต้องทำอะไร“พ่อมีวิธีการอะไรที่สามารถชดเชยในส่วนที่ขาดได้บ้างไหมครับ” เทียนหงฮุยถาม เขารู้ดีว่าระยะห่างระหว่างตระกูลเทียนและตระกูลหาน การขนานนามของตระกูลนี้ในหยุนเฉิงไม่ได้ทำให้เทียนหงฮุยหลงตัวเอง ทว่าเขาสามารถเข้าใจสถานการณ์ได้มากขึ้น รู้ดีว่าจุดจบหลังจากที่ทำให้หานซานเฉียนไม่พอใจเป็นอย่างไร เทียนฉางเฉิงถอนหายใจ หานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดา สำหรับเขาแล้ว การชดเชยส่วนที่ขาดล้วนแต่ไม่มีประโยชน์ รอยร้าวเส้นนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ตามไม่มีทางซ่อมแซมได้ มีเพียงแค่การจัดการเรื่องราวต่อ
ตอนที่เห็นหานซานเฉียนครั้งแรก สวีถงตกใจเล็กน้อย เพราะนี่ไม่เหมือนกับที่เขาจินตนาการเอาไว้ในหัวแม้ว่าหนุ่มหน้าอ่อนจะต้องมีองค์ประกอบที่หล่อครบครัน แต่ความหล่อของหานซานเฉียน แข็งแกร่งกว่าพวกหนุ่ยน้อยทั่วไปอยู่มาก แม้แต่บรรดาหนุ่มน้อยสำหรับสวีถงแล้ว ก็ยังเทียบไม่ได้กับหานซานเฉียน “คุณซูครับ พวกเราเตรียมตัวเสร็จแล้ว พร้อมออกเดินทางได้ทุกเมื่อครับ” หยางเฉินพูดกับซูหยิงเซี่ย “นายเรียกฉันว่าหยิงเซี่ยก็พอแล้ว ไม่ต้องเรียกคุณซูหรอก มันดูห่างเหินเกินไป” ซูหยิงเซี่ยพูด ประโยคนี้ทำให้หยางเฉินรู้สึกดีต่อซูหยิงเซี่ย เขาเคยรับงานในด้านนี้มาหลายครั้ง อีกทั้งลูกค้าล้วนแต่เป็นคนรวย แต่ท่าทีของคนรวยพวกนั้นส่วนมากล้วนแต่หยิ่งยโส ทั้งยังปฏิบัติต่อเขาเป็นคนชั้นล่างทั่วไป ลูกค้าอย่างซูหยิงเซี่ยที่เรียบง่ายเป็นกันเองถือว่าน้อยมากที่จะได้เจอ “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ ผมอยู่ที่เกาะจีเหยียนเคยมีประสบการณ์การถ่ายภาพสองถึงสามครั้ง ดังนั้นร้านชุดแต่งงานที่นั่นผมค่อนข้างคุ้นเคย เมื่อถึงเวลา คุณสามารถเลือกชุดแต่งงานได้อย่างสบายใจเลยครับ” หยางเฉินพูด “ดูเหมือนว่าฉันไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องกั
“เธอทำอะไรน่ะ นี่มันห้องน้ำชายนะ” หานซานเฉียนเอียงตัว มองฉี๋อีหยุนที่พุ่งเข้ามาในห้องน้ำชาย อย่างระวังตัว ฉี๋อีหยุนวางป้ายงดใช้ชั่วคราวไว้หน้าประตู ดังนั้นจึงไม่กลัวว่าจู่ ๆ จะมีใครพุ่งเข้ามา ถอดแว่นแล้วเดินเข้าไปหาหานซานเฉียน“คุณกับซูหยิงเซี่ยคบกันมานานขนาดนี้ เคยมีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยาไหม?” ฉี๋อีหยุน พูดระบายสิ่งที่อยู่ในใจข้างหูหานซานเฉียน การสนิทสนมที่เกินกว่าเพื่อนอย่างนี้ ทำให้ระหว่างคิ้วของหานซานเฉียนเผยให้เห็นถึงความเคร่งขรึม ซูหยิงเซี่ยเห็นฉี๋อีหยุนเป็นพี่สาวน้องสาวที่ดี แต่เรื่องของเธอตอนนี้ กลับทำลายความสัมพันธ์สามีภรรยาของพวกเขา “นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเรา เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย” หานซานเฉียนพูด ฉี๋อีหยุนจู่ ๆ ก็ยื่นมือไปลูบอกของหานซานเฉียน ถามด้วยดวงตาที่สวยหยาดเยิ้ม “หรือว่าคุณไม่มีความปรารถนาทางด้านนี้เหรอคะ?” “ฉี๋อีหยุน ผมเป็นสามีของเพื่อนรักคุณ” หานซานเฉียนน้ำเสียงเย็นชา “คุณคิดว่าฉันจะสนใจตรงจุดนี้ไหม? สำหรับฉันแล้ว ขอแค่สามารถมีผลประโยชน์กับตัวเอง แต่ไหนแต่ไรมาฉันไม่สนใจเรื่องอื่น” ฉี๋อีหยุนโอบลำคอของหานซานเฉียนด้วยสองมือ เธอที่ถอดแว่นออก ช่างดึงดูดคว
กลางคืนตอนนอน ซูหยิงเซี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่มีท่าทีที่มึนงง เพราะเธอกำลังจะสวมชุดเจ้าสาวอีกครั้ง ความรู้สึกอย่างนี้สำหรับเธอนั้นดีใจมากเป็นพิเศษ เมื่อสามปีก่อนนั้นเธอลังเลที่สวมชุดแต่งงานแต่ตอนนี้ เธอไม่ใช่แค่เต็มใจ ทั้งยังรอไม่ไหวด้วย เช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาตื่นหกโมงเพื่อออกมาวิ่งตามปกติ หลังจากวิ่งแล้ว ทั้งสองคนกินอาหารเช้าที่โรงแรม หลังจากพบกับหยางเฉินและสวีถง แล้วจึงไปร้านชุดเจ้าสาวที่หยางเฉินคุ้นเคย ที่นี่เป็นร้านชุดแต่งงานที่พิเศษที่สุดในเกาะจีเหยียน ให้บริการเช่าและขายชุดแต่งงาน ในร้านมีสมบัติล้ำค่าประจำเมืองอยู่ ชุดแต่งงานที่สร้างสรรค์จากมือทั้งหมดมูลค่ากว่าสองล้านกว่าบาท เป็นเวลาหลายปีที่หยางเฉินมาที่นี่หลายครั้งเกือบทุกปี แต่สมบัติล้ำค่าประจำเมืองกลับยังอยู่ในร้านตลอด นั่นหมายความว่าเดิมทีไม่ค่อยมีคนซื้อของที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคาแม้แต่น้อย สำหรับหลายคน ชุดแต่งงานทั้งชีวิตใส่ได้แค่ครั้งเดียว ดังนั้นคนส่วนใหญ่เลือกที่จะเช่าชุดแต่งงาน ต่อให้ซื้อก็ไม่ซื้อของที่แพงขนาดนี้ แต่คนมีฐานะร่ำรวยจริง แม้ว่ามีความต้องการชุดแต่งงานที่สูง ก็จะเชิญให้ผู้เชี่ยวชาญสั่งทำด้วยมือ ไม่ไปเล
ภายในร้าน สำหรับการจะซื้อชุดเจ้าสาวที่แพงขนาดนี้ ซูหยิงเซี่ยเองก็ไม่ค่อยยินยอม เพราะสำหรับเธอแล้วของแพงขนาดนี้ไม่จำเป็น แค่ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสองล้านกว่า ไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า“ซานเฉียน พวกเราดูแบบอื่นกันดีกว่าค่ะ ชุดนี้แพงเกินไป” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ไม่ง่ายเลยที่จะรอถึงการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกครั้ง ผมจะให้คุณใส่ในสื่งที่คนอื่นเคยใส่มาแล้วได้ยังไงกัน สองล้านกว่าสำหรับผมแล้ว นี่คือราคาที่ถูกมาก เรื่องนี้ฟังผมนะ ตกลงไหม” หานซานเฉียนพูด เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกถึงการเผด็จการที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซูหยิงเซี่ยรู้ว่า เงินตรงนี้สำหรับหานซานเฉียน บางทีไม่คิดอะไรจริง ๆ “แต่….” “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นแบบนี้แล้วกัน” การตัดสินใจของหานซานเฉียนเด็ดขาด ไม่มีโอกาสใดให้ซูหยิงเซี่ยคัดค้านอีก ซูหยิงเซี่ยทำได้เพียงพยักหน้า แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อย แต่ภายในใจก็รู้ดีใจมาก สวีถงที่อยู่ด้านข้างมองซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่ชื่นชม สามปีก่อนตอนที่หานซานเฉียนแต่งเข้า ทั้งหยุนเฉิงต่างก็พูดว่าซูหยิงเซี่ยตาบอด ให้คนไร้ค่าแต่งเข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้สวีถงกลับรู้ส
หยางเฉินยังตกใจในความงามของซูหยิงเซี่ย ข่าวลือที่ซูหยิงเซี่ยเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในหยุนเฉิง คำพูดนี่ไม่ได้โกหก แม้ว่ามันจะเกินจริงไปเล็กน้อย แต่อาจมีไม่กี่คนในหยุนเฉิงที่สามารถเอาชนะซูหยิงเซียได้ ต่อไป หานซานเฉียนเองก็เลือกชุดสูทหนึ่ง เมื่อสวมชุดที่เป็นทางการ บุคคลิกลักษณะของหานซานเฉียนก็สะท้อนให้เห็นเช่นกัน แม้ว่าตั้งแต่เด็กเขาจะไม่ถูกครอบครัวให้ความสำคัญ แต่ท้ายที่สุดคนที่เกิดในตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล บุคคลิกลักษณะจึงเหนือกว่าผู้อื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ เถ้าแก่เนี๊ยกลืนน้ำลาย หานซานเฉียนเมื่อก่อนดูหล่อมาก แต่หลังจากใส่สูทแล้ว ต้องบอกว่าเขามีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่เขาสามารถเอาชนะประธานอย่างซูหยิงเซี่ยได้ “ถ้าตัดสินใจเรื่องชุดได้แล้ว พวกเราก็ไปถ่ายสถานที่แรกกันก่อนแล้วกันครับ” หยางเฉินเดินมาพูดข้างหานซานเฉียน “ผมได้หมดเลยครับ” หานซานเฉียนพูดจบ แล้วหันไปมองทางซูหยิงเซี่ย “ฉันก็ได้หมดเลยค่ะ ชุดเจ้าสาวที่มูลค่ากว่าสองล้านกว่า จะมีอะไรต้องจู้จี้เรื่องมากอีกล่ะคะ” ซูหยิงเซี่ยพูด “พวกเราไปกันเถอะ” หานซานเฉียนพูดกับหยางเฉิน ตอนที่กำลงจะออกจากร้านชุดแ
รอพวกเขาสองคนถ่ายจนเสร็จ และตอนที่เดินสวนกันกับหานซานเฉียนที่ยืนรออยู่นั้น หญิงสาวก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า : “ไม่มีเงินเลยต้องใส่เพื่อให้ดูหน้าใหญ่ใจโต ไม่ได้กลัวถูกคนหัวเราะเยาะเอาซะเลย” “พี่ชายครับ ของก๊อบตัวนี้ของพี่ราคาเท่าไหร่ครับ ทำจากไหน ฝีมือเฉย ๆ มากเลยนะครับ ชุ่ยขนาดนี้ ดูแว็บเดียวก็รู้เลยว่าของก๊อบ” ชายหนุ่มพูดกับหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย “ในเมื่อคุณรู้ว่าชุดเจ้าสาวชุดนี้ที่ภรรยาของผมใส่อยู่ น่าจะเป็นร้านเดียวกับร้านชุดแต่งงานที่เช่ามา เดี๋ยวตอนที่คุณไปคืนชุดก็ลองไปถามดูก็รู้แล้วนี่ครับ” หานซานเฉียนหัวเราะ “ผมไปแน่นอนครับ แต่ชุดเจ้าสาวที่ภรรยาผมใส่อยู่ไม่ได้เช่ามา แต่จ่ายเงินไปแสนกว่า ถ้าเทียบกับคุณแล้วน่าจะแพงกว่ามากนะครับ” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะอย่างได้ใจ หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างเอือมระอา ขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับคนแบบนี้ พวกตัวตลก หานซานเฉียนไม่อยากที่จะต่อกรกับเขาแม้แต่น้อย ในระหว่างการถ่ายรูป ทั้งสองคนเหมือนคู่รักที่หวานชื่นคู่หนึ่ง ความเหมาะสมของท่าทางทุกอย่างเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หวานชื่น ทำให้ผู้หญิงด้วยกันอย่างสวีถงอิจฉาไม่หยุด เธอไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงาน
ในเวลานี้ ชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่งมาถึงร้านขายชุดแต่งงาน เมื่อเห็นชุดแต่งงานที่ตู้โชว์หายไป อารมณ์ของฝ่ายหญิงก็ดำดิ่งลงทันที ความจริงบอกเธอว่า ชุดเจ้าสาวที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็นความจริง ที่บอกว่าเป็นของปลอมก็เพียงเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น “เถ้าแก่เนี้ย ชุดแต่งงานมีคนซื้อไปแล้วจริง ๆ เหรอครับ?” ฝ่ายชายถามเถ้าแก่เนี้ยอย่างไม่เต็มใจยอมรับ“ใช่แล้ว พวกคุณเห็นด้วยเหรอคะ?” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวชายหนุ่มก้มหน้าให้กับความจริงตรงหน้า เมื่อนึกถึงคำเย้ยหยันที่ตนเองพูดกับหานซานเฉียน ก็เหมือนตัวเองโดนตบหน้า “ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงชอบเขาไปได้ ได้ยินว่าฝ่ายหญิงคือประธาน และผู้ชายคนนั้นก็แค่แมงดาคนหนึ่ง” เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างเหยียดหยาม “แมงดา?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ฟื้นคืนความมั่นใจ แม้ว่าชุดแต่งงานที่เขาซื้อจะไม่แพง แต่ก็เป็นเงินของเขาเอง ถ้าหานซานเฉียนเป็นแมงดาจริง จะเอาอะไรมาเทียบกับเขา? “เถ้าแก่เนี้ย คุณหมายถึงผู้หญิงเป็นคนจ่ายเงินค่าชุดแต่งงานเหรอครับ?” “แม้ว่าเขาจะใช้บัตร แต่เงินก็น่าจะเป็นของฝ่ายหญิง” เถ้าแก่เนี้ยกล่าว “ที่รัก ผมพูดถูกไหม? เจ้าหมอนั่นเป็นพวกกระจอก แล้วจะเป็