ภายในร้าน สำหรับการจะซื้อชุดเจ้าสาวที่แพงขนาดนี้ ซูหยิงเซี่ยเองก็ไม่ค่อยยินยอม เพราะสำหรับเธอแล้วของแพงขนาดนี้ไม่จำเป็น แค่ถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกสองล้านกว่า ไม่ใช่เรื่องที่คุ้มค่า“ซานเฉียน พวกเราดูแบบอื่นกันดีกว่าค่ะ ชุดนี้แพงเกินไป” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียน “ไม่ง่ายเลยที่จะรอถึงการถ่ายพรีเวดดิ้งอีกครั้ง ผมจะให้คุณใส่ในสื่งที่คนอื่นเคยใส่มาแล้วได้ยังไงกัน สองล้านกว่าสำหรับผมแล้ว นี่คือราคาที่ถูกมาก เรื่องนี้ฟังผมนะ ตกลงไหม” หานซานเฉียนพูด เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน แต่กลับทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกถึงการเผด็จการที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ ซูหยิงเซี่ยรู้ว่า เงินตรงนี้สำหรับหานซานเฉียน บางทีไม่คิดอะไรจริง ๆ “แต่….” “ไม่เป็นไรหรอก เอาเป็นแบบนี้แล้วกัน” การตัดสินใจของหานซานเฉียนเด็ดขาด ไม่มีโอกาสใดให้ซูหยิงเซี่ยคัดค้านอีก ซูหยิงเซี่ยทำได้เพียงพยักหน้า แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อย แต่ภายในใจก็รู้ดีใจมาก สวีถงที่อยู่ด้านข้างมองซูหยิงเซี่ยด้วยใบหน้าที่ชื่นชม สามปีก่อนตอนที่หานซานเฉียนแต่งเข้า ทั้งหยุนเฉิงต่างก็พูดว่าซูหยิงเซี่ยตาบอด ให้คนไร้ค่าแต่งเข้ามาได้อย่างไร แต่ตอนนี้สวีถงกลับรู้ส
หยางเฉินยังตกใจในความงามของซูหยิงเซี่ย ข่าวลือที่ซูหยิงเซี่ยเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในหยุนเฉิง คำพูดนี่ไม่ได้โกหก แม้ว่ามันจะเกินจริงไปเล็กน้อย แต่อาจมีไม่กี่คนในหยุนเฉิงที่สามารถเอาชนะซูหยิงเซียได้ ต่อไป หานซานเฉียนเองก็เลือกชุดสูทหนึ่ง เมื่อสวมชุดที่เป็นทางการ บุคคลิกลักษณะของหานซานเฉียนก็สะท้อนให้เห็นเช่นกัน แม้ว่าตั้งแต่เด็กเขาจะไม่ถูกครอบครัวให้ความสำคัญ แต่ท้ายที่สุดคนที่เกิดในตระกูลที่มีทั้งเงินและอิทธิพล บุคคลิกลักษณะจึงเหนือกว่าผู้อื่นอย่างหาที่เปรียบมิได้ เถ้าแก่เนี๊ยกลืนน้ำลาย หานซานเฉียนเมื่อก่อนดูหล่อมาก แต่หลังจากใส่สูทแล้ว ต้องบอกว่าเขามีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น บางทีอาจเป็นเพราะเหตุนี้ที่เขาสามารถเอาชนะประธานอย่างซูหยิงเซี่ยได้ “ถ้าตัดสินใจเรื่องชุดได้แล้ว พวกเราก็ไปถ่ายสถานที่แรกกันก่อนแล้วกันครับ” หยางเฉินเดินมาพูดข้างหานซานเฉียน “ผมได้หมดเลยครับ” หานซานเฉียนพูดจบ แล้วหันไปมองทางซูหยิงเซี่ย “ฉันก็ได้หมดเลยค่ะ ชุดเจ้าสาวที่มูลค่ากว่าสองล้านกว่า จะมีอะไรต้องจู้จี้เรื่องมากอีกล่ะคะ” ซูหยิงเซี่ยพูด “พวกเราไปกันเถอะ” หานซานเฉียนพูดกับหยางเฉิน ตอนที่กำลงจะออกจากร้านชุดแ
รอพวกเขาสองคนถ่ายจนเสร็จ และตอนที่เดินสวนกันกับหานซานเฉียนที่ยืนรออยู่นั้น หญิงสาวก็พูดด้วยน้ำเสียงแปลก ๆ ว่า : “ไม่มีเงินเลยต้องใส่เพื่อให้ดูหน้าใหญ่ใจโต ไม่ได้กลัวถูกคนหัวเราะเยาะเอาซะเลย” “พี่ชายครับ ของก๊อบตัวนี้ของพี่ราคาเท่าไหร่ครับ ทำจากไหน ฝีมือเฉย ๆ มากเลยนะครับ ชุ่ยขนาดนี้ ดูแว็บเดียวก็รู้เลยว่าของก๊อบ” ชายหนุ่มพูดกับหานซานเฉียนอย่างเยาะเย้ย “ในเมื่อคุณรู้ว่าชุดเจ้าสาวชุดนี้ที่ภรรยาของผมใส่อยู่ น่าจะเป็นร้านเดียวกับร้านชุดแต่งงานที่เช่ามา เดี๋ยวตอนที่คุณไปคืนชุดก็ลองไปถามดูก็รู้แล้วนี่ครับ” หานซานเฉียนหัวเราะ “ผมไปแน่นอนครับ แต่ชุดเจ้าสาวที่ภรรยาผมใส่อยู่ไม่ได้เช่ามา แต่จ่ายเงินไปแสนกว่า ถ้าเทียบกับคุณแล้วน่าจะแพงกว่ามากนะครับ” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะอย่างได้ใจ หานซานเฉียนส่ายหัวอย่างเอือมระอา ขี้เกียจจะพูดไร้สาระกับคนแบบนี้ พวกตัวตลก หานซานเฉียนไม่อยากที่จะต่อกรกับเขาแม้แต่น้อย ในระหว่างการถ่ายรูป ทั้งสองคนเหมือนคู่รักที่หวานชื่นคู่หนึ่ง ความเหมาะสมของท่าทางทุกอย่างเต็มไปด้วยบรรยากาศที่หวานชื่น ทำให้ผู้หญิงด้วยกันอย่างสวีถงอิจฉาไม่หยุด เธอไม่เคยมีความคิดที่จะแต่งงาน
ในเวลานี้ ชายหญิงคู่หนึ่งเพิ่งมาถึงร้านขายชุดแต่งงาน เมื่อเห็นชุดแต่งงานที่ตู้โชว์หายไป อารมณ์ของฝ่ายหญิงก็ดำดิ่งลงทันที ความจริงบอกเธอว่า ชุดเจ้าสาวที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็นความจริง ที่บอกว่าเป็นของปลอมก็เพียงเพื่อปลอบใจตัวเองเท่านั้น “เถ้าแก่เนี้ย ชุดแต่งงานมีคนซื้อไปแล้วจริง ๆ เหรอครับ?” ฝ่ายชายถามเถ้าแก่เนี้ยอย่างไม่เต็มใจยอมรับ“ใช่แล้ว พวกคุณเห็นด้วยเหรอคะ?” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวชายหนุ่มก้มหน้าให้กับความจริงตรงหน้า เมื่อนึกถึงคำเย้ยหยันที่ตนเองพูดกับหานซานเฉียน ก็เหมือนตัวเองโดนตบหน้า “ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงชอบเขาไปได้ ได้ยินว่าฝ่ายหญิงคือประธาน และผู้ชายคนนั้นก็แค่แมงดาคนหนึ่ง” เถ้าแก่เนี้ยพูดอย่างเหยียดหยาม “แมงดา?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ ชายหนุ่มก็ฟื้นคืนความมั่นใจ แม้ว่าชุดแต่งงานที่เขาซื้อจะไม่แพง แต่ก็เป็นเงินของเขาเอง ถ้าหานซานเฉียนเป็นแมงดาจริง จะเอาอะไรมาเทียบกับเขา? “เถ้าแก่เนี้ย คุณหมายถึงผู้หญิงเป็นคนจ่ายเงินค่าชุดแต่งงานเหรอครับ?” “แม้ว่าเขาจะใช้บัตร แต่เงินก็น่าจะเป็นของฝ่ายหญิง” เถ้าแก่เนี้ยกล่าว “ที่รัก ผมพูดถูกไหม? เจ้าหมอนั่นเป็นพวกกระจอก แล้วจะเป็
บริษัทประมูลหางหยางมีอิทธิพลอย่างมากในหวาเซี่ย อาจกล่าวได้ว่าเป็นบริษัทประมูลรายใหญ่ที่สุดในหวาเซี่ย มีสาขาและสถานที่ประมูลอยู่ในเมืองใหญ่หลายแห่ง ทุกปีมีสินค้าประมูลต่อเนื่องอย่างไม่ขาดสายมูลค่าสูงนับหมื่นล้าน มีโบราณวัตถุและของเก่าจำนวนมากไหลออกจากบริษัทประมูลหางหยาง ติดอันดับสูงในวงการประมูล ไม่เพียงเท่านี้ แต่ยังมีอิทธิพลอย่างมากในระดับนานาประเทศ ว่ากันว่าเจ้าของบริษัทประมูลหวาหยางได้ซื้อประเทศเล็ก ๆ จากกำลังทรัพย์ที่น่าตื่นตะลึงของเขา แน่นอน คำเล่าลือแบบนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน“ผมมาหาผู้รับผิดชอบของบริษัทของพวกคุณ” หานซานเฉียนยืนพูดกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูบริษัทเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของบริษัทได้รับการอบรมอย่างเข้มงวด ปฏิบัติกับทุกคนอย่างให้เกียรติ ไม่เคยใช้สายตาดูถูกคนอื่น เพราะวัตถุประสงค์ของบริษัทประมูลหวาหยางคือ ทุกคนมีโอกาสเป็นลูกค้า จะล่วงเกินใครไม่ได้ ยิ่งบุคคลนั้นร่ำรวยมากเท่าใด ก็ยิ่งต้องสงบเสงี่ยมมากขึ้นเท่านั้น พวกเขาไม่อยากเสี่ยงที่จะล่วงเกินเศรษฐีท่านไหนเลย“คุณผู้ชาย ท่านได้นัดไว้หรือเปล่าครับ?” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถามหานซานเฉียน“เปล่าค
“บริษัทของเรามุ่งมั่นที่จะให้บริการแขกทุกคนเป็นอย่างดี นี่คือสิ่งที่เราควรทำ หากท่านยังมีความต้องการใดเพิ่มเติมก็สามารถแจ้งได้เลยครับ ผมจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อตอบสนองความพึงพอใจครับ” หลิวจางกล่าว“ไม่มีแล้วครับ ผมได้ที่นั่งวีไอพีชั้นสูงสุดแล้ว ยังจะมีอะไรที่จะทำให้พอใจได้อีกล่ะครับ” หานซานเฉียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นี่คือสิ่งที่สมควรแล้วครับ” หลิวจางกล่าว เขาชื่นชมคนรวยที่ไม่หยิ่งผยองเหมือนหานซานเฉียน ไม่เหมือนพวกรวยชั่วข้ามคืน มีเงินไม่เท่าไหร่ก็ทำจองหอง “ผมขอตัวก่อนครับ” หลิวจางและผู้ช่วยของเขาไปส่งหานซานเฉียนที่ประตูของบริษัท เขามองตามหานซานเฉียนออกไป“ประธานหลิวคะ ชายหนุ่มคนนี้ตอนเดินอยู่บนถนน มองยังไงก็ไม่เหมือนเศรษฐีเลย” ผู้ช่วยพูดกับหลิวจาง“ยิ่งรวยก็ยิ่งทำตัวเงียบ แต่เขารวยเกินไป แถมอายุยังน้อย ผมไม่รู้ว่าเขามาจากตระกูลไหน” หลิวจางกล่าว ผู้ช่วยถอนหายใจแล้วพูดว่า “น่าเสียดาย ดูท่าทางเหมือนเขาจะมีผู้หญิงที่ชอบอยู่แล้ว”หลิวจางมองไปที่ผู้ช่วยของเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่ใช่ว่าผมดูถูกคุณนะ แต่การที่คุณสามารถหาผู้ชายที่มีทรัพย์สินเป็นสิบล้านได้ก็นับว่าดีแล้ว คนอย่างคุณ
หลิวจางรู้สึกจนปัญญากับคนประเภทนี้ที่ต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เงินยี่สิบล้านก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้เขาใช้เงินจำนวนมากในการประมูล อะไรคือการใช้ศักดิ์ศรีที่ไร้ความหมายนี้? “ถ้าคุณยืนยัน คุณต้องจ่ายเงินมัดจำหนึ่งล้านหยวนก่อน หากคุณไม่ประมูล เงินมัดจำจะไม่สามารถคืนได้ครับ” หลิวจางกล่าวเตือน “เลิกพูดเพ้อเจ้อได้แล้ว คุณดูถูกผมเหรอ?” หม่าเยี่ยนกล่าวอย่างไม่พอใจ หลิวจางส่ายหน้าแล้วกล่าวว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ กรุณาตามผมมาเถอะครับ” ในเวลานี้ แม้แต่ผู้ช่วยก็อดไม่ได้ที่จะแอบส่ายหน้า ถ้าไม่ใช่เพราะการปรากฏตัวของหานซานเฉียน เธอคงมองเห็นเป็นเรื่องตลก แต่หลังจากเปรียบเทียบแล้ว ช่องว่างระหว่างพวกเขาช่างน่าขัน ชายคนหนึ่งที่มีเป็นหมื่นล้านทำตัวเงียบ ๆ และได้รับการอบรมมาดี แต่ชายที่มีแค่ยี่สิบล้านยังคงหยิ่งผยองเหลือทน เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่โรงแรม ซูหยิงเซี่ยก็ผล็อยหลับไป กรนราวกับฟ้าลั่น ดูเหมือนว่าเธอจะเหนื่อยจริง ๆ นี่คืออีกด้านหนึ่งของเทพธิดาที่ไม่มีใครรู้จัก ใครจะคิดว่าผู้หญิงสวยอย่างซูหยิงเซี่ยจะนอนกรนตอนเธอหลับล่ะ? ในอีกห้องหนึ่ง หลังจากที่หยางเฉินได้มีสัมพันธ์กับเถ้าแก่เนี้ย ทั้
“น่าสนุกดีนะ ฉันสงสัยว่าเขาจะสร้างความประทับใจให้ฉันในงานประมูลวันมะรืนนี้ได้ไหม ถ้าเขาสามารถซื้อสร้อยคอนิจนิรันดร์ได้จริง มันก็จะน่าสนุกมาก” เถ้าแก่เนี้ยกล่าวอย่างมีความหวัง “ทรัพย์สินของตระกูลซูไม่สามารถใช้เกินห้าร้อยล้านได้ ถ้าเขาสามารถซื้อสร้อยคอนิจนิรันดร์ได้จริง ๆ เงินจะต้องไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลซู” หยางเฉินยังสงสัยว่าหานซานเฉียนจะทำสิ่งนี้ได้หรือไม่ “ถ้าฉันคบกับคนแบบนี้ ฉันคงไม่ต้องทำงานร้านชุดแต่งงานหนักขนาดนี้?” เถ้าแก่เนี้ยยิ้ม หยางเฉินไม่ได้ปฏิบัติต่อเธอในฐานะผู้หญิงของเขา และเขาก็ไม่สนใจเรื่องชีวิตส่วนตัวของเธอด้วย แต่เรื่องนี้เขาต้องเตือนเธอว่า “ผมแนะนำให้คุณเลิกคิดเรื่องนี้ซะ จะได้ไม่ต้องถูกปฏิเสธ” “ฉันมีเสน่ห์ไม่พอเหรอคะ?” เถ้าแก่เนี้ยยืนขึ้น และจงใจทำท่าทางเย้ายวน “ถ้าเขาเป็นคนใหญ่คนโตจริง ๆ และเต็มใจที่จะอยู่ในตระกูลซูด้วยความอัปยศ นอกจากเห็นแก่ซูหยิงเซี่ยแล้ว จะยังมีอะไรอีกไหมที่คุ้มกับความพยายามของเขาในตระกูลซู?” หยางเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “เพราะความรักเหรอคะ?” เถ้าแก่เนี้ยถอนหายใจออกมาเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แม้ว่าเธอจะมั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของเธอมาก แต่เธอก็
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ