ในขณะเดียวกัน ที่บริเวณคฤหาสน์ของตระกูลเทียนเทียนหลิงเอ๋อร์ยังคงเซ้าซี้เทียนฉางเฉิง เธอหวังว่าเทียนฉางเฉิงจะสามารถช่วยหานซานเฉียนได้ ถึงอย่างไรหานซานเฉียนก็เป็นเทพบุตรในฝันของเธอ แม้ว่าเธอจะเคยถูกหานซานเฉียนทำร้ายมาก่อน แต่เธอก็ไม่อยากเห็นหานซานเฉียนเสียหน้า “คุณปู่ ช่วยเขาด้วยนะคะ ตอนนี้นอกจากปู่แล้ว ยังจะมีใครช่วยเขาได้อีกล่ะคะ” เทียนหลิงเอ๋อร์จับมือเทียนฉางเฉิง แล้วพูดออดอ้อน เทียนฉางเฉิงถูกทรมานจนจำยอม เทียนหลิงเอ๋อร์ใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ นานาหมดแล้ว แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าเขาเคยพูดว่าจะไม่ยื่นมือเข้าไปแทรกแซง แต่โดยพื้นฐานแล้ว หานซานเฉียนนั้นไม่ได้ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเลย “ปู่เคยบอกไม่ใช่เหรอว่า เขาแก้ปัญหาเองได้ เธอไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว” เทียนฉางเฉิงพูดอย่างจนใจ เทียนหลิงเอ๋อร์มีหรือจะเชื่อคำพูดนี้ เมื่อก่อนหานซานเฉียนยังมีตระกูลซูเป็นผู้หนุนหลัง แต่ตอนนี้ตระกูลซูได้ล่มสลายลงแล้ว หานซานเฉียนจะมีวิธีจัดการกับตระกูลเจียงได้อย่างไร “คุณปู่ ถึงหานซานเฉียนจะเก่งกาจ แต่เขาก็ไม่สามารถตีพวกเจียงฟู่ทีละคนได้ใช่ไหม ถ้าปู่ไม่ช่วยเขา เรื่องนี้จะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ” เทียนหลิงเอ๋อร์กล่า
จัตุรัสเหรินเหมิน เวลาแปดโมงเช้าคลาคล่ำไปด้วยผู้คน แต่มีถนนสายหนึ่งว่างเปล่า ทุกคนตั้งใจไม่ใช้ถนน เพราะวันนี้พวกเขามาที่นี่เพื่อดูอะไรสนุก ๆ ถ้าไม่เปิดทางให้หานซานเฉียนผู้เป็นพระเอกของงานนี้ แล้วจะหาดูความสนุกได้ที่ไหน? “หานซานเฉียนจะมาไหม? ไม่ใช่ว่ารอมาทั้งวันทั้งคืนแต่ไม่เห็นอะไรเลย ขาดทุนแย่” “น่าจะมานะ เจียงฟู่ออกปากพูดแล้ว คนไร้ประโยชน์อย่างเขาจะกล้าที่จะไม่มาเหรอ” “ได้ยินชื่อนี้มาตลอด แต่ไม่เคยเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของเขามาก่อน ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นตัวจริงของคนไร้ประโยชน์คนนี้แล้ว อยากรู้จัง ไม่รู้ว่ามีหน้าตาเป็นยังไง ถึงทำให้ซูหยิงเซี่ยหลงเสน่ห์ถึงขั้นนี้ได้” พระเอกยังไม่ทันได้ขึ้นเวที ผู้ชมก็เริ่มพูดคุยกันเองอย่างอดไม่ไหวตั้งแต่เมื่อวาน สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้ตลอด หัวข้อสนทนาเกี่ยวกับหานซานเฉียนได้กลายเป็นประเด็นร้อนแรงเป็นประวัติการณ์ ถึงอย่างไรชื่อหานซานเฉียนสามคำนี้ได้ดังก้องอยู่ในเมืองหยุนเฉิงมาเป็นเวลาสามปีเต็ม เป็นเรื่องตลกที่ทุกคนในเมืองหยุนเฉิงต้องได้ยินสามเวลาหลังอาหาร แต่สำหรับคนส่วนใหญ่นั้นไม่เคยเห็นหานซานเฉียนตัวจริงมาก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ใช่แค่อยากเห
ท่ามกลางฝูงชน ซูไห่เฉากับซูอี้หานก็ตามมาดูอะไรสนุก ๆ เช่นกัน เรื่องดี ๆ แบบนี้สำหรับคนสองคนที่เกลียดหานซานเฉียนถือเป็นโอกาสที่หาได้ยาก แล้วพวกเขาจะพลาดได้อย่างไร “ไห่เฉา นายคิดว่าหานซานเฉียนจะมาไหม” ซูอี้หานเอ่ยถาม “เขาน่ะเหรอ? จะมาหรือไม่มาสำคัญตรงไหน มาก็มาคุกเข่าให้ขายหน้า ไม่มาก็เป็นเต่าหดหัว ขายหน้าเหมือนกัน ต่างกันอย่างไร” ซูไห่เฉากล่าวด้วยรอยยิ้ม ซูอี้หานได้ยินเหตุผลเช่นนี้ก็ยิ้มอย่างมีความสุข แล้วพูดว่า “อยากรู้จริงว่าตอนนี้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกยังไง เธอต้องอับอายขายหน้ามาสามปี เพราะแต่งงานกับคนไร้ประโยชน์แบบนี้ สุดท้ายยังทำให้บริษัทล้มละลาย คิดดูแล้วก็น่าสนุก” “มาแล้ว!” หางตาของซูไห่เฉาพลันเห็นคนสองคนเดินเข้ามาตามถนนเส้นเล็ก ๆ ที่ว่างเปล่า นั่นคือหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ย“คิดไม่ถึงว่าซูหยิงเซี่ยจะมาด้วย ยัยโสเภณีนี่หน้าด้านมาก ตามมาขายหน้ากับหานซานเฉียนด้วย จะเล่นบทผัวเมียหัวใจเดียวเหรอ?” ซูอี้หานพูดอย่างเหยียดหยาม ผู้คนเริ่มหงุดหงิดกระสับกระส่าย ข่าวการปรากฏตัวของหานซานเฉียนได้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้คนนับไม่ถ้วนเขย่งเท้าชะเง้อคอมองดูว่าบุคคลที่กล่าวขานกันนั้นห
ซูหยิงเซี่ยตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเธอแข็งทื่อ เพราะคนเหล่านี้ยืนอยู่ข้างหลังเธอ นำความกดดันมาให้เธอมาก หานซานเฉียนรู้สึกถึงความผิดปกติของซูหยิงเซี่ย จึงบีบมือของซูหยิงเซี่ยไว้เพื่อให้เธอผ่อนคลาย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ซูหยิงเซี่ยจะผ่อนคลายลงได้อย่างไร? หลายนาทีผ่านไป ดูเหมือนจะไม่มีใครก้าวออกมาสั่งหานซานเฉียนให้คุกเข่า ผู้ชมเหล่านั้นมีบางส่วนที่ทนรอไม่ไหวอีกต่อไป พวกเขากำลังรอคอยการแสดงอันวิเศษสุดที่จะเกิดขึ้น ดวงอาทิตย์เริ่มใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ใครจะมาทนตากแดดรออยู่ตรงนี้ตลอดเวลา “เกิดอะไรขึ้น ยังไม่มีใครทำให้หานซานเฉียนคุกเข่าลงอีกเหรอ?” “น่าแปลก แปลกจริง ทำไมคนพวกนั้นดูท่าทางผิดปกติ”“คงไม่มีเรื่องหักมุมอะไรใช่ไหม”“จะมีอะไรหักมุมได้อีกล่ะ เจียงฟู่ก่อการเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้ นอกจากคนไร้ประโยชน์หานซานเฉียนจะคุกเข่าลง ยังจะมีทางแก้ไขอื่นอีกเหรอ?” “คุก...คุกเข่าแล้ว!”“บ้าเอ๊ย คุกเข่าแล้ว! ทำไมถึงเป็นแบบนี้!”ผู้คนจำนวนมากในฝูงชนร้องอุทานขึ้นมา มองไปยังสมาชิกของสมาคมหมากล้อมด้วยความตกใจ แต่ละคนคุกเข่าลงข้างหลังหานซานเฉียน ทุกคนถึงกับตกตะลึงอ้าปากค้าง“ทำไมถึง
ฉีอีหยุนจินตนาการไม่ออกว่าเขาทำได้อย่างไร แน่นอน สิ่งนี้ยังทำให้ฉีอีหยุนมั่นใจในตัวหานซานเฉียนมากขึ้นอีกด้วย บางทีเขาอาจจะเป็นคนที่เธอกำลังตามหามาตลอด มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถช่วยตระกูลฉีให้พ้นจากความทุกข์ยากทั้งหลายได้ “เธอเห็นแล้วไม่รู้สึกแปลกใจบ้างเหรอ? คนเหล่านี้เป็นคนใหญ่คนโตในเมืองหยุนเฉิง แต่...แต่ตอนนี้พวกเขาคุกเข่าให้กับหานซานเฉียน!” เฉิงหลิงเหยาพูดอย่างงุนงง ฉีอีหยุนถอนหายใจออกมาอย่างแรงแล้วพูดว่า “คนใหญ่คนโต? บางทีในสายตาของหานซานเฉียน พวกเขายังเป็นไม่ได้แม้แต่มดด้วยซ้ำ”“อีหยุน เธอพูดอะไร?” เฉินหลิงเหยาได้ยินไม่ถนัดในสิ่งที่ฉีอีหยุนพูด เธอเดินเข้าไปใกล้อีกก้าวหนึ่งแล้วถามฉีอีหยุนใกล้ ๆ ฉีอีหยุนส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร ตอนนี้เจียงฟู่ยังไม่ปรากฏตัว เขาต่างหากที่เป็นผู้บงการที่แท้จริงของเรื่องนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไงยังไม่มีใครรู้ได้” เฉินหลิงเหยาพยักหน้า แม้ว่าเธอจะไม่ได้มีความสามารถมากนัก แต่ก็ชอบสนใจเรื่องราวของคนในสังคมชั้นสูง แม้ว่าคนที่มาที่จัตุรัสแห่งนี้จะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งต่ำต้อย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเจียงฟู่ เรื่องทั้งหมดเจียงฟู่เป็นคนปั่นขึ้น ถ
“มาแล้ว มาแล้ว ในที่สุดเจียงฟู่ก็มาถึงแล้ว!” “ให้คนรอตั้งนาน ทีนี้ล่ะ หานซานเฉียนถึงคราวจองหองไม่ออกแล้ว” “บัดซบ! คนไร้ประโยชน์ยังคิดจะเปลี่ยนฐานะตนเองให้เป็นฝ่ายชนะ มาดูกันว่าเขาจะมีอะไรเก็บไว้อีก” เจียงฟู่เดินตามถนนโล่ง ๆ มุ่งตรงมาถึงตัวหานซานเฉียนเมื่อเขาเห็นกลุ่มคนจากสมาคมได้คุกเข่าลงข้างหลังหานซานเฉียน ก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง เขาคิดไม่ถึงว่าหานซานเฉียนจะใช้วิธีการที่ต่ำช้าไร้ยางอายเช่นนี้ ตอนนี้เจียงไห่ตกอยู่ในมือม่อหยาง ไม่รู้จะเป็นตายร้ายดีอย่างไร เขาไม่อยากให้คนผมหงอกต้องไปงานศพคนผมดำ แต่ถ้าเขาต้องคุกเข่าให้หานซานเฉียนต่อหน้าสาธารณชน เรื่องน่าละอายเช่นนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เจียงฟู่จะทำได้ “หานซานเฉียน นายคิดว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้จริงหรือ? ตอนนี้นายข่มขู่ฉันได้ แต่นายจะรับมือกับการแก้แค้นของฉันในอนาคตได้หรือเปล่า?” เจียงฟู่กัดฟันกรอด ขณะที่พูดกับหานซานเฉียน “ในอนาคต? เจียงฟู่ คุณไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คุณคงไม่คิดใช่ไหมว่าเจียงเหอ กรุ๊ป จะยังคงมีอนาคตอยู่?” หานซานเฉียนพูดอย่างเฉยเมย เจียงฟู่หัวเราะทั้งที่โมโหมาก คนไร้ประโยชน์คนนี้ยังคิดโค่นล้มเจียงเหอ กรุ๊ป แห่งเมืองห
ในเวลานี้ทุกคนมองหานซานเฉียนด้วยสายตาที่แตกต่างไป ไม่ดูถูกอีกแต่จริงจังมาก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เต็มใจยอมรับ แต่ก็ไม่สามารถลบความจริงที่เจียงฟู่คุกเข่าลงต่อหน้าพวกเขาได้ ซูหยิงเซี่ยกลืนน้ำลายอย่างคอแห้ง ไม่คิดว่าเจียงฟู่จะคุกเข่าลงจริง ๆ! เขาคือเจียงฟู่ เป็นรองเพียงคนใหญ่โตอย่างตระกูลเทียนเท่านั้น! ในเวลานี้ซูไห่เฉาและซูอี้หานเต็มไปด้วยความโกรธ เดิมทีคิดว่าสถานการณ์จะพลิกกลับหลังจากเจียงฟู่มาถึง คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์กลับไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาต้องการเห็น พวกเขาผลักหานซานเฉียนและซูหยิงเซี่ยไปสู่คลื่นลมที่กำลังบ้าคลั่ง แต่กลับทำให้ทั้งสองกลายเป็นที่สนใจ! “ไห่เฉา นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ผู้อาวุโสอย่างเจียงฟู่คุกเข่าให้หานซานเฉียน” ซูอี้หานเอ่ยซูไห่เฉาขมวดคิ้ว หานซานเฉียนอาศัยพลังของตระกูลหานหรือเปล่า? แต่เขาเป็นเพียงลูกชายที่ถูกทอดทิ้งของตระกูลหาน มันจะเป็นไปได้อย่างไร? หรือจะบอกว่า คนไร้ประโยชน์อย่างหานซานเฉียน แอบอ้างบารมีชื่อเสียงของตระกูลหานมาข่มเหงผู้อื่นซูไห่เฉาอยากจะเปิดโปงหน้ากากจอมปลอมของหานซานเฉียนเหลือเกิน แต่เซินเวิงเคยบอกว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้ ทันทีที่มันถูกเปิดเผยจา
ซูหยิงเซี่ยนั่งรถกลับคฤหาสน์ที่อยู่ใจกลางเนินเขา ยังสลัดอารมณ์เมื่อครู่ไม่พ้น ราวกับว่าเจียงฟู่ยังคงคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเธอ เหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนี้ทำให้เธอรู้สึกเหมือนกำลังฝัน เธอไม่กล้าแม้แต่จะบีบต้นขาตัวเอง กลัวว่าจะตื่นจากความฝัน “เป็นอะไรไป?” เมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยของซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียนก็ถามด้วยรอยยิ้ม “ซานเฉียน? ฉันกำลังฝันอยู่เหรอ?” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถามอย่างแข็งทื่อ หานซานเฉียนยิ้มแล้วพูดว่า “ไม่ใช่แน่นอน กลับบ้านแล้วเราจะซื้อตั๋วเครื่องบินไปเกาะจีเหยียนกัน เราจะไปถ่ายรูปแต่งงานกันอีกครั้ง” “แต่ว่า แล้วบริษัทล่ะ? คุณไม่สนในเรื่อบริษัทแล้วเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยถาม แม้ว่าเรื่องในจัตุรัสจะจบลงแล้ว แต่บริษัทของตระกูลซูยังคงต้องเผชิญกับวิกฤตครั้งใหญ่ ไปเกาะจีเหยียนในช่วงเวลาแบบนี้ ซูหยิงเซี่ยจะสบายใจได้อย่างไร “ผมได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนแล้ว อีกสองวันเขาจะพาคนกลุ่มหนึ่งไปเมืองหยุนเฉิง เพื่อรับช่วงต่อบริษัท ลูกน้องของเขาล้วนเป็นพวกอัจฉริยะ มอบหมายให้เขาทำอย่างสบายใจเถอะ” หานซานเฉียนกล่าว เมื่อได้ยินสิ่งที่หานซานเฉียนพูด ซูหยิงเซี่ยก็ก้มหน้าลงด้วยอารมณ์ตกต่ำในทันใด “เป็