เนื่องจากเขาหายใจไม่ออก ใบหน้าของตี้สู่จึงแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพยายามดิ้นรนปัดมือของหานซานเฉียนออก แต่เขาถนัดเรื่องการแหกคุก ไม่ใช่การต่อสู้ เขาจะสู้หานซานเฉียนในด้านพละกำลังได้อย่างไรตี้สู่ก็ถูกหานซานเฉียนจับเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงก่อนที่จะหมดสติเพราะขาดออกซิเจนตี้สู่ที่รอดพ้นจากความตายมาได้หอบหายใจแรง และมองดูหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว“มีคำอธิบายอย่างอื่นอีกไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถามความกดดันที่หายใจไม่ออกทำให้ตี้สู่รู้สึกเสียใจที่มาหาหานซานเฉียน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่หานซานเฉียน เขาต้องตายแน่ ๆ!“คำอธิบายมันสำคัญด้วยเหรอ? หรือว่าคุณไม่คิดจะลองสักหน่อยล่ะ? อย่างน้อยผมก็มีความสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้คุณได้” ตี้สู่กล่าวหานซานเฉียนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาไม่รู้ว่าคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่เคยสืบค้นหาหลักฐานมาก่อน แต่การมีอยู่ของเรือนจำตี้ซิน เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปตรวจสอบดูสักครั้ง อีกอย่างสิ่งที่ฉือจิงพูดก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวของหานซานเฉียนถ้ายังไม่ได้เห็นศพ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณปู่ตายแล้วจริง ๆ?ข้อมูลจากน
“ต้องการเงินใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็คืนสองแสนหยวนที่ฉันให้เธอยืมมาก่อน” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโมโห เธอทนกับพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจี่ยงเชิงก็ปกติดี แต่ตอนนี้กลับมาแกล้งทำเป็นป่วย มันคือการหลอกลวงที่น่าขยะแขยงจริง ๆ“เงิน? เงินอะไร? เจี่ยงหลาน ฉันไปยืมเงินเธอตอนไหน ฉันไม่สนใจหรอกนะ ถ้าวันนี้พวกเธอไม่จ่ายเงินชดเชยมา ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับพวกเธอแน่” หลิวฮวาตะโกนเอะอะโวยวาย ร้องไห้เสียงดัง ในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาหานซานเฉียนเดินเข้าไปหาเจี่ยงเชิงแล้วพูดว่า “เงินชดเชยแค่นี้จะพอเหรอ? หรือว่าจะให้ฉันหักขานาย จะได้เงินชดเชยเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเป็นไง?”เจี่ยงเชิงตัวสั่นด้วยความกลัว รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังเจี่ยงเฟิงกวางทันที“หานซานเฉียน นายอวดดีขนาดนี้ไม่กลัวถูกจับหรือไง?” เจี่ยงเฟิงกวางถาม“เจี่ยงเฟิงกวาง ถ้าพวกคุณสามคนยังรู้สึกว่าสนุกไม่พอ ผมสามารถเล่นกับพวกคุณได้นะ แต่พวกคุณต้องคิดดูให้ดีว่าจะแบกรับผลที่ตามมาไหวไหม” หานซานเฉียนกล่าวเจี่ยงเฟิงกวางได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มรู้สึกใจฝ่อ หานซานเฉียนรู้จักถังจง แล้วจะมาเล่น ๆ
หลิวฮวาเอามือกุมลำคอพลางหอบหายใจ สติกระเจิดกระเจิง เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกว่ากำลังจะตายจริง ๆ ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่พูดห้ามไว้ หานซานเฉียนไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่ ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ มีอารมณ์ร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ! “แม่ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” “ที่รัก คุณเป็นยังไงบ้าง”หลังจากหานซานเฉียนเดินจากไปแล้ว เจี่ยงเฟิงกวางและเจี่ยงเชิงก็รีบเข้าไปหาหลิวฮวาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง หลิวฮวาที่เพิ่งเฉียดจากความตายมา ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเลย ผู้หญิงปากร้ายเช่นเธอจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร?“เจี่ยงเชิง ลูกจักเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่สีเทาไม่ใช่เหรอ? แม่จะให้เงินลูกไปหาคนมาอัดหานซานเฉียนสักครั้ง แค้นนี้ฉันต้องชำระให้ได้” หลิวฮวากัดฟันพูด“ได้ครับ ผมจะช่วยแม่แก้แค้นเอง” เจี่ยงเชิงกล่าวในเวลานี้ตระกูลเจี่ยงบรรยากาศเยือกเย็นหลังจากเจี่ยงหงกลับมาถึงบ้าน เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เพียงแต่โกรธท่าทีของหานซานเฉียนที่มีต่อเขาเท่านั้น แต่ยังโกรธที่เจี่ยงหว่านและคนอื่น ๆ จงใจปกปิดเรื่องนี้กับเขาด้วยถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยงหว่าน เรื่องในวันนี้คงไม่ลุกลามมาจนถึงขั้นนี้“คุณปู่คะ มันเป็นเพราะซูหยิงเซี่ย เธอทำให้หน
ณ ห้องสนุกเกอร์แสนสุข สถานที่ที่มีชื่อน่ารัก แต่แขกที่อยู่ข้างในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขามีรอยสักลายมังกรหงส์ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยควัน ผู้คนพูดคุยกันด้วยภาษาหยาบคายตลอดเวลา ก้นบุหรี่ที่อยู่เต็มพื้นนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ขวดเบียร์เปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนวางกองอยู่ที่มุมผนังจนเกิดเป็นกลิ่นฉุนแสบจมูก เมื่อเจี่ยงเชิงมาถึงห้องห้องสนุกเกอร์กับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ทำให้เขาต้องย่นจมูก ภายในใจเกิดความหวาดหวั่นเล็กน้อย เพราะคนที่เขากำลังจะไปพบคือบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่สีเทาของเมืองปินเซี่ยนที่ผู้คนเรียกกันว่าพี่หลง “พี่หลง เจี่ยงเชิงมาแล้วครับ” หลังจากที่เจี่ยงเชิงเดินเข้าไปในห้องสนุกเกอร์ ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันต่างก็พากันเงียบเสียงลง เสียงเอะอะเมื่อครู่เงียบสงบในทันที ทุกคนต่างจ้องมาที่เจี่ยงเชิง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก “พี่หลงครับ” เจี่ยงพูดพลางเดินเข้าไปตรงหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พี่หลงลูบหัวล้านของตัวเอง โซ่สีทองเส้นหนาที่พันอยู่รอบคอของเขานั้นเอามาล่ามสุนัขได้เหลือเฟือ “เอาเงินม
เจี่ยงเชิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหว่านจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะบอกราคาอย่างไร หลังจากคิดคำนวณอยู่พักหนึ่งว่าไม่ทำให้ตัวเองขาดทุน แถมยังได้กำไรอีกนิดหน่อย เขาก็พูดออกมาว่า “สองหมื่นหยวน ถ้าน้อยกว่าสองหมื่นหยวน เกรงว่าจะไม่ได้”“ไม่มีปัญหา”หลังจากวางสาย เจี่ยงเชิงก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากกับความไม่คาดฝันนี้ แต่เรื่องนี้จะให้แม่ของเขารู้ไม่ได้ เพราะเงินสองหมื่นหยวนเพียงพอให้เขาเที่ยวสำมะเลเทเมาไปได้อีกหลายวันณ คฤหาสน์ของถังจงก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้ วันนี้เธอจึงวางแผนขอให้หานซานเฉียนไปเป็นเพื่อน แต่หานซานเฉียนได้นัดกับคุณถังจงไว้แล้ว“ถ้างั้นผมยกเลิกนัดกับถังจงก็ได้นะครับ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนที่หานซานเฉียนสนใจมีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้น ดังนั้นถ้าซูหยิงเซี่ยต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด การยกเลิกนัดกับถังจงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร“ไม่ได้” เมื่อได้ยินหานซานเฉียนพูดเช่นนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ชนบทไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่หานซานเฉียนไปพบคุณถังจงนั้นไม่ใช่เรื่องเล
ตอนนี้หานซานเฉียนตื่นเต้นและมีความสุขเพียงใดนั้น เจี่ยงหลานคงไม่สามารถเข้าใจได้เรื่องที่หานซานเฉียนไม่เคยได้รับการยอมรับจากตระกูลหานนั้นเขายอมรับมันได้ตั้งแต่ตอนอายุสิบสองปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่กลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามคำพูดสวย ๆ งาม ๆ ของหานจุนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเทียบด้วยได้แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาที่ตระกูลซู เขาก็รอคอยการยอมรับของทุกคนมาโดยตลอด คนอื่นคิดจะอย่างไรกับเขานั้นเขาไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่สำหรับความรู้สึกของซูหยิงเซี่ยนั้นเขาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเวลานี้การกระทำของซูหยิงเซี่ยก็พิสูจน์ความสำคัญของเขาในใจของเธอแล้ว เรื่องนี้จะไม่ให้หานซานเฉียนรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?ถ้าหากว่ามีช่องทางหรือโอกาสใด ๆ หานซานเฉียนก็อยากให้คนทั้งโลกได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นซูหยิงเซี่ยก็คงจะไม่ทำแบบนี้กับเขาอีกต่อไปเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอหน้ซูหยิงเซี่ยในเร็ว ๆ นี้ เพราะเธอคงรู้สึกเขินอายจนหนีไปซ่อนตัวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หานซานเฉียนเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกเขินอาย
“คุณอยากเปลี่ยนงานมาเป็นบอดี้การ์ดของผมเหรอ? มัวยืนอยู่ทำไม” หานซานเฉียนกล่าวอย่างจนใจเมื่อได้ยินที่หานซานเฉียนพูด ถังจงจึงรีบนั่งลงทันที เวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนเขารู้สึกเกร็งอย่างช่วยไม่ได้“ว่ามาสิ วันนี้คุณอยากเจอผมเพราะอะไร”หานซานเฉียนเอ่ยถาม“พี่หานครับ ผมอยากยกบริษัทนี้ให้พี่ครับ” ถังจงกล่าว“อะไร คุณเห็นผมเป็นขอทานหรือไง?” หานซานเฉียนตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม“มะ มะ ไม่ใช่นะครับ” ถังจงรีบโบกมือปฏิเสธอย่างตื่นตระหนกแล้วพูดว่า “พี่หานครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่อย่าเข้าใจผิดนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของถังจงเริ่มเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก หานซานเฉียนก็จนปัญญา วันนี้เขาอารมณ์ดีจึงแค่อยากล้อเล่นกับถังจงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่เขาไม่นึกว่าถังจงจะคิดจริงจังแบบนี้ท่าทางมุกตลกอันนี้จะเอามาเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้สินะ แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ถังจงรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้“คุณไม่ต้องกลัว ผมแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น แต่บริษัทนี้ผมไม่อยากได้จริง ๆ สำหรับผมแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่หานครับ...” ถังจงเอ่ยอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
รถมินิแวนคันหนึ่งหยุดลงตรงหน้าซูหยิงเซี่ยกับแม่ของเธอตอนนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านปี้หลินล้วนแต่เป็นแม่ม่ายและผู้สูงอายุ ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมากนัก ดังนั้นเมื่อรถคันนี้มาปรากฏที่นี่จึงทำให้ซูหยิงเซี่ยค่อนข้างแปลกใจหรือญาติพวกเขาจะมาเยี่ยมงั้นเหรอ?จนกระทั่งคนในรถลงมาจากรถและเดินตรงมาทางพวกเธอ ซูหยิงเซี่ยจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ“แม่คะ รีบวิ่งค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกระซิบบอกแม่ของเธอเจี่ยงหลานที่ไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายใด ๆ จึงพูดขึ้นด้วยความมึนงงว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ซูหยิงเซี่ยไม่มีเวลาจะอธิบาย เธอรีบจูงมือแม่ของเธอวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อคนพวกนั้นเห็นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีเจี่ยงหลานวิ่งช้า แถมยังเป็นภาระของซูหยิงเซี่ย จึงทำให้ถูกคนพวกนั้นจับได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในหมู่บ้าน“ยังอยากวิ่งต่ออีกเหรอคนสวย หุ่นดีไม่เบาเลยนะเนี่ย อยากจะกลับไปเล่นกับพวกพี่ไหม พวกพี่จะปรนนิบัติน้องอย่างดีเลยนะ” ชายคนที่เป็นหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้มลามกพลางมองไปที่รูปร่างของซูหยิงเซี่ยอย่างไม่วางตา“พวกแกเป็นใคร” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“พวกพี่ก็เป็นผู้ชายน่ะสิ น้องอยากลองไหมล่ะ?” ขณะที่พ