ในห้องวีไอพีที่หรูหราที่สุดของโรงแรมจงหวาง จานอาหารบนโต๊ะนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงแมนจูฮั่นแบบครบวงจร เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นถังจงคอยรับใช้หานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะยิ่งเธอได้รู้จักหานซานเฉียนมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองกับหานซานเฉียนมีระยะห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น ตอนแรกที่หานซานเฉียนเพิ่งแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซู ซูหยิงเซี่ยเคยคิดหาวิธีมากมายที่จะกำจัดหานหานซานเฉียน แต่ตอนนี้ เธอกลับกังวลมากว่าจะสูญเสียหานซานเฉียนไป ช่องว่างขนาดมหึมาในหัวใจของเธอทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก และถึงแม้เธอจะอยู่ข้างกายหานซานเฉียน แต่เธอกลับเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าจะรักษาเขาไว้ไม่ได้ระหว่างรับประทานอาหาร หานซานเฉียนหานได้รับข้อความที่ทำให้เขาประหลาดใจ หลังจากได้อ่านข้อความแล้ว หานซานเฉียนก็ลุกจากโต๊ะไปในทันทีเมื่อยืนอยู่หน้าลิฟต์ หานซานเฉียนก็มองดูคำว่าชั้นบนสุดในข้อความ เขาแทบทนรอไม่ไหวแล้วแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว กลับเป็นกระบวนการที่ยาวนานและทุกข์ทรมานเมื่อเขามาถึงชั้นบนสุด ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย จากนั้นเขาจึงยิ้มออกมา“แม
เนื่องจากเขาหายใจไม่ออก ใบหน้าของตี้สู่จึงแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพยายามดิ้นรนปัดมือของหานซานเฉียนออก แต่เขาถนัดเรื่องการแหกคุก ไม่ใช่การต่อสู้ เขาจะสู้หานซานเฉียนในด้านพละกำลังได้อย่างไรตี้สู่ก็ถูกหานซานเฉียนจับเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงก่อนที่จะหมดสติเพราะขาดออกซิเจนตี้สู่ที่รอดพ้นจากความตายมาได้หอบหายใจแรง และมองดูหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว“มีคำอธิบายอย่างอื่นอีกไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถามความกดดันที่หายใจไม่ออกทำให้ตี้สู่รู้สึกเสียใจที่มาหาหานซานเฉียน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่หานซานเฉียน เขาต้องตายแน่ ๆ!“คำอธิบายมันสำคัญด้วยเหรอ? หรือว่าคุณไม่คิดจะลองสักหน่อยล่ะ? อย่างน้อยผมก็มีความสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้คุณได้” ตี้สู่กล่าวหานซานเฉียนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาไม่รู้ว่าคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่เคยสืบค้นหาหลักฐานมาก่อน แต่การมีอยู่ของเรือนจำตี้ซิน เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปตรวจสอบดูสักครั้ง อีกอย่างสิ่งที่ฉือจิงพูดก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวของหานซานเฉียนถ้ายังไม่ได้เห็นศพ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณปู่ตายแล้วจริง ๆ?ข้อมูลจากน
“ต้องการเงินใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็คืนสองแสนหยวนที่ฉันให้เธอยืมมาก่อน” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโมโห เธอทนกับพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจี่ยงเชิงก็ปกติดี แต่ตอนนี้กลับมาแกล้งทำเป็นป่วย มันคือการหลอกลวงที่น่าขยะแขยงจริง ๆ“เงิน? เงินอะไร? เจี่ยงหลาน ฉันไปยืมเงินเธอตอนไหน ฉันไม่สนใจหรอกนะ ถ้าวันนี้พวกเธอไม่จ่ายเงินชดเชยมา ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับพวกเธอแน่” หลิวฮวาตะโกนเอะอะโวยวาย ร้องไห้เสียงดัง ในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาหานซานเฉียนเดินเข้าไปหาเจี่ยงเชิงแล้วพูดว่า “เงินชดเชยแค่นี้จะพอเหรอ? หรือว่าจะให้ฉันหักขานาย จะได้เงินชดเชยเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเป็นไง?”เจี่ยงเชิงตัวสั่นด้วยความกลัว รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังเจี่ยงเฟิงกวางทันที“หานซานเฉียน นายอวดดีขนาดนี้ไม่กลัวถูกจับหรือไง?” เจี่ยงเฟิงกวางถาม“เจี่ยงเฟิงกวาง ถ้าพวกคุณสามคนยังรู้สึกว่าสนุกไม่พอ ผมสามารถเล่นกับพวกคุณได้นะ แต่พวกคุณต้องคิดดูให้ดีว่าจะแบกรับผลที่ตามมาไหวไหม” หานซานเฉียนกล่าวเจี่ยงเฟิงกวางได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มรู้สึกใจฝ่อ หานซานเฉียนรู้จักถังจง แล้วจะมาเล่น ๆ
หลิวฮวาเอามือกุมลำคอพลางหอบหายใจ สติกระเจิดกระเจิง เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกว่ากำลังจะตายจริง ๆ ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่พูดห้ามไว้ หานซานเฉียนไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่ ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ มีอารมณ์ร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ! “แม่ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” “ที่รัก คุณเป็นยังไงบ้าง”หลังจากหานซานเฉียนเดินจากไปแล้ว เจี่ยงเฟิงกวางและเจี่ยงเชิงก็รีบเข้าไปหาหลิวฮวาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง หลิวฮวาที่เพิ่งเฉียดจากความตายมา ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเลย ผู้หญิงปากร้ายเช่นเธอจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร?“เจี่ยงเชิง ลูกจักเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่สีเทาไม่ใช่เหรอ? แม่จะให้เงินลูกไปหาคนมาอัดหานซานเฉียนสักครั้ง แค้นนี้ฉันต้องชำระให้ได้” หลิวฮวากัดฟันพูด“ได้ครับ ผมจะช่วยแม่แก้แค้นเอง” เจี่ยงเชิงกล่าวในเวลานี้ตระกูลเจี่ยงบรรยากาศเยือกเย็นหลังจากเจี่ยงหงกลับมาถึงบ้าน เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เพียงแต่โกรธท่าทีของหานซานเฉียนที่มีต่อเขาเท่านั้น แต่ยังโกรธที่เจี่ยงหว่านและคนอื่น ๆ จงใจปกปิดเรื่องนี้กับเขาด้วยถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยงหว่าน เรื่องในวันนี้คงไม่ลุกลามมาจนถึงขั้นนี้“คุณปู่คะ มันเป็นเพราะซูหยิงเซี่ย เธอทำให้หน
ณ ห้องสนุกเกอร์แสนสุข สถานที่ที่มีชื่อน่ารัก แต่แขกที่อยู่ข้างในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขามีรอยสักลายมังกรหงส์ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยควัน ผู้คนพูดคุยกันด้วยภาษาหยาบคายตลอดเวลา ก้นบุหรี่ที่อยู่เต็มพื้นนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ขวดเบียร์เปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนวางกองอยู่ที่มุมผนังจนเกิดเป็นกลิ่นฉุนแสบจมูก เมื่อเจี่ยงเชิงมาถึงห้องห้องสนุกเกอร์กับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ทำให้เขาต้องย่นจมูก ภายในใจเกิดความหวาดหวั่นเล็กน้อย เพราะคนที่เขากำลังจะไปพบคือบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่สีเทาของเมืองปินเซี่ยนที่ผู้คนเรียกกันว่าพี่หลง “พี่หลง เจี่ยงเชิงมาแล้วครับ” หลังจากที่เจี่ยงเชิงเดินเข้าไปในห้องสนุกเกอร์ ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันต่างก็พากันเงียบเสียงลง เสียงเอะอะเมื่อครู่เงียบสงบในทันที ทุกคนต่างจ้องมาที่เจี่ยงเชิง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก “พี่หลงครับ” เจี่ยงพูดพลางเดินเข้าไปตรงหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พี่หลงลูบหัวล้านของตัวเอง โซ่สีทองเส้นหนาที่พันอยู่รอบคอของเขานั้นเอามาล่ามสุนัขได้เหลือเฟือ “เอาเงินม
เจี่ยงเชิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหว่านจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะบอกราคาอย่างไร หลังจากคิดคำนวณอยู่พักหนึ่งว่าไม่ทำให้ตัวเองขาดทุน แถมยังได้กำไรอีกนิดหน่อย เขาก็พูดออกมาว่า “สองหมื่นหยวน ถ้าน้อยกว่าสองหมื่นหยวน เกรงว่าจะไม่ได้”“ไม่มีปัญหา”หลังจากวางสาย เจี่ยงเชิงก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากกับความไม่คาดฝันนี้ แต่เรื่องนี้จะให้แม่ของเขารู้ไม่ได้ เพราะเงินสองหมื่นหยวนเพียงพอให้เขาเที่ยวสำมะเลเทเมาไปได้อีกหลายวันณ คฤหาสน์ของถังจงก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้ วันนี้เธอจึงวางแผนขอให้หานซานเฉียนไปเป็นเพื่อน แต่หานซานเฉียนได้นัดกับคุณถังจงไว้แล้ว“ถ้างั้นผมยกเลิกนัดกับถังจงก็ได้นะครับ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนที่หานซานเฉียนสนใจมีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้น ดังนั้นถ้าซูหยิงเซี่ยต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด การยกเลิกนัดกับถังจงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร“ไม่ได้” เมื่อได้ยินหานซานเฉียนพูดเช่นนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ชนบทไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่หานซานเฉียนไปพบคุณถังจงนั้นไม่ใช่เรื่องเล
ตอนนี้หานซานเฉียนตื่นเต้นและมีความสุขเพียงใดนั้น เจี่ยงหลานคงไม่สามารถเข้าใจได้เรื่องที่หานซานเฉียนไม่เคยได้รับการยอมรับจากตระกูลหานนั้นเขายอมรับมันได้ตั้งแต่ตอนอายุสิบสองปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่กลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามคำพูดสวย ๆ งาม ๆ ของหานจุนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเทียบด้วยได้แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาที่ตระกูลซู เขาก็รอคอยการยอมรับของทุกคนมาโดยตลอด คนอื่นคิดจะอย่างไรกับเขานั้นเขาไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่สำหรับความรู้สึกของซูหยิงเซี่ยนั้นเขาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเวลานี้การกระทำของซูหยิงเซี่ยก็พิสูจน์ความสำคัญของเขาในใจของเธอแล้ว เรื่องนี้จะไม่ให้หานซานเฉียนรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?ถ้าหากว่ามีช่องทางหรือโอกาสใด ๆ หานซานเฉียนก็อยากให้คนทั้งโลกได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นซูหยิงเซี่ยก็คงจะไม่ทำแบบนี้กับเขาอีกต่อไปเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอหน้ซูหยิงเซี่ยในเร็ว ๆ นี้ เพราะเธอคงรู้สึกเขินอายจนหนีไปซ่อนตัวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หานซานเฉียนเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกเขินอาย
“คุณอยากเปลี่ยนงานมาเป็นบอดี้การ์ดของผมเหรอ? มัวยืนอยู่ทำไม” หานซานเฉียนกล่าวอย่างจนใจเมื่อได้ยินที่หานซานเฉียนพูด ถังจงจึงรีบนั่งลงทันที เวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนเขารู้สึกเกร็งอย่างช่วยไม่ได้“ว่ามาสิ วันนี้คุณอยากเจอผมเพราะอะไร”หานซานเฉียนเอ่ยถาม“พี่หานครับ ผมอยากยกบริษัทนี้ให้พี่ครับ” ถังจงกล่าว“อะไร คุณเห็นผมเป็นขอทานหรือไง?” หานซานเฉียนตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม“มะ มะ ไม่ใช่นะครับ” ถังจงรีบโบกมือปฏิเสธอย่างตื่นตระหนกแล้วพูดว่า “พี่หานครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่อย่าเข้าใจผิดนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของถังจงเริ่มเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก หานซานเฉียนก็จนปัญญา วันนี้เขาอารมณ์ดีจึงแค่อยากล้อเล่นกับถังจงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่เขาไม่นึกว่าถังจงจะคิดจริงจังแบบนี้ท่าทางมุกตลกอันนี้จะเอามาเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้สินะ แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ถังจงรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้“คุณไม่ต้องกลัว ผมแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น แต่บริษัทนี้ผมไม่อยากได้จริง ๆ สำหรับผมแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่หานครับ...” ถังจงเอ่ยอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ