ณ ห้องสนุกเกอร์แสนสุข สถานที่ที่มีชื่อน่ารัก แต่แขกที่อยู่ข้างในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขามีรอยสักลายมังกรหงส์ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยควัน ผู้คนพูดคุยกันด้วยภาษาหยาบคายตลอดเวลา ก้นบุหรี่ที่อยู่เต็มพื้นนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ขวดเบียร์เปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนวางกองอยู่ที่มุมผนังจนเกิดเป็นกลิ่นฉุนแสบจมูก เมื่อเจี่ยงเชิงมาถึงห้องห้องสนุกเกอร์กับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ทำให้เขาต้องย่นจมูก ภายในใจเกิดความหวาดหวั่นเล็กน้อย เพราะคนที่เขากำลังจะไปพบคือบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่สีเทาของเมืองปินเซี่ยนที่ผู้คนเรียกกันว่าพี่หลง “พี่หลง เจี่ยงเชิงมาแล้วครับ” หลังจากที่เจี่ยงเชิงเดินเข้าไปในห้องสนุกเกอร์ ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันต่างก็พากันเงียบเสียงลง เสียงเอะอะเมื่อครู่เงียบสงบในทันที ทุกคนต่างจ้องมาที่เจี่ยงเชิง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก “พี่หลงครับ” เจี่ยงพูดพลางเดินเข้าไปตรงหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พี่หลงลูบหัวล้านของตัวเอง โซ่สีทองเส้นหนาที่พันอยู่รอบคอของเขานั้นเอามาล่ามสุนัขได้เหลือเฟือ “เอาเงินม
เจี่ยงเชิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหว่านจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะบอกราคาอย่างไร หลังจากคิดคำนวณอยู่พักหนึ่งว่าไม่ทำให้ตัวเองขาดทุน แถมยังได้กำไรอีกนิดหน่อย เขาก็พูดออกมาว่า “สองหมื่นหยวน ถ้าน้อยกว่าสองหมื่นหยวน เกรงว่าจะไม่ได้”“ไม่มีปัญหา”หลังจากวางสาย เจี่ยงเชิงก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากกับความไม่คาดฝันนี้ แต่เรื่องนี้จะให้แม่ของเขารู้ไม่ได้ เพราะเงินสองหมื่นหยวนเพียงพอให้เขาเที่ยวสำมะเลเทเมาไปได้อีกหลายวันณ คฤหาสน์ของถังจงก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้ วันนี้เธอจึงวางแผนขอให้หานซานเฉียนไปเป็นเพื่อน แต่หานซานเฉียนได้นัดกับคุณถังจงไว้แล้ว“ถ้างั้นผมยกเลิกนัดกับถังจงก็ได้นะครับ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนที่หานซานเฉียนสนใจมีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้น ดังนั้นถ้าซูหยิงเซี่ยต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด การยกเลิกนัดกับถังจงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร“ไม่ได้” เมื่อได้ยินหานซานเฉียนพูดเช่นนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ชนบทไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่หานซานเฉียนไปพบคุณถังจงนั้นไม่ใช่เรื่องเล
ตอนนี้หานซานเฉียนตื่นเต้นและมีความสุขเพียงใดนั้น เจี่ยงหลานคงไม่สามารถเข้าใจได้เรื่องที่หานซานเฉียนไม่เคยได้รับการยอมรับจากตระกูลหานนั้นเขายอมรับมันได้ตั้งแต่ตอนอายุสิบสองปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่กลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามคำพูดสวย ๆ งาม ๆ ของหานจุนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเทียบด้วยได้แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาที่ตระกูลซู เขาก็รอคอยการยอมรับของทุกคนมาโดยตลอด คนอื่นคิดจะอย่างไรกับเขานั้นเขาไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่สำหรับความรู้สึกของซูหยิงเซี่ยนั้นเขาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเวลานี้การกระทำของซูหยิงเซี่ยก็พิสูจน์ความสำคัญของเขาในใจของเธอแล้ว เรื่องนี้จะไม่ให้หานซานเฉียนรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?ถ้าหากว่ามีช่องทางหรือโอกาสใด ๆ หานซานเฉียนก็อยากให้คนทั้งโลกได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นซูหยิงเซี่ยก็คงจะไม่ทำแบบนี้กับเขาอีกต่อไปเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอหน้ซูหยิงเซี่ยในเร็ว ๆ นี้ เพราะเธอคงรู้สึกเขินอายจนหนีไปซ่อนตัวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หานซานเฉียนเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกเขินอาย
“คุณอยากเปลี่ยนงานมาเป็นบอดี้การ์ดของผมเหรอ? มัวยืนอยู่ทำไม” หานซานเฉียนกล่าวอย่างจนใจเมื่อได้ยินที่หานซานเฉียนพูด ถังจงจึงรีบนั่งลงทันที เวลาที่เขาอยู่ต่อหน้าหานซานเฉียนเขารู้สึกเกร็งอย่างช่วยไม่ได้“ว่ามาสิ วันนี้คุณอยากเจอผมเพราะอะไร”หานซานเฉียนเอ่ยถาม“พี่หานครับ ผมอยากยกบริษัทนี้ให้พี่ครับ” ถังจงกล่าว“อะไร คุณเห็นผมเป็นขอทานหรือไง?” หานซานเฉียนตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม“มะ มะ ไม่ใช่นะครับ” ถังจงรีบโบกมือปฏิเสธอย่างตื่นตระหนกแล้วพูดว่า “พี่หานครับ ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น พี่อย่าเข้าใจผิดนะครับ”เมื่อเห็นว่าสีหน้าของถังจงเริ่มเปลี่ยนไปด้วยความตื่นตระหนก หานซานเฉียนก็จนปัญญา วันนี้เขาอารมณ์ดีจึงแค่อยากล้อเล่นกับถังจงเพียงนิดหน่อยเท่านั้น แต่เขาไม่นึกว่าถังจงจะคิดจริงจังแบบนี้ท่าทางมุกตลกอันนี้จะเอามาเล่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้สินะ แค่ประโยคเดียวก็ทำให้ถังจงรู้สึกกลัวได้ขนาดนี้“คุณไม่ต้องกลัว ผมแค่พูดล้อเล่นเท่านั้น แต่บริษัทนี้ผมไม่อยากได้จริง ๆ สำหรับผมแล้วมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย เพราะผมไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน” หานซานเฉียนกล่าว“พี่หานครับ...” ถังจงเอ่ยอย่างอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
รถมินิแวนคันหนึ่งหยุดลงตรงหน้าซูหยิงเซี่ยกับแม่ของเธอตอนนี้ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านปี้หลินล้วนแต่เป็นแม่ม่ายและผู้สูงอายุ ไม่ค่อยมีเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมากนัก ดังนั้นเมื่อรถคันนี้มาปรากฏที่นี่จึงทำให้ซูหยิงเซี่ยค่อนข้างแปลกใจหรือญาติพวกเขาจะมาเยี่ยมงั้นเหรอ?จนกระทั่งคนในรถลงมาจากรถและเดินตรงมาทางพวกเธอ ซูหยิงเซี่ยจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ“แม่คะ รีบวิ่งค่ะ” ซูหยิงเซี่ยกระซิบบอกแม่ของเธอเจี่ยงหลานที่ไม่ทันสังเกตเห็นอันตรายใด ๆ จึงพูดขึ้นด้วยความมึนงงว่า “เกิดอะไรขึ้น?”ซูหยิงเซี่ยไม่มีเวลาจะอธิบาย เธอรีบจูงมือแม่ของเธอวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว เมื่อคนพวกนั้นเห็นจึงรีบวิ่งตามไปทันทีเจี่ยงหลานวิ่งช้า แถมยังเป็นภาระของซูหยิงเซี่ย จึงทำให้ถูกคนพวกนั้นจับได้ตั้งแต่ยังไม่ทันได้เข้าไปในหมู่บ้าน“ยังอยากวิ่งต่ออีกเหรอคนสวย หุ่นดีไม่เบาเลยนะเนี่ย อยากจะกลับไปเล่นกับพวกพี่ไหม พวกพี่จะปรนนิบัติน้องอย่างดีเลยนะ” ชายคนที่เป็นหัวหน้าพูดด้วยรอยยิ้มลามกพลางมองไปที่รูปร่างของซูหยิงเซี่ยอย่างไม่วางตา“พวกแกเป็นใคร” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถาม“พวกพี่ก็เป็นผู้ชายน่ะสิ น้องอยากลองไหมล่ะ?” ขณะที่พ
เจี่ยงเชิงได้เงินจากเรื่องนี้กว่าสองหมื่นหยวน เขาไม่สนใจแล้วว่าซูหยิงเซี่ยกับหานซานเฉียนจะมีจุดจบอย่างไร เขาหวังแค่ว่าอยากให้ฟ้ามืดเร็ว ๆ เพื่อที่เขาจะได้ออกไปทำตัวเป็นเศรษฐีอยู่ที่ไนท์คลับ“แม่ครับ แม่โง่หรือเปล่าเนี่ย เราจะให้ซูหยิงเซี่ยรู้ว่าเราเป็นคนทำเรื่องนี้ได้ยังไง?” เจี่ยงเชิงกล่าว“เจ้าลูกคนนี้ จ่ายเงินไปตั้งหมื่นหยวนมันคุ้มค่าที่ไหนกัน? ถ้าไม่ได้เห็นพวกมันโดนทุบตีด้วยตาตัวเอง แกก็ไปเอาเงินคืนมาเลย ไม่ต้องให้เขาช่วยแล้วก็ได้” หลิวฮวากล่าว“เงินไปถึงมือพี่หลงแล้ว แม่ยังคิดว่าจะเอากลับมาได้อีก แม่ไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหมครับ? ในเมืองปินเซี่ยนคิดจะหาเรื่องใครก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าคิดจะหาเรื่องพี่หลง แม้แต่ลมหายใจของเราสามคนก็จะไม่มีนะครับ” เจี่ยงเชิงกล่าว“นี่คุณ เราจะทำให้เรื่องนี้ยุ่งเหยิงไม่ได้นะ พี่หลงเป็นคนแบบไหนคุณไม่รู้หรือไง” เจี่ยงเฟิงกวางเตือนหลิวฮวา เขาไม่ต้องการให้เธอทำให้เรื่องยุ่งเหยิง“เขาจะเก่งสักแค่ไหนกัน เราแค่โทรหาตำรวจให้มาจับพวกเขาไปซะก็จบเรื่อง” หลิวฮวากล่าวเจี่ยงเฟิงกวางถอนหายใจแล้วพูดว่า “คุณคิดในแง่ดีเกินไปแล้ว คิดว่าเรื่องเลว ๆ ที่เขาทำในเมืองป
ณ บ้านของเจี่ยงหว่านสีหน้าของเจี่ยงป๋อทุกข์ทรมานราวกับถูกซ้อมดวงตาทั้งสองข้างของสวี่ฟางเป็นสีแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าเพิ่งผ่านการร้องไห้มาอย่างหนักสีหน้าของเจี่ยงหงเต็มไปด้วยความเยือกเย็น เมื่อสักครู่นี้อยู่ ๆ ก็มีคนมาที่บ้านและจับตัวเจี่ยงหว่านไป ในสถานการณ์ที่เขายังไม่รู้ว่าคนพวกนั้นคือใคร เจี่ยงหงจึงไม่กล้าแจ้งตำรวจเพราะกลัวว่าเหตุการณ์จะยิ่งบานปลาย“ต้องเป็นฝีมือของหานซานเฉียนแน่ ๆ นอกจากเขาแล้วยังมีใครคิดจะจับเจี่ยงหว่านได้อีก เขาต้องการแก้แค้นเรา คุณพ่อคะ คุณพ่อต้องเป็นคนช่วยเจี่ยงหว่านนะคะ” เมื่อสวี่ฟางนึกถึงลูกสาวที่ถูกจับไปก็อดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมาอีกครั้งเจี่ยงหงเองก็คิดว่าเรื่องนี้ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับหานซานเฉียนเช่นกัน แต่ถ้าหากหานซานเฉียนเป็นคนทำจริง ๆ แล้วครอบครัวเจี่ยงจะรับมือกับเรื่องนี้อย่างไรล่ะ!แถมคราวนี้เจี่ยงหว่านก็หาเรื่องใส่ตัวเอง เจี่ยงหงเองก็ไม่สามารถที่จะใช้ความอาวุโสปราบปรามหานซานเฉียนได้“เจี่ยงหว่านแอบทำอะไรลับหลังฉันอีกหรือเปล่า?” เจี่ยงหงเอ่ยถาม ปัญหาคราวก่อนจบไปแล้ว ในมุมมองของเจี่ยงหง หานซานเฉียนก็คงไม่โกรธแค้นจนถึงขั้นมาหาเรื่องเจี่ยงหว่านท
“แก...” เจี่ยงหงโมโหจนตัวสั่น เขาพูดพลางชี้นิ้วไปทางหานซานเฉียน “ถ้าซูหยิงเซี่ยเป็นอะไรแม้แต่นิดเดียว ตระกูลเจี่ยงทุกคนได้ตายสมใจแน่” หานซานเฉียนพูดอย่างเยือกเย็น แล้วออกจากบ้านตระกูลเจี่ยงไปเจี่ยงหงอายุมากแล้ว เมื่อโดนข่มขู่ก็รู้สึกหวาดกลัวจนลงไปนั่งกองอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงเดิมทีเขาคิดว่าหลังจากเจี่ยงหว่านแต่งงานกับหลิ่วจื้อเจี๋ย ตระกูลเจี่ยงจะมีโอกาสต้อนรับสมาชิกใหม่ และตระกูลเจี่ยงสามารถก้าวหน้าต่อไปได้รวดเร็ว จึงต้องฝากความหวังทั้งหมดเอาไว้กับเจี่ยงหว่าน แต่เพราะเจี่ยงหว่านประเมินตัวเองสูงเกินไป จนเกือบทำให้ตระกูลเจี่ยงถึงทางตันเจี่ยงหงไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการเลยว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นกับซูหยิงเซี่ยแม้แต่ปลายเล็บ ความเดือดดาลของหานซานเฉียนจะทำให้เกิดความวุ่นวายอะไรกับพวกเขาบ้างบางทีในสายตาของเขา ตระกูลเจี่ยงคงเป็นแค่มดฝูงหนึ่งเท่านั้น“คุณพ่อ เราทำยังไงกันดีคะ? เขากำลังไปฆ่าเจี่ยงหว่านแล้ว คุณพ่อต้องรีบคิดหาวิธีช่วยเจี่ยงหว่านนะคะ” สวี่ฟางคุกเข่าพลางร้องไห้อยู่ตรงหน้าเจี่ยงหง“นิสัยของเจี่ยงหว่านเย่อหยิ่งมาก เธอคิดว่าซูหยิงเซี่ยด้อยกว่าเธอทุกอย่าง เลยพยายามกดขี่ซูหยิงเ