คำพูดของซูหยิงเซี่ยทำให้ลูกน้องที่อยู่ด้านหลังพี่หลงหัวเราะเสียงดังสนั่น แม้แต่เจี่ยงหว่านยังอดไม่ได้ที่จะพูดเหน็บแนมว่า “ซูหยิงเซี่ย แกคิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้าขู่พี่หลง”พี่หลงนั่งลงยอง ๆ พร้อมกับใช้มือจับคางซูหยิงเซี่ยแล้วพูดว่า “ฉันขอแนะนำให้เธอฟังเจี่ยงหว่านดีกว่า รู้นะว่าเธอฉลาดมาก แต่ก็ควรรู้ว่าไม่ควรมายั่วโมโหฉันแล้วมาพูดพล่อย ๆ แบบนี้ อยากอายุสั้นนักเหรอ?”“สามีฉันเป็นเพื่อนของถังจง” ซูหยิงเซี่ยเอ่ยถังจงเหรอ?!ประโยคเมื่อครู่นี้ทำให้พี่หลงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นทันที ก่อนรีบปล่อยมืออย่างรวดเร็วภรรยาของเพื่อนถังจงงั้นเหรอ ใช่เรื่องจะมาพูดเล่น ๆ หรือไง?“พี่หลง พี่อย่าไปฟังคำพูดเหลวไหลของเธอเลย ยัยนี่ก็แค่ขู่พี่ไปงั้นแหละ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องฉันเอง ครอบครัวเจี่ยงเชิงไงพี่จำไม่ได้เหรอ?” เจี่ยงหว่านกล่าวเจี่ยงเชิงเป็นใครเขารู้เรื่องทั้งหมดอยู่แล้ว เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง แม้แต่ครอบครัวตระกูลเจี่ยงทั้งหมดก็เป็นพวกไร้อนาคต คนแบบครอบครัวนี้จะไปรู้จักกับถังจงได้อย่างไร?“ยัยบ้า ยัยผู้หญิงชั้นต่ำ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าขู่ฉันแบบนี้” พี่หลงพูดพร้อมกับกระชากเส้นผมซูหยิงเซี่ยอ
ภายในห้องสนุกเกอร์ ไม่นานถังจงก็มาถึงพร้อมกับหานซานเฉียนพี่หลงเหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน ถ้าเขาเป็นผู้ช่วยของถังจงก็คงไม่เดินนำหน้าถังจงแบบนี้“คุณถังครับ ผมจับตัวเจี่ยงหว่านมาให้เรียบร้อยแล้วครับ คุณมีอะไรจะสั่งผมอีกไหมครับ?” พี่หลงเอ่ยถามถังจงมองหานซานเฉียนแล้วตอบว่า “ไปถามเธอ ว่าเธอสั่งให้คนจับตัวคุณซูหยิงเซี่ยมาด้วยหรือเปล่า? คุณซูหยิงเซี่ยเป็นภรรยาของพี่หาน ถ้าคุณซูหยิงเซี่ยบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้วก้อย นายจะต้องรับผลที่ตามมาร้ายแรงแน่”พี่หาน!ซูหยิงเซี่ย!สองชื่อนี้ทำให้พี่หลงถึงกับขาอ่อนซูหยิงเซี่ยถูกจับตัวมาด้วยจริง และเขาเป็นคนจับเธอมาขังในห้องใต้ดินเมื่อครู่นี้เอง ถ้าถังจงไม่โทรมาขัดจังหวะ เขาคงขืนใจและชื่นชมเรือนร่างของซูหยิงเซี่ยไปแล้วพี่หาน!ชายคนนี้สูงส่งขนาดไหนเนี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่คุณถังจงก็ยังให้ความเคารพถ้าบอกว่าทำอะไรกับซูหยิงเซี่ยไปบ้าง เราคงไม่ได้ตายดีแน่!“พี่หาน พี่หานครับ ผมรู้ว่าคุณซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน” พี่หลงรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุกราวกับถูกไฟดูด“เธออยู่ไหน?” หานซานเฉียนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาด้วยความโก
การได้เห็นจุดจบของซูหยิงเซี่ยไม่ใช่สิ่งที่หลิวฮวาต้องการหรืออย่างไร?ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับเงินหนึ่งหมื่นหยวนที่เสียไป แล้วตอนนี้เสียเงินไปตั้งสามหมื่นหยวนแถมเอาคืนก็ไม่ได้ ถ้ามีโอกาสแล้วเธอจะพลาดชมการแสดงดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?“พี่หลงคะ เราไปดูด้วยก็ได้ แต่อย่าให้ซูหยิงเซี่ยเจอพวกเราได้ไหม?” หลิวฮวาเอ่ยถามเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวฮวา ภายในใจของพี่หลงก็อยากจะด่าและประนามหญิงโง่รนหาที่ตายนี่จริง ๆ ตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใครยังไม่รู้ตัวอีก“ได้แน่นอน พวกเธอจ่ายเงินมาแล้วนี่ ฉันก็ต้องช่วยพวกเธอจัดการสิถึงจะถูก” พี่หลงกล่าวหลิวฮวาพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข “ตกลงตามนี้ งั้นเราไปกันเถอะ”เจี่ยงเชิงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ พี่หลงไม่ใช่คนที่พูดจาดีแบบนี้ แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงแสดงท่าทีเป็นมิตรล่ะ?เมื่อถึงห้องสนุกเกอร์ พี่หลงพาทั้งสามคนไปยังห้องใต้ดินทันทีเจี่ยงหว่านและซูหยิงเซี่ยอยู่กันคนละมุมห้อง นอกจากเธอทั้งสองคนแล้วยังมีอีกสองคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งแต่ครอบครัวเจี่ยงเชิงทั้งสามคนไม่ได้สนใจสองคนนั้น พวกเขาคิดว่าคงเป็นลูกน้องขอ
“พี่หานครับ เรื่องที่ขอให้ผมทำ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ” พี่หลงพูดกับหานซานเฉียน พลางโขกหัวตัวเองเพื่อเป็นการลงโทษ“หานซานเฉียน นี่เป็นกับดักของแกงั้นเหรอ?!” หลิวฮวาที่ได้ยินคำพูดของพี่หลง ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ความจริงแล้วพี่หลงไม่ได้พาพวกเธอมาเพื่อดูจุดจบของซูหยิงเซี่ย แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่หานซานเฉียนจงใจจัดฉากขึ้น เพื่อล่อให้เธอพูดเรื่องพวกนี้ออกมา“หลิวฮวา ถึงผมจะวางกับดักเพื่อล่อให้คุณมาติดกับดักจริง แต่คำพูดของคุณที่พูดมาทั้งหมดผมไม่ได้ง้างปากคุณให้พูดออกมาเลยสักนิด ในสายตาคุณนั้นไม่ได้สนใจความสัมพันธ์แบบเครือญาติกันเลยใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาหลิวฮวาไม่รู้ว่าหานซานเฉียนคิดจะทำอะไร แต่เธอรับรู้ได้ว่าหานซานเฉียนจะไม่ปล่อยเธอไปโดยง่ายแน่นอน“ฉันพูดเองแล้วมันจะทำไมล่ะ ฉันไม่สนใจแล้วจะทำไม แกกล้าฆ่าฉันเหรอ?” หลิวฮวาพูดอย่างไม่เกรงกลัว ราวกับรนหาที่ตายหานซานเฉียนหายใจเข้าออกอย่างสงบสติอารมณ์ พูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “หยิงเซี่ย เดี๋ยวให้ถังจงไปส่งคุณกลับบ้านก่อนนะ”แม้ซูหยิงเซี่ยจะรู้สึกโกรธมาก แต่ถึงอย่างไรหลิวฮวาก็เป็นแค่มนุษย์ที
เมื่อหานซานเฉียนมองเจี่ยงเชิง เจี่ยงเชิงรู้สึกตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย“พวกคุณทั้งสามคน ผมปล่อยให้ทำเรื่องชั่ว ๆ ไปกี่รอบแล้ว แต่พวกคุณก็รนหาที่ตายเองตลอด ที่นี่จะมาโทษผมคงไม่ได้หรอกนะ” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจี่ยงเชิงตกใจกลัวจนร้องไห้แล้วพูดว่า “หานซานเฉียน นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ นี่เป็นความคิดแม่ฉันเอง แม่ของฉันคิดจะจับตัวซูหยิงเซี่ย เลยให้พี่หลงจับตัวเธอมา นายเองก็ได้ยินหมดแล้วนี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”“เจี่ยงเชิง แกรู้ตัวไหมกำลังพูดอะไรอยู่ ฉันเป็นแม่แกนะ” หลิวฮวาพูดตวาดเจี่ยงเชิงด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี คำพูดของเจี่ยงเชิงเห็นได้ชัดเลยว่าเขาพูดเพื่อปกป้องตัวเองและโยนความผิดให้เธอ นี่เป็นการผลักเธอเข้าไปในขุมนรกด้วยตัวเอง“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เรื่องนี้ผมจะไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ยังไงพวกคุณก็เป็นคนของตระกูลเจี่ยง ดูซิว่าเจี่ยงหงจะอธิบายเรื่องนี้กับผมยังไงบ้าง” หานซานเฉียนกล่าวเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เจี่ยงหงก็มาถึงห้องสนุกเกอร์ เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและมองเห็นมือขวาของเหยาหลงที่เต็มไปด้วยเลือด เขารู้
เจี่ยงหว่านเดินเข้าไปหาทุกคนด้วยความสิ้นหวัง แล้วพูดกับเจี่ยงหงว่า “คุณปู่คะ หนูผิดไปแล้ว หนูรู้แล้วว่าหนูทำผิดจริง ๆ”เมื่อเจี่ยงหงเห็นเจี่ยงหว่านที่กำลังนั่งคุกเข่าก็รู้สึกโกรธจัด เขาใช้เท้าถีบเจี่ยงหว่านจนล้มลง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรเธอพยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกอับอายขายหน้า เพื่อให้ตัวเองเหนือกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอกลับไม่รู้ว่าวิธีนี้จะนำเธอไปสู่นรกตั้งแต่แรก ทั้งยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นอย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่ตระกูลเจี่ยงทั้งหมดก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย“ความหยิ่งผยองของแก ถึงเวลาที่จะต้องชำระล้างบ้างแล้ว” เจี่ยงหงตำหนิเจี่ยงหว่านด้วยความโกรธเจี่ยงหว่านพยักหน้าตอบรับ และร้องไห้ด้วยความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปภายใต้สถานการณ์นี้ เจี่ยงหว่านรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้หานซานเฉียนเลย เจี่ยงหว่านรู้สึกเสียใจมาก ถ้าสามารถย้อนวันเวลากลับไปได้ ถ้าไม่พยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยลำบากใจจนอับอายขายหน้า และไม่คอยกดขี่ข่มเหงอีกฝ่าย หลิ่วจื้อเจี๋ยคงไม่ขอเลิกกับเธอ“นี่ตาเฒ่าเจี่ยง ฉันต้องรีบไปโรงพยาบาล รีบจัดการให้ทีสิ จะให้หลิวฮวาตา
หานซานเฉียนไม่ได้พูดถึงสาเหตุ แต่ซูหยิงเซี่ยและเจี่ยงหลานก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีกการตายของหลิวฮวานั้นเจี่ยงเฟิงกวาง เจี่ยงเชิง และเจี่ยงหว่านได้เห็นมันกับตาตัวเอง พวกเขาตกใจจนในหัวมีแต่ความว่างเปล่า แต่พวกเขารู้ว่าการที่เจี่ยงหงตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาตระกูลเจี่ยงไว้ทั้งสี่คนออกมาจากห้องสนุกเกอร์ แต่มือของเจี่ยงหงยังสั่นระริกอยู่ สำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วจะไม่ให้รู้สึกกลัวได้อย่างไร?“คุณปู่คะ ทำไมหานซานเฉียนต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย?” เจี่ยงหว่านพูดอย่างโกรธเคือง เมื่อรู้ว่าเธอกำลังประเมินค่าหานซานเฉียนตกต่ำลงทุกวันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สำหรับเธอสาเหตุคือตัวหานซานเฉียน การที่ถังจงเรียกเขาว่าพี่หาน และพี่หลงก็คุกเข่าให้เขานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้แล้วว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดาเจี่ยงหงยังคงรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว หลังจากได้ยินคำพูดของเจี่ยงหว่าน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในปีนั้น ผู้เฒ่าแก่ตระกูลซูยอมรับหานซานเฉียนให้แต่งงานเข้ามาในตระกูลซูจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง
“ไห่เฉา ในเมื่อความจริงมันเป็นแบบนี้แล้ว นายอดทนไว้หน่อยนะ” ซูอี้หานพูดซูไห่เฉายกโต๊ะขึ้นด้วยความโกรธจัด แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะพลิกโต๊ะได้ จึงทำให้โต๊ะออฟฟิศมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นแต่เขาคงยังไม่ยอมแพ้ เขาพังคอมพิวเตอร์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในห้องจนพังพินาศไม่ถึงสองนาที ภายในห้องทำงานของตำแหน่งประธานก็เละทะไปหมด“จงเหลียงมันสมควรตาย ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่บอกว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับตระกูลซูอีกต่อไปเเล้วน่ะ?” ซูไห่เฉาตะคอกอย่างไม่พอใจซูอี้หานส่ายหน้าไปมา เธอปล่อยให้ซูไห่เฉาบ้าคลั่งต่อไปแล้วเดินออกจากห้องทันทีสำหรับซูไห่เฉาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่สำหรับญาติคนอื่นของตระกูลซูกลับถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี หลังจากบรรดาญาติตระกูลซูทุกคนได้ยินเรื่องนี้ล้วนรู้สึกหึกเฮิม เพราะว่าบริษัทได้ผ่านวิกฤตการณ์มาแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ตกงาน และยังคงพึ่งพิงบริษัทในการดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เพราะว่าค่าใช้จ่ายเยอะโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวกำไรก็น้อยลง“อี้หานเป็นยังไงบ้าง? ซูไห่เฉามีท่าทีตอบโต้ยังไง”“เขากำลังบ้าคลั่งอยู่น่ะค่ะ เขาพังข้าวของทั้งหมดที่อยู่