ภายในห้องสนุกเกอร์ ไม่นานถังจงก็มาถึงพร้อมกับหานซานเฉียนพี่หลงเหลือบมองหานซานเฉียนด้วยความประหลาดใจ ผู้ชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน ถ้าเขาเป็นผู้ช่วยของถังจงก็คงไม่เดินนำหน้าถังจงแบบนี้“คุณถังครับ ผมจับตัวเจี่ยงหว่านมาให้เรียบร้อยแล้วครับ คุณมีอะไรจะสั่งผมอีกไหมครับ?” พี่หลงเอ่ยถามถังจงมองหานซานเฉียนแล้วตอบว่า “ไปถามเธอ ว่าเธอสั่งให้คนจับตัวคุณซูหยิงเซี่ยมาด้วยหรือเปล่า? คุณซูหยิงเซี่ยเป็นภรรยาของพี่หาน ถ้าคุณซูหยิงเซี่ยบาดเจ็บแม้แต่ปลายนิ้วก้อย นายจะต้องรับผลที่ตามมาร้ายแรงแน่”พี่หาน!ซูหยิงเซี่ย!สองชื่อนี้ทำให้พี่หลงถึงกับขาอ่อนซูหยิงเซี่ยถูกจับตัวมาด้วยจริง และเขาเป็นคนจับเธอมาขังในห้องใต้ดินเมื่อครู่นี้เอง ถ้าถังจงไม่โทรมาขัดจังหวะ เขาคงขืนใจและชื่นชมเรือนร่างของซูหยิงเซี่ยไปแล้วพี่หาน!ชายคนนี้สูงส่งขนาดไหนเนี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าแม้แต่คุณถังจงก็ยังให้ความเคารพถ้าบอกว่าทำอะไรกับซูหยิงเซี่ยไปบ้าง เราคงไม่ได้ตายดีแน่!“พี่หาน พี่หานครับ ผมรู้ว่าคุณซูหยิงเซี่ยอยู่ที่ไหน” พี่หลงรู้สึกหวาดกลัวจนขนหัวลุกราวกับถูกไฟดูด“เธออยู่ไหน?” หานซานเฉียนถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทาด้วยความโก
การได้เห็นจุดจบของซูหยิงเซี่ยไม่ใช่สิ่งที่หลิวฮวาต้องการหรืออย่างไร?ก่อนหน้านี้เธอเคยบอกว่าถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง ก็รู้สึกว่ามันไม่คุ้มกับเงินหนึ่งหมื่นหยวนที่เสียไป แล้วตอนนี้เสียเงินไปตั้งสามหมื่นหยวนแถมเอาคืนก็ไม่ได้ ถ้ามีโอกาสแล้วเธอจะพลาดชมการแสดงดี ๆ แบบนี้ได้อย่างไร?“พี่หลงคะ เราไปดูด้วยก็ได้ แต่อย่าให้ซูหยิงเซี่ยเจอพวกเราได้ไหม?” หลิวฮวาเอ่ยถามเมื่อเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของหลิวฮวา ภายในใจของพี่หลงก็อยากจะด่าและประนามหญิงโง่รนหาที่ตายนี่จริง ๆ ตัวเองกำลังเล่นอยู่กับใครยังไม่รู้ตัวอีก“ได้แน่นอน พวกเธอจ่ายเงินมาแล้วนี่ ฉันก็ต้องช่วยพวกเธอจัดการสิถึงจะถูก” พี่หลงกล่าวหลิวฮวาพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างมีความสุข “ตกลงตามนี้ งั้นเราไปกันเถอะ”เจี่ยงเชิงรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจ พี่หลงไม่ใช่คนที่พูดจาดีแบบนี้ แต่ทำไมจู่ ๆ ถึงแสดงท่าทีเป็นมิตรล่ะ?เมื่อถึงห้องสนุกเกอร์ พี่หลงพาทั้งสามคนไปยังห้องใต้ดินทันทีเจี่ยงหว่านและซูหยิงเซี่ยอยู่กันคนละมุมห้อง นอกจากเธอทั้งสองคนแล้วยังมีอีกสองคนยืนอยู่อีกมุมหนึ่งแต่ครอบครัวเจี่ยงเชิงทั้งสามคนไม่ได้สนใจสองคนนั้น พวกเขาคิดว่าคงเป็นลูกน้องขอ
“พี่หานครับ เรื่องที่ขอให้ผมทำ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วครับ ได้โปรดปล่อยผมไปเถอะครับ” พี่หลงพูดกับหานซานเฉียน พลางโขกหัวตัวเองเพื่อเป็นการลงโทษ“หานซานเฉียน นี่เป็นกับดักของแกงั้นเหรอ?!” หลิวฮวาที่ได้ยินคำพูดของพี่หลง ในที่สุดก็เข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ความจริงแล้วพี่หลงไม่ได้พาพวกเธอมาเพื่อดูจุดจบของซูหยิงเซี่ย แต่ทั้งหมดเป็นเรื่องราวที่หานซานเฉียนจงใจจัดฉากขึ้น เพื่อล่อให้เธอพูดเรื่องพวกนี้ออกมา“หลิวฮวา ถึงผมจะวางกับดักเพื่อล่อให้คุณมาติดกับดักจริง แต่คำพูดของคุณที่พูดมาทั้งหมดผมไม่ได้ง้างปากคุณให้พูดออกมาเลยสักนิด ในสายตาคุณนั้นไม่ได้สนใจความสัมพันธ์แบบเครือญาติกันเลยใช่ไหม?” หานซานเฉียนพูดอย่างเย็นชาหลิวฮวาไม่รู้ว่าหานซานเฉียนคิดจะทำอะไร แต่เธอรับรู้ได้ว่าหานซานเฉียนจะไม่ปล่อยเธอไปโดยง่ายแน่นอน“ฉันพูดเองแล้วมันจะทำไมล่ะ ฉันไม่สนใจแล้วจะทำไม แกกล้าฆ่าฉันเหรอ?” หลิวฮวาพูดอย่างไม่เกรงกลัว ราวกับรนหาที่ตายหานซานเฉียนหายใจเข้าออกอย่างสงบสติอารมณ์ พูดกับซูหยิงเซี่ยว่า “หยิงเซี่ย เดี๋ยวให้ถังจงไปส่งคุณกลับบ้านก่อนนะ”แม้ซูหยิงเซี่ยจะรู้สึกโกรธมาก แต่ถึงอย่างไรหลิวฮวาก็เป็นแค่มนุษย์ที
เมื่อหานซานเฉียนมองเจี่ยงเชิง เจี่ยงเชิงรู้สึกตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย“พวกคุณทั้งสามคน ผมปล่อยให้ทำเรื่องชั่ว ๆ ไปกี่รอบแล้ว แต่พวกคุณก็รนหาที่ตายเองตลอด ที่นี่จะมาโทษผมคงไม่ได้หรอกนะ” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจี่ยงเชิงตกใจกลัวจนร้องไห้แล้วพูดว่า “หานซานเฉียน นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ นี่เป็นความคิดแม่ฉันเอง แม่ของฉันคิดจะจับตัวซูหยิงเซี่ย เลยให้พี่หลงจับตัวเธอมา นายเองก็ได้ยินหมดแล้วนี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”“เจี่ยงเชิง แกรู้ตัวไหมกำลังพูดอะไรอยู่ ฉันเป็นแม่แกนะ” หลิวฮวาพูดตวาดเจี่ยงเชิงด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี คำพูดของเจี่ยงเชิงเห็นได้ชัดเลยว่าเขาพูดเพื่อปกป้องตัวเองและโยนความผิดให้เธอ นี่เป็นการผลักเธอเข้าไปในขุมนรกด้วยตัวเอง“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เรื่องนี้ผมจะไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ยังไงพวกคุณก็เป็นคนของตระกูลเจี่ยง ดูซิว่าเจี่ยงหงจะอธิบายเรื่องนี้กับผมยังไงบ้าง” หานซานเฉียนกล่าวเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เจี่ยงหงก็มาถึงห้องสนุกเกอร์ เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและมองเห็นมือขวาของเหยาหลงที่เต็มไปด้วยเลือด เขารู้
เจี่ยงหว่านเดินเข้าไปหาทุกคนด้วยความสิ้นหวัง แล้วพูดกับเจี่ยงหงว่า “คุณปู่คะ หนูผิดไปแล้ว หนูรู้แล้วว่าหนูทำผิดจริง ๆ”เมื่อเจี่ยงหงเห็นเจี่ยงหว่านที่กำลังนั่งคุกเข่าก็รู้สึกโกรธจัด เขาใช้เท้าถีบเจี่ยงหว่านจนล้มลง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรเธอพยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกอับอายขายหน้า เพื่อให้ตัวเองเหนือกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอกลับไม่รู้ว่าวิธีนี้จะนำเธอไปสู่นรกตั้งแต่แรก ทั้งยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นอย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่ตระกูลเจี่ยงทั้งหมดก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย“ความหยิ่งผยองของแก ถึงเวลาที่จะต้องชำระล้างบ้างแล้ว” เจี่ยงหงตำหนิเจี่ยงหว่านด้วยความโกรธเจี่ยงหว่านพยักหน้าตอบรับ และร้องไห้ด้วยความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปภายใต้สถานการณ์นี้ เจี่ยงหว่านรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้หานซานเฉียนเลย เจี่ยงหว่านรู้สึกเสียใจมาก ถ้าสามารถย้อนวันเวลากลับไปได้ ถ้าไม่พยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยลำบากใจจนอับอายขายหน้า และไม่คอยกดขี่ข่มเหงอีกฝ่าย หลิ่วจื้อเจี๋ยคงไม่ขอเลิกกับเธอ“นี่ตาเฒ่าเจี่ยง ฉันต้องรีบไปโรงพยาบาล รีบจัดการให้ทีสิ จะให้หลิวฮวาตา
หานซานเฉียนไม่ได้พูดถึงสาเหตุ แต่ซูหยิงเซี่ยและเจี่ยงหลานก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีกการตายของหลิวฮวานั้นเจี่ยงเฟิงกวาง เจี่ยงเชิง และเจี่ยงหว่านได้เห็นมันกับตาตัวเอง พวกเขาตกใจจนในหัวมีแต่ความว่างเปล่า แต่พวกเขารู้ว่าการที่เจี่ยงหงตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาตระกูลเจี่ยงไว้ทั้งสี่คนออกมาจากห้องสนุกเกอร์ แต่มือของเจี่ยงหงยังสั่นระริกอยู่ สำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วจะไม่ให้รู้สึกกลัวได้อย่างไร?“คุณปู่คะ ทำไมหานซานเฉียนต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย?” เจี่ยงหว่านพูดอย่างโกรธเคือง เมื่อรู้ว่าเธอกำลังประเมินค่าหานซานเฉียนตกต่ำลงทุกวันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สำหรับเธอสาเหตุคือตัวหานซานเฉียน การที่ถังจงเรียกเขาว่าพี่หาน และพี่หลงก็คุกเข่าให้เขานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้แล้วว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดาเจี่ยงหงยังคงรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว หลังจากได้ยินคำพูดของเจี่ยงหว่าน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในปีนั้น ผู้เฒ่าแก่ตระกูลซูยอมรับหานซานเฉียนให้แต่งงานเข้ามาในตระกูลซูจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง
“ไห่เฉา ในเมื่อความจริงมันเป็นแบบนี้แล้ว นายอดทนไว้หน่อยนะ” ซูอี้หานพูดซูไห่เฉายกโต๊ะขึ้นด้วยความโกรธจัด แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะพลิกโต๊ะได้ จึงทำให้โต๊ะออฟฟิศมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นแต่เขาคงยังไม่ยอมแพ้ เขาพังคอมพิวเตอร์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในห้องจนพังพินาศไม่ถึงสองนาที ภายในห้องทำงานของตำแหน่งประธานก็เละทะไปหมด“จงเหลียงมันสมควรตาย ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่บอกว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับตระกูลซูอีกต่อไปเเล้วน่ะ?” ซูไห่เฉาตะคอกอย่างไม่พอใจซูอี้หานส่ายหน้าไปมา เธอปล่อยให้ซูไห่เฉาบ้าคลั่งต่อไปแล้วเดินออกจากห้องทันทีสำหรับซูไห่เฉาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่สำหรับญาติคนอื่นของตระกูลซูกลับถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี หลังจากบรรดาญาติตระกูลซูทุกคนได้ยินเรื่องนี้ล้วนรู้สึกหึกเฮิม เพราะว่าบริษัทได้ผ่านวิกฤตการณ์มาแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ตกงาน และยังคงพึ่งพิงบริษัทในการดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เพราะว่าค่าใช้จ่ายเยอะโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวกำไรก็น้อยลง“อี้หานเป็นยังไงบ้าง? ซูไห่เฉามีท่าทีตอบโต้ยังไง”“เขากำลังบ้าคลั่งอยู่น่ะค่ะ เขาพังข้าวของทั้งหมดที่อยู่
“ช่างมันเถอะ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนูแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเศร้าซึม“อะแฮ่ม…. ตอนที่พวกคุณกลับไปเมืองปินเซี่ยน ผมซื้อบริษัทนี้ไว้แล้ว ดังนั้นตอนนี้คุณเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทตระกูลซู” หานซานเฉียนกล่าวทุกคนรวมถึงเหอถิงต่างพากันเงยหน้าขึ้นมาและเบิกตากว้าง ต่างมองหานซานเฉียนทันทีด้วยความเหลือเชื่อซื้อบริษัท?!เขาซื้อบริษัท?!เจี่ยงหลานเหลือบมองซูกั๋วเย่าโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ของเขาอีกครั้งแล้วนะ หานซานเฉียนไปเอาเงินมาจากไหน ทำไมเขาถึงร่ำรวยขนาดนี้หลังจากซูหยิงเซี่ยหายตกใจ เธอรีบพูดกับหานซานเฉียนว่า “คุณ… คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม? เรื่องที่คุณซื้อบริษัทน่ะ?”“แต่วันพรุ่งนี้จงเหลียงจะไปหาเรื่องคุณด้วยนี่สิ อีกทั้งโครงการเฉิงซียังถูกยุติความร่วมมืออยู่บริษัทยังคงไม่ได้โครงการเฉิงซีคืนมา ดังนั้นคุณต้องคิดหาวิธีให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้” หานซานเฉียนอธิบายโครงการเฉิงซีเป็นตัวตัดสินว่าตระกูลซูจะสามารถกลายเป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยของเมืองหยุนเฉิงได้หรือไม่ ในตอนแรกหญิงชราของตระกูลซูได้ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมดในการเสี่ยงทายครั้งสุดท้าย แม้จะต้องเผชิญหน
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ