เมื่อหานซานเฉียนมองเจี่ยงเชิง เจี่ยงเชิงรู้สึกตกใจกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาคุกเข่าลงต่อหน้าหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย“พวกคุณทั้งสามคน ผมปล่อยให้ทำเรื่องชั่ว ๆ ไปกี่รอบแล้ว แต่พวกคุณก็รนหาที่ตายเองตลอด ที่นี่จะมาโทษผมคงไม่ได้หรอกนะ” หานซานเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเจี่ยงเชิงตกใจกลัวจนร้องไห้แล้วพูดว่า “หานซานเฉียน นี่ไม่ใช่ความคิดของฉันนะ นี่เป็นความคิดแม่ฉันเอง แม่ของฉันคิดจะจับตัวซูหยิงเซี่ย เลยให้พี่หลงจับตัวเธอมา นายเองก็ได้ยินหมดแล้วนี่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย”“เจี่ยงเชิง แกรู้ตัวไหมกำลังพูดอะไรอยู่ ฉันเป็นแม่แกนะ” หลิวฮวาพูดตวาดเจี่ยงเชิงด้วยความหวาดกลัวจนหน้าถอดสี คำพูดของเจี่ยงเชิงเห็นได้ชัดเลยว่าเขาพูดเพื่อปกป้องตัวเองและโยนความผิดให้เธอ นี่เป็นการผลักเธอเข้าไปในขุมนรกด้วยตัวเอง“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก เรื่องนี้ผมจะไม่ตัดสินใจด้วยตัวเอง ยังไงพวกคุณก็เป็นคนของตระกูลเจี่ยง ดูซิว่าเจี่ยงหงจะอธิบายเรื่องนี้กับผมยังไงบ้าง” หานซานเฉียนกล่าวเวลาผ่านไปไม่ถึงสิบนาที เจี่ยงหงก็มาถึงห้องสนุกเกอร์ เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและมองเห็นมือขวาของเหยาหลงที่เต็มไปด้วยเลือด เขารู้
เจี่ยงหว่านเดินเข้าไปหาทุกคนด้วยความสิ้นหวัง แล้วพูดกับเจี่ยงหงว่า “คุณปู่คะ หนูผิดไปแล้ว หนูรู้แล้วว่าหนูทำผิดจริง ๆ”เมื่อเจี่ยงหงเห็นเจี่ยงหว่านที่กำลังนั่งคุกเข่าก็รู้สึกโกรธจัด เขาใช้เท้าถีบเจี่ยงหว่านจนล้มลง ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เรื่องทั้งหมดจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ได้อย่างไรเธอพยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกอับอายขายหน้า เพื่อให้ตัวเองเหนือกว่าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอกลับไม่รู้ว่าวิธีนี้จะนำเธอไปสู่นรกตั้งแต่แรก ทั้งยังทำให้เธอรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นอย่างไม่หยุดหย่อน แม้แต่ตระกูลเจี่ยงทั้งหมดก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย“ความหยิ่งผยองของแก ถึงเวลาที่จะต้องชำระล้างบ้างแล้ว” เจี่ยงหงตำหนิเจี่ยงหว่านด้วยความโกรธเจี่ยงหว่านพยักหน้าตอบรับ และร้องไห้ด้วยความรู้สึกเสียใจในสิ่งที่ตัวเองทำลงไปภายใต้สถานการณ์นี้ เจี่ยงหว่านรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้หานซานเฉียนเลย เจี่ยงหว่านรู้สึกเสียใจมาก ถ้าสามารถย้อนวันเวลากลับไปได้ ถ้าไม่พยายามทำให้ซูหยิงเซี่ยลำบากใจจนอับอายขายหน้า และไม่คอยกดขี่ข่มเหงอีกฝ่าย หลิ่วจื้อเจี๋ยคงไม่ขอเลิกกับเธอ“นี่ตาเฒ่าเจี่ยง ฉันต้องรีบไปโรงพยาบาล รีบจัดการให้ทีสิ จะให้หลิวฮวาตา
หานซานเฉียนไม่ได้พูดถึงสาเหตุ แต่ซูหยิงเซี่ยและเจี่ยงหลานก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีกการตายของหลิวฮวานั้นเจี่ยงเฟิงกวาง เจี่ยงเชิง และเจี่ยงหว่านได้เห็นมันกับตาตัวเอง พวกเขาตกใจจนในหัวมีแต่ความว่างเปล่า แต่พวกเขารู้ว่าการที่เจี่ยงหงตัดสินใจทำแบบนี้ก็เพื่อรักษาตระกูลเจี่ยงไว้ทั้งสี่คนออกมาจากห้องสนุกเกอร์ แต่มือของเจี่ยงหงยังสั่นระริกอยู่ สำหรับเขาแล้วเรื่องแบบนี้เป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งในชีวิต แล้วจะไม่ให้รู้สึกกลัวได้อย่างไร?“คุณปู่คะ ทำไมหานซานเฉียนต้องทำรุนแรงขนาดนี้ด้วย?” เจี่ยงหว่านพูดอย่างโกรธเคือง เมื่อรู้ว่าเธอกำลังประเมินค่าหานซานเฉียนตกต่ำลงทุกวันก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ สำหรับเธอสาเหตุคือตัวหานซานเฉียน การที่ถังจงเรียกเขาว่าพี่หาน และพี่หลงก็คุกเข่าให้เขานั้น สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้สามารถอธิบายได้แล้วว่าหานซานเฉียนไม่ใช่คนธรรมดาเจี่ยงหงยังคงรู้สึกว่าทั้งร่างกำลังสั่นไหวด้วยความหวาดกลัว หลังจากได้ยินคำพูดของเจี่ยงหว่าน เขาตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ในปีนั้น ผู้เฒ่าแก่ตระกูลซูยอมรับหานซานเฉียนให้แต่งงานเข้ามาในตระกูลซูจะต้องมีเหตุผลบางอย่าง
“ไห่เฉา ในเมื่อความจริงมันเป็นแบบนี้แล้ว นายอดทนไว้หน่อยนะ” ซูอี้หานพูดซูไห่เฉายกโต๊ะขึ้นด้วยความโกรธจัด แต่เขาอ่อนแอเกินกว่าจะพลิกโต๊ะได้ จึงทำให้โต๊ะออฟฟิศมีการเคลื่อนไหวเล็กน้อยเท่านั้นแต่เขาคงยังไม่ยอมแพ้ เขาพังคอมพิวเตอร์และทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่เห็นในห้องจนพังพินาศไม่ถึงสองนาที ภายในห้องทำงานของตำแหน่งประธานก็เละทะไปหมด“จงเหลียงมันสมควรตาย ไม่ใช่เขาหรอกเหรอที่บอกว่าเขาจะไม่ร่วมมือกับตระกูลซูอีกต่อไปเเล้วน่ะ?” ซูไห่เฉาตะคอกอย่างไม่พอใจซูอี้หานส่ายหน้าไปมา เธอปล่อยให้ซูไห่เฉาบ้าคลั่งต่อไปแล้วเดินออกจากห้องทันทีสำหรับซูไห่เฉาแล้ว แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ แต่สำหรับญาติคนอื่นของตระกูลซูกลับถือว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี หลังจากบรรดาญาติตระกูลซูทุกคนได้ยินเรื่องนี้ล้วนรู้สึกหึกเฮิม เพราะว่าบริษัทได้ผ่านวิกฤตการณ์มาแล้ว นั่นหมายความว่าพวกเขาจะไม่ตกงาน และยังคงพึ่งพิงบริษัทในการดำรงชีวิตอยู่ได้ แต่เพราะว่าค่าใช้จ่ายเยอะโอกาสที่จะเก็บเกี่ยวกำไรก็น้อยลง“อี้หานเป็นยังไงบ้าง? ซูไห่เฉามีท่าทีตอบโต้ยังไง”“เขากำลังบ้าคลั่งอยู่น่ะค่ะ เขาพังข้าวของทั้งหมดที่อยู่
“ช่างมันเถอะ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับหนูแล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างเศร้าซึม“อะแฮ่ม…. ตอนที่พวกคุณกลับไปเมืองปินเซี่ยน ผมซื้อบริษัทนี้ไว้แล้ว ดังนั้นตอนนี้คุณเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทตระกูลซู” หานซานเฉียนกล่าวทุกคนรวมถึงเหอถิงต่างพากันเงยหน้าขึ้นมาและเบิกตากว้าง ต่างมองหานซานเฉียนทันทีด้วยความเหลือเชื่อซื้อบริษัท?!เขาซื้อบริษัท?!เจี่ยงหลานเหลือบมองซูกั๋วเย่าโดยไม่รู้ตัว นี่เป็นรายจ่ายก้อนใหญ่ของเขาอีกครั้งแล้วนะ หานซานเฉียนไปเอาเงินมาจากไหน ทำไมเขาถึงร่ำรวยขนาดนี้หลังจากซูหยิงเซี่ยหายตกใจ เธอรีบพูดกับหานซานเฉียนว่า “คุณ… คุณไม่ได้ล้อฉันเล่นใช่ไหม? เรื่องที่คุณซื้อบริษัทน่ะ?”“แต่วันพรุ่งนี้จงเหลียงจะไปหาเรื่องคุณด้วยนี่สิ อีกทั้งโครงการเฉิงซียังถูกยุติความร่วมมืออยู่บริษัทยังคงไม่ได้โครงการเฉิงซีคืนมา ดังนั้นคุณต้องคิดหาวิธีให้บริษัทผ่านพ้นวิกฤตการณ์นี้ไปให้ได้” หานซานเฉียนอธิบายโครงการเฉิงซีเป็นตัวตัดสินว่าตระกูลซูจะสามารถกลายเป็นตระกูลเก่าแก่และร่ำรวยของเมืองหยุนเฉิงได้หรือไม่ ในตอนแรกหญิงชราของตระกูลซูได้ทุ่มวางเดิมพันทั้งหมดในการเสี่ยงทายครั้งสุดท้าย แม้จะต้องเผชิญหน
เหอถิงเคยพูดถึงเจียงหยิงหยิงอยู่หลายครั้งว่า เจียงหยิงหยิงเป็นเด็กผู้หญิงที่ขยันหมั่นเพียรและนิสัยดีมากคนหนึ่ง เธอจะถูกให้ลาออกจากโรงเรียนได้อย่างไรกัน?“วันพรุ่งนี้ผมจะไปโรงเรียนเธอเอง ป้าไม่ต้องกังวลไปนะครับ” หานซานเฉียนพูด“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณคุณซานเฉียนมากเลยนะคะ” เหอถิงพูดอย่างซาบซึ้งใจหานซานเฉียนลูบบ่าเหอถิงอย่างแผ่วเบาเพื่อปลอบโยน “วางใจเถอะครับ จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน”หลังจากปลอบใจเหอถิงแล้ว หานซานเฉียนกลับเข้าไปในห้องรับแขก เขาเล่าเรื่องทั้งหมดให้ซูหยิงเซี่ยฟัง เมื่อซูหยิงเซี่ยได้ฟังเรื่องทั้งหมดก็เห็นด้วยกับหานซานเฉียน ว่าวันพรุ่งนี้เขาควรไปเมืองหลงชื่อเพื่อไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจียงหยิงหยิง ส่วนด้านบริษัทเธอบอกหานซานเฉียนว่าเขาไม่ต้องกังวล เธอสามารถจัดการด้วยตัวคนเดียวได้หานซานเฉียนเชื่อว่าคนที่มีความสามารถอย่างซูหยิงเซี่ย ไหน ๆ บริษัทก็ซื้อมาแล้ว ถ้าบรรดาญาติตระกูลซูมองไม่เห็นความสามารถของเธอจริง ๆ ล่ะ บีบให้พวกเขาออกก็สิ้นเรื่อง จะได้ไม่มีอะไรให้รู้สึกกังวลใจอีกตอนกำลังเข้านอน ซูหยิงเซี่ยพูดถึงเรื่องเส้นด้ายแดงเเบ่งเขตขึ้น เธอพูดเรื่องด้ายแดงออกมาต่อหน้าเขานี่เป็นข
“นั่งเถอะครับ นั่งเลย นั่งตรงนี้เลยมา คุณจงเหลียงรีบนั่งตรงนี้เลยครับ” หลังจากรู้วัตถุประสงค์การมาของจงเหลียง ท่าทีของซูไห่เฉาเปลี่ยนไปทันทีเหมือนคนขี้ประจบคนหนึ่งเมื่อบรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูเห็นฉากนี้ก็รู้สึกโกรธจัด เขาเสียตำแหน่งประธานแล้วยังอยากจะลากทุกคนในตระกูลซูไปลงหลุมศพด้วยอีก ถ้าเขาไม่เห็นบริษัทล้มละลายเขาคงไม่รู้สึกยินดีซูกั๋วหลินในฐานะพ่อของซูไห่เฉา เขาเองไม่อาจทนดูจนจบได้ถ้าบริษัทยังอยู่ อย่างน้อยพวกเขายังสามารถใช้ชีวิตอยู่ไป ๆ วันได้ แต่ถ้าบริษัทล้มละลายแล้ว ทุกคนก็ล้มละลายตามกันหมดแน่นอน“ไห่เฉา เจ้าคนสารเลว แกรู้ไหมว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่?” ซูกั๋วหลินกัดฟันพูดอย่างโกรธจัดภายในใจซูไห่เฉารู้สึกโกรธเกรี้ยว เขาไม่มีทางยอมรับความจริงที่ถูกถอดออกจากตำแหน่งประธาน เขายิ่งหวังว่าทุกคนจะกลายเป็นตัวตลก และตกอยู่ในความลำบากไปพร้อมกับเขาเขาอยากเห็นบริษัทล้มละลายมาก อย่างน้อยแค่ทุกคนตายไปด้วยกัน เส้นทางไปสู่อีกโลกหนึ่งก็ยังมีเพื่อน แล้วจะมีอะไรน่ากลัวอีกล่ะ?“พ่อ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับพ่อเลยนะครับ” ซูไห่เฉาพูดอย่างเย็นชาซูกั๋วหลินโกรธจนอยากจะทุบตีลูกอกตัญญูคนนี้สักร้อยร
วันนี้มีประชุมกับประธานคนใหม่ เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับซูหยิงเซี่ย?บรรดาญาติ ๆ ตระกูลซูทั้งหมดต่างไม่เข้าใจ ทันใดนั้นสีหน้าของทุกคนก็เผยความตกใจออกมาทีละเล็กทีละน้อย หรือว่า… ซูหยิงเซี่ยเป็นประธานคนใหม่เหรอ? เธอคือคนที่ซื้อบริษัทอย่งาลึกลับคนนั้นเองเหรอ?“หยิงเซี่ย… ประธานคนใหม่ คือเธอเหรอ?” หนึ่งในบรรดาญาติตระกูลซูถามเมื่อสิ้นเสียงประโยคนี้ ไม่ใช่แค่ญาติตระกูลซูเท่านั้น แม้แต่พนักงานคนอื่นต่างรู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมากซูหยิงเซี่ยที่ลาออกไป ความจริงแล้วเธอซื้อบริษัททั้งหมดไว้!เป็นไปได้อย่างไร?!เธอจะมีศักยภาพที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?“เธอ… เธอเป็นประธานเหรอ?” ซูอี้หานรู้สึกหวาดกลัวทันที ตอนนี้เธอใกล้จะได้ใช้ชีวิตเหมือนกับขอทานแล้ว ถ้าเธอเสียงานนี้ไปอีกแม้แต่ข้าวเธอก็จะไม่มีกิน ถ้าซูหยิงเซี่ยเป็นประธานคนใหม่ของบริษัทจริง คำพูดของเธอเมื่อครู่นี้มากพอที่จะทำให้ซูหยิงเซี่ยไล่เธอออก“ใช่แล้ว” ซูหยิงเซี่ยพูดท่าทีของญาติ ๆ ตระกูลซูแค่ชั่วพริบตาเดียวเปลี่ยนไปเยอะมาก แต่ละคนปั้นหน้ายิ้มต้อนรับอย่างมีไมตรีจิตน่าคบหาทันที“หยิงเซี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าเธอคือประธานคนใหม่ ดีจัง ดีจ