กล้าดูถูกเขางั้นเหรอตระกูลเจี่ยงดูถูกหานซานเฉียนมาแต่ไหนแต่ไร แต่ใครจะเชื่อว่าหานซานเฉียนจะมีอำนาจขนาดนี้? “พวกคุณกล้าดียังไงมาดูถูกคุณหาน?” ทันใดนั้นถังจงก็พูดด้วยรอยยิ้มเย็นเยือกว่า “แม้แต่ผมเองก็ยังต้องปฏิบัติต่อคุณหานในฐานะแขกคนสำคัญ แล้วคนต่ำต้อยอย่างพวกคุณมีสิทธิ์อะไรมาดูถูกคุณหาน?”คำพูดของถังจงทำให้ทุกคนในตระกูลเจี่ยงรู้สึกเหมือนกลายเป็นเถ้าที่ดับมอดไปแล้ว แม้แต่ถังจงยังยอมรับเอง ความเพ้อฝันที่จะอยู่รอดของพวกเขาจึงพังทลายลงในทันทีเจี่ยงหงมองไปที่หานซานเฉียนด้วยใบหน้าซีดเผือด ต่อให้เขาไม่อยากเชื่อก็ต้องยอมรับมัน ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ดีว่าด้วยความสามารถของซูหยิงเซี่ย เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะทำได้ขนาดนี้แม้ว่าตระกูลซูจะก้าวหน้าไปได้ไกลในเมืองหยุนเฉิง แต่ที่นี่เป็นเมืองปินเซี่ยน ถังจงไม่มีเหตุผลใดที่จะให้เกียรติซูหยิงเซี่ยขนาดนี้พูดอีกอย่างก็คือ หานซานเฉียนมีความสามารถบางอย่างที่คนอื่นไม่รู้ บางทีในช่วงสามปีที่ผ่านมา เขาอาจจะแค่แสดงด้านที่ไร้ความสามารถให้คนอื่นเห็น เพื่อปิดบังความสามารถของตัวเองไว้ครอบครัวของซูหยิงเซี่ยทั้งสามคนก็รู้สึกตกใจเช่นกัน พวกเธอไม่รู้มาก่อนว่าแขกค
ในห้องวีไอพีที่หรูหราที่สุดของโรงแรมจงหวาง จานอาหารบนโต๊ะนั้นอาจเรียกได้ว่าเป็นงานเลี้ยงแมนจูฮั่นแบบครบวงจร เมื่อซูหยิงเซี่ยเห็นถังจงคอยรับใช้หานซานเฉียนอย่างระมัดระวัง เธอก็รู้สึกกังวลเล็กน้อย เพราะยิ่งเธอได้รู้จักหานซานเฉียนมากเท่าไหร่ เธอก็ยิ่งรู้สึกว่าตนเองกับหานซานเฉียนมีระยะห่างมากขึ้นเรื่อย ๆ เท่านั้น ตอนแรกที่หานซานเฉียนเพิ่งแต่งเข้ามาอยู่ในตระกูลซู ซูหยิงเซี่ยเคยคิดหาวิธีมากมายที่จะกำจัดหานหานซานเฉียน แต่ตอนนี้ เธอกลับกังวลมากว่าจะสูญเสียหานซานเฉียนไป ช่องว่างขนาดมหึมาในหัวใจของเธอทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก และถึงแม้เธอจะอยู่ข้างกายหานซานเฉียน แต่เธอกลับเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าจะรักษาเขาไว้ไม่ได้ระหว่างรับประทานอาหาร หานซานเฉียนหานได้รับข้อความที่ทำให้เขาประหลาดใจ หลังจากได้อ่านข้อความแล้ว หานซานเฉียนก็ลุกจากโต๊ะไปในทันทีเมื่อยืนอยู่หน้าลิฟต์ หานซานเฉียนก็มองดูคำว่าชั้นบนสุดในข้อความ เขาแทบทนรอไม่ไหวแล้วแม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่สำหรับหานซานเฉียนแล้ว กลับเป็นกระบวนการที่ยาวนานและทุกข์ทรมานเมื่อเขามาถึงชั้นบนสุด ก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคย จากนั้นเขาจึงยิ้มออกมา“แม
เนื่องจากเขาหายใจไม่ออก ใบหน้าของตี้สู่จึงแดงก่ำขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพยายามดิ้นรนปัดมือของหานซานเฉียนออก แต่เขาถนัดเรื่องการแหกคุก ไม่ใช่การต่อสู้ เขาจะสู้หานซานเฉียนในด้านพละกำลังได้อย่างไรตี้สู่ก็ถูกหานซานเฉียนจับเหวี่ยงลงกับพื้นอย่างแรงก่อนที่จะหมดสติเพราะขาดออกซิเจนตี้สู่ที่รอดพ้นจากความตายมาได้หอบหายใจแรง และมองดูหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว“มีคำอธิบายอย่างอื่นอีกไหม?” หานซานเฉียนเอ่ยถามความกดดันที่หายใจไม่ออกทำให้ตี้สู่รู้สึกเสียใจที่มาหาหานซานเฉียน แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ ถ้าเขาไม่ให้คำอธิบายที่สมเหตุสมผลแก่หานซานเฉียน เขาต้องตายแน่ ๆ!“คำอธิบายมันสำคัญด้วยเหรอ? หรือว่าคุณไม่คิดจะลองสักหน่อยล่ะ? อย่างน้อยผมก็มีความสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้คุณได้” ตี้สู่กล่าวหานซานเฉียนนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่งเขาไม่รู้ว่าคุณปู่ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เขาไม่เคยสืบค้นหาหลักฐานมาก่อน แต่การมีอยู่ของเรือนจำตี้ซิน เป็นสถานที่ที่ควรค่าแก่การไปตรวจสอบดูสักครั้ง อีกอย่างสิ่งที่ฉือจิงพูดก็ยังคงดังวนเวียนอยู่ในหัวของหานซานเฉียนถ้ายังไม่ได้เห็นศพ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคุณปู่ตายแล้วจริง ๆ?ข้อมูลจากน
“ต้องการเงินใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นก็คืนสองแสนหยวนที่ฉันให้เธอยืมมาก่อน” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโมโห เธอทนกับพฤติกรรมไร้ยางอายเช่นนี้ไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้เจี่ยงเชิงก็ปกติดี แต่ตอนนี้กลับมาแกล้งทำเป็นป่วย มันคือการหลอกลวงที่น่าขยะแขยงจริง ๆ“เงิน? เงินอะไร? เจี่ยงหลาน ฉันไปยืมเงินเธอตอนไหน ฉันไม่สนใจหรอกนะ ถ้าวันนี้พวกเธอไม่จ่ายเงินชดเชยมา ฉันจะโทรแจ้งตำรวจมาจับพวกเธอแน่” หลิวฮวาตะโกนเอะอะโวยวาย ร้องไห้เสียงดัง ในไม่ช้าก็ดึงดูดความสนใจจากผู้คนที่สัญจรไปมาหานซานเฉียนเดินเข้าไปหาเจี่ยงเชิงแล้วพูดว่า “เงินชดเชยแค่นี้จะพอเหรอ? หรือว่าจะให้ฉันหักขานาย จะได้เงินชดเชยเพิ่มขึ้นอีกหน่อยเป็นไง?”เจี่ยงเชิงตัวสั่นด้วยความกลัว รีบลุกขึ้นแล้วเข้าไปหลบอยู่ข้างหลังเจี่ยงเฟิงกวางทันที“หานซานเฉียน นายอวดดีขนาดนี้ไม่กลัวถูกจับหรือไง?” เจี่ยงเฟิงกวางถาม“เจี่ยงเฟิงกวาง ถ้าพวกคุณสามคนยังรู้สึกว่าสนุกไม่พอ ผมสามารถเล่นกับพวกคุณได้นะ แต่พวกคุณต้องคิดดูให้ดีว่าจะแบกรับผลที่ตามมาไหวไหม” หานซานเฉียนกล่าวเจี่ยงเฟิงกวางได้ยินเช่นนี้ก็เริ่มรู้สึกใจฝ่อ หานซานเฉียนรู้จักถังจง แล้วจะมาเล่น ๆ
หลิวฮวาเอามือกุมลำคอพลางหอบหายใจ สติกระเจิดกระเจิง เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกว่ากำลังจะตายจริง ๆ ถ้าซูหยิงเซี่ยไม่พูดห้ามไว้ หานซานเฉียนไม่มีวันปล่อยเธอไปแน่ ไอ้คนไร้ประโยชน์นี่ มีอารมณ์ร้ายขนาดนี้เชียวเหรอ! “แม่ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ” “ที่รัก คุณเป็นยังไงบ้าง”หลังจากหานซานเฉียนเดินจากไปแล้ว เจี่ยงเฟิงกวางและเจี่ยงเชิงก็รีบเข้าไปหาหลิวฮวาแล้วถามด้วยความเป็นห่วง หลิวฮวาที่เพิ่งเฉียดจากความตายมา ไม่ได้เรียนรู้บทเรียนอะไรเลย ผู้หญิงปากร้ายเช่นเธอจะยอมง่าย ๆ ได้อย่างไร?“เจี่ยงเชิง ลูกจักเพื่อนที่อยู่ในพื้นที่สีเทาไม่ใช่เหรอ? แม่จะให้เงินลูกไปหาคนมาอัดหานซานเฉียนสักครั้ง แค้นนี้ฉันต้องชำระให้ได้” หลิวฮวากัดฟันพูด“ได้ครับ ผมจะช่วยแม่แก้แค้นเอง” เจี่ยงเชิงกล่าวในเวลานี้ตระกูลเจี่ยงบรรยากาศเยือกเย็นหลังจากเจี่ยงหงกลับมาถึงบ้าน เขายิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ เขาไม่เพียงแต่โกรธท่าทีของหานซานเฉียนที่มีต่อเขาเท่านั้น แต่ยังโกรธที่เจี่ยงหว่านและคนอื่น ๆ จงใจปกปิดเรื่องนี้กับเขาด้วยถ้าไม่ใช่เพราะเจี่ยงหว่าน เรื่องในวันนี้คงไม่ลุกลามมาจนถึงขั้นนี้“คุณปู่คะ มันเป็นเพราะซูหยิงเซี่ย เธอทำให้หน
ณ ห้องสนุกเกอร์แสนสุข สถานที่ที่มีชื่อน่ารัก แต่แขกที่อยู่ข้างในนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่คนธรรมดา เขามีรอยสักลายมังกรหงส์ บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยควัน ผู้คนพูดคุยกันด้วยภาษาหยาบคายตลอดเวลา ก้นบุหรี่ที่อยู่เต็มพื้นนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ได้ทำความสะอาดมาเป็นเวลานาน ขวดเบียร์เปล่าจำนวนนับไม่ถ้วนวางกองอยู่ที่มุมผนังจนเกิดเป็นกลิ่นฉุนแสบจมูก เมื่อเจี่ยงเชิงมาถึงห้องห้องสนุกเกอร์กับคนที่เขาเรียกว่าเพื่อน กลิ่นอันไม่พึงประสงค์ก็ทำให้เขาต้องย่นจมูก ภายในใจเกิดความหวาดหวั่นเล็กน้อย เพราะคนที่เขากำลังจะไปพบคือบุคคลที่ใหญ่ที่สุดในพื้นที่สีเทาของเมืองปินเซี่ยนที่ผู้คนเรียกกันว่าพี่หลง “พี่หลง เจี่ยงเชิงมาแล้วครับ” หลังจากที่เจี่ยงเชิงเดินเข้าไปในห้องสนุกเกอร์ ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันต่างก็พากันเงียบเสียงลง เสียงเอะอะเมื่อครู่เงียบสงบในทันที ทุกคนต่างจ้องมาที่เจี่ยงเชิง สถานการณ์เช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวมากยิ่งขึ้นไปอีก “พี่หลงครับ” เจี่ยงพูดพลางเดินเข้าไปตรงหน้าเขาอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พี่หลงลูบหัวล้านของตัวเอง โซ่สีทองเส้นหนาที่พันอยู่รอบคอของเขานั้นเอามาล่ามสุนัขได้เหลือเฟือ “เอาเงินม
เจี่ยงเชิงคิดไม่ถึงว่าเจี่ยงหว่านจะตอบตกลงอย่างง่ายดายเช่นนี้ ชั่วขณะหนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะบอกราคาอย่างไร หลังจากคิดคำนวณอยู่พักหนึ่งว่าไม่ทำให้ตัวเองขาดทุน แถมยังได้กำไรอีกนิดหน่อย เขาก็พูดออกมาว่า “สองหมื่นหยวน ถ้าน้อยกว่าสองหมื่นหยวน เกรงว่าจะไม่ได้”“ไม่มีปัญหา”หลังจากวางสาย เจี่ยงเชิงก็รู้สึกตื่นเต้นดีใจมากกับความไม่คาดฝันนี้ แต่เรื่องนี้จะให้แม่ของเขารู้ไม่ได้ เพราะเงินสองหมื่นหยวนเพียงพอให้เขาเที่ยวสำมะเลเทเมาไปได้อีกหลายวันณ คฤหาสน์ของถังจงก่อนหน้านี้ซูหยิงเซี่ยเคยบอกว่าจะกลับมาเยี่ยมบ้านเกิด แต่ก็ยังหาเวลาไม่ได้ วันนี้เธอจึงวางแผนขอให้หานซานเฉียนไปเป็นเพื่อน แต่หานซานเฉียนได้นัดกับคุณถังจงไว้แล้ว“ถ้างั้นผมยกเลิกนัดกับถังจงก็ได้นะครับ ยังไงก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร” คนที่หานซานเฉียนสนใจมีเพียงซูหยิงเซี่ยเท่านั้น ดังนั้นถ้าซูหยิงเซี่ยต้องการกลับไปเยี่ยมบ้านเกิด การยกเลิกนัดกับถังจงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร“ไม่ได้” เมื่อได้ยินหานซานเฉียนพูดเช่นนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เธอกลับไปเยี่ยมบ้านที่ชนบทไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่การที่หานซานเฉียนไปพบคุณถังจงนั้นไม่ใช่เรื่องเล
ตอนนี้หานซานเฉียนตื่นเต้นและมีความสุขเพียงใดนั้น เจี่ยงหลานคงไม่สามารถเข้าใจได้เรื่องที่หานซานเฉียนไม่เคยได้รับการยอมรับจากตระกูลหานนั้นเขายอมรับมันได้ตั้งแต่ตอนอายุสิบสองปีแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้รู้สึกอะไร แต่กลับคิดว่าเรื่องทั้งหมดก็ควรจะเป็นเช่นนี้ เพราะอย่างไรก็ตามคำพูดสวย ๆ งาม ๆ ของหานจุนไม่ใช่สิ่งที่เขาจะสามารถเทียบด้วยได้แต่หลังจากที่หานซานเฉียนมาที่ตระกูลซู เขาก็รอคอยการยอมรับของทุกคนมาโดยตลอด คนอื่นคิดจะอย่างไรกับเขานั้นเขาไม่เคยสนใจ และไม่เคยเก็บเอามาใส่ใจ แต่สำหรับความรู้สึกของซูหยิงเซี่ยนั้นเขาให้ความสนใจเป็นอย่างมากในเวลานี้การกระทำของซูหยิงเซี่ยก็พิสูจน์ความสำคัญของเขาในใจของเธอแล้ว เรื่องนี้จะไม่ให้หานซานเฉียนรู้สึกตื่นเต้นได้อย่างไร?ถ้าหากว่ามีช่องทางหรือโอกาสใด ๆ หานซานเฉียนก็อยากให้คนทั้งโลกได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในเรื่องนี้ด้วยซ้ำแต่เขาก็ทำได้แค่คิดเท่านั้น ไม่อย่างนั้นซูหยิงเซี่ยก็คงจะไม่ทำแบบนี้กับเขาอีกต่อไปเป็นไปไม่ได้ที่จะเจอหน้ซูหยิงเซี่ยในเร็ว ๆ นี้ เพราะเธอคงรู้สึกเขินอายจนหนีไปซ่อนตัวที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ หานซานเฉียนเองก็ไม่อยากให้เธอรู้สึกเขินอาย