เกิดอะไรขึ้นกับคนที่อยู่ในเรือนจำตี้ซิน?หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ ไม่รู้ แต่ในขณะนี้ เรือนจำตี้ซินได้กลายเป็นนรกบนดินไปแล้วไม่ว่าจะเป็นหานซานเฉียน เตาสือเอ้อร์ หรือตี้สู่ พวกเขาทั้งหมดเต็มไปด้วยเลือด นักโทษคลั่งที่โจมตีพวกเขาตายไปแล้วมากกว่าครึ่ง ในขณะนี้ เนื่องจากการใช้กำลังออกมากเกินไป หานซานเฉียนและคนอื่น ๆ จึงซ่อนตัวอยู่ในห้อง ๆ หนึ่งเพื่อฟื้นกำลังหานซานเฉียนไม่คิดมาก่อนว่าเรื่องนี้มันจะดำเนินมาถึงขั้นนี้ ขณะเดียวกัน เตาสือเอ้อร์และตี้สู่ก็รู้สึกงงงวยเช่นกันเรือนจำตี้ซินนอกจากสามารถทำให้คนที่เข้ามาที่นี่ไม่สามารถกลับออกไปได้แล้ว พวกเขายังรับประกันความปลอดภัยของนักโทษด้วยเช่นกัน แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าตายไปแล้วกี่คน นี่เป็นการฝ่าฝืนกฎของเรือนจำตี้ซินอย่างสิ้นเชิง และดูเหมือนว่าเรือนจำตี้ซินจะค่อย ๆ เดินไปสู่เส้นทางการล่มสลายแล้ว"พี่ซานเฉียน ถ้าเรือนจำตี้ซินยังเป็นแบบนี้ต่อไป มันจะต้องพังทลายลงอย่างไม่ต้องสงสัย เรื่องนี้จะต้องมีคนคอยบงการอยู่เบื้อหลังแน่ ๆ แต่ทำไมเขาต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ?" ตี้สู่ถามหานซานเฉียนด้วยความสับสนเรือนจำตี้ซินก่อตั้งขึ้นมาหลายร้อยปี ก่อนที่จะมีชื่อเสียงและ
ห้องนอนใหญ่บนชั้นสองของคฤหาสน์ใจกลางภูเขาเมื่อประตูปิดลง เจี่ยงหลานก็โทรศัพท์หาใครบางคนอย่างระมัดระวัง"ตอนนี้ม่อหยางจัดคนจำนวนมากมาเฝ้าคฤหาสน์ มีสายตาหลายร้อยคู่กำลังจับจ้องอยู่ มันยากมากที่จะพาเธอออกจากคฤหาสน์ คุณจะให้ฉันทำยังไงดีคะ?” เจี่ยงหลานกล่าวอย่างไม่พอใจ“ไม่ต้องห่วง ฉันจะหาทางให้ ให้เวลาฉันอีกสองสามวัน”"ฉันรู้ว่าคุณจะฆ่าฉัน แต่ถ้าฉันถูกจับได้ ในอนาคตจะไม่มีใครทำงานนี้ได้อีก คุณขู่ฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไร?"“ได้ สามวัน ภายในสามวัน ฉันจะหาวิธีให้ได้อย่างแน่นอน”หลังจากวางสาย เจี่ยงหลานก็หายใจเข้าลึก เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะมีโอกาสประสบความสำเร็จเมื่อกลับบ้าน แต่ไม่คาดคิดว่าม่อหยางคนชอบยุ่งเรื่องของชาวบ้านคนนี้ จะสั่งให้คนหลายร้อยคนมาคอยคุ้มกันคฤหาสน์แบบนี้ ห้ามคนแปลกหน้าเข้ามา และแม้ว่าจะออกไปก็ยังต้องถูกสอบสวนเจี่ยงหลานระบายความโกรธใส่ซูกั๋วเย่าโดยการเตะต่อยเขา หลังจากระบายอารมณ์จนพอใจแล้ว เจี่ยงหลานก็หันหลังกลับและออกจากห้องไปในเวลานี้ คิ้วของซูกั๋วเย่าสั่นไหว และดูเหมือนว่าเขาจะได้สติกลับคืนมาเล็กน้อยจากอาการโคม่าเจี่ยงหลานมาที่ห้องนั่งเล่น และเมื่อเธอเห็นม่อหยาง
ซูหยิงเซี่ยอุ้มหานเนี่ยนและเดินออกจากห้องโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไม่ไปได้อย่างไร?หากไม่ได้เฝ้าดูหานเนี่ยน เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจเจี่ยงหลานไม่ยอมให้ซูหยิงเซี่ยออกไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นแผนของเธอก็จะล้มเหลว นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะพาหานเนี่ยนออกไปได้“ลูกอย่าดื้อสิ อยู่บ้านนี่แหละ ให้แม่ไปก็พอ ตอนนี้ลูกออกจากบ้านไม่ได้ การพักฟื้นเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง” เจี่ยงหลานเกลี้ยกล่อมเธออย่างกระตือรือร้น"ไม่ค่ะ" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น "หนูจะไป ป้าเหอ ให้คนข้างนอกเตรียมรถด้วยค่ะ"ทันทีที่เหอถิงได้ยินการเคลื่อนไหว เธอก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของซูหยิงเซียแล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้นคะ?""หานเนี่ยนป่วย ต้องไปโรงพยาบาลค่ะ" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเหอถิงตกตะลึง เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ ป่วยได้อย่างไร และเมื่อมองไปดูสภาพของหานเนี่ยน ดูเหมือนว่าเธอยังป่วยหนักไม่น้อยเลยด้วยตอนนั้นเอง เจี่ยงหลานก็รู้สึกกระวนกระวาย เพราะกว่าเธอจะหาวิธีพาหานเนี่ยนออกไปได้ ถ้าซูหยิงเซี่ยตามออกไป ความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่า"เหอถิง เราไปกันสองคนเถอะ ให้หยิงเซี่ยพักอยู่ที่บ้าน ข้างนอกมี
เหตุผลที่สงสัยเจี่ยงหลาน เพราะเธอเป็นบุคคลที่อันตรายในใจของม่อหยางเสมอ และม่อหยางไม่เคยลดความระแวงต่อเธอ อย่างไรก็ตาม ม่อหยางคิดว่าการที่เขาจัดคนกว่าร้อยคนไว้คอยเฝ้าระวัง เจี่ยงหลานจะไม่โอกาสมาเล่นกลกับเขา ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในขณะนี้ ม่อหยางนอกจากจะโกรธมาก ๆ แล้วเขายังโทษตัวเองในใจ ถ้าเขาอยู่ปกป้องหานเนี่ยนตลอดเวลา คงไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นที่สำคัญกว่านั้น จากความเข้าใจของม่อหยางที่มีต่อเหอถิง โอกาสที่เธอจะทรยศหานซานเฉียนนั้นต่ำมาก หากไม่มีหานซานเฉียน เหอถิงก็ไม่มีวันนี้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องทรยศเขา?เจี่ยงหลานคว้าแขนของม่อหยางด้วยมือทั้งสองข้าง พยายามดิ้นรนหนี แต่เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเธอเทียบไม่ได้กับม่อหยาง และเธอก็รู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เลยด้วยซ้ำเจี่ยงหลานที่พูดไม่ได้ เธอทำได้เพียงส่ายหัวเพื่อแสดงคำตอบของตัวเองม่อหยางผ่อนแรงลงเล็กน้อย เพื่อให้เจี่ยงหลานพูดเจี่ยงหลานหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "ฉันไม่ได้ทำ ฉันเป็นยายของเธอนะ จะทำสิ่งนั้นได้ยังไง ฉันรู้ว่าฉันเคยทำผิดพลาดมามาก แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันก
แม้ว่าซือจิงจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่เมื่อเธอได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมขึ้นมาก็มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเธอได้ นี่คือความแตกต่างของการอยู่ในตระกูลใหญ่ เธอสามารถมองเห็นด้านที่แตกต่างของโลก และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเธอจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างเจี่ยงหลานที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการฆ่าลูกชายของเธอ ซือจิงจะแสดงความเมตตาได้อย่างไร?เจี่ยงหลานตะโกนด้วยความเจ็บปวด และเลือดยังคงไหลออกมาจากรูจมูก ซึ่งทำให้เจี่ยงหลานทั้งกลัวและลนลานเธอไม่เคยคิดว่าซือจิงจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันแบบนี้ และเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะต้องเผชิญกับความรุนแรงของซือจิง"หลานสาวของฉันอยู่ที่ไหน?" ซือจิงถามต่อยังคงเป็นคำถามเดิม แต่คำถามที่เรียบง่ายนี้ทำให้เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความกลัวแต่เจี่ยงหลานรู้ว่าแม้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก็ไม่สามารถพูดความจริงได้ ไม่อย่างนั้นนั้นจุดจบของเธอจะแย่ยิ่งกว่านี้ ในเวลานี้เจี่ยงหลานไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแสดงความน่าสงสารต่อหน้าซือจิง โดยหวังว่าเธอจะเมตตาตัวเองเจี่ยงหลานคุกเข่าลงบนพื้น และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ในเวลานี้เธอไม่สนใ
ขณะที่หยุนเฉิงกำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง ที่เรือนจำตี้ซินเองก็เช่นกันในนรกแห่งนี้ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และศพที่สามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งเป็นฝันร้ายสำหรับคนทั่วไป เลือดที่ตกสะเก็ดบนร่างกายของหานซานเฉียนนั้นน่าตกใจมาก มันเหมือนกับว่าเขาคือปีศาจผู้รอดชีวิตจากความตายยังไรอย่างนั้น"พี่ซานเฉียน ดูเหมือนว่า... ดูเหมือนว่าเราจะฆ่าคนทั้งหมดในเรือนจำตี้ซินแล้วนะครับ" ตี้สู่พูดกับหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว พวกเขายังอยู่กันที่หน้าประตูที่ปิดอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีคนคลั่งแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ตี้สู่ตกใจว่าพวกเขาทำอะไรลงไปกันแน่ ผู้คนหลายร้อยคนในเรือนจำตี้ซินถูกฆ่าตายหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ?สำหรับตี้สู่ที่ไม่เก่งในการสังหาร และสนุกกับการหลบหนีจากคุก นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากหานซานเฉียนชำเลืองมองเตาสือเอ้อร์ ในเมื่อไม่มีใครปรากฏตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในนี้แต่พวกเขายังไม่พบกลไกที่จะเปิดประตู และปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้จากการฆ่าคนทั้งหมด“พี่ซานเฉียน ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?” เตาสือเอ้อร์ถามหานซานเฉียนไม่ตอบคำถามของเ
หนานกงซุนมองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?ถึงเขาจะบุกออกมาจากเรือนจำตี้ซินได้แล้วอย่างไร?เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ยังไงก็เป็นได้แค่สุนัขที่ต้องกระดิกหางด้วยความซื่อสัตย์เท่านั้น ซึ่งหนานกงซุนเพลิดเพลินกับสิ่งนี้มากเขาชอบที่จะควบคุมคนอย่างหานซานเฉียน ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งรู้สึกท้าทายมากเท่านั้น ผู้ชายหลายคนบอกว่าเขามีหน้าตาเหมือนนผู้หญิง และเมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาตัวเองได้ หัวใจของหนานกงซุนก็รู้สึกบิดเบี้ยวเขาต้องการแสดงให้คนที่บอกว่าเขาเหมือนผู้หญิงพวกนั้นดูว่า แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างหานซานเฉียนก็ยังต้องคุกเข่าให้ขา"ฉันจะคุกเข่าเอง!" ในเวลานี้เตาสือเอ้อร์พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาเดินไปด้านหน้าของหนานกงซุนและคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล“ฉันด้วย” ตี้สู่เดินไปหาหนานกงซุนเกือบจะพร้อมกันกับเตาสือเอ้อร์ทั้งสองคนยอมเสียศักดิ์ศรีมากกว่าเห็นหานซานเฉียนต้องคุกเข่าให้หนานกงซุนสำหรับเตาสือเอ้อร์หรือตี้สู่ หานซานเฉียนคือคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง และคนที่แข็งแกร่งแบบนี้จะทำอะไรที่เสียศักดิ์ศรีไม่ได้หนานกงซุนยิ้มอย่างเ
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของหนานกงซุน แสดงว่าเขาต้องมีความกลัวอยู่ในใจ และหานซานเฉียนก็มั่นใจมากขึ้นว่าเขาสามารถใช้สิ่งนี้ต่อรองกับหนานกงซุนได้“เรือนจำตี้ซินถูกทำลายจนหมดสิ้น นายทุ่มเทไปขนาดนี้จะยอมกลับไปมือเปล่าเหรอ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงซุนตกใจ หานซานเฉียนค้นพบความกลัวของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่มีทักษะที่ดี แต่ยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วย เขาเป็นคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงโชคดีที่เขายังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ตราบใดที่ชีวิตของหานเนี่ยนอยู่ในมือของเขา หานซานเฉียนก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น การฆ่าสามคนนี้ ไม่ได้มีความหมายสำหรับหนานกงซุนมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องถูกคนในตระกูลตำหนิ เพราะคนไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้“ฉันจะปล่อยพวกมันไปก็ได้ แต่ถ้าแกไม่สามารถทำให้ฉันพอใจ ฉันก็สามารถส่งคนไปฆ่าพวกมันได้ทุกเมื่อ รวมถึงลูกสาวของแกด้วย” หนานกงซุนพูดหานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเดินไปที่เตาสือเอ้อร์และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "หลังจากที่กลับไป ช่วยฉันดูแลหยิงเซี่ยด้วย และบอกเธอว่า ฉันจะช่วยหานเนี่ยนให้ได้ ให้เธอไม่ต้องกังวลมากเกินไป"เตาสือเอ้อร์มองไปที่บาดแผลบนต้นขาของหา
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ