เมื่อเห็นท่าทีลังเลของหนานกงซุน แสดงว่าเขาต้องมีความกลัวอยู่ในใจ และหานซานเฉียนก็มั่นใจมากขึ้นว่าเขาสามารถใช้สิ่งนี้ต่อรองกับหนานกงซุนได้“เรือนจำตี้ซินถูกทำลายจนหมดสิ้น นายทุ่มเทไปขนาดนี้จะยอมกลับไปมือเปล่าเหรอ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงซุนตกใจ หานซานเฉียนค้นพบความกลัวของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่มีทักษะที่ดี แต่ยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วย เขาเป็นคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงโชคดีที่เขายังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ตราบใดที่ชีวิตของหานเนี่ยนอยู่ในมือของเขา หานซานเฉียนก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น การฆ่าสามคนนี้ ไม่ได้มีความหมายสำหรับหนานกงซุนมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องถูกคนในตระกูลตำหนิ เพราะคนไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้“ฉันจะปล่อยพวกมันไปก็ได้ แต่ถ้าแกไม่สามารถทำให้ฉันพอใจ ฉันก็สามารถส่งคนไปฆ่าพวกมันได้ทุกเมื่อ รวมถึงลูกสาวของแกด้วย” หนานกงซุนพูดหานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเดินไปที่เตาสือเอ้อร์และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "หลังจากที่กลับไป ช่วยฉันดูแลหยิงเซี่ยด้วย และบอกเธอว่า ฉันจะช่วยหานเนี่ยนให้ได้ ให้เธอไม่ต้องกังวลมากเกินไป"เตาสือเอ้อร์มองไปที่บาดแผลบนต้นขาของหา
เจี่ยงหลานหลบทางโดยฝังหัวของเธอไว้ที่มุมประตูด้วยตัวสั่นเทา แม้ว่าเธอจะมีความกล้าเป็นร้อยเท่า แต่เธอก็ไม่กล้ากับหานเทียนหยางแม้ว่าเจี่ยงหลานจะเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง และไม่รู้เรื่องของเหยีนจิงมากนัก แต่หลังจากรู้จักตัวตนของ หานซานเฉียน เธอก็จงใจไปศึกษาเกี่ยวกับตระกูลหานในเมืองเหยียนจิงแม้ว่าหานเฉิงจะไม่มีพรสวรรค์มากนัก และเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ความสามารถของหานเทียนหยางผู้ก่อตั้งตระกูลหานด้วยตัวคนเดียวนั้นไม่ใช่ความสามารถที่จะประเมินต่ำได้เลยที่สำคัญกว่านั้น เจี่ยงหลานกลัวว่าซือจิงจะลงไม้ลงมือกับเธอ เธอถูกซือจิงตบตีจนเป็นเงาในจิตใจแล้ว นอกเหนือจากการด่าซือจิงลับหลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซือจิงเธอก็ยังเชื่องเหมือนกระต่ายตัวนึงเท่านั้นเจี่ยงหลานชอบการกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอกว่ามากถึงขีดสุด"ที่ผ่านมาคงลำบากไม่น้อยเลยสินะ" หานเทียนหยางกล่าวกับซือจิง“ซานเชียนล่ะคะ ซานเชียนไม่ได้กลับมาพร้อมกับคุณพ่อเหรอคะ?” ซือจิงถามซูหยิงเซี่ยที่เดิมทีนั่งเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่บนโซฟา แต่เมื่อเธอได้ยินคำว่าซานเฉียน เธอก็ลุกขึ้นทันทีและวิ่งไปที่ด้านข้างของซือจิง"แม่คะ ซานเฉียนกลับมาแล้วเหรอคะ? เ
หานเทียนหยางยิ้มขมขื่น เขาเดาไว้แล้วว่าหานซานเฉียนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ในสักวันหนึ่ง เพราะตั้งแต่วินาทีที่หนานกงเชียนชิวแต่งเข้าตระกูลหาน ตระกูลหานในเมืองเหยียนจิงก็เป็นเพียงหมากของของตระกูลหนานกงเท่านั้นทุกคนในโลกคิดว่าหานเทียนหยางเริ่มต้นจากศูนย์ และสร้างปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน แต่ใครจะรู้ว่าหากไม่มีตระกูลหนานกงอยู่เบื้องหลัง เขาจะไม่สามารถทำสิ่งพวกนี้ได้เลยตอนนั้นเขาสู้เพื่อต่อลมหายใจในตอนนั้นเพื่อไม่ให้แพ้ตระกูลหานในอเมริกา เพื่อไม่ให้ตระกูลหานในอเมริกาถูกดูถูก หานเทียนหยางจึงออกเดินทางบนถนนสายนี้ที่ไม่มีวันหวนกลับได้หานซานเฉียนเคยถูกคนทั้งหยุนเฉิงมองว่าเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ แต่ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ที่แท้จริงคือหานเทียนหยางต่างหาก เขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะแต่งเข้าตระกูลอื่นด้วยซ้ำ!แต่เขาไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้การเกิดของหานเนี่ยนเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ แต่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แถมเธอยังถูกโยงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย"หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหานเนี่ยน ฉันจะเผชิญหน้ากับเขาได้ยังไง" หานเทียนหยางรู้สึกผิดหวัง เพราะเขาไม่มีอำ
หนานกงซุนขบฟันตัวเองจนแทบหัก สิ่งที่เขาต้องทำคือควบคุมหานซานเฉียนอย่างเต็มรูปแบบ และใช้หานเนี่ยนเพื่อเป็นข้อต่อรองให้หานซานเฉียนเชื่อฟังเขาแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกแบล็กเมล์ซะเอง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หนานกงซุนต้องการ และไม่ใช่สิ่งที่เขายอมรับได้“เชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันสามารถโทรไปสั่งให้คนตัดแขนหานเนี่ยนได้ แขนเล็ก ๆ ของเธอน่าจะหักได้ง่ายนะ” หนานกงซุนขู่หานซานเฉียนสั่นไปทั้งตัว แต่เขารู้ว่าหากเขายอมหนานกงซุน เขาจะมีคุณสมบัติน้อยลงในการเจรจาเงื่อนไขกับหนานกงซุนในอนาคต เขาต้องลองเสี่ยงดูว่าหนานกงซุนคงไม่กล้าทำแบบนั้น"ชีวิตลูกสาวของฉันไม่มีค่าในสายตาของนายหรอก แต่การอนุมัติจากผู้นำหนานกงต่างหากคือสิ่งที่นายต้องการ นายจะลองดูก็ได้ ลองเดิมพันกับอนาคตของนายดู" หานซานเฉียนกล่าวอย่างใจเย็นหนานกงซุนโกรธมาก เขาไม่คิดมาก่อนว่าวิธีนี้จะใช้ข่มขู่หานซานเฉียนไม่ได้แม้ว่าหานเนี่ยนจะตาย หนานกงซุนก็ไม่ได้สนใจ แต่เขาต้องไม่ทำลายตำแหน่งตัวเองในตระกูลหนานกงเพราะสิ่งนี้"หานซานเฉียน นายเป็นพ่อเธอนะ นายจะใจร้ายได้ลงคอเหรอ? เธอยังเป็นทารกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ" หลังจากที่หนานกงซุนพูดจบ เขาก
"คุณยาย คุณ... คุณรู้จักหนานกงเชียนชิวเหรอครับ?" หานซานเฉียนหายใจเร็วอย่างอธิบายไม่ได้ หนานกงเชียนชิว ตระกูลหนานกง! ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร!หนานกงเชียนชิวเป็นคนของตระกูลหนานกงอย่างนั้นเหรอ?“เธอนี่มันหลานอกตัญญู เรียกชื่อคุณย่าเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน?” หญิงชราจ้องหานซานเฉียนด้วยความโกรธหานซานเฉียนไม่เคยมองว่าหนานกงเชียนชิวเป็นคุณย่าของเขา ความลำเอียงของเธอได้ลบล้างความรู้สึกทั้งหมดของหานซานเฉียนที่มีต่อเธอ แม้แต่ตอนที่เธอกำลังแควนคอตัวเอง หานซานเฉียนก็ไม่ได้รู้สึกสงสารเธอเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่ใช่เพราะหนานกงเชียนชิว หานซานเฉียนจะมีวัยเด็กที่เจ็บปวดแบบนั้นได้อย่างไรคุณย่าแบบนี้จะมีความหมายอะไรกับหานซานเฉียน?“เธอไม่เคยถือว่าผมเป็นหลานของเธอเลย และเธอก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคุณย่าของผมด้วย” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆเมื่อได้ยินประโยคนี้ หญิงชราก็ยิ่งโกรธจัด จนถึงกับเหวี่ยงไม้ค้ำของเธอใส่หานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่หลบเลี่ยง แรงของหญิงชราคนนี้ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ และไม้ค้ำมันก็เพียงแค่ข่วนร่างกายของเขาเท่านั้น“คุกเข่าลงและขอโทษเธอซะ” หญิงชรากล่าวสีหน้าขอ
หนานกงป๋อหลิงหายใจเข้าลึก ทักษะแบบนี้จะประมาทเขาไม่ได้หนานกงป๋อหลิงไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่สามารถฆ่าคนได้ในหมัดเดียวแบบนี้มีก่อน กล่าวได้ว่าหานซานเฉียนทำให้เขาตกใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "คุณปู่" ในเวลานี้หนานกงเฟิงที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงกัดฟันและพูดขึ้นว่า "เป็นไปไม่ได้ที่คนของผมจะไม่ได้เรื่อง ผู้ชายคนนี้ต้องเล่นเล่ห์เหลี่ยมอะไรแน่ ๆ หนานกงซุนสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีต่อหน้าคุณปู่”"หนานกงเฟิง ฉันเข้าใจได้ที่นายจะไม่อยากยอมรับความจริง แต่วิธีการเอาชนะด้วยพละกำลังแบบนี้ นายคิดว่าฉันสามารถเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบไหนได้ หรือว่าฉันจะสามารถติดสินบนคนของนายได้งั้นเหรอ?" หนานกงซุนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เขาอดทนระงับความโกรธจากการถูกหนานกงเฟิงเยาะเย้ยมานานแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถระบายมันออกมาได้เสียทีหนานกงเฟิงมีสีหน้าบูดเบี้ยว ถึงเขาจะอยากใส่ร้ายหนานกงซุนมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้หากคนของเขาเองถูกหนานกงซุนติดสินบนโดย นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เรื่องน่ะสิ และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับสินบนจริง ๆ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าตายได้ด้วยหมัดเดียว หนานกงเฟิง
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าหนานกงเยี่ยนชื่อเฉิงเฟิง เขาไม่ได้สูงมากนัก แต่กล้ามเนื้อของเขานั้นแข็งแรงมาก เขามีพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคือตาคู่นั้นของเขาที่ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์ใด ๆ เลยราวกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน "บางทีจุดจบของผมก็อาจจะเหมือนกับคน ๆ นั้น" เฉิงเฟิงกล่าว หานซานเฉียนไม่ได้แสดงท่าทางอะไรมากนักบนสังเวียน ดังนั้นเฉิงเฟิงจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งมากถึงขั้นไหน แต่ถ้าดูจากความแข็งแกร่งของหมัดนั้น เฉิงเฟิงรู้สึกว่าเขาก็น่าจะมีผลลัพธ์เช่นเดียวกันคำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหนานกงเยี่ยนมืดมนขึ้นไปอีก เขาไม่เคยคิดว่าหนานกงซุนจะพบยอดฝีมือในสถานที่ที่ผุพังอย่างเรือนจำตี้ซินได้ ในสายตาของคนนอกเรือนจำตี้ซินนั้นลึกลับ ยากที่จะหยั่งลึก และถูกปกคลุมด้วยม่านที่ไม่สามารถยกขึ้นได้แต่สำหรับคนในตระกูลหนานกง เรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่กักขังเดนมนุษย์ หลายคนไม่แม้แต่จะสนใจเรือนจำตี้ซิน และตอนนั้นเขาก็สละเรือนจำตี้ซินด้วยความสมัครใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น เพราะถ้าตอนนั้นเขาเลือกเรือนจำตี้ซิน ตอนนี้หานซานเฉียนก็ต้องเป็นคนของเขาแต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปแ
ไม่เพียงแต่ซูหยิงเซี่ยที่กำลังรออยู่ แต่ยังมีอีกหลายคนในหยุนเฉิงที่กำลังรอการกลับมาของหานซานเฉียน รวมถึงตระกูลเทียน ม่อหยาง และตัวหมากหลายตัวที่หานซานเฉียนเคยแอบวางไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกันหลังจากได้ยินคำพูดของซูหยิงเซี่ย ซือจิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เธอได้เห็นความรักที่จริงใจแบบนี้ในคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้เท่านั้นสำหรับซือจิงซึ่งมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเหยียนจิง ส่วนใหญ่ที่เธอเห็นคือการแสดงออกมาเพื่อหวังผลกำไรเสียมากกว่า จะมีใครที่สามารถแสดงความรักที่แท้จริงอย่างซูหยิงเซี่ยได้บ้างกัน?ในเวลานี้ ม่อหยางมาถึงคฤหาสน์ ซือจิงชี้ไปที่ชั้นบนโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ และม่อหยางก็ขึ้นไปที่ชั้นบนห้องนอนใหญ่ยังคงเป็นของเจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่า หานเทียนหยางไม่ได้ครอบครองบ้านของผู้อื่นโดยพลการ แต่ขึ้นมาอาศัยอยู่บนชั้นสามแทนระเบียงเปิดโล่งเป็นสถานที่โปรดปราณของหานเทียนหยาง แม้แต่ลมหนาวที่กัดกร่อนก็ไม่สามารถหยุดหานเทียนหยางในการเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่นี่ได้ตอนอยู่ในเรือนจำตี้ซิน หานเทียนหยางไม่ได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นแม้แต่ลมหนาวก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแ