หนานกงซุนขบฟันตัวเองจนแทบหัก สิ่งที่เขาต้องทำคือควบคุมหานซานเฉียนอย่างเต็มรูปแบบ และใช้หานเนี่ยนเพื่อเป็นข้อต่อรองให้หานซานเฉียนเชื่อฟังเขาแต่ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนถูกแบล็กเมล์ซะเอง นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่หนานกงซุนต้องการ และไม่ใช่สิ่งที่เขายอมรับได้“เชื่อไหมว่าตอนนี้ฉันสามารถโทรไปสั่งให้คนตัดแขนหานเนี่ยนได้ แขนเล็ก ๆ ของเธอน่าจะหักได้ง่ายนะ” หนานกงซุนขู่หานซานเฉียนสั่นไปทั้งตัว แต่เขารู้ว่าหากเขายอมหนานกงซุน เขาจะมีคุณสมบัติน้อยลงในการเจรจาเงื่อนไขกับหนานกงซุนในอนาคต เขาต้องลองเสี่ยงดูว่าหนานกงซุนคงไม่กล้าทำแบบนั้น"ชีวิตลูกสาวของฉันไม่มีค่าในสายตาของนายหรอก แต่การอนุมัติจากผู้นำหนานกงต่างหากคือสิ่งที่นายต้องการ นายจะลองดูก็ได้ ลองเดิมพันกับอนาคตของนายดู" หานซานเฉียนกล่าวอย่างใจเย็นหนานกงซุนโกรธมาก เขาไม่คิดมาก่อนว่าวิธีนี้จะใช้ข่มขู่หานซานเฉียนไม่ได้แม้ว่าหานเนี่ยนจะตาย หนานกงซุนก็ไม่ได้สนใจ แต่เขาต้องไม่ทำลายตำแหน่งตัวเองในตระกูลหนานกงเพราะสิ่งนี้"หานซานเฉียน นายเป็นพ่อเธอนะ นายจะใจร้ายได้ลงคอเหรอ? เธอยังเป็นทารกที่อายุน้อยกว่าหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ" หลังจากที่หนานกงซุนพูดจบ เขาก
"คุณยาย คุณ... คุณรู้จักหนานกงเชียนชิวเหรอครับ?" หานซานเฉียนหายใจเร็วอย่างอธิบายไม่ได้ หนานกงเชียนชิว ตระกูลหนานกง! ทั้งสองมีความเกี่ยวข้องกันอย่างนั้นเหรอ? จะเป็นไปได้อย่างไร!หนานกงเชียนชิวเป็นคนของตระกูลหนานกงอย่างนั้นเหรอ?“เธอนี่มันหลานอกตัญญู เรียกชื่อคุณย่าเฉย ๆ ได้อย่างไรกัน?” หญิงชราจ้องหานซานเฉียนด้วยความโกรธหานซานเฉียนไม่เคยมองว่าหนานกงเชียนชิวเป็นคุณย่าของเขา ความลำเอียงของเธอได้ลบล้างความรู้สึกทั้งหมดของหานซานเฉียนที่มีต่อเธอ แม้แต่ตอนที่เธอกำลังแควนคอตัวเอง หานซานเฉียนก็ไม่ได้รู้สึกสงสารเธอเลยแม้แต่น้อยถ้าไม่ใช่เพราะหนานกงเชียนชิว หานซานเฉียนจะมีวัยเด็กที่เจ็บปวดแบบนั้นได้อย่างไรคุณย่าแบบนี้จะมีความหมายอะไรกับหานซานเฉียน?“เธอไม่เคยถือว่าผมเป็นหลานของเธอเลย และเธอก็ไม่เหมาะสมที่จะเป็นคุณย่าของผมด้วย” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆเมื่อได้ยินประโยคนี้ หญิงชราก็ยิ่งโกรธจัด จนถึงกับเหวี่ยงไม้ค้ำของเธอใส่หานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่หลบเลี่ยง แรงของหญิงชราคนนี้ไม่สามารถทำร้ายเขาได้ และไม้ค้ำมันก็เพียงแค่ข่วนร่างกายของเขาเท่านั้น“คุกเข่าลงและขอโทษเธอซะ” หญิงชรากล่าวสีหน้าขอ
หนานกงป๋อหลิงหายใจเข้าลึก ทักษะแบบนี้จะประมาทเขาไม่ได้หนานกงป๋อหลิงไม่เคยเห็นความแข็งแกร่งอันทรงพลังที่สามารถฆ่าคนได้ในหมัดเดียวแบบนี้มีก่อน กล่าวได้ว่าหานซานเฉียนทำให้เขาตกใจมากอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน "คุณปู่" ในเวลานี้หนานกงเฟิงที่ไม่อยากจะยอมรับความจริงกัดฟันและพูดขึ้นว่า "เป็นไปไม่ได้ที่คนของผมจะไม่ได้เรื่อง ผู้ชายคนนี้ต้องเล่นเล่ห์เหลี่ยมอะไรแน่ ๆ หนานกงซุนสามารถทำได้ทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีต่อหน้าคุณปู่”"หนานกงเฟิง ฉันเข้าใจได้ที่นายจะไม่อยากยอมรับความจริง แต่วิธีการเอาชนะด้วยพละกำลังแบบนี้ นายคิดว่าฉันสามารถเล่นเล่ห์เหลี่ยมแบบไหนได้ หรือว่าฉันจะสามารถติดสินบนคนของนายได้งั้นเหรอ?" หนานกงซุนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ เขาอดทนระงับความโกรธจากการถูกหนานกงเฟิงเยาะเย้ยมานานแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถระบายมันออกมาได้เสียทีหนานกงเฟิงมีสีหน้าบูดเบี้ยว ถึงเขาจะอยากใส่ร้ายหนานกงซุนมากแค่ไหน แต่เขาก็ไม่สามารถใช้วิธีนี้ได้หากคนของเขาเองถูกหนานกงซุนติดสินบนโดย นั่นก็หมายความว่าเขาไม่ได้เรื่องน่ะสิ และถึงแม้ว่าเขาจะได้รับสินบนจริง ๆ มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าตายได้ด้วยหมัดเดียว หนานกงเฟิง
คนที่ยืนอยู่ข้างหน้าหนานกงเยี่ยนชื่อเฉิงเฟิง เขาไม่ได้สูงมากนัก แต่กล้ามเนื้อของเขานั้นแข็งแรงมาก เขามีพละกำลังที่ไม่ธรรมดา ยิ่งไปกว่านั้นคือตาคู่นั้นของเขาที่ดูเหมือนจะไม่มีอารมณ์ใด ๆ เลยราวกับหุ่นยนต์ก็ไม่ปาน "บางทีจุดจบของผมก็อาจจะเหมือนกับคน ๆ นั้น" เฉิงเฟิงกล่าว หานซานเฉียนไม่ได้แสดงท่าทางอะไรมากนักบนสังเวียน ดังนั้นเฉิงเฟิงจึงไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเขาแข็งแกร่งมากถึงขั้นไหน แต่ถ้าดูจากความแข็งแกร่งของหมัดนั้น เฉิงเฟิงรู้สึกว่าเขาก็น่าจะมีผลลัพธ์เช่นเดียวกันคำพูดเหล่านี้ทำให้สีหน้าของหนานกงเยี่ยนมืดมนขึ้นไปอีก เขาไม่เคยคิดว่าหนานกงซุนจะพบยอดฝีมือในสถานที่ที่ผุพังอย่างเรือนจำตี้ซินได้ ในสายตาของคนนอกเรือนจำตี้ซินนั้นลึกลับ ยากที่จะหยั่งลึก และถูกปกคลุมด้วยม่านที่ไม่สามารถยกขึ้นได้แต่สำหรับคนในตระกูลหนานกง เรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่กักขังเดนมนุษย์ หลายคนไม่แม้แต่จะสนใจเรือนจำตี้ซิน และตอนนั้นเขาก็สละเรือนจำตี้ซินด้วยความสมัครใจ แต่ตอนนี้เขารู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในครั้งนั้น เพราะถ้าตอนนั้นเขาเลือกเรือนจำตี้ซิน ตอนนี้หานซานเฉียนก็ต้องเป็นคนของเขาแต่น่าเสียดาย มันสายเกินไปแ
ไม่เพียงแต่ซูหยิงเซี่ยที่กำลังรออยู่ แต่ยังมีอีกหลายคนในหยุนเฉิงที่กำลังรอการกลับมาของหานซานเฉียน รวมถึงตระกูลเทียน ม่อหยาง และตัวหมากหลายตัวที่หานซานเฉียนเคยแอบวางไว้ก่อนหน้านี้ด้วยเช่นกันหลังจากได้ยินคำพูดของซูหยิงเซี่ย ซือจิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ เธอได้เห็นความรักที่จริงใจแบบนี้ในคู่รักหนุ่มสาวคู่นี้เท่านั้นสำหรับซือจิงซึ่งมาจากครอบครัวที่มีชื่อเสียงในเหยียนจิง ส่วนใหญ่ที่เธอเห็นคือการแสดงออกมาเพื่อหวังผลกำไรเสียมากกว่า จะมีใครที่สามารถแสดงความรักที่แท้จริงอย่างซูหยิงเซี่ยได้บ้างกัน?ในเวลานี้ ม่อหยางมาถึงคฤหาสน์ ซือจิงชี้ไปที่ชั้นบนโดยไม่แสดงอารมณ์ใด ๆ และม่อหยางก็ขึ้นไปที่ชั้นบนห้องนอนใหญ่ยังคงเป็นของเจี่ยงหลานและซูกั๋วเย่า หานเทียนหยางไม่ได้ครอบครองบ้านของผู้อื่นโดยพลการ แต่ขึ้นมาอาศัยอยู่บนชั้นสามแทนระเบียงเปิดโล่งเป็นสถานที่โปรดปราณของหานเทียนหยาง แม้แต่ลมหนาวที่กัดกร่อนก็ไม่สามารถหยุดหานเทียนหยางในการเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ที่นี่ได้ตอนอยู่ในเรือนจำตี้ซิน หานเทียนหยางไม่ได้สัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้ว ดังนั้นแม้แต่ลมหนาวก็เป็นสิ่งที่ควรค่าแ
ปราสาทโบราณตระกูลหนานกงกลางดึก หานซานเฉียนกำลังนอนหลับสนิท และเสียงเคาะประตูก็ทำให้เขาตื่นขึ้นจากความฝัน ในความฝันหานซานเฉียนกำลังอุ้มหานเนี่ยนไว้ในอ้อมแขน แต่เมื่อเขาตื่นขึ้นมา เขาก็ทำได้เพียงเช็ดน้ำตาที่มุมตา สำหรับเขาการที่หานเนี่ยนถูกลักพาตัวไปเป็นเรื่องที่สะเทือนใจเขาอย่างยิ่ง และความโหยหาจนแทบรู้สึกใจสลายนี้ก็ทำให้เขาฝันถึงหานเนี่ยนทุกคืน"นายกำลังทำอะไร?" พอเปิดประตูและเห็นหนานกงซุน หานซานเฉียนก็ถามด้วยใบหน้าเย็นชาหนานกงซุนหน้าซีดเล็กน้อย นัยต์ตามีความโกรธและสับสน เขาพูดว่า "ตามฉันมา"หานซานเฉียนไม่อิดออด เขาหวังว่าหนานกงซุนจะมีงานให้เขาทำ เพราะด้วยวิธีนี้เท่านั้นเขาถึงจะมีสิทธิ์เอ่ยเงื่อนไขกับหนานกงซุนได้ และหวังว่าจะได้วิดีโอคอลกับหานเนี่ยนอีก กลางดึกเวลานี้เป็นเวลาที่สมาชิกทุกคนในตระกูลหนานกงควรพักผ่อน แต่เมื่อมาถึงห้องนั่งเล่นของปราสาท หานซานเฉียนก็พบว่าสมาชิกในตระกูลหนานกงเกือบทั้งหมดมารวมตัวกันที่นี่พวกเขาจัดประชุมครอบครัวในตอนกลางคืนด้วยอย่างนั้นเหรอ?แต่ถ้าเป็นการประชุมครอบครัวแล้วจะเรียกเขามาทำไมกันล่ะ?"นั่นไงเขา""นั่นไงเขา""นั่นไงเขา"จากระยะไกล หาน
เมื่อหานซานเฉียนพูดแบบนั้น หนานกงซุนก็ตื่นทันทีเป็นเรื่องจริงที่ตอนนี้เขามีทุนที่จะแข่งขันกับหนานกงเยี่ยน แล้วหนานกงเยี่ยนจะยอมอยู่เฉย ๆ ได้อย่างไร? ที่เขายอมถอยหนึ่งก้าวเมื่อคราวก่อน ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขากลัวหานซานเฉียน มีเพียงการทำให้หานซานเฉียนตายเท่านั้น เขาถึงจะสามารถกำจัดภัยคุกคามนี้ได้"ฉันจะบอกคุณปู่เดี๋ยวนี้" หนานกงซุนกล่าว"ถึงจะไปบอกท่านก็ไม่มีประโยชน์อะไร" หานซานเฉียนรีบหยุดหนานกงซุน เขาสงสัยจริง ๆ ว่าหลังจาก หนานกงซุนกลับมาที่บ้านของตระกูลหนานกงแล้วไอคิวของเขาลดลงเหรอ ถึงเขาจะไปหาหนานกงป๋อหลิงแล้วจะมีประโยชน์อะไร?ไม่ใช่ว่ากลับมาที่บ้านแล้วไอคิวของหนานกงซุนลดลง แต่เป็นเพราะว่าเขากังวลจนทำให้เขาไม่สามารถมีที่ว่างให้คบคิดมากนัก เพราะนี่คือการต่อสู้เพื่อชิงตำแหน่งผู้นำในอนาคต และในฐานะหนึ่งในผู้ท้าชิง หนานกงซุนไม่สามารถทำเหมือนเป็นเรื่องปกติทั่วไปได้ “ทำไมจะไม่มีโยชน์ ถ้าบอกให้คุณปู่รู้ว่าเขาเป็นฆาตกร ท่านจะได้ปล่อยนายไปและลงโทษเขาแทน” หนานกงซุนกล่าว"โอ้" หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆ "นายมีหลักฐานอะไรบ้างล่ะ? ถ้าหนานกงป๋อหลิงบอกให้นายแสดงหลักฐาน นายจะแสดงอะไรให้เขาดู หรือ
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้การเคลื่อนไหวของหนานกงข่ายหยุดลงชั่วครู่แต่ไม่นานหนานกงข่ายก็ยังคงแสดงท่าทางซื่อ ๆ และยิ้มให้หานซานเฉียนเหมือนเดิมอย่างไรก็ตาม การกระทำของเขาก็เพียงพอที่จะทำให้หานซานเฉียนแน่ใจว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นแทงใจดำของหนานกงข่ายถ้าหนานกงข่ายแสร้งทำเป็นเสียสติจริง เหตุผลจะต้องเกี่ยวข้องกับแม่ของเขาอย่างแน่นอน และบางทีมันอาจจะเหมือนสิ่งที่หานซานเฉียนคิดไว้ก็ได้ว่า หนานกงข่ายเห็นว่าแม่ของเขาถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตา “แสร้งทำเป็นปัญญาอ่อนมาหลายปี นายมีจุดประสงค์อะไรกันแน่ เพื่อล้างแค้นให้แม่ของนายอย่างนั้นเหรอ?” หานซานเฉียนพูดต่อหนานกงข่ายยื่นมือที่ถือโคลนอยู่ออกไป ราวกับว่าเขาต้องการถามว่าหานซานเฉียนอยากจะเล่นด้วยกันไหมหานซานเฉียนยื่นมือออกจากกรงเหล็กหยิบโคลนขึ้นมาแล้วพูดว่า "พวกเราก็เป็นคนประเภทเดียวกัน ฉันอยากออกจากที่นี่ และนายก็อยากแก้แค้น บางทีการร่วมมือกันออาจช่วยให้นายบรรลุเป้าหมายได้เร็วขึ้นก็ได้นะ"จู่ ๆ หนานกงข่ายก็อารมณ์เสีย เขาคว้าดินกลับมาจากหานซานเฉียน และปั้นหุ่นดินเผาด้วยตัวเอง“ความสามารถของนายในตอนนี้ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแก้แค้นด้วยตัวเอง ฉันเดาว่าว