ซูหยิงเซี่ยอุ้มหานเนี่ยนและเดินออกจากห้องโดยไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไม่ไปได้อย่างไร?หากไม่ได้เฝ้าดูหานเนี่ยน เธอก็จะรู้สึกไม่สบายใจเจี่ยงหลานไม่ยอมให้ซูหยิงเซี่ยออกไปแน่นอน ไม่อย่างนั้นแผนของเธอก็จะล้มเหลว นี่เป็นโอกาสเดียวที่จะพาหานเนี่ยนออกไปได้“ลูกอย่าดื้อสิ อยู่บ้านนี่แหละ ให้แม่ไปก็พอ ตอนนี้ลูกออกจากบ้านไม่ได้ การพักฟื้นเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง” เจี่ยงหลานเกลี้ยกล่อมเธออย่างกระตือรือร้น"ไม่ค่ะ" ซูหยิงเซี่ยพูดอย่างหนักแน่น "หนูจะไป ป้าเหอ ให้คนข้างนอกเตรียมรถด้วยค่ะ"ทันทีที่เหอถิงได้ยินการเคลื่อนไหว เธอก็รีบวิ่งไปที่ด้านข้างของซูหยิงเซียแล้วถามว่า "เกิดอะไรขึ้นคะ?""หานเนี่ยนป่วย ต้องไปโรงพยาบาลค่ะ" ซูหยิงเซี่ยกล่าวเหอถิงตกตะลึง เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย จู่ ๆ ป่วยได้อย่างไร และเมื่อมองไปดูสภาพของหานเนี่ยน ดูเหมือนว่าเธอยังป่วยหนักไม่น้อยเลยด้วยตอนนั้นเอง เจี่ยงหลานก็รู้สึกกระวนกระวาย เพราะกว่าเธอจะหาวิธีพาหานเนี่ยนออกไปได้ ถ้าซูหยิงเซี่ยตามออกไป ความพยายามทั้งหมดของเธอจะสูญเปล่า"เหอถิง เราไปกันสองคนเถอะ ให้หยิงเซี่ยพักอยู่ที่บ้าน ข้างนอกมี
เหตุผลที่สงสัยเจี่ยงหลาน เพราะเธอเป็นบุคคลที่อันตรายในใจของม่อหยางเสมอ และม่อหยางไม่เคยลดความระแวงต่อเธอ อย่างไรก็ตาม ม่อหยางคิดว่าการที่เขาจัดคนกว่าร้อยคนไว้คอยเฝ้าระวัง เจี่ยงหลานจะไม่โอกาสมาเล่นกลกับเขา ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นในขณะนี้ ม่อหยางนอกจากจะโกรธมาก ๆ แล้วเขายังโทษตัวเองในใจ ถ้าเขาอยู่ปกป้องหานเนี่ยนตลอดเวลา คงไม่เกิดเรื่องราวแบบนี้ขึ้นที่สำคัญกว่านั้น จากความเข้าใจของม่อหยางที่มีต่อเหอถิง โอกาสที่เธอจะทรยศหานซานเฉียนนั้นต่ำมาก หากไม่มีหานซานเฉียน เหอถิงก็ไม่มีวันนี้ แล้วจะมีเหตุผลอะไรที่เธอต้องทรยศเขา?เจี่ยงหลานคว้าแขนของม่อหยางด้วยมือทั้งสองข้าง พยายามดิ้นรนหนี แต่เห็นได้ชัดว่าความแข็งแกร่งของเธอเทียบไม่ได้กับม่อหยาง และเธอก็รู้สึกหายใจลำบากมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถส่งเสียงออกมาได้เลยด้วยซ้ำเจี่ยงหลานที่พูดไม่ได้ เธอทำได้เพียงส่ายหัวเพื่อแสดงคำตอบของตัวเองม่อหยางผ่อนแรงลงเล็กน้อย เพื่อให้เจี่ยงหลานพูดเจี่ยงหลานหายใจเข้าลึกแล้วพูดว่า "ฉันไม่ได้ทำ ฉันเป็นยายของเธอนะ จะทำสิ่งนั้นได้ยังไง ฉันรู้ว่าฉันเคยทำผิดพลาดมามาก แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนไปแล้ว และฉันก
แม้ว่าซือจิงจะเป็นเพียงผู้หญิง แต่เมื่อเธอได้กลายเป็นคนโหดเหี้ยมขึ้นมาก็มีผู้ชายเพียงไม่กี่คนที่สามารถเทียบเธอได้ นี่คือความแตกต่างของการอยู่ในตระกูลใหญ่ เธอสามารถมองเห็นด้านที่แตกต่างของโลก และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หัวใจของเธอจะมีความแข็งแกร่งมากกว่าคนทั่วไปเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างเจี่ยงหลานที่ครั้งหนึ่งเคยต้องการฆ่าลูกชายของเธอ ซือจิงจะแสดงความเมตตาได้อย่างไร?เจี่ยงหลานตะโกนด้วยความเจ็บปวด และเลือดยังคงไหลออกมาจากรูจมูก ซึ่งทำให้เจี่ยงหลานทั้งกลัวและลนลานเธอไม่เคยคิดว่าซือจิงจะปรากฏตัวอย่างกะทันหันแบบนี้ และเธอก็ไม่คิดว่าเธอจะต้องเผชิญกับความรุนแรงของซือจิง"หลานสาวของฉันอยู่ที่ไหน?" ซือจิงถามต่อยังคงเป็นคำถามเดิม แต่คำถามที่เรียบง่ายนี้ทำให้เจี่ยงหลานตัวสั่นด้วยความกลัวแต่เจี่ยงหลานรู้ว่าแม้ว่าเธอจะต้องตาย เธอก็ไม่สามารถพูดความจริงได้ ไม่อย่างนั้นนั้นจุดจบของเธอจะแย่ยิ่งกว่านี้ ในเวลานี้เจี่ยงหลานไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากแสดงความน่าสงสารต่อหน้าซือจิง โดยหวังว่าเธอจะเมตตาตัวเองเจี่ยงหลานคุกเข่าลงบนพื้น และพยายามอย่างเต็มที่ที่จะแสดงด้านที่อ่อนแอออกมา ในเวลานี้เธอไม่สนใ
ขณะที่หยุนเฉิงกำลังปั่นป่วนอย่างรุนแรง ที่เรือนจำตี้ซินเองก็เช่นกันในนรกแห่งนี้ อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด และศพที่สามารถพบเห็นได้ทุกหนทุกแห่งเป็นฝันร้ายสำหรับคนทั่วไป เลือดที่ตกสะเก็ดบนร่างกายของหานซานเฉียนนั้นน่าตกใจมาก มันเหมือนกับว่าเขาคือปีศาจผู้รอดชีวิตจากความตายยังไรอย่างนั้น"พี่ซานเฉียน ดูเหมือนว่า... ดูเหมือนว่าเราจะฆ่าคนทั้งหมดในเรือนจำตี้ซินแล้วนะครับ" ตี้สู่พูดกับหานซานเฉียนด้วยความหวาดกลัว พวกเขายังอยู่กันที่หน้าประตูที่ปิดอยู่ แต่ตอนนี้ไม่มีคนคลั่งแล้ว ซึ่งสิ่งนี้ทำให้ตี้สู่ตกใจว่าพวกเขาทำอะไรลงไปกันแน่ ผู้คนหลายร้อยคนในเรือนจำตี้ซินถูกฆ่าตายหมดแล้วอย่างนั้นเหรอ?สำหรับตี้สู่ที่ไม่เก่งในการสังหาร และสนุกกับการหลบหนีจากคุก นี่เป็นเรื่องที่น่าตกใจมากหานซานเฉียนชำเลืองมองเตาสือเอ้อร์ ในเมื่อไม่มีใครปรากฏตัวแล้ว นั่นก็หมายความว่ามีเพียงพวกเขาสามคนเท่านั้นที่ยังมีชีวิตอยู่ในนี้แต่พวกเขายังไม่พบกลไกที่จะเปิดประตู และปัญหาที่พวกเขาเผชิญ ไม่ใช่ปัญหาที่สามารถแก้ไขได้จากการฆ่าคนทั้งหมด“พี่ซานเฉียน ตอนนี้เราควรทำยังไงกันดี?” เตาสือเอ้อร์ถามหานซานเฉียนไม่ตอบคำถามของเ
หนานกงซุนมองหานซานเฉียนด้วยรอยยิ้ม แววตาเต็มไปด้วยความหยอกล้อแข็งแกร่งแล้วอย่างไร?ถึงเขาจะบุกออกมาจากเรือนจำตี้ซินได้แล้วอย่างไร?เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ยังไงก็เป็นได้แค่สุนัขที่ต้องกระดิกหางด้วยความซื่อสัตย์เท่านั้น ซึ่งหนานกงซุนเพลิดเพลินกับสิ่งนี้มากเขาชอบที่จะควบคุมคนอย่างหานซานเฉียน ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งรู้สึกท้าทายมากเท่านั้น ผู้ชายหลายคนบอกว่าเขามีหน้าตาเหมือนนผู้หญิง และเมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนแปลงหน้าตาตัวเองได้ หัวใจของหนานกงซุนก็รู้สึกบิดเบี้ยวเขาต้องการแสดงให้คนที่บอกว่าเขาเหมือนผู้หญิงพวกนั้นดูว่า แม้แต่ผู้ชายที่แข็งแกร่งอย่างหานซานเฉียนก็ยังต้องคุกเข่าให้ขา"ฉันจะคุกเข่าเอง!" ในเวลานี้เตาสือเอ้อร์พูดขึ้นอย่างกะทันหัน เขาเดินไปด้านหน้าของหนานกงซุนและคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล“ฉันด้วย” ตี้สู่เดินไปหาหนานกงซุนเกือบจะพร้อมกันกับเตาสือเอ้อร์ทั้งสองคนยอมเสียศักดิ์ศรีมากกว่าเห็นหานซานเฉียนต้องคุกเข่าให้หนานกงซุนสำหรับเตาสือเอ้อร์หรือตี้สู่ หานซานเฉียนคือคนที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง และคนที่แข็งแกร่งแบบนี้จะทำอะไรที่เสียศักดิ์ศรีไม่ได้หนานกงซุนยิ้มอย่างเ
เมื่อเห็นท่าทีลังเลของหนานกงซุน แสดงว่าเขาต้องมีความกลัวอยู่ในใจ และหานซานเฉียนก็มั่นใจมากขึ้นว่าเขาสามารถใช้สิ่งนี้ต่อรองกับหนานกงซุนได้“เรือนจำตี้ซินถูกทำลายจนหมดสิ้น นายทุ่มเทไปขนาดนี้จะยอมกลับไปมือเปล่าเหรอ?” หานซานเฉียนกล่าวหนานกงซุนตกใจ หานซานเฉียนค้นพบความกลัวของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงแต่มีทักษะที่ดี แต่ยังเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลมอีกด้วย เขาเป็นคนที่น่ากลัวอย่างแท้จริงโชคดีที่เขายังมีไพ่ตายอยู่ในมือ ตราบใดที่ชีวิตของหานเนี่ยนอยู่ในมือของเขา หานซานเฉียนก็ต้องทำตามคำสั่งของเขาเท่านั้น การฆ่าสามคนนี้ ไม่ได้มีความหมายสำหรับหนานกงซุนมากนัก เขาไม่จำเป็นต้องถูกคนในตระกูลตำหนิ เพราะคนไม่เกี่ยวข้องเหล่านี้“ฉันจะปล่อยพวกมันไปก็ได้ แต่ถ้าแกไม่สามารถทำให้ฉันพอใจ ฉันก็สามารถส่งคนไปฆ่าพวกมันได้ทุกเมื่อ รวมถึงลูกสาวของแกด้วย” หนานกงซุนพูดหานซานเฉียนถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เขาเดินไปที่เตาสือเอ้อร์และพูดด้วยเสียงเบา ๆ ว่า "หลังจากที่กลับไป ช่วยฉันดูแลหยิงเซี่ยด้วย และบอกเธอว่า ฉันจะช่วยหานเนี่ยนให้ได้ ให้เธอไม่ต้องกังวลมากเกินไป"เตาสือเอ้อร์มองไปที่บาดแผลบนต้นขาของหา
เจี่ยงหลานหลบทางโดยฝังหัวของเธอไว้ที่มุมประตูด้วยตัวสั่นเทา แม้ว่าเธอจะมีความกล้าเป็นร้อยเท่า แต่เธอก็ไม่กล้ากับหานเทียนหยางแม้ว่าเจี่ยงหลานจะเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง และไม่รู้เรื่องของเหยีนจิงมากนัก แต่หลังจากรู้จักตัวตนของ หานซานเฉียน เธอก็จงใจไปศึกษาเกี่ยวกับตระกูลหานในเมืองเหยียนจิงแม้ว่าหานเฉิงจะไม่มีพรสวรรค์มากนัก และเสียชีวิตตั้งแต่ยังหนุ่ม แต่ความสามารถของหานเทียนหยางผู้ก่อตั้งตระกูลหานด้วยตัวคนเดียวนั้นไม่ใช่ความสามารถที่จะประเมินต่ำได้เลยที่สำคัญกว่านั้น เจี่ยงหลานกลัวว่าซือจิงจะลงไม้ลงมือกับเธอ เธอถูกซือจิงตบตีจนเป็นเงาในจิตใจแล้ว นอกเหนือจากการด่าซือจิงลับหลัง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าซือจิงเธอก็ยังเชื่องเหมือนกระต่ายตัวนึงเท่านั้นเจี่ยงหลานชอบการกลั่นแกล้งผู้อ่อนแอกว่ามากถึงขีดสุด"ที่ผ่านมาคงลำบากไม่น้อยเลยสินะ" หานเทียนหยางกล่าวกับซือจิง“ซานเชียนล่ะคะ ซานเชียนไม่ได้กลับมาพร้อมกับคุณพ่อเหรอคะ?” ซือจิงถามซูหยิงเซี่ยที่เดิมทีนั่งเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่บนโซฟา แต่เมื่อเธอได้ยินคำว่าซานเฉียน เธอก็ลุกขึ้นทันทีและวิ่งไปที่ด้านข้างของซือจิง"แม่คะ ซานเฉียนกลับมาแล้วเหรอคะ? เ
หานเทียนหยางยิ้มขมขื่น เขาเดาไว้แล้วว่าหานซานเฉียนจะต้องเผชิญกับสถานการณ์แบบนี้ในสักวันหนึ่ง เพราะตั้งแต่วินาทีที่หนานกงเชียนชิวแต่งเข้าตระกูลหาน ตระกูลหานในเมืองเหยียนจิงก็เป็นเพียงหมากของของตระกูลหนานกงเท่านั้นทุกคนในโลกคิดว่าหานเทียนหยางเริ่มต้นจากศูนย์ และสร้างปาฏิหาริย์นับไม่ถ้วน แต่ใครจะรู้ว่าหากไม่มีตระกูลหนานกงอยู่เบื้องหลัง เขาจะไม่สามารถทำสิ่งพวกนี้ได้เลยตอนนั้นเขาสู้เพื่อต่อลมหายใจในตอนนั้นเพื่อไม่ให้แพ้ตระกูลหานในอเมริกา เพื่อไม่ให้ตระกูลหานในอเมริกาถูกดูถูก หานเทียนหยางจึงออกเดินทางบนถนนสายนี้ที่ไม่มีวันหวนกลับได้หานซานเฉียนเคยถูกคนทั้งหยุนเฉิงมองว่าเป็นลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ แต่ลูกเขยที่ไร้ประโยชน์ที่แท้จริงคือหานเทียนหยางต่างหาก เขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะแต่งเข้าตระกูลอื่นด้วยซ้ำ!แต่เขาไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้การเกิดของหานเนี่ยนเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ แต่ก็เป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย แถมเธอยังถูกโยงเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วย"หากมีอะไรเกิดขึ้นกับหานเนี่ยน ฉันจะเผชิญหน้ากับเขาได้ยังไง" หานเทียนหยางรู้สึกผิดหวัง เพราะเขาไม่มีอำ