Home / All / ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ / ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

Share

ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

last update Last Updated: 2024-12-15 20:45:05

ตอนที่ 5

หอเลิศรส

“หานอี้ บุรุษที่พวกเราเดินสวนทางด้วยใกล้ๆกับทางไปเรือนท่านแม่สามีนั้นใช่สามีข้าไหม”

หลันซู่ถงในร่างของหลิวซู่ซู่เอ่ยถามหานอี้สาวใช้คนสนิทของตน เมื่อนึกไปถึงยามที่นางกำลังจะเดินไปยังเรือนใหญ่ของท่านแม่สามี ระหว่างทางได้สวนทางเข้ากับบุรุษสองคน

ซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่มีลักษณะเย็นชาแต่ก็ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งแบบที่นางมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นก็คือท่านเขยเจ้าค่ะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท นางก็อดนึกไปถึงใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางมิได้

บุรุษผู้นี้หากเพื่อนรักของเธอในมิติที่แล้วอย่างเฟ่งเสี่ยวซ่ง มาเห็นคงต้องถูกเรียกว่าแรร์ไอเทมมิต่างกันกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นแน่นอน จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอเคยเห็นคุณหมอเฟิงฉางเหอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำใบหน้าของมิค่อยได้เท่าไหร่ แต่นางกับมีความรู้สึกว่า บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอในมิตินี้ มีส่วนคล้ายกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นอยู่มิน้อยเลยทีเดียว

มันจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะเป็นคนผู้เดียวกันหากแต่ต่างมิติ เช่นเดียวกับนางและหลิวซู่ซู่ที่ตายไป

แต่เอาเถิดเรื่องนี้นางต้องหาทางพิสูจน์ให้รู้จนได้ เพียงแต่จะใช้วิธีใดนั้นคงต้องรอให้นางคิดออกเสียก่อน แต่ก็คงมิง่ายดายแน่นอน

ดูจากการที่เขากับนางเดินสาวทางกัน แม้จะมิได้เดินสวนใกล้ขนาดที่ชายแขนเสื้อต้องกัน แต่ก็ห่างกันเพียงมิถึงสองช่วงตัวเพียงเท่านั้น แต่ซู่ฉางซานบุรุษผู้นั้น แม้แต่หางตายังมิมีแม้แต่จะแลมาทางนางเสียด้วยซ้ำ

มองก็รู้ว่าเขามิได้อยากยุ่งกับนางแม้แต่สักเพียงนิด แต่จะทำเช่นใดได้เล่ายามนี้นางอยากจะยุ่งกับเขาเพื่อดูว่าเขากับคุณหมอเฟิงฉางเหอในมิติที่นางมาเป็นคนเดียวกันรึไม่ ยังไงนางก็ต้องไปยุ่งกับเขาดูสักตั้งแล้ว

“หานอี้พวกเราออกไปนอกจวนกันสักหน่อยได้รึไม่” 

อยู่ๆนางก็นึกอะไรสนุกๆขึ้นมาได้จึงได้เอ่ยถามสาวใช้คนสนิทของตนไป อยู่ในจวนๆวันๆนางนอกจากินและก็นอนก็มิได้ทำอันใดอีก สู้ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอกเสียหน่อยคงจะดีมิน้อย

“ฮูหยินน้อยอยากออกไปนอกจวนรึเจ้าคะ” หานอี้เมื่อได้ยินคำถามของฮูหยินน้อยของตน ก็ฉงนในใจอยู่มิน้อย ย้ายจากสกุลหลิวที่อยู่นอกเมืองมาที่สกุลฉู่ที่อยู่ในเมืองหลวงเป็นเวลากว่าสองเดือนครึ่งแล้ว

นอกจากอยู่ในเรือนพักเงียบๆคุณหนูของนางก็มิเคยมีทีท่าว่าอยากจะออกไปนอกจวนเลยเสียสักครั้ง ยามนี้มิใช่ว่านับว่าเป็นสัญญาณที่ดีขึ้นหรอกหรือ

“ข้าอยากจะออกไปเดินเล่นเสียหน่อยมิได้รึอย่างไรกัน”

“ย่อมได้แน่นอนเจ้าค่ะ บ่าวขอตัวไปเตรียมตัวสักครู่นะเจ้าคะคุณหนู”

นางรับคำฮูหยินน้อยของนางอย่างกระตือรือร้น ก่อนจะรีบเดินหวังจะไปบอกให้สาวใช้รวมไปถึงบ่าวชายที่คอยรับใช้อยู่ในเรือนเตรียมตัวที่จะตามฮูหยินน้อยของนางออกไปข้างนอก ถ้ามิติที่ว่าโดนฮูหยินน้อยของนางเรียกเอาไว้เสียก่อน

“หานอี้มิต้องให้ใครตามออกไปทั้งนั้น ข้าออกไปกับเจ้าเพียงสองคนก็พอ”

หานอี้ที่ได้ยินใบหน้ายินดียิ้มแย้มเมื่อครู่ถอดสีทันที

“ได้เช่นใดกันเจ้าคะ ออกไปกันเองบ่าวว่าฮูหยินน้อยอาจมิปลอดภัยได้นะเจ้าคะ”

“ไปกันแค่เจ้ากับข้าก็พอ แล้วก็หาชุดบุรุษให้ข้าสักชุดหนึ่ง”

“หาชุดบุรุษหรือเจ้าคะ หามาทำอันใดกันเจ้าคะฮูหยินน้อย” นางเอ่ยถามฮูหยินน้อยของนางอย่างมิเข้าใจ

“นำมาให้ข้าใส่อย่างไรเล่า ข้าจะใส่ชุดบุรุษออกจากจวน”    

หนึ่งชั่วยามต่อมาสุดท้ายแล้วนางก็ออกมายืนอยู่ท่ามกลางถนนที่คับคั่งไปด้วยผู้คนที่กำลังจับจ่ายซื้อหาข้าวของเป็นที่สำเร็จจนได้

นางตอนนี้อยู่ในชุดบุรุษสีน้ำเงินเรียบๆแต่ก็ตัดเย็บมาจากผ้าชั้นดี ตามที่หานอี้บอกนางเริ่มแรกชุดอันนี้เป็นชุดที่นางตั้งใจจะนำมาพึ่งปักเย็บลวดลาย แต่ยังมิทันได้เริ่มปักอันใดนางก็ล้มป่วยไปเสียก่อน ชุดเสื้อผ้าบุรุษตัวนี้จึงยังมิมีลวดลายใดๆทั้งสิ้น กล่าวได้ว่าเป็นเพียงผ้ามิมีลายที่นำมาทำเป็นชุดก็เท่านั้น

รวมไปถึงขนาดของชุดบุรุษที่นางสวมใส่อยู่มีขนาดใหญ่กว่าตัวนางไปหน่อยจึงทำให้ดูเทอะทะไปบ้าง

นางเดินนำหานอี้แวะเวียนไปยังร้านค้าแผงลอยต่างๆที่มีอยู่เยอะแยะเต็มสองข้างทางของถนนด้วยความตื่นเต้น จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วยามนางเหน็ดเหนื่อยกับการเดินดูข้าวของต่างๆ

แล้วจึงได้พาหานอี้เข้ามานั่งพักยัง หอเลิศรส ซึ่งเป็นหอที่นางได้ยินมาว่าขึ้นชื่อในเรื่องอาหารที่สุดในเมืองหลวงตามที่นางได้สอบถามกับแม่ค้าร้านขายสีทาชาดที่นางแวะเข้าไปเป็นร้านสุดท้าย

หอเลิศรส เป็นหอที่มีความคล้ายๆกับโรงเตี้ยมขนาดมิได้ใหญ่มาเท่าใด แต่ตกแต่งสวยงามเรียบหรูทำให้ดูน่าเข้ามาทานอาหารยิ่งนัก บริเวณทางเข้าของหอเลิศรสจะเป็นบันใดสูงให้เดินก้าวขึ้นไปยังหออาหารที่ภายในชั้นสองจะมีโต๊ะไม้เนื้อดีที่ขัดจนเป็นเงาดูสะอาดหมดจด ตั้งอยู่ในระยะที่เว้นเอาไว้พอให้เป็นที่ส่วนตัวพอสมควร

ยามนี้นอกจากนางและหานอี้ที่นั่งอยู่ในหอเลิศรสแล้วก็มีเพียง ลูกค้าอีกเพียงสามโต๊ะเท่านั้น ซึ่งเมื่อมองไปยังโต๊ะอื่นๆแล้วก็เห็นได้ชัดเลยว่าผู้ที่นั่งประจำอยู่ที่โต๊ะนั้นๆล้วนแล้วแต่เป็นพวกคุณหนูคุณชายทั้งนั้น ชุดเสื้อผ้าอาภรณ์ที่พวกคนเหล่านั้นสวมใส่อยู่หรูหรามองก็รู้ว่าทำมาจากผ้าเนื้อดี เครื่องประดับก็ถูกนำมาประดับเยอะแยะไปหมดจนนางตาพร่างไปหมดยามที่เห็นแสงสะท้อนจากเครื่องประดับของพวกนาง

“คุณชายน้อยท่านจะรับสิ่งใดเพิ่มอีกไหมเจ้าคะ”

เสียงของหานอี้ที่เอ่ยถามขึ้นทำให้เธอกลับมาสนใจที่โต๊ะของตัวเองอีกครั้ง เป็นเพราะตั้งแต่เข้ามานางก็สนใจในสิ่งต่างๆในร้านจึงมอบหมายให้หานอี้เป็นผู้จัดการสั่งอาหารกับเสี่ยวเอ้อร์ที่มายืนรออยู่ใกล้ๆแทน

“งั้นเสี่ยวเอ้อร์เจ้าก็จัดอาหารขึ้นชื่อของที่นี่มาอีกสั่งสามอย่างก็แล้วกัน”

นางเอ่ยสั่งออกไปอย่างส่งๆเพราะนางแทบจะมิได้ฟังยามที่หานอี้สั่งแม้แต่น้อย แต่ก็คิดว่าสาวใช้คนสนิทของนางคงมิได้สั่งสิ่งใดมามากนัก อาจจะเป็นกับข้าวสองสามจานเพียงเท่านั้น

เพียงมินานนักอาหารหลากหลายก็ถูกลำเลียงโดยเสี่ยวเอ้อร์ขึ้นมาอยู่บนโต๊ะของนางเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มิว่าจะเป็นเป็ดน้ำแดง ไก่อบน้ำผึ้งทั้งตัว ซี่โครงหนูผัดซอส ผัดผักรวม ซาลาเปาแปดลูก เป๋าฮื้อตุ๋นโสม ทุกอย่างส่งกลิ่นหอมชวนกินเป็นอย่างยิ่ง

นางและหานอี้ช่วยกันจัดการอาหารเลิศรสตรงหน้าทันที โดยความที่นางเหน็ดเหนื่อยมากจากการเดินเที่ยวเล่นทำให้นางจัดการกับอาหารตรงหน้าไปเยอะพอสมควรเลยทีเดียว

“รสดียิ่งนักหานอี้” นางเอ่ยกับสาวใช้คนสนิท เมื่อวางตะเกียบลงละนั่งพิงไปกลับเก้าอี้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ยามนี้นางอิ่มจนขยับแทบมิไหวเลยที่เดียว เมื่อก่อนยามที่อยู่มิติโน้นนางไม่ค่อยๆจะได้กินของอร่อยๆแบบหลากหลายเช่นนี้มาก่อน เพราะนางเป็นผู้ที่หาเงินตัวคนเดียว จึงมิค่อยกล้าที่จะใช้จ่ายฟุ่มเฟือยนัก ยามนี้นางได้ใช้เงินที่มีมากมายซึ่งก็เป็นของผู้อื่นหามาให้นางใช้นางซึ่งมิได้ลงมือหาเงินเองจึงใช้ได้อย่างคล่องมือยิ่งนัก

ถ้าหากในมิติเดิมนางคงมิกล้าที่จะเดินเข้าร้านขึ้นชื่อที่แค่มองผ่านหน้าร้านก็รู้แล้วว่าราคามิใช่เล่นๆเช่นนี้แน่

             ยังถือว่ามายังมิตินี้ของนางยังมีส่วนดีอยู่มากจริงๆ

             หลันซู่ถงคิดไปยิ้มไปอย่างมีความสุข ชีวิตของนางมิตินี้ถือว่ามิเลวๆ

มันก็คงจะมิเลวอย่างที่นางคิดเอาไว้ ถ้ามิใช่ว่ายามนี้นางต้องมาเช็ดโต๊ะเพราะไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารที่ได้กินไปของหอเลิศรส

“เกือบดีอยู่แล้วเชียวหานอี้ วันนี้เกือบจะเป็นวันที่ดีสำหรับข้าแล้ว” นางเอ่ยออกมาพร้อมกับออกแรงเช็ดโต๊ะอาหารไม้เรียบหรูของหอเลิศรสแรงๆ

“บ่าวต้องขออภัยด้วยจริงๆนะเจ้าคะ” หานอี้ที่ยืนเช็ดโต๊ะอยู่ไม่ไกลจากฮูหยินน้อยของตนนั้นเองขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิด ที่ทำให้ฮูหยินน้อยของนางต้องมาลำบากทนทำงานเช่นนี้

“ช่างเถิดข้ามิโทษเจ้าหรอกหานอี้ หากจะมีผู้ใดผิดผู้นั้นคงจะเป็นผู้ที่ขโมยถุงเงินของเจ้าไปผู้นั้นตั้งหาก”

ใช่แล้วยามนี้นางต้องมาทำงานชดใช้ค่าอาหารที่กินไปของหอเลิศรส ที่พวกนางมิมีจ่ายเพราะหานอี้ที่เป็นผู้เดียวที่พกถุงเงินติดตัวมานั้นทำถุงเงินหาย

แต่นางคิดว่าหานอี้ไม่น่าจะทำหล่นหายไปเอง แต่อาจจะเป็นบุรุษที่ท่าทางไม่ดีที่วันนี้เดินชนนางและหานอี้ที่ตลาดเป็นผู้ชกชิงไปเสียมากกว่า

ย้อนกลับไปเมื่อเสี่ยวเอ้อร์รู้ว่าพวกนางไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารก็เรียกให้พวกนางไปพบกับเถ้าแก่ตงผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลหอเลิศรสแห่งนี้ ทันที

“คุณชายน้อยท่านแต่งตัวก็ดูดีมีฐานะ ใยถึงไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารเพียงเล็กน้อยของหอเลิศรสเรากันเล่า”

เถ้าแก่ตงเอ่ยกลับบุรุษหน้าหวานดุสตรีที่นั่งอยู่ที่อีกฝั่งของโต๊ะทำงานของตน เขามองสำรวจคุณชายน้อยตรงหน้าอย่างประเมินการตั้งแต่การแต่งกาย รวมไปถึงเนื้อผ้าของชุดที่สวมอยู่ รวมไปถึงสาวใช้ผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก

“ใครว่าข้าไม่มีเงินจ่ายกัน ค่ามีเพียงแต่ยามนี้เงินนั้นหายไปแล้วตั้งหาก” นางเอ่ยตอบคำถามที่เถ้าแก่ตรงหน้าเอ่ยถามมาอย่างตรงไปตรงมาไม่คิดปิดบัง

“อ่า ที่แท้คุณชายน้อยก็ทำเงินหายไปแล้วนี่เอง” ตงลี่เอ่ยออกมาก่อนจะทำทีท่าว่าเข้าใจในเหตุการณ์ที่คุณชายน้อยผู้นี้ประสบมา

“ขอบคุณเถ้าแก่มากที่เข้าใจข้า แน่นอนว่าพรุ่งนี้ข้าจะรีบนำเงินค่าอาหารมาจ่ายท่านแน่” นางในเอ่ยออกมาอย่างดีใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่และเตรียมที่จะหันหลังกลับเดินออกไปจากห้องของเถ้าแก่ตงผู้นี้

“ช้าก่อนคุณชาย ข้าเข้าใจความลำบากของคุณชายดี หากแต่ข้าคงจะปล่อยท่านออกจากหอเลิศรสไม่ได้เสียแล้ว”

เมื่อได้ยินประโยคที่เถ้าแก่ตงเอ่ยขึ้นขาที่กำลังก้าวเดินที่มีจุดหมายคือการเดินออกจากที่แห่งนี้เป็นอันต้องชะงักลง

“ไหนเมื่อครู่เถ้าแก่ยังทำราวกับเข้าใจข้า เหตุใดจึงพูดเช่นนี้ออกมาอีกกันเล่า”

“คุณชายข้าน้อยทำการค้า ย่อมต้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง คุณชายท่านในเมื่อท่านไม่มีเงินจ่ายค่าอาหารวันนี้ก็ต้องทำงานชดใช้ให้หอเลิศรสเรา ไม่เช่นนั้นข้าคงต้องส่งเรื่องนี้พร้อมกลับคุณชายและสาวใช้ของท่านไปที่กองมือปราบแล้ว”

และนั้นก็คือเหตุผลว่าทำไมนางจึงต้องมาทำงานอะไรแบบนี้ ซึ่งในมิติของนางงานแค่นี้ถือว่าเล็กน้อยมาก ต่างกันกับในมิตินี้ซึ่งจะมองแตกต่างกันไป หานอี้แทบจะน้ำตาไหลตลอดเวลาอยู่แล้วยามที่เห็นนางต้องมาทำอะไรแบบนี้

แต่ก็เอาเถิดถ้าให้เลือกระหว่างทำงานแบบนี้แค่เพียงวันเดียวและพรุ่งนี้ก็ไปนำเงินมาใช้เถ้าแก่ตงให้จบๆไป กับไปจบเรื่องนี้ที่กองมือปราบ แน่นอนว่านางเลือกจะทนทำงานแบบนี้เสียยังดีกว่า หากเรื่องถึงมือปราบนางคงจะแย่แน่ เพราะถ้าเรื่องถึงกองมือปราบจริงแน่นอนว่าอย่างไรเสียสกุลฉู่ต้องรู้เรื่องแน่

หากเป็นเช่นนั้นไม่ใช่ว่านางทำลายอิสระของตัวเองหรอกเหรอ หากครั้งหน้านางอยากจะออกมาอีกคงไม่ง่ายเช่นนี้อีกแล้ว หรือไม่ก็คงต้องมีคนคอยตามไม่น้อยเลยทีเดียวนางยังมีเรื่องสนุกๆอีกมากที่อยากจะทำ

และการที่มีผู้อื่นมากมายมาคอยเดินตามมันก็ทำให้เรื่องสนุกๆที่นางอยากจะทำกระทำได้ยากยิ่งนัก

เช่นนั้นแล้วแน่นอนว่านางย่อมไม่ควรเสี่ยงให้เรื่องนี้ถึงหูคนในสกุลฉู่เป็นเด็ดขาด

นางคิดก่อนจะลงมือทำงานต่อไปทนหน่อย หลันซู่ซู่อีกแค่หนึ่งชั่วยามเท่านั้นหอเลิศรสก็จะปิดแล้ว

เวลานั้นแหละที่นางและหานอี้จะเป็นอิสระ

ใช่แล้วนางเพียงต้องทนอีกครู่ใหญ่ก็เพียงเท่านั้น

Related chapters

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวน  

    ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวนใจกลางตลาดใหญ่ในเมืองหลวงร้านผ้าเข็มทองคำของสกุลฉู่ถือว่าใหญ่โตหรูหราเป็นที่สุด เพราะมีถึงสี่ชั้นด้วยกันและทุกชั้นทั้งภายนอกและภายในร้านผ้าแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราสวยงาม โดยที่ชั้นแรกจะเป็นชั้นแรกที่จะมีผู้คอยแนะนำสินค้าและแน่นอนว่าคอยดูว่าควรจะส่งลูกค้าไปที่ชั้นไหนให้เหมาะสมที่สุดอีกด้วยในร้านผ้าแห่งนี้จะแบ่งให้ชั้นสองเป็นชั้นที่ผู้ที่มีฐานะปานกลางเอาไว้เลือกซื้อเสื้อผ้า และชั้นที่สามจะเป็นชั้นที่เอาไว้บริการลูกค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งจ่ายง่ายและจ่ายไม่อันแน่นอนว่าการแบ่งแยกชัดเจนเช่นนี้ทำให้ลูกค้ารวมไปถึงคนของร้านผ้าเข็มทองคำทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นร้านผ้าเข็มทองคำแน่นอนว่าเป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองหลวงรวมไปถึงในอำเภออื่นๆด้วย แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าพระสนมในวังยังชื่นชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ของร้านผ้าเข็มทองคำยิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าที่ดีกว่าร้านอื่นและก็ฝีมือการตัดเย็บจากช่างที่ฝีมือดี ทำให้ไม่ยากเลยที่ร้านเข็มทองคำจะขึ้นเป็นร้านผ้าอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยามนี้เจ้าของกิจการร้านผ้าเข็มทองคำซึ่งก็คงจะเป็นผู้อื่นผู้ใดไปได้หากไม่ใช่บุรุษชายคนเดี

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว

    ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว“เถ้าแก่ตงเปิดประตูให้ข้าน้อยหน่อยเจ้าค่ะ คุณชายของข้าน้อยลืมของบางสิ่งเอาไว้ด้านใน”เป็นหานอี้ที่เป็นผู้ยืนทุบประตูส่งเสียงเรียกคน โดยที่มีหลิวซู่ซู่ยืนรอท่าอยู่ด้านหลังไม่ไกลเท่าไหร่นัก“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวเคาะประตูนานแล้ว มิได้ยินเสียงผู้ใดขานตอบกลับมาเลยเจ้าค่ะ มิแน่ว่าเถ้าแก่ตงกับเหล่าเสี่ยวเอ้อร์ทั้งหลายอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้วเจ้าคะ” หานอี้เอ่ยบอก นางยืนเคาะประตูอยู่ก็หลายคราแล้วทั้งร้องเรียกขนาดนี้หากยังมิมีผู้ใดออกมาย่อมแปลว่ามิมีคนอยู่ด้านในแล้วก็เท่านั้นเห็นทีนางคงจะต้องให้ฮูหยินน้อยกลับจวนสกุลฉู่โดยไร้พัดที่ฮูหยินใหญ่ให้มาเสียแล้ว นางได้แต่ภวนาในใจให้ฮูหยินใหญ่ไม่ถามถึงพัดเล่มนั้น และโทษที่พวกนางจะได้รับก็อย่าให้ถึงขั้นโบยลงโทษเลยมิเช่นนั้นนางก็มิอยากจะนึกถึงเลย ว่าสภาพของนางจะเป็นเช่นไร ยิ่งฮูหยินน้อยของนางยิ่งแล้วใหญ่หากโดนโทษโบยจริงเห็นทีจะล้มป่วยไปอีกนานทีเดียว“มิสู้พรุ่งนี้เราให้คนนำเงินมาจ่ายเถ้าแก่ตงและก็ถือโอกาสให้นำพัดของท่านกลับไปให้ด้วยเลยจะดีกว่าไหมเจ้าคะ”“นั้นสินะ ตกลงพรุ่งนี้ค่อยให้คนมานำพัดของท่านแม่สามีกลับมาให้ข

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร

    ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรเป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่นางโดนกักตัวให้อยู่แต่ในจวน มิสามารถก้าวออกจากจวนสกุลฉู่ได้เลย เหล่าสาวใช้และบ่าวชายในจวนต่างก็พากันจับตาดูนางเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าจะขยับตัวเดินไปไหน ก็จะค่อยตามนางอยู่เงียบๆ จนนางรู้สึกอึดอัดไปหมดอึดอัดที่ต้องการเป็นเป้าสายตาของทุกคน จนกระทั่งวันนี้นางต้องปิดประตูเรือนและขังตนเองไว้เพื่อลดความอึดอัดจากสายตาผู้อื่นสองวันมานี้ในหัวของนางวนเวียนคิดเกี่ยวกับวิธีการหนีออกจากจวนมิรู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ก็มิได้วิธีดีๆที่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย“เห้อ” นางถอนหายใจออกมาอย่างคิดมิตก หรือว่านางควรจะเลิกคิดดี และก็ยอมรับสภาพของตนเองในยามนี้แทนอาหารทุกมื้อก็มีพร้อม เสื้อผ้าอาภรณ์มิคาดตกบกพร่อง มีสาวใช้คอยปรนนิบัติอย่างดี นางในมิตินี้มีทุกอย่าง ยกเว้นอิสระนางมิสามารถทนอยู่อย่างนี้ได้แน่ๆในมิติที่นางจากมา นางมีอิสระในการใช้ชีวิตหากไร้ซึ่งอิสระนางย่อมมิสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุขแน่ๆใช่แล้ว สิ่งที่นางควรทำยามนี้คือการปรับตัว และหากอยากได้อิสระของนางคืนมา สิ่งเดียวที่จะทำให้อิสระของนางกลับมาอีกครั้งคงมีเพียง ฉู่ฉางซานผู้เดียวเท่านั

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ

    ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ“มีผู้ใดอยู่หรือไม่”หลันซู่ถงเอ่ยขึ้น เมื่ออยู่ๆตัวของนางก็มาปรากฏอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งซึ่งมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง ราวกับว่านางเดินอยู่ในที่ๆไม่มีจุดหมายไร้ซึ่งทุกสัพสิ่งนางรู้สึกได้ว่าแม้ร่างกายของนางจะก้าวเดินได้ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุดเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีวันพบเจอกับสิ่งใดได้ นอกจากความมืด และ ความว่างเปล่า“หลันซู่ถง”“ผู้ใด ผู้ใดกันที่เรียกข้า” นางเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับหันมองไปรอบๆทิศทางเพื่อมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบสิ่งใด ยังคงมีแต่ความมืดทั่วสารทิศ“เจ้าไม่ต้องมองหาข้า เจ้าไม่มีทางมองเห็นข้าได้”“เช่นนั้นท่านคือผู้ใด ทำไมข้าจึงไม่สามารถมองเห็นได้” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ข้าคือผู้ควบคุมประตูมิติ และมีส่วนทำให้วิญญาณของเจ้าเขาร่างผิดมิติ”“เช่นนั้นท่านต้องรีบพาข้ากลับมิติเดิมได้แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่ผิดมิติเช่นนี้ไม่ได้”นางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีเหตุอันใดสักอย่างที่ทำให้วิญญาณของนางเข้ามาอยู่ในร่างผิดมิติ“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกลับไปยังมิติเดิม เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องเข้าฝันเจ้าเพื่อแจ้งสิ่งต่างๆทั้งหมดแก่เจ้าเสียก่อนอย่างไรเล่า”“ท่านถึงกับเข้าฝันข้าใ

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไร

    ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไรเวลากว่าสิบวันที่ผ่านมา หลันซู่ถงใช้ชีวิตในมิตินี้อย่างสนุกสนาน นางออกจากจวนทุกวันมาที่ร้านเฟิ่งฮวาเพื่อนปลูกดอกไม้และจัดดอกไม้ใส่แจกันทุกวัน นางจัดดอกไม้วันละหลายแจกัน จัดแล้วก็ให้คนนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำที่นางรู้มาจากฟ่งซีว่าเขามักจะอยู่จัดการงานต่างๆอยู่ที่นั้นสิบวันก่อนที่นางมาที่ร้านเฟิ่งฮวาครั้งแรก นางนึกสนุกและก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ เลยจึงออกไปหาซื้อแจกันขนาดกลางที่ไม่ค่อยมีลวดลายเท่าไรนักมากหลายใบด้วยกัน นางนำดอกไม้หลากหลายมาจัดแจกใส่แจกันอย่างสวยงาม บางส่วนนางก็ตั้งโชว์เอาไว้ที่ร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้ และไม่ลืมที่จะแวะไปที่หอเลิศรสและนำแจกันที่นางจัดดอกไม้เอาไว้ไปตั้งเอาไว้ที่นั้นเสียหลายอันเช่นเดียวกันอาจเป็นเพราะนางหยิบแจกันมามากมายเกินไปจากร้านขาย และก็คงเป็นเพราะนางไม่ได้จัดดอกไม้มานานทำให้นางจัดดอกไม้มากเกินความจำเป็น ทุกแจกันถูกนางจัดส่งไปในที่ๆควรส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กับเหลืออันแจกันใบสุดท้าย นางจึงให้ฟ่งซีแวะนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำเดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าเขาอาจจะโยนทิ้งออกมาอย่

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   บทนำ

    บทนำเช้าวันอาทิตย์ที่น่าจะเป็นวันที่ดีสำหรับใครหลายๆคน ที่จะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกันมาทั้งอาทิตย์ แต่มันไม่ใช่สำหรับเธอหลันซู่ถงแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะวันไหนเธอก็ไม่เห็นว่าอะไรจะสำคัญไปกว่าการทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆอีกแล้วการมีเงินเยอะๆตั้งหากคือสิ่งที่ดีที่สุด ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆตอนที่เธอแก่ตัวจนทำไม่ไหวแล้วจะได้มีเงินเก็บเองไว้ใช้ได้ไม่ลำบาก อีกทั้งสังคมไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนการมีเงินต่างหากถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไรปัญหาได้เธอคือหลันซู่ถงเจ้าของร้านดอกไม้ร้านเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเท่าไหร่นัก เพียงแค่ข้ามถนนใหญ่ไปก็จะเป็นโรงพยาบาลชื่อดังของเมืองแล้ว แม้ร้านจะไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรแต่ก็ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดีพอสมควรเลย ร้านของเธอเป็นตึกแถวสองชั้นติดถนนเธอใช้ชั้นล่างเป็นหน้าร้านและชั้นบนเป็นที่พักอาจเพราะเธออยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ18 กระมังจึงทำให้เธอเป็นคนเฉยๆเรียบง่ายกับทุกอย่าง อีกทั้งพ่อแม่ของเธอต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวมีบ้านหลังใหม่กันหมดแล้ว ทำให้การตัดสินใจรวมไปถึงชีวิตของเธอไม่ได้ติดอยู่กับ

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 1 เพียงสบตาเท่านั้น  

    ตอนที่ 1 เพียงสบตาเท่านั้น“ซู่ถงขอบคุณแกมากนะที่หลายวันมานี่คอยมาส่งข้าวส่งน้ำฉัน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยออกมาอย่างตื้นตันใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเธอเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหอบหิ้วข้าวของมากมายมาหาเธอทุกวัน“ลำบากอะไรกันร้านของฉันไม่ได้ไกลเลยสักนิดข้ามถนนแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว อีกอย่างแกเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของฉันนะ ต่อให้แกอยู่โรงบาลอื่นที่อยู่ไกลกว่านี้ยังไงฉันก็ต้องไปหาแก”เธอตอบออกไปโดยไม่หันไปมองเพื่อนสนิท เธอยิ้มและหยิบจับจัดข้าวของที่เธอนำมาด้วยก่อนที่จะเลื่อนโต๊ะอาหารมาให้เพื่อนรักและเปิดถุงนำกล่องข้าวหลากหลายออกมาวางตรงหน้าคนป่วย“น้ำตาฉันจะไหลแล้วรู้ไหมซู่ถง เห็นอาหารพวกนี้แล้วทำให้ฉันนึกถึงมื้อเช้าของวันนี้ แกรู้ไหมว่าคืออะไรมันคือข้าวต้มหมู กว่าฉันจะกลั้นใจกินมันได้ทำใจแล้วทำใจอีก”“แกก็พูดไป อาหารโรงพยาบาลที่ไหนเขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”เธอเอ่ยขึ้นพลางยิ้มขำไปกับท่าทีของเพื่อนสนิทที่แสดงออกมาอยู่ตอนนี้ เพื่อนของเธอกำลังตักอาหารที่เธอนำมาให้เข้าปากอย่างช้าๆทำทีราวกับกำลังซึมซับรสชาติของอาหารอยู่อย่างใดอย่างนั้น “เอาน้ำ” ซู่ถงยื่นกระบอกน้ำอุ่นที่เธอเตรียมมาด้วยให้เพื่อน

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018  

    ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018 รอดแล้ว!!!เป็นคำเดียวที่ดังเข้ามาในหัวของเธอในขณะนี้เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตกลงไปเจ็บตัวอย่างที่คิดเอาไว้ตอนนี้เหมือนว่าร่างกายของเธอยังถูกใครสักคนจับเอาไว้อย่างดีอยู่เลย เธอลืมตาขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงแม่เพื่อนสนิทตัวดีที่อาจจะเจ็บเพิ่มเพราะรถเข็นเลื่อนตกลงไปแบบนั้นคิดได้ดังนั้นเธอก็ดันตัวเองออกมาจากตัวของคนที่ช่วยเธอซึ่งเธอยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเขาด้วยซ้ำเพราะความสูงของเขาและเธอค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควรเธอยืนเต็มความสูงแล้วแต่กลับอยู่แค่เพียงระดับหน้าอกของเขาเพียงเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอควรห่วงก็คือเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทของเธอ เธอเลยพักเรื่องที่จะจดจำหน้าของผู้มีพระคุณเอาไว้เสียก่อนและรีบวิ่งไปดูเพื่อนของเธอว่าเป็นอะไรรึเปล่า “เสี่ยวซ่งแกเป็นอะไรรึเปล่า”เธอเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเดิม เพิ่มเติมคือรอบๆรถเข็นของเพื่อนเธอมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนยืนรุมกันอยู่“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ทุกคนช่วยกันจับรถเข็นของฉันเอาไว้ได้เสียก่อน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยตอบเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณผู้คนทั้ง

    Last Updated : 2024-12-15

Latest chapter

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไร

    ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไรเวลากว่าสิบวันที่ผ่านมา หลันซู่ถงใช้ชีวิตในมิตินี้อย่างสนุกสนาน นางออกจากจวนทุกวันมาที่ร้านเฟิ่งฮวาเพื่อนปลูกดอกไม้และจัดดอกไม้ใส่แจกันทุกวัน นางจัดดอกไม้วันละหลายแจกัน จัดแล้วก็ให้คนนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำที่นางรู้มาจากฟ่งซีว่าเขามักจะอยู่จัดการงานต่างๆอยู่ที่นั้นสิบวันก่อนที่นางมาที่ร้านเฟิ่งฮวาครั้งแรก นางนึกสนุกและก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ เลยจึงออกไปหาซื้อแจกันขนาดกลางที่ไม่ค่อยมีลวดลายเท่าไรนักมากหลายใบด้วยกัน นางนำดอกไม้หลากหลายมาจัดแจกใส่แจกันอย่างสวยงาม บางส่วนนางก็ตั้งโชว์เอาไว้ที่ร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้ และไม่ลืมที่จะแวะไปที่หอเลิศรสและนำแจกันที่นางจัดดอกไม้เอาไว้ไปตั้งเอาไว้ที่นั้นเสียหลายอันเช่นเดียวกันอาจเป็นเพราะนางหยิบแจกันมามากมายเกินไปจากร้านขาย และก็คงเป็นเพราะนางไม่ได้จัดดอกไม้มานานทำให้นางจัดดอกไม้มากเกินความจำเป็น ทุกแจกันถูกนางจัดส่งไปในที่ๆควรส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กับเหลืออันแจกันใบสุดท้าย นางจึงให้ฟ่งซีแวะนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำเดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าเขาอาจจะโยนทิ้งออกมาอย่

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ

    ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ“มีผู้ใดอยู่หรือไม่”หลันซู่ถงเอ่ยขึ้น เมื่ออยู่ๆตัวของนางก็มาปรากฏอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งซึ่งมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง ราวกับว่านางเดินอยู่ในที่ๆไม่มีจุดหมายไร้ซึ่งทุกสัพสิ่งนางรู้สึกได้ว่าแม้ร่างกายของนางจะก้าวเดินได้ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุดเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีวันพบเจอกับสิ่งใดได้ นอกจากความมืด และ ความว่างเปล่า“หลันซู่ถง”“ผู้ใด ผู้ใดกันที่เรียกข้า” นางเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับหันมองไปรอบๆทิศทางเพื่อมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบสิ่งใด ยังคงมีแต่ความมืดทั่วสารทิศ“เจ้าไม่ต้องมองหาข้า เจ้าไม่มีทางมองเห็นข้าได้”“เช่นนั้นท่านคือผู้ใด ทำไมข้าจึงไม่สามารถมองเห็นได้” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ข้าคือผู้ควบคุมประตูมิติ และมีส่วนทำให้วิญญาณของเจ้าเขาร่างผิดมิติ”“เช่นนั้นท่านต้องรีบพาข้ากลับมิติเดิมได้แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่ผิดมิติเช่นนี้ไม่ได้”นางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีเหตุอันใดสักอย่างที่ทำให้วิญญาณของนางเข้ามาอยู่ในร่างผิดมิติ“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกลับไปยังมิติเดิม เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องเข้าฝันเจ้าเพื่อแจ้งสิ่งต่างๆทั้งหมดแก่เจ้าเสียก่อนอย่างไรเล่า”“ท่านถึงกับเข้าฝันข้าใ

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร

    ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรเป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่นางโดนกักตัวให้อยู่แต่ในจวน มิสามารถก้าวออกจากจวนสกุลฉู่ได้เลย เหล่าสาวใช้และบ่าวชายในจวนต่างก็พากันจับตาดูนางเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าจะขยับตัวเดินไปไหน ก็จะค่อยตามนางอยู่เงียบๆ จนนางรู้สึกอึดอัดไปหมดอึดอัดที่ต้องการเป็นเป้าสายตาของทุกคน จนกระทั่งวันนี้นางต้องปิดประตูเรือนและขังตนเองไว้เพื่อลดความอึดอัดจากสายตาผู้อื่นสองวันมานี้ในหัวของนางวนเวียนคิดเกี่ยวกับวิธีการหนีออกจากจวนมิรู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ก็มิได้วิธีดีๆที่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย“เห้อ” นางถอนหายใจออกมาอย่างคิดมิตก หรือว่านางควรจะเลิกคิดดี และก็ยอมรับสภาพของตนเองในยามนี้แทนอาหารทุกมื้อก็มีพร้อม เสื้อผ้าอาภรณ์มิคาดตกบกพร่อง มีสาวใช้คอยปรนนิบัติอย่างดี นางในมิตินี้มีทุกอย่าง ยกเว้นอิสระนางมิสามารถทนอยู่อย่างนี้ได้แน่ๆในมิติที่นางจากมา นางมีอิสระในการใช้ชีวิตหากไร้ซึ่งอิสระนางย่อมมิสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุขแน่ๆใช่แล้ว สิ่งที่นางควรทำยามนี้คือการปรับตัว และหากอยากได้อิสระของนางคืนมา สิ่งเดียวที่จะทำให้อิสระของนางกลับมาอีกครั้งคงมีเพียง ฉู่ฉางซานผู้เดียวเท่านั

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว

    ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว“เถ้าแก่ตงเปิดประตูให้ข้าน้อยหน่อยเจ้าค่ะ คุณชายของข้าน้อยลืมของบางสิ่งเอาไว้ด้านใน”เป็นหานอี้ที่เป็นผู้ยืนทุบประตูส่งเสียงเรียกคน โดยที่มีหลิวซู่ซู่ยืนรอท่าอยู่ด้านหลังไม่ไกลเท่าไหร่นัก“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวเคาะประตูนานแล้ว มิได้ยินเสียงผู้ใดขานตอบกลับมาเลยเจ้าค่ะ มิแน่ว่าเถ้าแก่ตงกับเหล่าเสี่ยวเอ้อร์ทั้งหลายอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้วเจ้าคะ” หานอี้เอ่ยบอก นางยืนเคาะประตูอยู่ก็หลายคราแล้วทั้งร้องเรียกขนาดนี้หากยังมิมีผู้ใดออกมาย่อมแปลว่ามิมีคนอยู่ด้านในแล้วก็เท่านั้นเห็นทีนางคงจะต้องให้ฮูหยินน้อยกลับจวนสกุลฉู่โดยไร้พัดที่ฮูหยินใหญ่ให้มาเสียแล้ว นางได้แต่ภวนาในใจให้ฮูหยินใหญ่ไม่ถามถึงพัดเล่มนั้น และโทษที่พวกนางจะได้รับก็อย่าให้ถึงขั้นโบยลงโทษเลยมิเช่นนั้นนางก็มิอยากจะนึกถึงเลย ว่าสภาพของนางจะเป็นเช่นไร ยิ่งฮูหยินน้อยของนางยิ่งแล้วใหญ่หากโดนโทษโบยจริงเห็นทีจะล้มป่วยไปอีกนานทีเดียว“มิสู้พรุ่งนี้เราให้คนนำเงินมาจ่ายเถ้าแก่ตงและก็ถือโอกาสให้นำพัดของท่านกลับไปให้ด้วยเลยจะดีกว่าไหมเจ้าคะ”“นั้นสินะ ตกลงพรุ่งนี้ค่อยให้คนมานำพัดของท่านแม่สามีกลับมาให้ข

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวน  

    ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวนใจกลางตลาดใหญ่ในเมืองหลวงร้านผ้าเข็มทองคำของสกุลฉู่ถือว่าใหญ่โตหรูหราเป็นที่สุด เพราะมีถึงสี่ชั้นด้วยกันและทุกชั้นทั้งภายนอกและภายในร้านผ้าแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราสวยงาม โดยที่ชั้นแรกจะเป็นชั้นแรกที่จะมีผู้คอยแนะนำสินค้าและแน่นอนว่าคอยดูว่าควรจะส่งลูกค้าไปที่ชั้นไหนให้เหมาะสมที่สุดอีกด้วยในร้านผ้าแห่งนี้จะแบ่งให้ชั้นสองเป็นชั้นที่ผู้ที่มีฐานะปานกลางเอาไว้เลือกซื้อเสื้อผ้า และชั้นที่สามจะเป็นชั้นที่เอาไว้บริการลูกค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งจ่ายง่ายและจ่ายไม่อันแน่นอนว่าการแบ่งแยกชัดเจนเช่นนี้ทำให้ลูกค้ารวมไปถึงคนของร้านผ้าเข็มทองคำทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นร้านผ้าเข็มทองคำแน่นอนว่าเป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองหลวงรวมไปถึงในอำเภออื่นๆด้วย แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าพระสนมในวังยังชื่นชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ของร้านผ้าเข็มทองคำยิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าที่ดีกว่าร้านอื่นและก็ฝีมือการตัดเย็บจากช่างที่ฝีมือดี ทำให้ไม่ยากเลยที่ร้านเข็มทองคำจะขึ้นเป็นร้านผ้าอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยามนี้เจ้าของกิจการร้านผ้าเข็มทองคำซึ่งก็คงจะเป็นผู้อื่นผู้ใดไปได้หากไม่ใช่บุรุษชายคนเดี

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

    ตอนที่ 5 หอเลิศรส“หานอี้ บุรุษที่พวกเราเดินสวนทางด้วยใกล้ๆกับทางไปเรือนท่านแม่สามีนั้นใช่สามีข้าไหม”หลันซู่ถงในร่างของหลิวซู่ซู่เอ่ยถามหานอี้สาวใช้คนสนิทของตน เมื่อนึกไปถึงยามที่นางกำลังจะเดินไปยังเรือนใหญ่ของท่านแม่สามี ระหว่างทางได้สวนทางเข้ากับบุรุษสองคนซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่มีลักษณะเย็นชาแต่ก็ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งแบบที่นางมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก“ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นก็คือท่านเขยเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท นางก็อดนึกไปถึงใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางมิได้บุรุษผู้นี้หากเพื่อนรักของเธอในมิติที่แล้วอย่างเฟ่งเสี่ยวซ่ง มาเห็นคงต้องถูกเรียกว่าแรร์ไอเทมมิต่างกันกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นแน่นอน จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอเคยเห็นคุณหมอเฟิงฉางเหอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำใบหน้าของมิค่อยได้เท่าไหร่ แต่นางกับมีความรู้สึกว่า บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอในมิตินี้ มีส่วนคล้ายกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นอยู่มิน้อยเลยทีเดียวมันจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะเป็นคนผู้เดียวกัน

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้าง  

    ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้างเป็นเวลากว่าสามวันมาแล้วที่เธอฟื้นขึ้นมาให้มิติที่คล้ายกับจีนโบราณ วันแรกเธอจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้นอนพักเต็มอิ่มจนร่างกายฟื้นฟูขึ้นได้มากแล้ว ความทรงจำของเธอในมิติเดิมที่เธออยู่ยามที่เธอคือ หลันซู่ถงก็คืนกลับมารวมไปถึงความทรงจำของตัวเธอในมิตินี้ด้วยซึ่งก็คือหลิวซู่ซู่ซึ่งเธอที่เป็นเจ้าของร่างในชาตินี้ได้ตายลงไปแล้วโดยไม่มีใครรู้ คงเพราะเกิดความผิดพลาดอะไรสักอย่างจึงทำให้เธอ มาเขาร่างของตัวเองในอีกมิติหนึ่งแทนที่จะกลับไปยังร่างที่มิติเดิมของตัวเองครั้งแรกเธอคิดว่าตัวเองอาจจะย้อนเวลากลับมาในอดีตเหมือนในซีรี่ส์ที่เธอเคยดูอยู่บ้าง แต่มันกับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเมื่อเธอลองเรียบๆเคียงๆถามสาวใช้ของเธอในร่างของหลิวซู่ซู่ผู้นี้ดูแล้วกับกลายเป็นว่าแคว้นที่เธอมาอยู่ ณ เวลานี้เป็นแคว้นที่ไม่ได้มีอยู่ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศที่เธอเคยเรียนมาแม้แต่น้อยอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือใบหน้ารูปร่างต่างๆของหลิวซู่ซู่ในมิตินี้เหมือนกับเธอทุกอย่าง ที่จะต่างกันคงเป็นนิสัยและความเป็นอยู่ต่างๆเสียเท่านั้นในความทรงจำต่างๆในร่างของหลิวซู่ซู่ซึ่ง

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน

    ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน‘อือ’เสียงบิดขี้เกียจของหลันซู่ถงดังขึ้น เธอรู้สึกเหมือนได้นอนหลับเต็มอิ่มที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เธอรู้สึกสบายจนแทบไม่อยากลืมตาตื่นเลยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามีเสียงคนดังขึ้นมาเสียก่อนเธอก็คงจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้งแล้ว“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรู้สึกตัวแล้วรึเจ้าคะ”เสียงที่ดังขึ้นอย่างตื่นเต้นบวกกับแรงจับที่ข้อมือ ทำให้หลันซู่ถงที่กำลังจะเข้าห้วงนิทราอีกครั้งจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้านแต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจจนอดที่จะร้องออกมาไม่ได้“เฮ้ยๆๆๆๆ!!!”เธอร้องออกมาก่อนจะคลานไปซุกอยู่ที่มุมเตียงด้านในอย่างตกใจ“คุณหนูๆ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ”ผู้หญิงที่แต่งตัวประหลาดๆคล้ายๆกับสมัยก่อนเอ่ยถามเธอ อีกทั้งพยายามทีจะดึกผ้าห่มที่เธอใช้คลุมตัวออกไปด้วย“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าค่ะบอกบ่าวเถิดเจ้าคะ”หานอี้เอ่ยถามคุณหนูคนงามของตนอย่างเป็นห่วง คุณหนูของนางอยู่ๆเมื่อสามวันก่อนก็เป็นลมล้มป่วยไม่ได้สติ จนกระทั่งผ่านมาหลายวัน วันนี้ถึงได้ฟื้นขึ้นมาได้“คุณหนูอะไรของเธอ ฉันไม่ใช่คุณหนูอะไรนั้นอย่ามายุ่งกับฉัน!!!” เธอเอ่ยขึ้นเสียงดัง ก่อนจะใช้จั

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018  

    ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018 รอดแล้ว!!!เป็นคำเดียวที่ดังเข้ามาในหัวของเธอในขณะนี้เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตกลงไปเจ็บตัวอย่างที่คิดเอาไว้ตอนนี้เหมือนว่าร่างกายของเธอยังถูกใครสักคนจับเอาไว้อย่างดีอยู่เลย เธอลืมตาขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงแม่เพื่อนสนิทตัวดีที่อาจจะเจ็บเพิ่มเพราะรถเข็นเลื่อนตกลงไปแบบนั้นคิดได้ดังนั้นเธอก็ดันตัวเองออกมาจากตัวของคนที่ช่วยเธอซึ่งเธอยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเขาด้วยซ้ำเพราะความสูงของเขาและเธอค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควรเธอยืนเต็มความสูงแล้วแต่กลับอยู่แค่เพียงระดับหน้าอกของเขาเพียงเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอควรห่วงก็คือเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทของเธอ เธอเลยพักเรื่องที่จะจดจำหน้าของผู้มีพระคุณเอาไว้เสียก่อนและรีบวิ่งไปดูเพื่อนของเธอว่าเป็นอะไรรึเปล่า “เสี่ยวซ่งแกเป็นอะไรรึเปล่า”เธอเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเดิม เพิ่มเติมคือรอบๆรถเข็นของเพื่อนเธอมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนยืนรุมกันอยู่“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ทุกคนช่วยกันจับรถเข็นของฉันเอาไว้ได้เสียก่อน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยตอบเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณผู้คนทั้ง

DMCA.com Protection Status