Home / All / ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ / ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ

Share

ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ

last update Last Updated: 2024-12-15 20:47:02

ตอนที่ 9

ช่องว่างระหว่างมิติ

“มีผู้ใดอยู่หรือไม่”

หลันซู่ถงเอ่ยขึ้น เมื่ออยู่ๆตัวของนางก็มาปรากฏอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งซึ่งมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง ราวกับว่านางเดินอยู่ในที่ๆไม่มีจุดหมายไร้ซึ่งทุกสัพสิ่งนางรู้สึกได้ว่าแม้ร่างกายของนางจะก้าวเดินได้ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุดเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีวันพบเจอกับสิ่งใดได้ นอกจากความมืด และ ความว่างเปล่า

“หลันซู่ถง”

“ผู้ใด ผู้ใดกันที่เรียกข้า” นางเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับหันมองไปรอบๆทิศทางเพื่อมองหาที่มาของเสียง

แต่ก็ไม่พบสิ่งใด ยังคงมีแต่ความมืดทั่วสารทิศ

“เจ้าไม่ต้องมองหาข้า เจ้าไม่มีทางมองเห็นข้าได้”

“เช่นนั้นท่านคือผู้ใด ทำไมข้าจึงไม่สามารถมองเห็นได้” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“ข้าคือผู้ควบคุมประตูมิติ และมีส่วนทำให้วิญญาณของเจ้าเขาร่างผิดมิติ”

“เช่นนั้นท่านต้องรีบพาข้ากลับมิติเดิมได้แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่ผิดมิติเช่นนี้ไม่ได้”

นางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีเหตุอันใดสักอย่างที่ทำให้วิญญาณของนางเข้ามาอยู่ในร่างผิดมิติ

“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกลับไปยังมิติเดิม เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องเข้าฝันเจ้าเพื่อแจ้งสิ่งต่างๆทั้งหมดแก่เจ้าเสียก่อนอย่างไรเล่า”

“ท่านถึงกับเข้าฝันข้าในมิตินี้เพื่อต้องการเข้ามาแจ้งบ้างสิ่งแก่ข้า คงมิใช่ว่ายามนี้ข้ายังไม่สามารถกลับมิติเดิมของตนเองได้หรอกกระมัง”

นางรู้สึกสังหรณ์ใจแปลกๆ

             ท่านผู้ควบคุมประตูมิติก็รู้อยู่ว่าวิญญาณของนางอยู่ผิดมิติ แต่ก็ไม่ได้แก้ไขให้นางสามารถกลับมิติเดิมได้ทันที เช่นนี้แล้วแสดงว่าต้องมีเหตุอันใดทำให้ท่านผู้ควบคุมประตูมิติทำเช่นนั้นไม่ได้

             ซึ่งเหตุดังกล่าวคือเหตุใดคงต้องรอให้ท่านผู้ควบคุมประตูมิติแห่งนี้เป็นผู้บอกแล้ว

             “ยามนี้ประตูมิติที่เชื่อมระหว่างมิติที่เจ้าจากมากับมิติที่เจ้าอยู่ยามนี้เกิดพังทลายลง เจ้าจงยังไม่สามารถเดินทางกลับมิติของเจ้าได้”

             “ประตูเชื่อมมิติพังเช่นนั้นหรือเจ้าคะ ทำไมมันถึงพังลงได้เล่าเจ้าคะ มีผู้มาทำลายมันหรืออย่างไร แล้วเช่นนี้ไม่ใช่ว่าข้าจะต้องติดอยู่ในมิตินี้ไปตลอดกาลหรืออย่างไร” นางเอ่ยถามชุดใหญ่

             “มีผู้ทำลายประตูเชื่อมมิติจริง แต่เจ้าไม่ต้องรู้หรอกว่าเป็นผู้ใด ส่วนเรื่องที่เจ้าจะต้องอยู่ในอีกมิติถึงเมื่อไหร่ข้าก็คงต้องบอกเจ้าว่า จน กว่าประตูเชื่อมมิติจะสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างเสร็จสมบูรณ์แล้วเท่านั้น

 เมื่อถึงเวลานั้นวิญญาณของเจ้าจะถูกดึงกลับมิติเดิมของเจ้าเอง”

             ผู้ควบคุมประตูมิติรีบเอ่ยบอกสิ่งต่างๆอย่างรวดเร็ว จะให้เขาบอกได้อย่างไรว่าเพราะเขาหลับฝันว่ากำลังประลองยุทธ์กับเทพบนสวรรค์อยู่ จึงได้เผลอซัดฝ่ามือใส่ประตูเชื่อมมิติไปโดยไม่รู้ตัว และในขณะเดี่ยวกันประจวบเหมาะกับการที่คลื่นวิญญาณของหลันซู่ถงปะทะเข้ากับประตูเชื่อมมิติพอดี จึงทำให้คลื่นวิญญาณหลงเข้าไปยังมิติอื่น

             “อีกเพียงไม่นานข้าก็จะได้กลับไปมิติของข้า”

             “เป็นเช่นดังเจ้าว่านั้นแหละ ระหว่างรอเจ้าก็ใช้ชีวิตในมิตินี้ให้สนุกก็แล้วกัน ใกล้รุ่งสางแล้วข้าคงต้องไปแล้ว”

และนั้นก็เป็นความฝันของนางเมื่อคืนนี้ จะบอกว่าความฝันก็คงไม่ถูกนักคงต้องบอกว่าเป็นสถานที่แจ้งข่าวเสียมากกว่า ถ้าจะให้ขยายความก็คงคล้ายๆกับห้องลับ  เพียงแต่ไม่สามารถจับต้องได้มีเพียงต้อง

ยามนี้นางยังคงนอนลืมตาอยู่บนเตียงนอนของนางในเรือนธารากระจ่างอยู่ เนื่องจากยามนี้ท้องฟ้าภายนอนยังคงไม่สว่างมากนัก แสดงที่ส่องรอดเข้ามาก็ยังไม่ได้สว่าง ตอนนี้หน้าจะเป็นเวลาเช้ามืดเพราะนางแอบได้ยินเสียงเหมือนเหล่าสาวใช้ที่เริ่มทำงานกันอยู่ข้างนอกเรือนแล้ว

สิ่งที่นางได้รับรู้จากท่านผู้ควบคุมประตูมิติทำให้นางหายกังวลใจว่าจะสามารถกลับไปยังมิติเดิมของตนเองได้หรือไม่ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะว่านางสามารถกลับไปได้ทันทีเมื่อประตูเชื่อมระว่างมิติสร้างขึ้นใหม่เสร็จ

เช่นนั้นต่อจากนี้นางก็สามารถใช้ชีวิตในมิตินี้ได้อย่างไรกังวล ซ้ำยามนี้อิสระที่นางต้องการก็มีอยู่ตามที่นางต้องการเรียบร้อยแล้วเช่นกัน นางคงจะเปรียบเทียบการใช้ชีวิตต่อในมิตินี้ เป็นการเที่ยวต่างเมืองอย่างอิสรเสรี นางจะสนุกให้สุดๆและกลับไปทำงานหาเงินที่มิติเดิมอย่างเต็มที่

             ข้อตกลงของนางและฉู่ฉางซานเป็นไปอย่างเรียบง่าย ต่อจากนี้นางสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระเพียงแต่ก่อนออกจากจวนต้องให้ฟ่งซี องครักษ์สาวค่อยติดตามออกไปด้วยทุกครั้ง และที่สำคัญห้ามนางก่อเรื่องอีกเด็ดขาด ซึ่งสำหรับข้อนี้ถ้ามิมีผู้ใดมาหาเรื่องนางก่อน นางก็ไม่มีทางไปก่อเรื่องโดยไม่จำเป็นแน่นอนอยู่แล้ว และก็ห้ามนางแต่งเป็นชายออกจากจวนไปหาเรื่องเล่นอะไรแปลกประหลาดอีก

             “ฟ่งซี” นางเอ่ยเรียกองครักษ์สาวซึ่งต่อจากนี้จะต้องคอยติดตามนางตลอดเวลาให้เข้ามาหา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งอยู่นอกศาลารับลมที่นางนั่งอยู่สักพักหนึ่งแล้ว

             “เจ้าค่ะ ฮูหยินน้อย”

ฟ่งซีผู้นี้เป็นสตรีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ก็ไม่ได้ใหญ่กว่าพวกนางไปเสียเท่าไหร่นัก มองไปที่นางก็จะรู้สึกได้ทันทีว่าเป็นสตรีที่แข็งแรงมิใช่อ่อนแอเปราะบาง พร้อมที่มือจะถือดาบเล่มหนึ่งเอาไว้อยู่เสมอ

“นั่งก่อนสิ” นางเอ่ยบอกให้องครักษ์สาวนั่งลงที่ๆนั่งตรงข้ามที่ ที่เป็นเก้าอี้หินอ่อน

“มิเป็นไรเจ้าค่ะ ข้าน้อยยืนได้ ฮูหยินน้อยมีสิ่งใดก็เชิญเอ่ยออกมาได้เลยเจ้าค่ะ”

                “ข้าถามเจ้าได้รึไม่ว่าพวกเจ้าฟ่งอี้ฟ่งสือมาอยู่กับฉู่ฉางซานได้อย่างไรกัน”

“พวกเราสามพี่น้องพ่อแม่ถูกโจรฆ่าตายหมด ได้นายท่านฉู่และฮูหยินใหญ่ช่วยเหลือและให้มาอยู่ในจวนสกุลฉู่ด้วยกันเจ้าค่ะ ตั้งแต่นั้นพวกเราก็ติดตามคุณชายฉู่มาตลอด”

ฟ่งซีเล่าเรื่องทั้งหมดตามความจริงอย่างมิคิดปิดบังให้ฮูหยินน้อยฟังตามตรง

เดิมที่นางจะทำหน้าที่คอยตรวจสอบร้านค้าต่างๆทั้งในเมืองและนอกเมืองให้คุณชายฉู่ บางครั้งก็คุมขบวนการค้าไปส่งของที่ต่างเมือง ครั้งนี้นางถูกเรียกตัวให้มาคอยตามดูแลฮูหยินน้อย ทำเอานางแปลกใจไม่น้อยที่คุณชายของตนตัดสิ้นใจเช่นนี้ ไม่ใช่ว่ายามนี้คุณชายฉู่ผู้ที่ไม่สนใจสตรีใด ไม่ว่าจะสาวขนาดไหน จะมาใจอ่อนให้ฮูหยินน้อยผู้นี้เสียแล้วกระมัง

“อ่า ข้าต้องขออภัยเจ้าด้วยที่เอ่ยถาม” นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงรู้สึกผิดที่อยากรู้เรื่องจนทำให้ผู้อื่นต้องรื้อฟื้นความทรงจำที่ไม่ดีให้อดีต

“มิใช่เรื่องใหญ่อันใดแล้วเจ้าค่ะ ข้าน้อยมิได้มีอันใดฝังใจรุนแรงถึงเพียงนั้นแล้ว” 

นางเอ่ยพร้อมกับสังเกตท่าทางที่ฮูหยินน้อยแสดงออกมา นางรู้สึกดีไม่น้อยที่ฮูหยินน้อยเป็นผู้ที่มิมองข้ามความรู้สึกของผู้อื่น แม้แต่นางที่เป็นเพียงองครักษ์ฮูหยินน้อยก็ปฏิบัติกับนางอย่างระมัดระวังถึงเพียงนี้

นางยังเคยคิดไปว่าฮูหยินน้อยที่มาจากสกุลหลิวผู้นี้น่าจะเป็นคุณหนูผู้อ่อนแออ่อนต่อโลกเปราะบางชนิดที่แค่โดนลมก็ล้มป่วยแล้ว เมื่อเห็นว่าฮูหยินน้อยผู้นี้ช่างเจรจา อีกทั้งท่าทางยังดูคล่องแคล้วจะก้าวเดินลุกนั่งก็ไม่มีเชื่องช้า แต่กับแข็งแรงมั่นคง เห็นที่เรื่องที่นางได้ฟังมาจากฟ่งสือและฟ่งอี้เกี่ยวกับฮูหยินน้อยที่เกิดขึ้นที่หอเลิศรสจะเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว

“ฟ่งซีข้าจะหาดอกไม้หลายๆชนิดได้จากที่ใดกัน”

อยู่ๆนางก็อยากจะลงมือจัดดอกไม้ ที่เป็นสิ่งที่นางรักและถนัดที่สุดในชีวิต หลังจากที่ไม่เคยได้ลงมือจัดดอกไม้อีกเลยเมื่อพลัดมาอยู่ที่มิตินี้

“ฮูหยินน้อยสามารถไปที่ร้านเฟิ่งฮวาซึ่งเป็นร้านขายและเพาะพันธุ์ดอกไม้มากมายได้เลยเจ้าค่ะ”

“ร้านนั้นเป็นอีกหนึ่งของกิจการของสกุลฉู่รึเปล่า”

“เจ้าค่ะ ร้านเฟิ่งฮวาก็เป็นกิจการของสกุลฉู่”

“เช่นนั้นพวกเราก็ไปร้านเฟิ่งหัวกันเถิด” นางเอ่ยออกมาเมื่อรู้ว่าร้านเฟิ่งฮวาเป็นหนึ่งในกิจการของสกุลฉู่ นั้นก็แสดงว่าจะต้องเป็นร้านใหญ่และมีดอกไม้มากมายอย่างที่นางต้องการเป็นแน่

“เช่นนั้นข้าจะไปสั่งคนให้เตรียมรถม้าก่อนนะเจ้าคะ”

“เจ้าไปเถิด”

ร้านเฟิ่งฮวาเป็นร้านสองชั้นที่ทำจากไม้ทั้งหมด ด้านหน้าของร้านจะเป็นประตูใกล้ที่เปิดกว้างเอาไว้ให้สามารถมองเห็นด้านในได้ ข้างหน้าร้านมีดอกไม้ที่ถูกห้อยเอาไว้มากมาย

นางถูกฟ่งซีช่วยประคองลงจากรถม้า ที่มาจอดอยู่ที่หน้าร้านเฟิ่งฮวาอย่างพอดิบพอดี

เมื่อนางลงมายืนอยู่ที่พื้นหน้าร้านเฟิ่งฮวาเรียบร้อยแล้ว ไม่นานก็มีหญิงวัยกลางคนและสตรีอีกสองนางที่ดูแล้วไม่น่าจะอายุมากกว่านางเท่าไหร่นักวิ่งออกมาต้อนรับพวกนางอย่างรวดเร็ว

“แม่นางฟ่งซีวันนี้ท่านมาตรวจร้านแทนนายท่านฉู่รึเจ้าค่ะ”

ฮุ่ยเจินสตรีวัยกลางคนรีบเอ่ยขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเป็นผู้ใดกันที่มาเยือนร้านเฟิ่งฮวา

“วันนี้งานหลักของข้าหาใช่การตรวจร้านไม่”

“เช่นนั้นหรือว่าแม่นางฟ่งซีไม่ได้ทำงานให้นายท่านฉู่แล้ว”

นางฮุ่ยเจินเอ่ยออกมาอยากตกใจ เพราะปกติผู้ที่นายท่านฉู่ไว้ใจให้ไปตรวจร้านหรือกิจการอื่นๆของสกุลฉู่จะมีเพียงพี่น้องแซ่ฟ่งสามคนเพียงเท่านั้น นอกนั้นนายท่านฉู่ไม่เคยไว้ใจใครอีก

“ข้าทั้งชีวิตนี้มีไว้เพื่อตอบแทนสกุลฉู่ ไม่มีทางจากไปที่ใดหากไม่ตายจาก ส่วนวันนี้ที่ข้ามาเพราะฮูหยินน้อยอยากได้ดอกไม้ข้าจึงได้พานางมาที่นี่”

เมื่อได้ยินว่าเหตุใดฟ่งซีถึงได้มาที่นี่ ฮุ่ยเจินจึงมองไปที่สตรีที่ยืนอยู่ข้างฟ่งซีที่แต่งตัวธรรมดาไม่ได้พิเศษโดดเด่นอันใดเลย บนศีรษะก็ปักปิ่นเงินเล็กๆธรรมดาๆเพียงด้ามเดียวเท่านั้น  หาได้มองไปแล้วเหมือนกับฮูหยินตระกูลมั่งคั่งอย่างที่ควรจะเป็นไม่

แต่เอาเถิดเมื่อแม่ฟ่งซีถึงกับพามาด้วยตัวเองเช่นนี้คงไม่พาคนมาผิดตัวเป็นแน่

เมื่อคิดได้ดังนั้นฮุ่ยเจินก็ไม่รีรอที่จะฉีกยิ้มหวานไปให้อย่างเป็นมิตร ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดีเป็นอย่างยิ่ง

“อ่า ที่แท้ก็เป็นฮูหยินน้อยที่นี่เอง ต้องขออภัยด้วยเจ้าค่ะที่ไม่ได้รีบต้อนรับท่าน”

“ช่างมันเถิด ท่านคงเป็นน้าฮุ่ยเจินผู้ดูแลร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้ใช่หรือไม่”

นางเอ่ยออกมาอยากเข้าอกเข้าใจ ผู้ใดเห็นนางแต่งตัวธรรมดาแบบนี้ก็คงคิดว่าเป็นชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป นางจะเอาอันใดไปถือสาผู้อื่นกันเล่า ในเมื่อนางตั้งใจที่จะแต่งตัวธรรมดามาเอง

คิดดูเอาเถิดหากใส่เสื้อผ้าราคาแพงมาแล้วเกิดนางต้องขุดดินหรือรดน้ำต้นไม้ นางคงได้ทำเสื้อผ้าพวกนั้นเลอะเทอะไปหมดอย่างไม่เหลือเค้าเดิมเป็นแน่

สู้สวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาๆไม่มีราคาค่างวดอันใดสูงนัก ยามทิ้งก็ยังจะพอทำใจทิ้งลงได้หน่อย

“เจ้าค่ะ ข้าคือฮุ่ยเจินผู้ดูแลร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้”

“ระหว่างทางมาที่นี่ฟ่งซีเล่าเรื่องของน้าฮุ่ยเจินให้ข้าฟังมามาทีเดิม ข้าคงต้องขอรบกวนน้าฮุ่ยเจินแล้ว”

Related chapters

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไร

    ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไรเวลากว่าสิบวันที่ผ่านมา หลันซู่ถงใช้ชีวิตในมิตินี้อย่างสนุกสนาน นางออกจากจวนทุกวันมาที่ร้านเฟิ่งฮวาเพื่อนปลูกดอกไม้และจัดดอกไม้ใส่แจกันทุกวัน นางจัดดอกไม้วันละหลายแจกัน จัดแล้วก็ให้คนนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำที่นางรู้มาจากฟ่งซีว่าเขามักจะอยู่จัดการงานต่างๆอยู่ที่นั้นสิบวันก่อนที่นางมาที่ร้านเฟิ่งฮวาครั้งแรก นางนึกสนุกและก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ เลยจึงออกไปหาซื้อแจกันขนาดกลางที่ไม่ค่อยมีลวดลายเท่าไรนักมากหลายใบด้วยกัน นางนำดอกไม้หลากหลายมาจัดแจกใส่แจกันอย่างสวยงาม บางส่วนนางก็ตั้งโชว์เอาไว้ที่ร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้ และไม่ลืมที่จะแวะไปที่หอเลิศรสและนำแจกันที่นางจัดดอกไม้เอาไว้ไปตั้งเอาไว้ที่นั้นเสียหลายอันเช่นเดียวกันอาจเป็นเพราะนางหยิบแจกันมามากมายเกินไปจากร้านขาย และก็คงเป็นเพราะนางไม่ได้จัดดอกไม้มานานทำให้นางจัดดอกไม้มากเกินความจำเป็น ทุกแจกันถูกนางจัดส่งไปในที่ๆควรส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กับเหลืออันแจกันใบสุดท้าย นางจึงให้ฟ่งซีแวะนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำเดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าเขาอาจจะโยนทิ้งออกมาอย่

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   บทนำ

    บทนำเช้าวันอาทิตย์ที่น่าจะเป็นวันที่ดีสำหรับใครหลายๆคน ที่จะได้นอนหลับพักผ่อนเต็มที่หลังจากที่เหน็ดเหนื่อยจากการทำงานกันมาทั้งอาทิตย์ แต่มันไม่ใช่สำหรับเธอหลันซู่ถงแน่ๆ เพราะไม่ว่าจะวันไหนเธอก็ไม่เห็นว่าอะไรจะสำคัญไปกว่าการทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆอีกแล้วการมีเงินเยอะๆตั้งหากคือสิ่งที่ดีที่สุด ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆตอนที่เธอแก่ตัวจนทำไม่ไหวแล้วจะได้มีเงินเก็บเองไว้ใช้ได้ไม่ลำบาก อีกทั้งสังคมไม่ว่าจะเป็นยุคสมัยไหนการมีเงินต่างหากถึงจะสามารถใช้ชีวิตอย่างไรปัญหาได้เธอคือหลันซู่ถงเจ้าของร้านดอกไม้ร้านเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากโรงพยาบาลชื่อดังที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเท่าไหร่นัก เพียงแค่ข้ามถนนใหญ่ไปก็จะเป็นโรงพยาบาลชื่อดังของเมืองแล้ว แม้ร้านจะไม่ได้ใหญ่มากมายอะไรแต่ก็ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่ดีพอสมควรเลย ร้านของเธอเป็นตึกแถวสองชั้นติดถนนเธอใช้ชั้นล่างเป็นหน้าร้านและชั้นบนเป็นที่พักอาจเพราะเธออยู่คนเดียวตั้งแต่อายุ18 กระมังจึงทำให้เธอเป็นคนเฉยๆเรียบง่ายกับทุกอย่าง อีกทั้งพ่อแม่ของเธอต่างฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันไปมีครอบครัวมีบ้านหลังใหม่กันหมดแล้ว ทำให้การตัดสินใจรวมไปถึงชีวิตของเธอไม่ได้ติดอยู่กับ

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 1 เพียงสบตาเท่านั้น  

    ตอนที่ 1 เพียงสบตาเท่านั้น“ซู่ถงขอบคุณแกมากนะที่หลายวันมานี่คอยมาส่งข้าวส่งน้ำฉัน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยออกมาอย่างตื้นตันใจเมื่อเห็นเพื่อนสนิทของเธอเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหอบหิ้วข้าวของมากมายมาหาเธอทุกวัน“ลำบากอะไรกันร้านของฉันไม่ได้ไกลเลยสักนิดข้ามถนนแป๊บเดียวก็ถึงแล้ว อีกอย่างแกเป็นเพื่อนรักเพียงคนเดียวของฉันนะ ต่อให้แกอยู่โรงบาลอื่นที่อยู่ไกลกว่านี้ยังไงฉันก็ต้องไปหาแก”เธอตอบออกไปโดยไม่หันไปมองเพื่อนสนิท เธอยิ้มและหยิบจับจัดข้าวของที่เธอนำมาด้วยก่อนที่จะเลื่อนโต๊ะอาหารมาให้เพื่อนรักและเปิดถุงนำกล่องข้าวหลากหลายออกมาวางตรงหน้าคนป่วย“น้ำตาฉันจะไหลแล้วรู้ไหมซู่ถง เห็นอาหารพวกนี้แล้วทำให้ฉันนึกถึงมื้อเช้าของวันนี้ แกรู้ไหมว่าคืออะไรมันคือข้าวต้มหมู กว่าฉันจะกลั้นใจกินมันได้ทำใจแล้วทำใจอีก”“แกก็พูดไป อาหารโรงพยาบาลที่ไหนเขาก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้นแหละ”เธอเอ่ยขึ้นพลางยิ้มขำไปกับท่าทีของเพื่อนสนิทที่แสดงออกมาอยู่ตอนนี้ เพื่อนของเธอกำลังตักอาหารที่เธอนำมาให้เข้าปากอย่างช้าๆทำทีราวกับกำลังซึมซับรสชาติของอาหารอยู่อย่างใดอย่างนั้น “เอาน้ำ” ซู่ถงยื่นกระบอกน้ำอุ่นที่เธอเตรียมมาด้วยให้เพื่อน

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018  

    ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018 รอดแล้ว!!!เป็นคำเดียวที่ดังเข้ามาในหัวของเธอในขณะนี้เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตกลงไปเจ็บตัวอย่างที่คิดเอาไว้ตอนนี้เหมือนว่าร่างกายของเธอยังถูกใครสักคนจับเอาไว้อย่างดีอยู่เลย เธอลืมตาขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงแม่เพื่อนสนิทตัวดีที่อาจจะเจ็บเพิ่มเพราะรถเข็นเลื่อนตกลงไปแบบนั้นคิดได้ดังนั้นเธอก็ดันตัวเองออกมาจากตัวของคนที่ช่วยเธอซึ่งเธอยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเขาด้วยซ้ำเพราะความสูงของเขาและเธอค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควรเธอยืนเต็มความสูงแล้วแต่กลับอยู่แค่เพียงระดับหน้าอกของเขาเพียงเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอควรห่วงก็คือเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทของเธอ เธอเลยพักเรื่องที่จะจดจำหน้าของผู้มีพระคุณเอาไว้เสียก่อนและรีบวิ่งไปดูเพื่อนของเธอว่าเป็นอะไรรึเปล่า “เสี่ยวซ่งแกเป็นอะไรรึเปล่า”เธอเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเดิม เพิ่มเติมคือรอบๆรถเข็นของเพื่อนเธอมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนยืนรุมกันอยู่“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ทุกคนช่วยกันจับรถเข็นของฉันเอาไว้ได้เสียก่อน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยตอบเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณผู้คนทั้ง

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน

    ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน‘อือ’เสียงบิดขี้เกียจของหลันซู่ถงดังขึ้น เธอรู้สึกเหมือนได้นอนหลับเต็มอิ่มที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เธอรู้สึกสบายจนแทบไม่อยากลืมตาตื่นเลยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามีเสียงคนดังขึ้นมาเสียก่อนเธอก็คงจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้งแล้ว“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรู้สึกตัวแล้วรึเจ้าคะ”เสียงที่ดังขึ้นอย่างตื่นเต้นบวกกับแรงจับที่ข้อมือ ทำให้หลันซู่ถงที่กำลังจะเข้าห้วงนิทราอีกครั้งจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้านแต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจจนอดที่จะร้องออกมาไม่ได้“เฮ้ยๆๆๆๆ!!!”เธอร้องออกมาก่อนจะคลานไปซุกอยู่ที่มุมเตียงด้านในอย่างตกใจ“คุณหนูๆ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ”ผู้หญิงที่แต่งตัวประหลาดๆคล้ายๆกับสมัยก่อนเอ่ยถามเธอ อีกทั้งพยายามทีจะดึกผ้าห่มที่เธอใช้คลุมตัวออกไปด้วย“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าค่ะบอกบ่าวเถิดเจ้าคะ”หานอี้เอ่ยถามคุณหนูคนงามของตนอย่างเป็นห่วง คุณหนูของนางอยู่ๆเมื่อสามวันก่อนก็เป็นลมล้มป่วยไม่ได้สติ จนกระทั่งผ่านมาหลายวัน วันนี้ถึงได้ฟื้นขึ้นมาได้“คุณหนูอะไรของเธอ ฉันไม่ใช่คุณหนูอะไรนั้นอย่ามายุ่งกับฉัน!!!” เธอเอ่ยขึ้นเสียงดัง ก่อนจะใช้จั

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้าง  

    ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้างเป็นเวลากว่าสามวันมาแล้วที่เธอฟื้นขึ้นมาให้มิติที่คล้ายกับจีนโบราณ วันแรกเธอจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้นอนพักเต็มอิ่มจนร่างกายฟื้นฟูขึ้นได้มากแล้ว ความทรงจำของเธอในมิติเดิมที่เธออยู่ยามที่เธอคือ หลันซู่ถงก็คืนกลับมารวมไปถึงความทรงจำของตัวเธอในมิตินี้ด้วยซึ่งก็คือหลิวซู่ซู่ซึ่งเธอที่เป็นเจ้าของร่างในชาตินี้ได้ตายลงไปแล้วโดยไม่มีใครรู้ คงเพราะเกิดความผิดพลาดอะไรสักอย่างจึงทำให้เธอ มาเขาร่างของตัวเองในอีกมิติหนึ่งแทนที่จะกลับไปยังร่างที่มิติเดิมของตัวเองครั้งแรกเธอคิดว่าตัวเองอาจจะย้อนเวลากลับมาในอดีตเหมือนในซีรี่ส์ที่เธอเคยดูอยู่บ้าง แต่มันกับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเมื่อเธอลองเรียบๆเคียงๆถามสาวใช้ของเธอในร่างของหลิวซู่ซู่ผู้นี้ดูแล้วกับกลายเป็นว่าแคว้นที่เธอมาอยู่ ณ เวลานี้เป็นแคว้นที่ไม่ได้มีอยู่ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศที่เธอเคยเรียนมาแม้แต่น้อยอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือใบหน้ารูปร่างต่างๆของหลิวซู่ซู่ในมิตินี้เหมือนกับเธอทุกอย่าง ที่จะต่างกันคงเป็นนิสัยและความเป็นอยู่ต่างๆเสียเท่านั้นในความทรงจำต่างๆในร่างของหลิวซู่ซู่ซึ่ง

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

    ตอนที่ 5 หอเลิศรส“หานอี้ บุรุษที่พวกเราเดินสวนทางด้วยใกล้ๆกับทางไปเรือนท่านแม่สามีนั้นใช่สามีข้าไหม”หลันซู่ถงในร่างของหลิวซู่ซู่เอ่ยถามหานอี้สาวใช้คนสนิทของตน เมื่อนึกไปถึงยามที่นางกำลังจะเดินไปยังเรือนใหญ่ของท่านแม่สามี ระหว่างทางได้สวนทางเข้ากับบุรุษสองคนซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่มีลักษณะเย็นชาแต่ก็ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งแบบที่นางมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก“ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นก็คือท่านเขยเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท นางก็อดนึกไปถึงใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางมิได้บุรุษผู้นี้หากเพื่อนรักของเธอในมิติที่แล้วอย่างเฟ่งเสี่ยวซ่ง มาเห็นคงต้องถูกเรียกว่าแรร์ไอเทมมิต่างกันกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นแน่นอน จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอเคยเห็นคุณหมอเฟิงฉางเหอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำใบหน้าของมิค่อยได้เท่าไหร่ แต่นางกับมีความรู้สึกว่า บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอในมิตินี้ มีส่วนคล้ายกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นอยู่มิน้อยเลยทีเดียวมันจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะเป็นคนผู้เดียวกัน

    Last Updated : 2024-12-15
  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวน  

    ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวนใจกลางตลาดใหญ่ในเมืองหลวงร้านผ้าเข็มทองคำของสกุลฉู่ถือว่าใหญ่โตหรูหราเป็นที่สุด เพราะมีถึงสี่ชั้นด้วยกันและทุกชั้นทั้งภายนอกและภายในร้านผ้าแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราสวยงาม โดยที่ชั้นแรกจะเป็นชั้นแรกที่จะมีผู้คอยแนะนำสินค้าและแน่นอนว่าคอยดูว่าควรจะส่งลูกค้าไปที่ชั้นไหนให้เหมาะสมที่สุดอีกด้วยในร้านผ้าแห่งนี้จะแบ่งให้ชั้นสองเป็นชั้นที่ผู้ที่มีฐานะปานกลางเอาไว้เลือกซื้อเสื้อผ้า และชั้นที่สามจะเป็นชั้นที่เอาไว้บริการลูกค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งจ่ายง่ายและจ่ายไม่อันแน่นอนว่าการแบ่งแยกชัดเจนเช่นนี้ทำให้ลูกค้ารวมไปถึงคนของร้านผ้าเข็มทองคำทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นร้านผ้าเข็มทองคำแน่นอนว่าเป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองหลวงรวมไปถึงในอำเภออื่นๆด้วย แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าพระสนมในวังยังชื่นชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ของร้านผ้าเข็มทองคำยิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าที่ดีกว่าร้านอื่นและก็ฝีมือการตัดเย็บจากช่างที่ฝีมือดี ทำให้ไม่ยากเลยที่ร้านเข็มทองคำจะขึ้นเป็นร้านผ้าอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยามนี้เจ้าของกิจการร้านผ้าเข็มทองคำซึ่งก็คงจะเป็นผู้อื่นผู้ใดไปได้หากไม่ใช่บุรุษชายคนเดี

    Last Updated : 2024-12-15

Latest chapter

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไร

    ตอนที่ 10 สตรีผู้นี้คิดจะส่งดอกไม้ให้บุรุษทุกวันเลยรึอย่างไรเวลากว่าสิบวันที่ผ่านมา หลันซู่ถงใช้ชีวิตในมิตินี้อย่างสนุกสนาน นางออกจากจวนทุกวันมาที่ร้านเฟิ่งฮวาเพื่อนปลูกดอกไม้และจัดดอกไม้ใส่แจกันทุกวัน นางจัดดอกไม้วันละหลายแจกัน จัดแล้วก็ให้คนนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำที่นางรู้มาจากฟ่งซีว่าเขามักจะอยู่จัดการงานต่างๆอยู่ที่นั้นสิบวันก่อนที่นางมาที่ร้านเฟิ่งฮวาครั้งแรก นางนึกสนุกและก็อดคันไม้คันมือไม่ได้ เลยจึงออกไปหาซื้อแจกันขนาดกลางที่ไม่ค่อยมีลวดลายเท่าไรนักมากหลายใบด้วยกัน นางนำดอกไม้หลากหลายมาจัดแจกใส่แจกันอย่างสวยงาม บางส่วนนางก็ตั้งโชว์เอาไว้ที่ร้านเฟิ่งฮวาแห่งนี้ และไม่ลืมที่จะแวะไปที่หอเลิศรสและนำแจกันที่นางจัดดอกไม้เอาไว้ไปตั้งเอาไว้ที่นั้นเสียหลายอันเช่นเดียวกันอาจเป็นเพราะนางหยิบแจกันมามากมายเกินไปจากร้านขาย และก็คงเป็นเพราะนางไม่ได้จัดดอกไม้มานานทำให้นางจัดดอกไม้มากเกินความจำเป็น ทุกแจกันถูกนางจัดส่งไปในที่ๆควรส่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กับเหลืออันแจกันใบสุดท้าย นางจึงให้ฟ่งซีแวะนำไปให้ฉู่ฉางซานที่ร้านผ้าเข็มทองคำเดิมทีนางคิดเอาไว้ว่าเขาอาจจะโยนทิ้งออกมาอย่

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ

    ตอนที่ 9 ช่องว่างระหว่างมิติ“มีผู้ใดอยู่หรือไม่”หลันซู่ถงเอ่ยขึ้น เมื่ออยู่ๆตัวของนางก็มาปรากฏอยู่ที่ใดสักที่หนึ่งซึ่งมืดมิดไร้ซึ่งแสงสว่าง ราวกับว่านางเดินอยู่ในที่ๆไม่มีจุดหมายไร้ซึ่งทุกสัพสิ่งนางรู้สึกได้ว่าแม้ร่างกายของนางจะก้าวเดินได้ไปเรื่อยๆอย่างไม่มีหยุดเช่นนี้ แต่ก็ไม่มีวันพบเจอกับสิ่งใดได้ นอกจากความมืด และ ความว่างเปล่า“หลันซู่ถง”“ผู้ใด ผู้ใดกันที่เรียกข้า” นางเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับหันมองไปรอบๆทิศทางเพื่อมองหาที่มาของเสียงแต่ก็ไม่พบสิ่งใด ยังคงมีแต่ความมืดทั่วสารทิศ“เจ้าไม่ต้องมองหาข้า เจ้าไม่มีทางมองเห็นข้าได้”“เช่นนั้นท่านคือผู้ใด ทำไมข้าจึงไม่สามารถมองเห็นได้” นางเอ่ยถามด้วยความสงสัย“ข้าคือผู้ควบคุมประตูมิติ และมีส่วนทำให้วิญญาณของเจ้าเขาร่างผิดมิติ”“เช่นนั้นท่านต้องรีบพาข้ากลับมิติเดิมได้แล้ว ท่านก็รู้ว่าข้าอยู่ผิดมิติเช่นนี้ไม่ได้”นางคิดเอาไว้แล้วว่าต้องมีเหตุอันใดสักอย่างที่ทำให้วิญญาณของนางเข้ามาอยู่ในร่างผิดมิติ“ข้ารู้ว่าเจ้าต้องการกลับไปยังมิติเดิม เพราะเหตุนี้ข้าจึงต้องเข้าฝันเจ้าเพื่อแจ้งสิ่งต่างๆทั้งหมดแก่เจ้าเสียก่อนอย่างไรเล่า”“ท่านถึงกับเข้าฝันข้าใ

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตร

    ตอนที่ 8 เปลี่ยนศัตรูเป็นมิตรเป็นเวลากว่าสองวันแล้วที่นางโดนกักตัวให้อยู่แต่ในจวน มิสามารถก้าวออกจากจวนสกุลฉู่ได้เลย เหล่าสาวใช้และบ่าวชายในจวนต่างก็พากันจับตาดูนางเป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าจะขยับตัวเดินไปไหน ก็จะค่อยตามนางอยู่เงียบๆ จนนางรู้สึกอึดอัดไปหมดอึดอัดที่ต้องการเป็นเป้าสายตาของทุกคน จนกระทั่งวันนี้นางต้องปิดประตูเรือนและขังตนเองไว้เพื่อลดความอึดอัดจากสายตาผู้อื่นสองวันมานี้ในหัวของนางวนเวียนคิดเกี่ยวกับวิธีการหนีออกจากจวนมิรู้กี่รอบต่อกี่รอบ แต่ก็มิได้วิธีดีๆที่มีความเป็นไปได้เลยแม้แต่น้อย“เห้อ” นางถอนหายใจออกมาอย่างคิดมิตก หรือว่านางควรจะเลิกคิดดี และก็ยอมรับสภาพของตนเองในยามนี้แทนอาหารทุกมื้อก็มีพร้อม เสื้อผ้าอาภรณ์มิคาดตกบกพร่อง มีสาวใช้คอยปรนนิบัติอย่างดี นางในมิตินี้มีทุกอย่าง ยกเว้นอิสระนางมิสามารถทนอยู่อย่างนี้ได้แน่ๆในมิติที่นางจากมา นางมีอิสระในการใช้ชีวิตหากไร้ซึ่งอิสระนางย่อมมิสามารถอยู่ที่นี่ได้อย่างมีความสุขแน่ๆใช่แล้ว สิ่งที่นางควรทำยามนี้คือการปรับตัว และหากอยากได้อิสระของนางคืนมา สิ่งเดียวที่จะทำให้อิสระของนางกลับมาอีกครั้งคงมีเพียง ฉู่ฉางซานผู้เดียวเท่านั

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว

    ตอนที่ 7 เหตุอลวนที่เกิดขึ้นแล้ว“เถ้าแก่ตงเปิดประตูให้ข้าน้อยหน่อยเจ้าค่ะ คุณชายของข้าน้อยลืมของบางสิ่งเอาไว้ด้านใน”เป็นหานอี้ที่เป็นผู้ยืนทุบประตูส่งเสียงเรียกคน โดยที่มีหลิวซู่ซู่ยืนรอท่าอยู่ด้านหลังไม่ไกลเท่าไหร่นัก“ฮูหยินน้อยเจ้าคะ บ่าวเคาะประตูนานแล้ว มิได้ยินเสียงผู้ใดขานตอบกลับมาเลยเจ้าค่ะ มิแน่ว่าเถ้าแก่ตงกับเหล่าเสี่ยวเอ้อร์ทั้งหลายอาจจะแยกย้ายกันกลับบ้านไปแล้วเจ้าคะ” หานอี้เอ่ยบอก นางยืนเคาะประตูอยู่ก็หลายคราแล้วทั้งร้องเรียกขนาดนี้หากยังมิมีผู้ใดออกมาย่อมแปลว่ามิมีคนอยู่ด้านในแล้วก็เท่านั้นเห็นทีนางคงจะต้องให้ฮูหยินน้อยกลับจวนสกุลฉู่โดยไร้พัดที่ฮูหยินใหญ่ให้มาเสียแล้ว นางได้แต่ภวนาในใจให้ฮูหยินใหญ่ไม่ถามถึงพัดเล่มนั้น และโทษที่พวกนางจะได้รับก็อย่าให้ถึงขั้นโบยลงโทษเลยมิเช่นนั้นนางก็มิอยากจะนึกถึงเลย ว่าสภาพของนางจะเป็นเช่นไร ยิ่งฮูหยินน้อยของนางยิ่งแล้วใหญ่หากโดนโทษโบยจริงเห็นทีจะล้มป่วยไปอีกนานทีเดียว“มิสู้พรุ่งนี้เราให้คนนำเงินมาจ่ายเถ้าแก่ตงและก็ถือโอกาสให้นำพัดของท่านกลับไปให้ด้วยเลยจะดีกว่าไหมเจ้าคะ”“นั้นสินะ ตกลงพรุ่งนี้ค่อยให้คนมานำพัดของท่านแม่สามีกลับมาให้ข

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวน  

    ตอนที่ 6 ที่มาของเหตุอลวนใจกลางตลาดใหญ่ในเมืองหลวงร้านผ้าเข็มทองคำของสกุลฉู่ถือว่าใหญ่โตหรูหราเป็นที่สุด เพราะมีถึงสี่ชั้นด้วยกันและทุกชั้นทั้งภายนอกและภายในร้านผ้าแห่งนี้ล้วนแล้วแต่ตกแต่งเอาไว้อย่างหรูหราสวยงาม โดยที่ชั้นแรกจะเป็นชั้นแรกที่จะมีผู้คอยแนะนำสินค้าและแน่นอนว่าคอยดูว่าควรจะส่งลูกค้าไปที่ชั้นไหนให้เหมาะสมที่สุดอีกด้วยในร้านผ้าแห่งนี้จะแบ่งให้ชั้นสองเป็นชั้นที่ผู้ที่มีฐานะปานกลางเอาไว้เลือกซื้อเสื้อผ้า และชั้นที่สามจะเป็นชั้นที่เอาไว้บริการลูกค้าที่ร่ำรวยมั่งคั่งจ่ายง่ายและจ่ายไม่อันแน่นอนว่าการแบ่งแยกชัดเจนเช่นนี้ทำให้ลูกค้ารวมไปถึงคนของร้านผ้าเข็มทองคำทำงานได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้นร้านผ้าเข็มทองคำแน่นอนว่าเป็นร้านขึ้นชื่อในเมืองหลวงรวมไปถึงในอำเภออื่นๆด้วย แน่นอนว่าแม้แต่เหล่าพระสนมในวังยังชื่นชอบเสื้อผ้าอาภรณ์ของร้านผ้าเข็มทองคำยิ่งนัก เพราะไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าที่ดีกว่าร้านอื่นและก็ฝีมือการตัดเย็บจากช่างที่ฝีมือดี ทำให้ไม่ยากเลยที่ร้านเข็มทองคำจะขึ้นเป็นร้านผ้าอันดับหนึ่งในเมืองหลวงยามนี้เจ้าของกิจการร้านผ้าเข็มทองคำซึ่งก็คงจะเป็นผู้อื่นผู้ใดไปได้หากไม่ใช่บุรุษชายคนเดี

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 5 หอเลิศรส  

    ตอนที่ 5 หอเลิศรส“หานอี้ บุรุษที่พวกเราเดินสวนทางด้วยใกล้ๆกับทางไปเรือนท่านแม่สามีนั้นใช่สามีข้าไหม”หลันซู่ถงในร่างของหลิวซู่ซู่เอ่ยถามหานอี้สาวใช้คนสนิทของตน เมื่อนึกไปถึงยามที่นางกำลังจะเดินไปยังเรือนใหญ่ของท่านแม่สามี ระหว่างทางได้สวนทางเข้ากับบุรุษสองคนซึ่งแน่นอนว่าหนึ่งในนั้นเป็นบุรุษที่มีลักษณะเย็นชาแต่ก็ดูแล้วสัมผัสได้ถึงความมีอำนาจและความมั่งคั่งแบบที่นางมองไปที่เขาก็รู้สึกได้ถึงความแตกต่างกับบุรุษอีกผู้หนึ่งซึ่งเดินตามหลังอยู่ไม่ไกลเท่าใดนัก“ใช่เจ้าค่ะ ท่านผู้นั้นก็คือท่านเขยเจ้าค่ะ”เมื่อได้ยินคำตอบของสาวใช้คนสนิท นางก็อดนึกไปถึงใบหน้าของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางมิได้บุรุษผู้นี้หากเพื่อนรักของเธอในมิติที่แล้วอย่างเฟ่งเสี่ยวซ่ง มาเห็นคงต้องถูกเรียกว่าแรร์ไอเทมมิต่างกันกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นแน่นอน จะว่าไปแล้วเป็นเพราะเธอเคยเห็นคุณหมอเฟิงฉางเหอแค่ครั้งเดียวเท่านั้น จึงจำใบหน้าของมิค่อยได้เท่าไหร่ แต่นางกับมีความรู้สึกว่า บุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของเธอในมิตินี้ มีส่วนคล้ายกับคุณหมอเฟิงฉางเหอผู้นั้นอยู่มิน้อยเลยทีเดียวมันจะเป็นไปได้ไหมนะถ้าเขาจะเป็นคนผู้เดียวกัน

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้าง  

    ตอนที่ 4 ยามตายมิเคียงคู่ยามอยู่มิเคียงข้างเป็นเวลากว่าสามวันมาแล้วที่เธอฟื้นขึ้นมาให้มิติที่คล้ายกับจีนโบราณ วันแรกเธอจำตัวเองไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร แต่เมื่อได้นอนพักเต็มอิ่มจนร่างกายฟื้นฟูขึ้นได้มากแล้ว ความทรงจำของเธอในมิติเดิมที่เธออยู่ยามที่เธอคือ หลันซู่ถงก็คืนกลับมารวมไปถึงความทรงจำของตัวเธอในมิตินี้ด้วยซึ่งก็คือหลิวซู่ซู่ซึ่งเธอที่เป็นเจ้าของร่างในชาตินี้ได้ตายลงไปแล้วโดยไม่มีใครรู้ คงเพราะเกิดความผิดพลาดอะไรสักอย่างจึงทำให้เธอ มาเขาร่างของตัวเองในอีกมิติหนึ่งแทนที่จะกลับไปยังร่างที่มิติเดิมของตัวเองครั้งแรกเธอคิดว่าตัวเองอาจจะย้อนเวลากลับมาในอดีตเหมือนในซีรี่ส์ที่เธอเคยดูอยู่บ้าง แต่มันกับไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเมื่อเธอลองเรียบๆเคียงๆถามสาวใช้ของเธอในร่างของหลิวซู่ซู่ผู้นี้ดูแล้วกับกลายเป็นว่าแคว้นที่เธอมาอยู่ ณ เวลานี้เป็นแคว้นที่ไม่ได้มีอยู่ในประวัติศาสตร์เกี่ยวกับประเทศที่เธอเคยเรียนมาแม้แต่น้อยอีกอย่างหนึ่งเลยก็คือใบหน้ารูปร่างต่างๆของหลิวซู่ซู่ในมิตินี้เหมือนกับเธอทุกอย่าง ที่จะต่างกันคงเป็นนิสัยและความเป็นอยู่ต่างๆเสียเท่านั้นในความทรงจำต่างๆในร่างของหลิวซู่ซู่ซึ่ง

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน

    ตอนที่ 3 หลิวซู่ซู่ผู้ฟื้นคืน‘อือ’เสียงบิดขี้เกียจของหลันซู่ถงดังขึ้น เธอรู้สึกเหมือนได้นอนหลับเต็มอิ่มที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา เธอรู้สึกสบายจนแทบไม่อยากลืมตาตื่นเลยเสียด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่ามีเสียงคนดังขึ้นมาเสียก่อนเธอก็คงจะเคลิ้มหลับไปอีกครั้งแล้ว“คุณหนู คุณหนูเจ้าคะ คุณหนูรู้สึกตัวแล้วรึเจ้าคะ”เสียงที่ดังขึ้นอย่างตื่นเต้นบวกกับแรงจับที่ข้อมือ ทำให้หลันซู่ถงที่กำลังจะเข้าห้วงนิทราอีกครั้งจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้านแต่เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจจนอดที่จะร้องออกมาไม่ได้“เฮ้ยๆๆๆๆ!!!”เธอร้องออกมาก่อนจะคลานไปซุกอยู่ที่มุมเตียงด้านในอย่างตกใจ“คุณหนูๆ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ”ผู้หญิงที่แต่งตัวประหลาดๆคล้ายๆกับสมัยก่อนเอ่ยถามเธอ อีกทั้งพยายามทีจะดึกผ้าห่มที่เธอใช้คลุมตัวออกไปด้วย“คุณหนูเจ้าคะ ท่านเป็นอันใดไปเจ้าค่ะบอกบ่าวเถิดเจ้าคะ”หานอี้เอ่ยถามคุณหนูคนงามของตนอย่างเป็นห่วง คุณหนูของนางอยู่ๆเมื่อสามวันก่อนก็เป็นลมล้มป่วยไม่ได้สติ จนกระทั่งผ่านมาหลายวัน วันนี้ถึงได้ฟื้นขึ้นมาได้“คุณหนูอะไรของเธอ ฉันไม่ใช่คุณหนูอะไรนั้นอย่ามายุ่งกับฉัน!!!” เธอเอ่ยขึ้นเสียงดัง ก่อนจะใช้จั

  • ลิขิตรักฮูหยินพลัดมิติ   ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018  

    ตอนที่ 2 หลันซู่ถงคนดี (คนซวย) 2018 รอดแล้ว!!!เป็นคำเดียวที่ดังเข้ามาในหัวของเธอในขณะนี้เมื่อรู้สึกได้ว่าตัวเองนั้นไม่ได้ตกลงไปเจ็บตัวอย่างที่คิดเอาไว้ตอนนี้เหมือนว่าร่างกายของเธอยังถูกใครสักคนจับเอาไว้อย่างดีอยู่เลย เธอลืมตาขึ้นทันทีเมื่อนึกถึงแม่เพื่อนสนิทตัวดีที่อาจจะเจ็บเพิ่มเพราะรถเข็นเลื่อนตกลงไปแบบนั้นคิดได้ดังนั้นเธอก็ดันตัวเองออกมาจากตัวของคนที่ช่วยเธอซึ่งเธอยังไม่ทันได้เห็นใบหน้าของเขาด้วยซ้ำเพราะความสูงของเขาและเธอค่อนข้างแตกต่างกันอยู่พอสมควรเธอยืนเต็มความสูงแล้วแต่กลับอยู่แค่เพียงระดับหน้าอกของเขาเพียงเท่านั้น ตอนนี้สิ่งที่เธอควรห่วงก็คือเฟ่งเสี่ยวซ่งเพื่อนสนิทของเธอ เธอเลยพักเรื่องที่จะจดจำหน้าของผู้มีพระคุณเอาไว้เสียก่อนและรีบวิ่งไปดูเพื่อนของเธอว่าเป็นอะไรรึเปล่า “เสี่ยวซ่งแกเป็นอะไรรึเปล่า”เธอเอ่ยถามเพื่อนสนิทที่ตอนนี้ยังนั่งอยู่บนรถเข็นอย่างเดิม เพิ่มเติมคือรอบๆรถเข็นของเพื่อนเธอมีทั้งผู้ชายและผู้หญิงหลายคนยืนรุมกันอยู่“ฉันไม่เป็นไร โชคดีที่ได้ทุกคนช่วยกันจับรถเข็นของฉันเอาไว้ได้เสียก่อน”เฟ่งเสี่ยวซ่งเอ่ยตอบเพื่อนสนิทของตัวเองก่อนจะหันมากล่าวขอบคุณผู้คนทั้ง

DMCA.com Protection Status