ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับจะหยดเป็นเลือดลงมาได้สองมือเล็ก ๆ กำเข้าหากันจนข้อนิ้วซีดขาวซ่างกวนซีรู้สึกสับสนในใจ รีบคว้าข้อมือของอวี๋เฟยเหยียนขึ้นมาจับไว้ “ในเมื่อกินอิ่มแล้วก็ออกไปกับข้า!”“เดี๋ยวสิ ๆ ๆ! ศิษย์พี่ใหญ่ อาหารยังไม่มาเลย กินอิ่มอะไรกัน!” ซ่างกวนซีไม่สนใจเสียงบ่นของอวี๋เฟยเหยียน ลากตัวเขาออกไปจากโถงหลักส่วนเยี่ยนเว่ยฉือนั้นนั่งตัวแข็งทื่อ ปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอายอย่างที่สุดโอ้สวรรค์ นางทำอะไรลงไปกันนี่!ซ่างกวนซีลากอวี๋เฟยเหยียนออกไปจากจวนรัชทายาทเขาไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน เพียงแค่รู้สึกว่าหากยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นต่อไป เยี่ยนเว่ยฉือคงจะยิ่งอับอายเข้าไปใหญ่อวี๋เฟยเหยียนลอบสังเกตซ่างกวนซีอยู่ตลอดเวลา อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเองก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นว่าที่พระชายาที่ฝ่าบาททรงประกาศให้เหล่าขุนนางทราบโดยทั่วกัน แม้จะทำอะไรเกินเลยลงไปก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นต้องทำท่าทางรู้สึกผิดเช่นนี้เลย!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองเขา “ยังจะพูดอีกหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “ก็ได้ ๆ ๆ ข้าไม่พูดแล้วก
การสนทนาของทั้งสามคนนั้น ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนได้ยินทุกคำสีหน้าของซ่างกวนซีเคร่งขรึม ส่วนอวี๋เฟยเหยียนก็กลั้นหัวเราะเสียปวดกรามซ่างกวนซีผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง อวี๋เฟยเหยียนรีบวางเงินลงกับโต๊ะแล้วตามออกไป“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าโกรธเคืองไปเลย ในสถานการณ์เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำเป็นต้องทำ”“ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกว่าสตรีนางนี้ประหลาดเกินไป คำกล่าวที่ว่า ‘ทำได้ทุกสิ่ง ยกเว้นเรื่องทางกามารมณ์’ นางสามารถพูดออกมาโดยไม่กระดากปากได้อย่างไรกัน? ไร้กฎเกณฑ์! ไร้ยางอายสิ้นดี!” ซ่างกวนซีสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดคำจะกล่าวอวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “ใช่แล้ว ๆ เยี่ยนเว่ยฉืออาจแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง แต่จุดประสงค์ของนางก็ยังดีอยู่ ศิษย์พี่ใหญ่ คำกล่าวของเยี่ยนเว่ยฉือนี้ นางพูดเฉพาะเมื่ออยู่ในวังเท่านั้น โดยปกติแล้วไม่น่าจะแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอกได้เร็วเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาการป่วยขององค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นด้วย ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายออกไป เห็นทีเรื่องนี้น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง”เมื่อได้ยินคำกล่าวของอวี๋เฟยเหยียน ซ
ซูเค่อที่ตัวสั่นรีบตอบ “ทูลองค์รัชทายาท จางมามาสั่งให้พวกเราออกไปซื้อของเพื่อซ่อมจวนองค์รัชทายาทเพคะ”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสี่คนถูกสั่งให้ออกไปซื้อด้วยกัน แล้วเหตุใดของทุกอย่างถึงอยู่ในมือของนางแต่เพียงผู้เดียว?”“เอ่อ…” ซูเค่อพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไรชวนหงที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ทูลองค์รัชทายาท มันเป็นเพียงการละเล่นระหว่างบ่าวด้วยกันเท่านั้น นางแพ้เดิมพัน นางจึงต้องช่วยเหล่าพี่ ๆ น้อง ๆ ถือของเพคะ”พูดจบ ชวนหงก็มองไปยังฉิงเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่แล้วถามว่า “หว่านฉิง ใช่รึเปล่า?”นางชื่อหว่านฉิงนี่เองหว่านฉิงทำตัวหดพลางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ชะ...ใช่เพคะ ใช่ เป็นแค่การเล่นกันเท่านั้น”ซ่างกวนซีมองทั้งสี่คนและถามต่ออย่างเย็นชา “เช่นนั้นตอนนี้เล่นกันจบแล้วหรือยัง?”ซูเค่อรีบพูดว่า “จบแล้วเพคะจบแล้ว หม่อมฉันจะกลับจวนเลยเพคะ”ซูเค่อรีบก้มลงไปช่วยหว่านฉิงถือของ ส่วนชวนหงและสาวใช้อีกคนฝูฉวีก็รีบช่วยหว่านฉิงถือของด้วยเช่นกันหลังจากที่ทั้งสี่คนหยิบของมาถือแล้ว พวกนางก็ทำความเคารพซ่างกวนซีและจากไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ทุกคนเดินจากไป อวี๋เฟยเหยียนก็ก้าวไปข้างหน้
ทันทีที่เยี่ยนเว่ยฉือไปถึงหน้าประตู นางก็ถูกองครักษ์ขวางทางไว้องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมขอทำความเคารพพระชายา! ตอนนี้องค์รัชทายาททรงกำลังยุ่งอยู่ ขอพระชายาโปรดรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกระหม่อมจะรีบไปรายงานให้องค์รัชทายาททราบพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยความประหลาดใจ “รายงาน? รายงานอะไรกัน? ข้าก็แค่จะเข้าเรือนของตัวเองไปหาสามีของข้า เหตุใดต้องรอให้เจ้าเข้าไปรายงานด้วย? องค์รัชทายาทสั่งให้เจ้าขวางข้าไว้รึ?”องครักษ์สะดุ้งตัวแล้วส่ายหน้าที่เขากล้าขวางนางนั้นเรียกได้ว่าเป็นเพราะหน้าที่แต่เขาไม่กล้าโกหกออกไป ไม่อย่างนั้น หากเยี่ยนเว่ยฉือไปถามซ่างกวนซีเขาก็อาจจะถูกจับได้ว่าโกหกเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ ไม่สนใจเขาและเดินตรงเข้าไปในเรือนซวงหานมีแสงสว่างอยู่ในห้อง อีกทั้งประตูไม่ได้ปิด เยี่ยนเว่ยฉือจึงคิดว่าทั้งสองคนที่อยู่ในห้องอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เหนือความคาดหมายแต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าทันทีที่ข้ามผ่านประตูเข้าไปนางจะได้เห็นว่าหว่านฉิงกำลังแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของซ่างกวนซี“ว้าย องค์รัชทายาทเพคะ!”ซ่างกวนซีไม่ได้ผลักนางออกไป เพียงแต่ถามว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หว่านฉิงรีบผละออกจาก
ซ่างกวนซีแค่นเสียงเย้ยหยันเบา ๆ “ในเมื่อเจ้าดูออกว่านางมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วเจ้าจะมาโกรธข้าทำไม!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นยืนเท้าเอวแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงยอมให้นางเข้าใกล้ท่านง่ายดายเพียงนี้ แต่ข้าขอบอกท่านตรงนี้เลยนะว่าข้าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้ ท่านจะรังแกข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า ที่จวนแห่งนี้ ทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างไรก็ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน หากท่านไม่ให้เกียรติข้า พวกเขาก็จะเรียนรู้จากท่านพากันไม่ไว้หน้าข้าเช่นกัน แล้วข้าจะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไร? นอกจากนั้น หากข่าวนี้แพร่ออกไป ข้าเยี่ยนเว่ยฉือก็จะถูกตราหน้าว่าเทียบเคียงแม้แต่เด็กรับใช้ของฮองเฮาไม่ได้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”“รังแกเจ้า? รังแก...อย่างไรล่ะ?” ซ่างกวนซีก้าวไปข้างหน้าการเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เยี่ยนเว่ยฉือหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวแต่ด้านหลังนางคือโต๊ะแปดเซียน นางถอยมาแล้วครึ่งก้าว แต่ก็ถอยไปอีกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือเอนตัวไปด้านหลังเพื่อเพิ่มระยะห่างพลางพูดต่อ “ขะ...ข้าหมายถึงจะมีปัญหากับข้าหรือทะเลาะกับข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า!” เกิดอะไรขึ้นกับบุรุษผู้นี้ เหตุใดเ
ที่นางทำกับซ่างกวนซีก็เป็นแค่การล้อเล่น แต่ดูเหมือนซ่างกวนซีจะไม่ได้ล้อเล่นเมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงซ่างกวนซีไม่ได้ขวางนาง เพียงแต่พูดเสียงเรียบ “เจ้าสามารถเดินออกไปได้ ตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็ยกให้เจ้าเลย!”เยี่ยนเว่ยฉือหายใจแรงพลางมองซ่างกวนซีด้วยความประหม่า “องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร? ท่านโกรธข้าหรือ?”ซ่างกวนซียังคงเปลื้องผ้าต่อไปจนกระทั่งเหลือเพียงชุดด้านใน จากนั้นเขาก็นั่งบนเตียงแล้วพูดว่า “ว่าง่ายหน่อยเถอะ พวกเราแค่นอนคุยกันเท่านั้นเอง”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเจ้ากวนใจข้า ข้าก็จะกวนใจเจ้าเช่นกันเยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “แค่นอนห่มผ้า...คุยกันจริง ๆ ใช่ไหม?”“เจ้าคาดหวังอย่างอื่นด้วยรึ?” ซ่างกวนซีถามเยี่ยนเว่ยฉือรีบก้มหน้าส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วพูดว่า “ปะ...เปล่า”ซ่างกวนซียื่นมือไปผลักนางลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่านางจะอึดอัดเพียงใดพลางนอนลงข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้จริง ๆ ว่าซ่างกวนซีกำลังคิดอะไรอยู่แต่นางรู้ดีว่าเวลาเล่นกับไฟต้องควบคุมปริมาณอย่างระมัดระวัง หากเล่นสนุกมากเกินไปก็อาจจะถูกไฟคลอกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่อยู่กับบุรุษเพียงสองต่อ
เยี่ยนเว่ยฉือทำแก้มป่อง “ข้าไม่ได้อยากจะสอดเรื่องของท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ไม่ชอบที่เห็นใครกระโจนใส่ท่านเช่นนั้น”นางจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับผู้ชายของนางได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้พูดประโยคหลัง แต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้เขาแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็หุบยิ้มและแสร้งทำเป็นโกรธ “คำพูดที่มาจากความไม่ชอบใจของเจ้าทำให้หว่านฉิงหวาดกลัว หากครั้งหน้าจะส่งข่าวผ่านนางก็คงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม เจ้าพูดมาซิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?”“นี่ท่านกำลัง...โทษข้าหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาพลางรู้สึกเหลือเชื่อซ่างกวนซีหันมามองนาง “อะไรเล่า? ใครพูดไว้กันนะว่าข้าผู้นี้ไร้น้ำยา?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก เมื่อนางได้ยินประโยคดังกล่าว นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวนางล้มตัวลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่มองซ่างกวนซีอีกดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ซ่างกวนซีไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่าย พลางมองไปยังหลังคาเตียงอย่างนิ่งสงบเช่นกันหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “หากต้องการให้คนนอกหยุดเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวขององค์รัชทายาท ท่
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้นะ ทรงยอมถูกกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีอีกครั้งซ่างกวนซีถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องมันยาวน่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร ๆ คืนนี้ยังอีกยาวไกล พวกเราค่อย ๆ คุยกันไป”ซ่างกวนซีเหลือบมองนางแล้วถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงสนใจเรื่องในราชสำนักเพียงนี้”“เพราะข้าอยากช่วยองค์รัชทายาทคิดหาวิธี!”ซ่างกวนซีสับสน “คิดหาวิธี?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “องค์รัชทายาทตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? ในเมื่อจะอยู่ในเมืองหลวง จะให้ยอมถูกกระทำไปตลอดไม่ได้หรอก! ตอนนี้เราได้ค้นพบเรื่องใหญ่ที่ว่าองค์ชายรองแอบกักตุนน้ำมันตุง แน่นอนว่าเราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นองค์รัชทายาทโปรดบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวงด้วยเถิด บางทีข้าอาจมีวิธีที่ดีกว่าการแพร่ข่าวลือก็ได้”จริง ๆ แล้วซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากเยี่ยนเว่ยฉือเพราะเด็กน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดจะไปรู้อะไรมากมาย?แต่ซ่างกวนซีก็ยินดีมากที่จะพูดคุยกับเยี่ยนเว่ยฉือเสียงพูดที่ฟังคล้ายระฆังเงิน ท่าทางไร้เดียงสาและน่ารัก รวมไปถึงกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ บนร่างกายของ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ