ซ่างกวนซีแค่นเสียงเย้ยหยันเบา ๆ “ในเมื่อเจ้าดูออกว่านางมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วเจ้าจะมาโกรธข้าทำไม!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นยืนเท้าเอวแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงยอมให้นางเข้าใกล้ท่านง่ายดายเพียงนี้ แต่ข้าขอบอกท่านตรงนี้เลยนะว่าข้าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้ ท่านจะรังแกข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า ที่จวนแห่งนี้ ทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างไรก็ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน หากท่านไม่ให้เกียรติข้า พวกเขาก็จะเรียนรู้จากท่านพากันไม่ไว้หน้าข้าเช่นกัน แล้วข้าจะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไร? นอกจากนั้น หากข่าวนี้แพร่ออกไป ข้าเยี่ยนเว่ยฉือก็จะถูกตราหน้าว่าเทียบเคียงแม้แต่เด็กรับใช้ของฮองเฮาไม่ได้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”“รังแกเจ้า? รังแก...อย่างไรล่ะ?” ซ่างกวนซีก้าวไปข้างหน้าการเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เยี่ยนเว่ยฉือหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวแต่ด้านหลังนางคือโต๊ะแปดเซียน นางถอยมาแล้วครึ่งก้าว แต่ก็ถอยไปอีกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือเอนตัวไปด้านหลังเพื่อเพิ่มระยะห่างพลางพูดต่อ “ขะ...ข้าหมายถึงจะมีปัญหากับข้าหรือทะเลาะกับข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า!” เกิดอะไรขึ้นกับบุรุษผู้นี้ เหตุใดเ
ที่นางทำกับซ่างกวนซีก็เป็นแค่การล้อเล่น แต่ดูเหมือนซ่างกวนซีจะไม่ได้ล้อเล่นเมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงซ่างกวนซีไม่ได้ขวางนาง เพียงแต่พูดเสียงเรียบ “เจ้าสามารถเดินออกไปได้ ตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็ยกให้เจ้าเลย!”เยี่ยนเว่ยฉือหายใจแรงพลางมองซ่างกวนซีด้วยความประหม่า “องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร? ท่านโกรธข้าหรือ?”ซ่างกวนซียังคงเปลื้องผ้าต่อไปจนกระทั่งเหลือเพียงชุดด้านใน จากนั้นเขาก็นั่งบนเตียงแล้วพูดว่า “ว่าง่ายหน่อยเถอะ พวกเราแค่นอนคุยกันเท่านั้นเอง”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเจ้ากวนใจข้า ข้าก็จะกวนใจเจ้าเช่นกันเยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “แค่นอนห่มผ้า...คุยกันจริง ๆ ใช่ไหม?”“เจ้าคาดหวังอย่างอื่นด้วยรึ?” ซ่างกวนซีถามเยี่ยนเว่ยฉือรีบก้มหน้าส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วพูดว่า “ปะ...เปล่า”ซ่างกวนซียื่นมือไปผลักนางลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่านางจะอึดอัดเพียงใดพลางนอนลงข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้จริง ๆ ว่าซ่างกวนซีกำลังคิดอะไรอยู่แต่นางรู้ดีว่าเวลาเล่นกับไฟต้องควบคุมปริมาณอย่างระมัดระวัง หากเล่นสนุกมากเกินไปก็อาจจะถูกไฟคลอกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่อยู่กับบุรุษเพียงสองต่อ
เยี่ยนเว่ยฉือทำแก้มป่อง “ข้าไม่ได้อยากจะสอดเรื่องของท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ไม่ชอบที่เห็นใครกระโจนใส่ท่านเช่นนั้น”นางจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับผู้ชายของนางได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้พูดประโยคหลัง แต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้เขาแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็หุบยิ้มและแสร้งทำเป็นโกรธ “คำพูดที่มาจากความไม่ชอบใจของเจ้าทำให้หว่านฉิงหวาดกลัว หากครั้งหน้าจะส่งข่าวผ่านนางก็คงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม เจ้าพูดมาซิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?”“นี่ท่านกำลัง...โทษข้าหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาพลางรู้สึกเหลือเชื่อซ่างกวนซีหันมามองนาง “อะไรเล่า? ใครพูดไว้กันนะว่าข้าผู้นี้ไร้น้ำยา?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก เมื่อนางได้ยินประโยคดังกล่าว นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวนางล้มตัวลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่มองซ่างกวนซีอีกดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ซ่างกวนซีไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่าย พลางมองไปยังหลังคาเตียงอย่างนิ่งสงบเช่นกันหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “หากต้องการให้คนนอกหยุดเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวขององค์รัชทายาท ท่
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้นะ ทรงยอมถูกกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีอีกครั้งซ่างกวนซีถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องมันยาวน่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร ๆ คืนนี้ยังอีกยาวไกล พวกเราค่อย ๆ คุยกันไป”ซ่างกวนซีเหลือบมองนางแล้วถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงสนใจเรื่องในราชสำนักเพียงนี้”“เพราะข้าอยากช่วยองค์รัชทายาทคิดหาวิธี!”ซ่างกวนซีสับสน “คิดหาวิธี?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “องค์รัชทายาทตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? ในเมื่อจะอยู่ในเมืองหลวง จะให้ยอมถูกกระทำไปตลอดไม่ได้หรอก! ตอนนี้เราได้ค้นพบเรื่องใหญ่ที่ว่าองค์ชายรองแอบกักตุนน้ำมันตุง แน่นอนว่าเราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นองค์รัชทายาทโปรดบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวงด้วยเถิด บางทีข้าอาจมีวิธีที่ดีกว่าการแพร่ข่าวลือก็ได้”จริง ๆ แล้วซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากเยี่ยนเว่ยฉือเพราะเด็กน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดจะไปรู้อะไรมากมาย?แต่ซ่างกวนซีก็ยินดีมากที่จะพูดคุยกับเยี่ยนเว่ยฉือเสียงพูดที่ฟังคล้ายระฆังเงิน ท่าทางไร้เดียงสาและน่ารัก รวมไปถึงกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ บนร่างกายของ
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!”ซ่างกวนซีที่ปกติจะเป็นคนเงียบขรึม แต่ในคืนนี้เขากลับถูกเยี่ยนเว่ยฉือชักนำและค่อย ๆ ปลดปล่อยความช่างพูดออกมาเขาเล่าต่อ “หลังจากที่เสด็จพ่อกลับเมืองหลวงพร้อมกับพี่น้องร่วมสาบานทั้งสาม ฮ่องเต้องค์ก่อนก็พระราชทานรางวัลให้พวกเขา แต่หนึ่งในรางวัลนั้นเป็นบทลงโทษไปโดยปริยาย”“ตกเป็นของใครกัน?”“อวี๋จ้านอ๋าวซึ่งคือแม่ทัพผิงหนานในยามนั้นมีชื่อเสียงในกองทัพและเป็นที่เคารพรักของผู้คนอย่างมาก ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงกลัวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ดังนั้นจึงทรงยึดอำนาจทางทหารของเขาและมีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นซุ่นจิ่นโหว” พูดจบซ่างกวนซีก็มองที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าเข้าใจความหมายของบรรดาศักดิ์นี้หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “จงเชื่อฟังและระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตน?”ซ่างกวนซียิ้มบาง ๆ “ก็ไม่โง่นี่!”เยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเบา “ก็แน่สิ!”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “หลังจากที่อวี๋จ้านอ๋าวได้รับการแต่งตั้งเป็นซุ่นจิ่นโหว ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ทรงส่งเขาไปประจำอยู่ที่เมืองกูซู มันเป็นสถานที่ที่ดีพร้อมด้วยผู้คนที่มากความส
ซ่างกวนซีที่ค่อย ๆ ดึงมือกลับก็ได้เห็นดวงตาใส ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามอย่างสงสัย “ข้าไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถึงขั้นต้องร้องไห้เลยหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบนอนลงและพลิกตัวหันหลังให้เขาพลางพูดต่อ “ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย ข้าพอจะเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดคร่าว ๆ แล้ว หากให้เวลาข้าสักหนึ่งวัน ข้าคงจะคิดแผนดี ๆ ออกอย่างแน่นอน และอันกั๋วกงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลามาแพร่ข่าวลือของท่านอีกเลย”ซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังกับเยี่ยนเว่ยฉือมากนักแต่เพียงแค่พูดเรื่องบางเรื่องให้นางฟัง ก็ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจวนองค์รัชทายาทได้เวลาาออกไปข้างนอกจะได้ระมัดระวังการกระทำมากขึ้นหากนางไม่อยากแบกรับความกดดันนี้ แน่นอนว่า...นางก็สามารถเลือกที่จะจากไปได้เช่นกันซ่างกวนซีขยับออกไปเล็กน้อย และเทียนในห้องก็ดับลงเขาพูดเนิบ ๆ “นอนเถอะ!”ปากก็บอกให้นอน แต่ใช่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนหลับลงแม้ซ่างกวนซีจะไม่ได้พูดถึงฮองเฮาองค์ก่อนสักคำ แต่เมื่อฟังเรื่องราวในอดีตที่เขาเล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยนเว่ยฉือที่จะจินตนาการว่าอาจมีเรื่องราวภายในมากมายเกี่ยวกับการสวรรคตของฮองเฮาองค์ก่อนกระมัง?หากฮองเฮ
เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกมา หว่านฉิงก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอถวายความเคารพพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปที่เรือนของท่านชายรัฐทายาทอวี๋แล้วเพคะ”ถือว่าฉลาดใช้ได้ ไม่ต้องรอให้นางถาม อีกฝ่ายก็รู้ว่านางอยากทราบเรื่องอะไรเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากทำให้คนรับใช้ต้องลำบากใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง และไปที่เรือนของอวี๋เฟยเหยียนเพื่อตามหาซ่างกวนซีแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเพียงความว่างเปล่าพ่อบ้านจางกล่าวว่า “พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปเรือนรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไปหาฮวาอวี๋เหรอ?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็มุ่งหน้าไปยังเรือนรับแขก แต่ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนเดินมาพอดีขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังเดิน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไอ้หมอนั่น บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่ก็ยังหนีไปได้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”“หา? นี่พวกท่านจะบอกว่าฮวาอวี๋ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาทักทายเขาซ่างกวนซีมองนางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม? อาลัยอาวรณ์เขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ข้าจะไปอาลัยอาวรณ์เขาทำไม ข้
เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว