เยี่ยนเว่ยฉือทำแก้มป่อง “ข้าไม่ได้อยากจะสอดเรื่องของท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ไม่ชอบที่เห็นใครกระโจนใส่ท่านเช่นนั้น”นางจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับผู้ชายของนางได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้พูดประโยคหลัง แต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้เขาแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็หุบยิ้มและแสร้งทำเป็นโกรธ “คำพูดที่มาจากความไม่ชอบใจของเจ้าทำให้หว่านฉิงหวาดกลัว หากครั้งหน้าจะส่งข่าวผ่านนางก็คงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม เจ้าพูดมาซิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?”“นี่ท่านกำลัง...โทษข้าหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาพลางรู้สึกเหลือเชื่อซ่างกวนซีหันมามองนาง “อะไรเล่า? ใครพูดไว้กันนะว่าข้าผู้นี้ไร้น้ำยา?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก เมื่อนางได้ยินประโยคดังกล่าว นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวนางล้มตัวลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่มองซ่างกวนซีอีกดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ซ่างกวนซีไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่าย พลางมองไปยังหลังคาเตียงอย่างนิ่งสงบเช่นกันหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “หากต้องการให้คนนอกหยุดเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวขององค์รัชทายาท ท่
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้นะ ทรงยอมถูกกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีอีกครั้งซ่างกวนซีถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องมันยาวน่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร ๆ คืนนี้ยังอีกยาวไกล พวกเราค่อย ๆ คุยกันไป”ซ่างกวนซีเหลือบมองนางแล้วถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงสนใจเรื่องในราชสำนักเพียงนี้”“เพราะข้าอยากช่วยองค์รัชทายาทคิดหาวิธี!”ซ่างกวนซีสับสน “คิดหาวิธี?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “องค์รัชทายาทตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? ในเมื่อจะอยู่ในเมืองหลวง จะให้ยอมถูกกระทำไปตลอดไม่ได้หรอก! ตอนนี้เราได้ค้นพบเรื่องใหญ่ที่ว่าองค์ชายรองแอบกักตุนน้ำมันตุง แน่นอนว่าเราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นองค์รัชทายาทโปรดบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวงด้วยเถิด บางทีข้าอาจมีวิธีที่ดีกว่าการแพร่ข่าวลือก็ได้”จริง ๆ แล้วซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากเยี่ยนเว่ยฉือเพราะเด็กน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดจะไปรู้อะไรมากมาย?แต่ซ่างกวนซีก็ยินดีมากที่จะพูดคุยกับเยี่ยนเว่ยฉือเสียงพูดที่ฟังคล้ายระฆังเงิน ท่าทางไร้เดียงสาและน่ารัก รวมไปถึงกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ บนร่างกายของ
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!”ซ่างกวนซีที่ปกติจะเป็นคนเงียบขรึม แต่ในคืนนี้เขากลับถูกเยี่ยนเว่ยฉือชักนำและค่อย ๆ ปลดปล่อยความช่างพูดออกมาเขาเล่าต่อ “หลังจากที่เสด็จพ่อกลับเมืองหลวงพร้อมกับพี่น้องร่วมสาบานทั้งสาม ฮ่องเต้องค์ก่อนก็พระราชทานรางวัลให้พวกเขา แต่หนึ่งในรางวัลนั้นเป็นบทลงโทษไปโดยปริยาย”“ตกเป็นของใครกัน?”“อวี๋จ้านอ๋าวซึ่งคือแม่ทัพผิงหนานในยามนั้นมีชื่อเสียงในกองทัพและเป็นที่เคารพรักของผู้คนอย่างมาก ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงกลัวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ดังนั้นจึงทรงยึดอำนาจทางทหารของเขาและมีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นซุ่นจิ่นโหว” พูดจบซ่างกวนซีก็มองที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าเข้าใจความหมายของบรรดาศักดิ์นี้หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “จงเชื่อฟังและระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตน?”ซ่างกวนซียิ้มบาง ๆ “ก็ไม่โง่นี่!”เยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเบา “ก็แน่สิ!”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “หลังจากที่อวี๋จ้านอ๋าวได้รับการแต่งตั้งเป็นซุ่นจิ่นโหว ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ทรงส่งเขาไปประจำอยู่ที่เมืองกูซู มันเป็นสถานที่ที่ดีพร้อมด้วยผู้คนที่มากความส
ซ่างกวนซีที่ค่อย ๆ ดึงมือกลับก็ได้เห็นดวงตาใส ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามอย่างสงสัย “ข้าไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถึงขั้นต้องร้องไห้เลยหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบนอนลงและพลิกตัวหันหลังให้เขาพลางพูดต่อ “ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย ข้าพอจะเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดคร่าว ๆ แล้ว หากให้เวลาข้าสักหนึ่งวัน ข้าคงจะคิดแผนดี ๆ ออกอย่างแน่นอน และอันกั๋วกงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลามาแพร่ข่าวลือของท่านอีกเลย”ซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังกับเยี่ยนเว่ยฉือมากนักแต่เพียงแค่พูดเรื่องบางเรื่องให้นางฟัง ก็ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจวนองค์รัชทายาทได้เวลาาออกไปข้างนอกจะได้ระมัดระวังการกระทำมากขึ้นหากนางไม่อยากแบกรับความกดดันนี้ แน่นอนว่า...นางก็สามารถเลือกที่จะจากไปได้เช่นกันซ่างกวนซีขยับออกไปเล็กน้อย และเทียนในห้องก็ดับลงเขาพูดเนิบ ๆ “นอนเถอะ!”ปากก็บอกให้นอน แต่ใช่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนหลับลงแม้ซ่างกวนซีจะไม่ได้พูดถึงฮองเฮาองค์ก่อนสักคำ แต่เมื่อฟังเรื่องราวในอดีตที่เขาเล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยนเว่ยฉือที่จะจินตนาการว่าอาจมีเรื่องราวภายในมากมายเกี่ยวกับการสวรรคตของฮองเฮาองค์ก่อนกระมัง?หากฮองเฮ
เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกมา หว่านฉิงก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอถวายความเคารพพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปที่เรือนของท่านชายรัฐทายาทอวี๋แล้วเพคะ”ถือว่าฉลาดใช้ได้ ไม่ต้องรอให้นางถาม อีกฝ่ายก็รู้ว่านางอยากทราบเรื่องอะไรเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากทำให้คนรับใช้ต้องลำบากใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง และไปที่เรือนของอวี๋เฟยเหยียนเพื่อตามหาซ่างกวนซีแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเพียงความว่างเปล่าพ่อบ้านจางกล่าวว่า “พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปเรือนรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไปหาฮวาอวี๋เหรอ?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็มุ่งหน้าไปยังเรือนรับแขก แต่ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนเดินมาพอดีขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังเดิน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไอ้หมอนั่น บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่ก็ยังหนีไปได้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”“หา? นี่พวกท่านจะบอกว่าฮวาอวี๋ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาทักทายเขาซ่างกวนซีมองนางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม? อาลัยอาวรณ์เขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ข้าจะไปอาลัยอาวรณ์เขาทำไม ข้
เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
เมื่อซ่างกวนซีมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดอย่างหนักแน่น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกปกติแล้วเขาจะไม่เดิมพันคาดหวังกับเด็กสาว เพราะซ่างกวนซีไม่ใช่คนที่พึ่งพาการปกป้องจากสตรีแต่จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไรในเมื่อมีคนพยายามอย่างหนักเพื่อเขา คอยวางแผนต่าง ๆ ให้และคิดมากเพื่อเขาถึงเพียงนี้?ซ่างกวนซีหยิบซาลาเปาเนื้อมาวางลงในชามของเยี่ยนเว่ยฉือ “กินข้าวก่อน!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดอย่างไม่สงวนท่าทีและกินอย่างเอร็ดอร่อย!……ณ จวนอันกั๋วกงซ่างกวนหลีนั่งอยู่ในโถงหลักของจวนกั๋วกงด้วยดวงตาที่หมองคล้ำ ขณะนั้นอันกั๋วกงก็เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจซ่างกวนหลีพูดว่า “ท่านลุง หยุดเดินไปเดินมาเถอะ ข้าเวียนหัว”“คนแก่เช่นข้าสิที่ต้องเวียนหัว องค์ชายรอง เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เอาน้ำมันตุงไปเก็บไว้ในจวนของตัวเองได้อย่างไร?” อันกั๋วกงถามอย่างวิตกซ่างกวนหลีทำหน้าบูดบึ้งพลางพูดว่า “ก็เพราะเจ้าสี่นั่นแหละ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างไร?” อันกั๋วกงประหลาดใจซ่างกวนหลีพยักหน้า “เดิมทีวางแผนกันไว้ว่าจะให้เจ้าสี่ส่งน้ำมันตุงชุดนี้ออกจากเมืองตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน แต่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนเจวี๋ยมีความคิดดี ๆ น่าสนุกอยู่มากมาย ระหว่างนี้เขาคงทิ้งซ่างกวนเจวี๋ยไม่ได้จริง ๆหลังจากครุ่นคิดไปมา ซ่างกวนหลีก็พูดว่า “เรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง!”“เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร?” อันกัวกงถามรบเร้าอย่างกังวลแต่ซ่างกวนหลีไม่สนใจ ขณะที่เดินออกไปก็พูดว่า “ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เสด็จพ่อจับได้หรอก!”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อันกั๋วกงก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“การที่ฟ้าผ่าจนเกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริง ๆ น่ะรึ? หากเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดในวันนั้นเยี่ยนเว่ยฉือถึงได้มาปรากฏตัวใกล้กับจวนองค์ชายรอง? ไม่ได้การ ข้าคงต้องตรวจสอบนางหน่อยแล้ว”เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็เอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ ไปตามดาบทมิฬมาทีซิ”นักฆ่าดาบทมิฬถูกจัดเป็นอันดับสามของนักฆ่าแถวหน้าในสองแคว้นสี่นครเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาถูกจับกุมที่แคว้นต้าหลีและถูกตัดสินโทษตัดศีรษะแต่อันกั๋วกงใช้อำนาจของตัวเองช่วยดาบทมิฬออกมาอย่างลับ ๆตั้งแต่นั้นมา ดาบทมิฬก็เชื่อฟังคำสั่งของอันกั๋วกงและถือว่าเขาคือเจ้านายของตนหลังจากนั้นไม่นาน ดาบทมิฬผู้มีรอยแผลจากของมี