เยี่ยนเว่ยฉือทำแก้มป่อง “ข้าไม่ได้อยากจะสอดเรื่องของท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ไม่ชอบที่เห็นใครกระโจนใส่ท่านเช่นนั้น”นางจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับผู้ชายของนางได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้พูดประโยคหลัง แต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้เขาแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็หุบยิ้มและแสร้งทำเป็นโกรธ “คำพูดที่มาจากความไม่ชอบใจของเจ้าทำให้หว่านฉิงหวาดกลัว หากครั้งหน้าจะส่งข่าวผ่านนางก็คงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม เจ้าพูดมาซิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?”“นี่ท่านกำลัง...โทษข้าหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาพลางรู้สึกเหลือเชื่อซ่างกวนซีหันมามองนาง “อะไรเล่า? ใครพูดไว้กันนะว่าข้าผู้นี้ไร้น้ำยา?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก เมื่อนางได้ยินประโยคดังกล่าว นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวนางล้มตัวลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่มองซ่างกวนซีอีกดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ซ่างกวนซีไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่าย พลางมองไปยังหลังคาเตียงอย่างนิ่งสงบเช่นกันหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “หากต้องการให้คนนอกหยุดเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวขององค์รัชทายาท ท่
“เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น? ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้นะ ทรงยอมถูกกระทำเช่นนี้ได้อย่างไร?” เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีอีกครั้งซ่างกวนซีถอนหายใจและพูดว่า “เรื่องมันยาวน่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร ๆ คืนนี้ยังอีกยาวไกล พวกเราค่อย ๆ คุยกันไป”ซ่างกวนซีเหลือบมองนางแล้วถามว่า “เหตุใดเจ้าถึงสนใจเรื่องในราชสำนักเพียงนี้”“เพราะข้าอยากช่วยองค์รัชทายาทคิดหาวิธี!”ซ่างกวนซีสับสน “คิดหาวิธี?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “องค์รัชทายาทตัดสินใจแล้วว่าจะอยู่ที่เมืองหลวงไม่ใช่หรือ? ในเมื่อจะอยู่ในเมืองหลวง จะให้ยอมถูกกระทำไปตลอดไม่ได้หรอก! ตอนนี้เราได้ค้นพบเรื่องใหญ่ที่ว่าองค์ชายรองแอบกักตุนน้ำมันตุง แน่นอนว่าเราต้องใช้มันให้เป็นประโยชน์ ดังนั้นองค์รัชทายาทโปรดบอกข้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องในเมืองหลวงด้วยเถิด บางทีข้าอาจมีวิธีที่ดีกว่าการแพร่ข่าวลือก็ได้”จริง ๆ แล้วซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังอะไรมากมายจากเยี่ยนเว่ยฉือเพราะเด็กน้อยอายุสิบหกสิบเจ็ดจะไปรู้อะไรมากมาย?แต่ซ่างกวนซีก็ยินดีมากที่จะพูดคุยกับเยี่ยนเว่ยฉือเสียงพูดที่ฟังคล้ายระฆังเงิน ท่าทางไร้เดียงสาและน่ารัก รวมไปถึงกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ บนร่างกายของ
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง!”ซ่างกวนซีที่ปกติจะเป็นคนเงียบขรึม แต่ในคืนนี้เขากลับถูกเยี่ยนเว่ยฉือชักนำและค่อย ๆ ปลดปล่อยความช่างพูดออกมาเขาเล่าต่อ “หลังจากที่เสด็จพ่อกลับเมืองหลวงพร้อมกับพี่น้องร่วมสาบานทั้งสาม ฮ่องเต้องค์ก่อนก็พระราชทานรางวัลให้พวกเขา แต่หนึ่งในรางวัลนั้นเป็นบทลงโทษไปโดยปริยาย”“ตกเป็นของใครกัน?”“อวี๋จ้านอ๋าวซึ่งคือแม่ทัพผิงหนานในยามนั้นมีชื่อเสียงในกองทัพและเป็นที่เคารพรักของผู้คนอย่างมาก ฮ่องเต้องค์ก่อนทรงกลัวความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเขา ดังนั้นจึงทรงยึดอำนาจทางทหารของเขาและมีพระราชโองการแต่งตั้งให้เขาเป็นซุ่นจิ่นโหว” พูดจบซ่างกวนซีก็มองที่เยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้าเข้าใจความหมายของบรรดาศักดิ์นี้หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง พยักหน้าแล้วพูดว่า “จงเชื่อฟังและระมัดระวังคำพูดและการกระทำของตน?”ซ่างกวนซียิ้มบาง ๆ “ก็ไม่โง่นี่!”เยี่ยนเว่ยฉือแค่นเสียงเบา “ก็แน่สิ!”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “หลังจากที่อวี๋จ้านอ๋าวได้รับการแต่งตั้งเป็นซุ่นจิ่นโหว ฮ่องเต้องค์ก่อนก็ทรงส่งเขาไปประจำอยู่ที่เมืองกูซู มันเป็นสถานที่ที่ดีพร้อมด้วยผู้คนที่มากความส
ซ่างกวนซีที่ค่อย ๆ ดึงมือกลับก็ได้เห็นดวงตาใส ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามอย่างสงสัย “ข้าไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถึงขั้นต้องร้องไห้เลยหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบนอนลงและพลิกตัวหันหลังให้เขาพลางพูดต่อ “ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย ข้าพอจะเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดคร่าว ๆ แล้ว หากให้เวลาข้าสักหนึ่งวัน ข้าคงจะคิดแผนดี ๆ ออกอย่างแน่นอน และอันกั๋วกงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลามาแพร่ข่าวลือของท่านอีกเลย”ซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังกับเยี่ยนเว่ยฉือมากนักแต่เพียงแค่พูดเรื่องบางเรื่องให้นางฟัง ก็ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจวนองค์รัชทายาทได้เวลาาออกไปข้างนอกจะได้ระมัดระวังการกระทำมากขึ้นหากนางไม่อยากแบกรับความกดดันนี้ แน่นอนว่า...นางก็สามารถเลือกที่จะจากไปได้เช่นกันซ่างกวนซีขยับออกไปเล็กน้อย และเทียนในห้องก็ดับลงเขาพูดเนิบ ๆ “นอนเถอะ!”ปากก็บอกให้นอน แต่ใช่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนหลับลงแม้ซ่างกวนซีจะไม่ได้พูดถึงฮองเฮาองค์ก่อนสักคำ แต่เมื่อฟังเรื่องราวในอดีตที่เขาเล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยนเว่ยฉือที่จะจินตนาการว่าอาจมีเรื่องราวภายในมากมายเกี่ยวกับการสวรรคตของฮองเฮาองค์ก่อนกระมัง?หากฮองเฮ
เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกมา หว่านฉิงก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอถวายความเคารพพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปที่เรือนของท่านชายรัฐทายาทอวี๋แล้วเพคะ”ถือว่าฉลาดใช้ได้ ไม่ต้องรอให้นางถาม อีกฝ่ายก็รู้ว่านางอยากทราบเรื่องอะไรเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากทำให้คนรับใช้ต้องลำบากใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง และไปที่เรือนของอวี๋เฟยเหยียนเพื่อตามหาซ่างกวนซีแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเพียงความว่างเปล่าพ่อบ้านจางกล่าวว่า “พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปเรือนรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไปหาฮวาอวี๋เหรอ?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็มุ่งหน้าไปยังเรือนรับแขก แต่ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนเดินมาพอดีขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังเดิน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไอ้หมอนั่น บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่ก็ยังหนีไปได้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”“หา? นี่พวกท่านจะบอกว่าฮวาอวี๋ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาทักทายเขาซ่างกวนซีมองนางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม? อาลัยอาวรณ์เขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ข้าจะไปอาลัยอาวรณ์เขาทำไม ข้
เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
เมื่อซ่างกวนซีมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดอย่างหนักแน่น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกปกติแล้วเขาจะไม่เดิมพันคาดหวังกับเด็กสาว เพราะซ่างกวนซีไม่ใช่คนที่พึ่งพาการปกป้องจากสตรีแต่จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไรในเมื่อมีคนพยายามอย่างหนักเพื่อเขา คอยวางแผนต่าง ๆ ให้และคิดมากเพื่อเขาถึงเพียงนี้?ซ่างกวนซีหยิบซาลาเปาเนื้อมาวางลงในชามของเยี่ยนเว่ยฉือ “กินข้าวก่อน!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดอย่างไม่สงวนท่าทีและกินอย่างเอร็ดอร่อย!……ณ จวนอันกั๋วกงซ่างกวนหลีนั่งอยู่ในโถงหลักของจวนกั๋วกงด้วยดวงตาที่หมองคล้ำ ขณะนั้นอันกั๋วกงก็เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจซ่างกวนหลีพูดว่า “ท่านลุง หยุดเดินไปเดินมาเถอะ ข้าเวียนหัว”“คนแก่เช่นข้าสิที่ต้องเวียนหัว องค์ชายรอง เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เอาน้ำมันตุงไปเก็บไว้ในจวนของตัวเองได้อย่างไร?” อันกั๋วกงถามอย่างวิตกซ่างกวนหลีทำหน้าบูดบึ้งพลางพูดว่า “ก็เพราะเจ้าสี่นั่นแหละ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างไร?” อันกั๋วกงประหลาดใจซ่างกวนหลีพยักหน้า “เดิมทีวางแผนกันไว้ว่าจะให้เจ้าสี่ส่งน้ำมันตุงชุดนี้ออกจากเมืองตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน แต่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนเจวี๋ยมีความคิดดี ๆ น่าสนุกอยู่มากมาย ระหว่างนี้เขาคงทิ้งซ่างกวนเจวี๋ยไม่ได้จริง ๆหลังจากครุ่นคิดไปมา ซ่างกวนหลีก็พูดว่า “เรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง!”“เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร?” อันกัวกงถามรบเร้าอย่างกังวลแต่ซ่างกวนหลีไม่สนใจ ขณะที่เดินออกไปก็พูดว่า “ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เสด็จพ่อจับได้หรอก!”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อันกั๋วกงก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“การที่ฟ้าผ่าจนเกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริง ๆ น่ะรึ? หากเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดในวันนั้นเยี่ยนเว่ยฉือถึงได้มาปรากฏตัวใกล้กับจวนองค์ชายรอง? ไม่ได้การ ข้าคงต้องตรวจสอบนางหน่อยแล้ว”เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็เอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ ไปตามดาบทมิฬมาทีซิ”นักฆ่าดาบทมิฬถูกจัดเป็นอันดับสามของนักฆ่าแถวหน้าในสองแคว้นสี่นครเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาถูกจับกุมที่แคว้นต้าหลีและถูกตัดสินโทษตัดศีรษะแต่อันกั๋วกงใช้อำนาจของตัวเองช่วยดาบทมิฬออกมาอย่างลับ ๆตั้งแต่นั้นมา ดาบทมิฬก็เชื่อฟังคำสั่งของอันกั๋วกงและถือว่าเขาคือเจ้านายของตนหลังจากนั้นไม่นาน ดาบทมิฬผู้มีรอยแผลจากของมี
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ