เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
เมื่อซ่างกวนซีมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดอย่างหนักแน่น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกปกติแล้วเขาจะไม่เดิมพันคาดหวังกับเด็กสาว เพราะซ่างกวนซีไม่ใช่คนที่พึ่งพาการปกป้องจากสตรีแต่จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไรในเมื่อมีคนพยายามอย่างหนักเพื่อเขา คอยวางแผนต่าง ๆ ให้และคิดมากเพื่อเขาถึงเพียงนี้?ซ่างกวนซีหยิบซาลาเปาเนื้อมาวางลงในชามของเยี่ยนเว่ยฉือ “กินข้าวก่อน!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดอย่างไม่สงวนท่าทีและกินอย่างเอร็ดอร่อย!……ณ จวนอันกั๋วกงซ่างกวนหลีนั่งอยู่ในโถงหลักของจวนกั๋วกงด้วยดวงตาที่หมองคล้ำ ขณะนั้นอันกั๋วกงก็เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจซ่างกวนหลีพูดว่า “ท่านลุง หยุดเดินไปเดินมาเถอะ ข้าเวียนหัว”“คนแก่เช่นข้าสิที่ต้องเวียนหัว องค์ชายรอง เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เอาน้ำมันตุงไปเก็บไว้ในจวนของตัวเองได้อย่างไร?” อันกั๋วกงถามอย่างวิตกซ่างกวนหลีทำหน้าบูดบึ้งพลางพูดว่า “ก็เพราะเจ้าสี่นั่นแหละ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างไร?” อันกั๋วกงประหลาดใจซ่างกวนหลีพยักหน้า “เดิมทีวางแผนกันไว้ว่าจะให้เจ้าสี่ส่งน้ำมันตุงชุดนี้ออกจากเมืองตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน แต่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนเจวี๋ยมีความคิดดี ๆ น่าสนุกอยู่มากมาย ระหว่างนี้เขาคงทิ้งซ่างกวนเจวี๋ยไม่ได้จริง ๆหลังจากครุ่นคิดไปมา ซ่างกวนหลีก็พูดว่า “เรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง!”“เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร?” อันกัวกงถามรบเร้าอย่างกังวลแต่ซ่างกวนหลีไม่สนใจ ขณะที่เดินออกไปก็พูดว่า “ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เสด็จพ่อจับได้หรอก!”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อันกั๋วกงก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“การที่ฟ้าผ่าจนเกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริง ๆ น่ะรึ? หากเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดในวันนั้นเยี่ยนเว่ยฉือถึงได้มาปรากฏตัวใกล้กับจวนองค์ชายรอง? ไม่ได้การ ข้าคงต้องตรวจสอบนางหน่อยแล้ว”เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็เอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ ไปตามดาบทมิฬมาทีซิ”นักฆ่าดาบทมิฬถูกจัดเป็นอันดับสามของนักฆ่าแถวหน้าในสองแคว้นสี่นครเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาถูกจับกุมที่แคว้นต้าหลีและถูกตัดสินโทษตัดศีรษะแต่อันกั๋วกงใช้อำนาจของตัวเองช่วยดาบทมิฬออกมาอย่างลับ ๆตั้งแต่นั้นมา ดาบทมิฬก็เชื่อฟังคำสั่งของอันกั๋วกงและถือว่าเขาคือเจ้านายของตนหลังจากนั้นไม่นาน ดาบทมิฬผู้มีรอยแผลจากของมี
ซ่างกวนซีมองดูนางอย่างจดจ่อพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เกาหัว “รูปโฉมเป็นหนึ่งในสองแคว้นสี่นครอะไรกัน? แล้วฉลาดหลักแหลมอะไร? ร่มกระดาษน้ำมันนี่เกี่ยวอะไรกับรูปร่างหน้าตากับสติปัญญาของศิษย์พี่?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มพลางกอดรัดแขนของซ่างกวนซีไว้แน่น และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะองค์รัชทายาทมีรูปโฉมงดงาม ข้าจึงเต็มใจช่วยเหลือ และเพราะองค์รัชทายาทฉลาดหลักแหลม ฉะนั้นจึงมีบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดก็....เข้าใจกัน องค์รัชทายาท ท่านมีข้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”ซ่างกวนซีพยายามดึงมือกลับอีกครั้ง แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็จับไว้แน่นเกินไปในหัวของซ่างกวนซีนึกย้อนไปถึงภาพที่เขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือเปลือยเปล่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคอตนเริ่มแห้งผากขึ้นมาเขาพูดอย่างจนใจ “คนมองเยอะแยะ เจ้า...ยับยั้งชั่งใจหน่อยสิ”“โอ้ เช่นนั้นหลังกลับถึงจวน องค์รัชทายาทจะอนุญาตให้ข้าทำทุกอย่างที่ต้องการได้หรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหยอกล้ออวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหัวเราะคิกคักซ่างกวนซีถอนหายใจ “
ขณะที่กำลังคุยกัน คนเหล่านั้นก็เริ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาใกล้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบหันหลัง เดินไปที่แผงลอยแผงหนึ่งและหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมานางจำคนผู้นั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้านั่นคือเจ้ามือโต๊ะพนันจากบ่อนพนันซื่อเซิ่งที่ถูกนางหลอกไม่ใช่หรือ?ภาพวาดในมือของเขาคือปิ่นปักผมเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากพลางพูดกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่ได้โง่เลย รู้จักใช้วิธีหาคนด้วยปิ่นปักผมเสียด้วย แต่มันไม่ดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรไปหน่อยหรือ? บนโลกนี้มันจะไม่มีปิ่นปักผมที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยรึอย่างไร?”ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังครุ่นคิด คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดที่หน้าแผงขายของเดียวกับนางเจ้ามือโต๊ะพนันถามคนขายแผงลอยอย่างดุดัน “เฮ้ เคยเห็นปิ่นปักผมนี้ไหม?”คนหาบเร่มองมันแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านล้อข้าน้อยเล่นรึ คนธรรมดาจะกล้าใช้เครื่องหัวดอกหางหงส์ได้อย่างไร?”ดอกหางหงส์?มันคืออะไร?เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าเจ้ามือโต๊ะพนันเองก็ไม่รู้จัก เขาจึงถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ มันคื
เยี่ยนชิงซูมองไปที่คนหาบเร่และพูดว่า “ไม่ว่านางจะเสนอเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า!”“หา? เอ่อ…” คนหาบเร่มีสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากได้เงิน แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะต้องฝ่าฝืนกฎที่ว่าใครมาก่อนได้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มออกมา “โอ้ จริงรึ? เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้เจ้าคงได้กระเป๋าฉีกเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือมองคนหาบเร่และพูดว่า “ข้าเพิ่งเจรจาราคากับเขาไปว่าสร้อยข้อมือสองเส้นนี้ข้าจะจ่าย...หนึ่งพันตำลึง!”‘หนึ่งพันตำลึง?’ดวงตาของคนหาบเร่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสร้อยข้อมือสองเส้นนี้มีมูลค่าแค่สิบตำลึงเองนะ!รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของเยี่ยนชิงซูแข็งทื่อในทันทีจากนั้นนางก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและแค่นเสียงเย็น “ไร้สาระ แค่สร้อยข้อมือสองเส้นมันจะราคาถึงพันตำลึงได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “จะคุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากข้าชอบก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน”เยี่ยนชิงซูยิ้มเย็นพลางพูดว่า “อย่าทำเป็นหน้าใหญ่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวด้วยซ้ำ”สถานการณ์อันลำบากของจวนองค์รัชทายาทได้เป็นที่
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่