ซ่างกวนซีมองดูนางอย่างจดจ่อพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เกาหัว “รูปโฉมเป็นหนึ่งในสองแคว้นสี่นครอะไรกัน? แล้วฉลาดหลักแหลมอะไร? ร่มกระดาษน้ำมันนี่เกี่ยวอะไรกับรูปร่างหน้าตากับสติปัญญาของศิษย์พี่?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มพลางกอดรัดแขนของซ่างกวนซีไว้แน่น และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะองค์รัชทายาทมีรูปโฉมงดงาม ข้าจึงเต็มใจช่วยเหลือ และเพราะองค์รัชทายาทฉลาดหลักแหลม ฉะนั้นจึงมีบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดก็....เข้าใจกัน องค์รัชทายาท ท่านมีข้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”ซ่างกวนซีพยายามดึงมือกลับอีกครั้ง แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็จับไว้แน่นเกินไปในหัวของซ่างกวนซีนึกย้อนไปถึงภาพที่เขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือเปลือยเปล่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคอตนเริ่มแห้งผากขึ้นมาเขาพูดอย่างจนใจ “คนมองเยอะแยะ เจ้า...ยับยั้งชั่งใจหน่อยสิ”“โอ้ เช่นนั้นหลังกลับถึงจวน องค์รัชทายาทจะอนุญาตให้ข้าทำทุกอย่างที่ต้องการได้หรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหยอกล้ออวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหัวเราะคิกคักซ่างกวนซีถอนหายใจ “
ขณะที่กำลังคุยกัน คนเหล่านั้นก็เริ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาใกล้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบหันหลัง เดินไปที่แผงลอยแผงหนึ่งและหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมานางจำคนผู้นั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้านั่นคือเจ้ามือโต๊ะพนันจากบ่อนพนันซื่อเซิ่งที่ถูกนางหลอกไม่ใช่หรือ?ภาพวาดในมือของเขาคือปิ่นปักผมเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากพลางพูดกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่ได้โง่เลย รู้จักใช้วิธีหาคนด้วยปิ่นปักผมเสียด้วย แต่มันไม่ดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรไปหน่อยหรือ? บนโลกนี้มันจะไม่มีปิ่นปักผมที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยรึอย่างไร?”ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังครุ่นคิด คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดที่หน้าแผงขายของเดียวกับนางเจ้ามือโต๊ะพนันถามคนขายแผงลอยอย่างดุดัน “เฮ้ เคยเห็นปิ่นปักผมนี้ไหม?”คนหาบเร่มองมันแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านล้อข้าน้อยเล่นรึ คนธรรมดาจะกล้าใช้เครื่องหัวดอกหางหงส์ได้อย่างไร?”ดอกหางหงส์?มันคืออะไร?เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าเจ้ามือโต๊ะพนันเองก็ไม่รู้จัก เขาจึงถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ มันคื
เยี่ยนชิงซูมองไปที่คนหาบเร่และพูดว่า “ไม่ว่านางจะเสนอเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า!”“หา? เอ่อ…” คนหาบเร่มีสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากได้เงิน แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะต้องฝ่าฝืนกฎที่ว่าใครมาก่อนได้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มออกมา “โอ้ จริงรึ? เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้เจ้าคงได้กระเป๋าฉีกเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือมองคนหาบเร่และพูดว่า “ข้าเพิ่งเจรจาราคากับเขาไปว่าสร้อยข้อมือสองเส้นนี้ข้าจะจ่าย...หนึ่งพันตำลึง!”‘หนึ่งพันตำลึง?’ดวงตาของคนหาบเร่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสร้อยข้อมือสองเส้นนี้มีมูลค่าแค่สิบตำลึงเองนะ!รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของเยี่ยนชิงซูแข็งทื่อในทันทีจากนั้นนางก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและแค่นเสียงเย็น “ไร้สาระ แค่สร้อยข้อมือสองเส้นมันจะราคาถึงพันตำลึงได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “จะคุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากข้าชอบก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน”เยี่ยนชิงซูยิ้มเย็นพลางพูดว่า “อย่าทำเป็นหน้าใหญ่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวด้วยซ้ำ”สถานการณ์อันลำบากของจวนองค์รัชทายาทได้เป็นที่
ประชาชนผู้เฝ้ามองต่างก้มลงคารวะพร้อมเพรียงกันซ่างกวนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่ต้องมากพิธี รีบกันลุกขึ้นเถิด ข้าเพียงพาพระชายาออกมาเดินเล่นเท่านั้น”“องค์รัชทายาท? ท่านคือองค์รัชทายาทหรือ?!” เยี่ยนชิงซูร้องถามด้วยความประหลาดใจพลางก้าวเข้ามาใกล้เยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางที่ไม่อาจเชื่อสายตาของนาง พร้อมทั้งได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ถือมารยาท จึงรู้ว่านางตกตะลึงอย่างแท้จริงหรือว่า… เยี่ยนชิงซูไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทมาก่อน?เยี่ยนเว่ยฉือเดาถูกต้อง เยี่ยนชิงซูไม่เคยพบเห็นซ่างกวนซีมาก่อนซ่างกวนซีออกศึกนานสิบปี ไม่เคยกลับเมืองหลวงเลยวันนั้นที่เขาเข้าวังร่วมงานเลี้ยง ยังไม่ทันได้พบปะผู้ใด ก็ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องราววุ่นวายเสียแล้วต่อมาเมื่อมีการพิจารณาคดีองค์รัชทายาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณหนูเยี่ยนชิงซูจากตระกูลขุนนางจะได้เข้าไปเฝ้าชมดังนั้นเยี่ยนชิงซูจึงไม่เคยได้เห็นองค์รัชทายาทมาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือเห็นแววตาของเยี่ยนชิงซูที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความเหลือเชื่อ ก็อดที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้นางหระโจนเข้ากอดแขนซ่างกวนซีอย่างไม่เกรงใจ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “องค
เยี่ยนเว่ยฉือเก็บตั๋วเงินของตนเอง แล้วส่งตั๋วเงินสองพันตำลึงที่เยี่ยนชิงซูทิ้งไว้ให้กับพ่อค้าแผงลอย“นี่ นี่คือกำไรของท่าน แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าขอแนะนำให้ท่านเก็บเงินนี้ไว้แล้วรีบไปจากที่นี่เสียก่อน เพราะคนของจวนผิงอี้โหวนั้นขึ้นชื่อเรื่องไร้สัตย์ที่สุด!”เยี่ยนเว่ยฉือยังจำเรื่องที่บิดาของนางเป็นหนี้นางห้าร้อยตำลึงได้อยู่พ่อค้าแผงลอยกล่าวขอบคุณอย่างมากมาย แล้วรีบคว้าตั๋วเงินวิ่งหนีไป แม้กระทั่งแผงลอยก็ทิ้งไว้…… หลังจากโกงเงินเยี่ยนชิงซูได้สองพันตำลึงแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็กลับจวนองค์รัชทายาทพร้อมกับซ่างกวนซีอย่างมีความสุขระหว่างทางซ่างกวนซีไม่ได้ถามเรื่องเงินกับนางอีกประการแรก เยี่ยนเว่ยฉือหลบเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดประการที่สอง ซ่างกวนซีรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลประการที่สาม ในหัวของซ่างกวนซีคิดถึงแผนการที่เยี่ยนเว่ยฉือเสนอให้ร่มกระดาษน้ำมันเขาต้องวางแผนให้ดี ว่าจะใช้ร่มกระดาษน้ำมันอย่างไร เพื่อเล่นงานซ่างกวนหลี…… ค่ำคืนนั้น ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากทุกคนกลับจวนแล้ว ซ่างกวนซีไม่ได้อยู่ทานอาหารเย็น แต่กลับเข้าไปในห้องตำรา แล้วเริ่มวางแผนส
เสียงหัวเราะแผ่วเบาของจางมามาดังขึ้น “น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้วเพคะ พระชายาสามารถไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ได้แล้ว”“อืม รู้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด”จางมามาได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้จากไปทันที แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “พระชายา คืนนี้จะไม่เสด็จไปยังเรือนซวงหานหรือเพคะ? หม่อมฉันเพิ่งเห็นมาว่าหว่านฉิงยังคงถวายงานอยู่เคียงข้างองค์รัชทายาท”เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วมองจางมามา แล้วก็เห็นจางมามาขยิบตาถี่ ๆเยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจทันที จางมามาไม่ได้มาเตรียมน้ำอุ่น แต่มาแจ้งข่าวแก่นางต่างหากเยี่ยนเว่ยฉืออดหัวเราะไม่ได้ คิดว่าจางมามาเป็นผู้มีอารมณ์ขันยิ่งนักตัวหว่านฉิงนั้นนางมิได้ใส่ใจ เพราะนางและซ่างกวนซีต่างก็รู้ดีว่าบรรดาหญิงงามทั้งสี่นั้นล้วนมิใช่คนดีแต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว หากนางไม่ไป อาจทำให้บรรดาหญิงงามทั้งสี่สงสัยเอาได้แต่หากนางไป กลับจะทำให้แผนการของซ่างกวนซีราบรื่นยิ่งขึ้นคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือจึงพยักหน้า “ดึกดื่นเพียงนี้องค์รัชทายาทยังไม่บรรทม เช่นนั้นข้าจะไปดูเขาสักหน่อยแล้วกัน”สิ้นเสียง เยี่ยนเว่ยฉือก็ก้าวไปยังเรือนซวงหาน……ในขณะเดียวกัน ซ่างกวนซีก็กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ในห้อ
เสียงลมหายใจเย็นยะเยือกของซูเค่อดังขึ้น ร่างกายทรุดลงกับพื้นโดยพลัน “หม่อมฉัน… หม่อมฉัน… หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ”ชวนหงตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป คล้ายกับลืมไปชั่วขณะว่าควรจะตอบสนองอย่างไรซูเค่อเห็นดังนั้นจึงรีบฉุดชายกระโปรงของนาง เป็นเชิงบอกให้นางคุกเข่าชวนหงจึงได้สติ คุกเข่าลงตาม “หม่อมฉันคารวะพระชายา”เยี่ยนเว่ยฉือประสานสองแขนไว้ที่หน้าอก ยิ้มแย้มถาม “ดึกดื่นเช่นนี้ เจ้าทั้งสองไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้พักผ่อน มาซุ่มอยู่ที่มุมกำแพงเช่นนี้ทำไมกัน?”ซูเค่อตอบด้วยความประหม่า “พระชายาโปรดอภัย หม่อมฉัน… หม่อมฉันเป็นห่วงหว่านฉิง นางยังอ่อนประสบการณ์ อาจถวายงานองค์รัชทายาทมิดีพอ จึงออกมาดูเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือเยาะเย้ย “กลัวอะไรเรื่องยังอ่อนประสบการณ์กันเล่า? องค์รัชทายาททรงรู้ก็พอแล้ว เรื่องระหว่างชายหญิง อำนาจอยู่ในมือของบุรุษ เจ้าทั้งสองว่าจริงหรือไม่?”ทั้งสองก้มหน้าลงอย่างประหม่า ไม่มีใครกล้ารับคำเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ข้าได้ยินจากจางมามาว่า เจ้าทั้งสองนั้นปฏิบัติงานคล่องแคล่ว งานต่าง ๆ ก็ทำได้ดี ข้าคิดว่าจะให้พวกเจ้ามาเป็นนางกำนัลรับใช้ส่วนตัวในจวน ไม่ต้องทำงานหนักอย่างการค
เยี่ยนเว่ยฉือติดตามซ่างกวนซีออกจากห้องตำราไปยังห้องบรรทมข้างเคียงชวนหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวตามไปเมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องตำราแล้ว หว่านฉิงจึงเดินไปยังแท่นจุดเทียน ดับเทียนเล่มแล้วเล่มเล่า จากนั้นก็ปิดประตูหน้าต่าง แล้วออกจากห้องตำราไปนางปฏิบัติตนอย่างเรียบร้อย ไม่ได้มีท่าทีที่ล่วงเกินใด ๆ เลย หลังออกจากห้องตำราแล้ว ก็กลับไปยังห้องคนรับใช้ ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่สุภาพเรียบร้อยอยู่ในขนบเสมอ…… อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือตามซ่างกวนซีมาถึงห้องบรรทมแล้ว ก็สั่งให้ชวนหงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “รออยู่ที่นี่ ฟังให้ชัดว่าข้าถวายงานองค์รัชทายาทอย่างไร เมื่อข้าเรียกเจ้า เจ้าถึงค่อยเข้ามา เข้าใจหรือไม่?”ชวนหงเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำ “เพคะ หม่อมฉันรับทราบแล้ว”ปากบอกว่าเชื่อฟัง แต่ในใจกลับคิดอย่างขุ่นเคืองว่า ‘เรื่องถวายงานบุรุษ ข้ามีหรือจะสู้เจ้าไม่ได้? องค์รัชทายาทเพียงได้ลิ้มลองข้าสักครา ก็จะไม่มีวันแตะต้องสตรีหยาบช้าเช่นเจ้าอีกแน่ ฮึ!’ปัง!เยี่ยนเว่ยฉือปิดประตู เดินไปหาซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีส่ายหน้าด้วยความจนใจ กระ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว