ซ่างกวนซีมองดูนางอย่างจดจ่อพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เกาหัว “รูปโฉมเป็นหนึ่งในสองแคว้นสี่นครอะไรกัน? แล้วฉลาดหลักแหลมอะไร? ร่มกระดาษน้ำมันนี่เกี่ยวอะไรกับรูปร่างหน้าตากับสติปัญญาของศิษย์พี่?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มพลางกอดรัดแขนของซ่างกวนซีไว้แน่น และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะองค์รัชทายาทมีรูปโฉมงดงาม ข้าจึงเต็มใจช่วยเหลือ และเพราะองค์รัชทายาทฉลาดหลักแหลม ฉะนั้นจึงมีบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดก็....เข้าใจกัน องค์รัชทายาท ท่านมีข้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”ซ่างกวนซีพยายามดึงมือกลับอีกครั้ง แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็จับไว้แน่นเกินไปในหัวของซ่างกวนซีนึกย้อนไปถึงภาพที่เขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือเปลือยเปล่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคอตนเริ่มแห้งผากขึ้นมาเขาพูดอย่างจนใจ “คนมองเยอะแยะ เจ้า...ยับยั้งชั่งใจหน่อยสิ”“โอ้ เช่นนั้นหลังกลับถึงจวน องค์รัชทายาทจะอนุญาตให้ข้าทำทุกอย่างที่ต้องการได้หรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหยอกล้ออวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหัวเราะคิกคักซ่างกวนซีถอนหายใจ “
ขณะที่กำลังคุยกัน คนเหล่านั้นก็เริ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาใกล้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบหันหลัง เดินไปที่แผงลอยแผงหนึ่งและหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมานางจำคนผู้นั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้านั่นคือเจ้ามือโต๊ะพนันจากบ่อนพนันซื่อเซิ่งที่ถูกนางหลอกไม่ใช่หรือ?ภาพวาดในมือของเขาคือปิ่นปักผมเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากพลางพูดกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่ได้โง่เลย รู้จักใช้วิธีหาคนด้วยปิ่นปักผมเสียด้วย แต่มันไม่ดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรไปหน่อยหรือ? บนโลกนี้มันจะไม่มีปิ่นปักผมที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยรึอย่างไร?”ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังครุ่นคิด คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดที่หน้าแผงขายของเดียวกับนางเจ้ามือโต๊ะพนันถามคนขายแผงลอยอย่างดุดัน “เฮ้ เคยเห็นปิ่นปักผมนี้ไหม?”คนหาบเร่มองมันแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านล้อข้าน้อยเล่นรึ คนธรรมดาจะกล้าใช้เครื่องหัวดอกหางหงส์ได้อย่างไร?”ดอกหางหงส์?มันคืออะไร?เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าเจ้ามือโต๊ะพนันเองก็ไม่รู้จัก เขาจึงถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ มันคื
เยี่ยนชิงซูมองไปที่คนหาบเร่และพูดว่า “ไม่ว่านางจะเสนอเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า!”“หา? เอ่อ…” คนหาบเร่มีสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากได้เงิน แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะต้องฝ่าฝืนกฎที่ว่าใครมาก่อนได้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มออกมา “โอ้ จริงรึ? เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้เจ้าคงได้กระเป๋าฉีกเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือมองคนหาบเร่และพูดว่า “ข้าเพิ่งเจรจาราคากับเขาไปว่าสร้อยข้อมือสองเส้นนี้ข้าจะจ่าย...หนึ่งพันตำลึง!”‘หนึ่งพันตำลึง?’ดวงตาของคนหาบเร่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสร้อยข้อมือสองเส้นนี้มีมูลค่าแค่สิบตำลึงเองนะ!รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของเยี่ยนชิงซูแข็งทื่อในทันทีจากนั้นนางก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและแค่นเสียงเย็น “ไร้สาระ แค่สร้อยข้อมือสองเส้นมันจะราคาถึงพันตำลึงได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “จะคุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากข้าชอบก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน”เยี่ยนชิงซูยิ้มเย็นพลางพูดว่า “อย่าทำเป็นหน้าใหญ่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวด้วยซ้ำ”สถานการณ์อันลำบากของจวนองค์รัชทายาทได้เป็นที่
ประชาชนผู้เฝ้ามองต่างก้มลงคารวะพร้อมเพรียงกันซ่างกวนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “ไม่ต้องมากพิธี รีบกันลุกขึ้นเถิด ข้าเพียงพาพระชายาออกมาเดินเล่นเท่านั้น”“องค์รัชทายาท? ท่านคือองค์รัชทายาทหรือ?!” เยี่ยนชิงซูร้องถามด้วยความประหลาดใจพลางก้าวเข้ามาใกล้เยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางที่ไม่อาจเชื่อสายตาของนาง พร้อมทั้งได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ถือมารยาท จึงรู้ว่านางตกตะลึงอย่างแท้จริงหรือว่า… เยี่ยนชิงซูไม่เคยเห็นองค์รัชทายาทมาก่อน?เยี่ยนเว่ยฉือเดาถูกต้อง เยี่ยนชิงซูไม่เคยพบเห็นซ่างกวนซีมาก่อนซ่างกวนซีออกศึกนานสิบปี ไม่เคยกลับเมืองหลวงเลยวันนั้นที่เขาเข้าวังร่วมงานเลี้ยง ยังไม่ทันได้พบปะผู้ใด ก็ถูกดึงเข้าไปพัวพันกับเรื่องราววุ่นวายเสียแล้วต่อมาเมื่อมีการพิจารณาคดีองค์รัชทายาท ก็ไม่ใช่เรื่องที่คุณหนูเยี่ยนชิงซูจากตระกูลขุนนางจะได้เข้าไปเฝ้าชมดังนั้นเยี่ยนชิงซูจึงไม่เคยได้เห็นองค์รัชทายาทมาก่อนเยี่ยนเว่ยฉือเห็นแววตาของเยี่ยนชิงซูที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจและความเหลือเชื่อ ก็อดที่จะยิ้มอย่างภาคภูมิใจไม่ได้นางหระโจนเข้ากอดแขนซ่างกวนซีอย่างไม่เกรงใจ พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงออดอ้อนว่า “องค
เยี่ยนเว่ยฉือเก็บตั๋วเงินของตนเอง แล้วส่งตั๋วเงินสองพันตำลึงที่เยี่ยนชิงซูทิ้งไว้ให้กับพ่อค้าแผงลอย“นี่ นี่คือกำไรของท่าน แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าขอแนะนำให้ท่านเก็บเงินนี้ไว้แล้วรีบไปจากที่นี่เสียก่อน เพราะคนของจวนผิงอี้โหวนั้นขึ้นชื่อเรื่องไร้สัตย์ที่สุด!”เยี่ยนเว่ยฉือยังจำเรื่องที่บิดาของนางเป็นหนี้นางห้าร้อยตำลึงได้อยู่พ่อค้าแผงลอยกล่าวขอบคุณอย่างมากมาย แล้วรีบคว้าตั๋วเงินวิ่งหนีไป แม้กระทั่งแผงลอยก็ทิ้งไว้…… หลังจากโกงเงินเยี่ยนชิงซูได้สองพันตำลึงแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็กลับจวนองค์รัชทายาทพร้อมกับซ่างกวนซีอย่างมีความสุขระหว่างทางซ่างกวนซีไม่ได้ถามเรื่องเงินกับนางอีกประการแรก เยี่ยนเว่ยฉือหลบเลี่ยง เห็นได้ชัดว่าไม่อยากพูดประการที่สอง ซ่างกวนซีรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องกังวลประการที่สาม ในหัวของซ่างกวนซีคิดถึงแผนการที่เยี่ยนเว่ยฉือเสนอให้ร่มกระดาษน้ำมันเขาต้องวางแผนให้ดี ว่าจะใช้ร่มกระดาษน้ำมันอย่างไร เพื่อเล่นงานซ่างกวนหลี…… ค่ำคืนนั้น ณ จวนองค์รัชทายาทหลังจากทุกคนกลับจวนแล้ว ซ่างกวนซีไม่ได้อยู่ทานอาหารเย็น แต่กลับเข้าไปในห้องตำรา แล้วเริ่มวางแผนส
เสียงหัวเราะแผ่วเบาของจางมามาดังขึ้น “น้ำอุ่นเตรียมพร้อมแล้วเพคะ พระชายาสามารถไปอาบน้ำเปลี่ยนอาภรณ์ได้แล้ว”“อืม รู้แล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถิด”จางมามาได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้จากไปทันที แต่กลับเอ่ยด้วยสีหน้ากังวล “พระชายา คืนนี้จะไม่เสด็จไปยังเรือนซวงหานหรือเพคะ? หม่อมฉันเพิ่งเห็นมาว่าหว่านฉิงยังคงถวายงานอยู่เคียงข้างองค์รัชทายาท”เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้วมองจางมามา แล้วก็เห็นจางมามาขยิบตาถี่ ๆเยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจทันที จางมามาไม่ได้มาเตรียมน้ำอุ่น แต่มาแจ้งข่าวแก่นางต่างหากเยี่ยนเว่ยฉืออดหัวเราะไม่ได้ คิดว่าจางมามาเป็นผู้มีอารมณ์ขันยิ่งนักตัวหว่านฉิงนั้นนางมิได้ใส่ใจ เพราะนางและซ่างกวนซีต่างก็รู้ดีว่าบรรดาหญิงงามทั้งสี่นั้นล้วนมิใช่คนดีแต่เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว หากนางไม่ไป อาจทำให้บรรดาหญิงงามทั้งสี่สงสัยเอาได้แต่หากนางไป กลับจะทำให้แผนการของซ่างกวนซีราบรื่นยิ่งขึ้นคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือจึงพยักหน้า “ดึกดื่นเพียงนี้องค์รัชทายาทยังไม่บรรทม เช่นนั้นข้าจะไปดูเขาสักหน่อยแล้วกัน”สิ้นเสียง เยี่ยนเว่ยฉือก็ก้าวไปยังเรือนซวงหาน……ในขณะเดียวกัน ซ่างกวนซีก็กำลังเขียนอะไรบางอย่างอยู่ในห้อ
เสียงลมหายใจเย็นยะเยือกของซูเค่อดังขึ้น ร่างกายทรุดลงกับพื้นโดยพลัน “หม่อมฉัน… หม่อมฉัน… หม่อมฉันคารวะพระชายาเพคะ”ชวนหงตัวแข็งทื่อราวกับถูกสาป คล้ายกับลืมไปชั่วขณะว่าควรจะตอบสนองอย่างไรซูเค่อเห็นดังนั้นจึงรีบฉุดชายกระโปรงของนาง เป็นเชิงบอกให้นางคุกเข่าชวนหงจึงได้สติ คุกเข่าลงตาม “หม่อมฉันคารวะพระชายา”เยี่ยนเว่ยฉือประสานสองแขนไว้ที่หน้าอก ยิ้มแย้มถาม “ดึกดื่นเช่นนี้ เจ้าทั้งสองไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ และไม่ได้พักผ่อน มาซุ่มอยู่ที่มุมกำแพงเช่นนี้ทำไมกัน?”ซูเค่อตอบด้วยความประหม่า “พระชายาโปรดอภัย หม่อมฉัน… หม่อมฉันเป็นห่วงหว่านฉิง นางยังอ่อนประสบการณ์ อาจถวายงานองค์รัชทายาทมิดีพอ จึงออกมาดูเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือเยาะเย้ย “กลัวอะไรเรื่องยังอ่อนประสบการณ์กันเล่า? องค์รัชทายาททรงรู้ก็พอแล้ว เรื่องระหว่างชายหญิง อำนาจอยู่ในมือของบุรุษ เจ้าทั้งสองว่าจริงหรือไม่?”ทั้งสองก้มหน้าลงอย่างประหม่า ไม่มีใครกล้ารับคำเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ข้าได้ยินจากจางมามาว่า เจ้าทั้งสองนั้นปฏิบัติงานคล่องแคล่ว งานต่าง ๆ ก็ทำได้ดี ข้าคิดว่าจะให้พวกเจ้ามาเป็นนางกำนัลรับใช้ส่วนตัวในจวน ไม่ต้องทำงานหนักอย่างการค
เยี่ยนเว่ยฉือติดตามซ่างกวนซีออกจากห้องตำราไปยังห้องบรรทมข้างเคียงชวนหงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้าวตามไปเมื่อไม่มีผู้ใดอยู่ในห้องตำราแล้ว หว่านฉิงจึงเดินไปยังแท่นจุดเทียน ดับเทียนเล่มแล้วเล่มเล่า จากนั้นก็ปิดประตูหน้าต่าง แล้วออกจากห้องตำราไปนางปฏิบัติตนอย่างเรียบร้อย ไม่ได้มีท่าทีที่ล่วงเกินใด ๆ เลย หลังออกจากห้องตำราแล้ว ก็กลับไปยังห้องคนรับใช้ ไม่ว่าดูอย่างไรก็เป็นหญิงสาวที่สุภาพเรียบร้อยอยู่ในขนบเสมอ…… อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือตามซ่างกวนซีมาถึงห้องบรรทมแล้ว ก็สั่งให้ชวนหงเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “รออยู่ที่นี่ ฟังให้ชัดว่าข้าถวายงานองค์รัชทายาทอย่างไร เมื่อข้าเรียกเจ้า เจ้าถึงค่อยเข้ามา เข้าใจหรือไม่?”ชวนหงเม้มริมฝีปาก ใบหน้าแดงก่ำ “เพคะ หม่อมฉันรับทราบแล้ว”ปากบอกว่าเชื่อฟัง แต่ในใจกลับคิดอย่างขุ่นเคืองว่า ‘เรื่องถวายงานบุรุษ ข้ามีหรือจะสู้เจ้าไม่ได้? องค์รัชทายาทเพียงได้ลิ้มลองข้าสักครา ก็จะไม่มีวันแตะต้องสตรีหยาบช้าเช่นเจ้าอีกแน่ ฮึ!’ปัง!เยี่ยนเว่ยฉือปิดประตู เดินไปหาซ่างกวนซีด้วยรอยยิ้มซ่างกวนซีส่ายหน้าด้วยความจนใจ กระ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ