หากไม่อาจยืนยันการเคลื่อนไหวของซ่างกวนซีได้ ใครเล่าจะกล้าลงมือโดยพลการ?ซ่างกวนซีไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง เห็นว่าถ้อยคำของเยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ไร้เหตุผลเสียทีเดียวเช่นนั้น…ร่วมมือสักหน่อยก็แล้วกันซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน กางแขนออก “ถอดเสื้อที”เยี่ยนเว่ยฉือตะลึงเล็กน้อย ชี้ไปที่จมูกตนเอง “ให้… ข้าถอดหรือ?”ซ่างกวนซีมองนาง “เจ้าไม่ได้ต้องการจะแสดงละครหรอกหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือบ่นพึมพำ “ข้าพูดให้คนที่อยู่หน้าประตูได้ยิน เราเพียงแค่ทำเสียงให้สมจริง ไม่จำเป็นต้องทำอะไรกันจริง ๆ เสียหน่อย”ซ่างกวนซีจ้องมองนางอย่างสงบ ใบหน้าแสดงออกถึงความหนักแน่น “การแสดงต้องทำให้สมจริง! มิเช่นนั้นก็อย่าทำเสียดีกว่า!”เยี่ยนเว่ยฉือจนใจ จึงเดินไปหา เอื้อมมือไปดึงสายคาดเอวของซ่างกวนซีซ่างกวนซีไม่เคยสัมผัสร่างกายของผู้อื่นกระนั้นเขาก็รู้สึกว่า บริเวณเอวของตนเองนั้นไวต่อการสัมผัสที่สุดแม้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะดึงสายคาดเอวผ่านเสื้อผ้าหลายชั้น ทั้งยังดึงอย่างลวก ๆ เขาก็รู้สึกจักจี้ยุบยิบจนทนไม่ไหว เริ่มหายใจติดขัดเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกแรงดึงสายคาดเอวมากขึ้น ซ่างกวนซีจึงกดมือนางไว้ “คนโง่!”เยี่ยนเว่ยฉือตะลึงเ
ซ่างกวนซีจับข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังเช็ดตัวให้ ดวงตาคมกริบจ้องมองนางอย่างแน่วแน่ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำว่า “เจ้ายั่วเย้าและเร่าร้อน ถูกตาต้องใจข้ายิ่งนัก”ยั่วเย้าและเร่าร้อนงั้นหรือ?พูดถึงเรื่องใดกัน?ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังงุนงง ก็พบว่าสายตาของซ่างกวนซีมิได้มองที่ใบหน้าของนาง แต่กลับมองไปที่… หน้าอกของนาง?เยี่ยนเว่ยฉือจึงเหลียวมองไปตามสายตาของซ่างกวนซี พบว่าความเปียกชุ่มอันเนื่องจากผ้าชุบน้ำผืนนั้น ทำให้เนื้อผ้าที่ปกคลุมอยู่บริเวณหน้าอกของนางแทบจะกลายเป็นใยโปร่งใสผ้าแพรสีแดงอยู่ข้างใน ความงามอันเย้ายวนที่ผ้าแพรนั้นปิดบังไว้ไม่มิดได้ปรากฏชัดเจนต่อหน้าต่อตา“กรี๊ดดด…” เยี่ยนเว่ยฉือร้องออกมาอีกครั้งนางกำลังจะวิ่งหนี แต่ก็ถูกซ่างกวนซีจับข้อมือไว้ขณะที่นางพยายามดิ้นรน ร่างกายกลับถูกดึงลงไปในอ่างอาบน้ำอย่างรวดเร็วเสียงน้ำกระเพื่อมดังขึ้น เยี่ยนเว่ยฉือที่ฝีเท้าไม่มั่นคงถูกฉุดให้ตกลงไปในอ่างอาบน้ำ“กรี๊ด! องค์รัชทายาท! ท่านจะทำอะไร!”เยี่ยนเว่ยฉือดิ้นรนอย่างยากลำบากในอ่างอาบน้ำ แต่ก็รู้สึกถึงฝ่ามือที่ช้อนไว้ใต้รักแร้ของนาง ยกร่างนางขึ้นมาพิงไว้ที่ขอบอ่างเยี่ยนเว่ยฉือลืมตา
ชวนหงนึกในใจว่า ‘เสียงดังขนาดนี้เชียว องค์รัชทายาทดูองอาจหาญกล้าสมชายชาตรี ไม่เห็นเป็นเช่นข่าวลือที่ว่าไร้สมรรถภาพเลย ข้าว่าข่าวลือข้างนอกล้วนเป็นเพียงเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น หวังว่าต่อจากนี้ไปพระชายาจะหมดแรงไปเสีย ข้าจะได้เข้าไปปรนนิบัติแทน!’ชวนหงครุ่นคิดฝันหวานอยู่คนเดียวขณะนั้นเอง ทหารองครักษ์คนหนึ่งในจวนองค์รัชทายาทเดินผ่านประตูเรือนซวงหาน แล้วโยนก้อนหินก้อนเล็ก ๆ เข้าไปในเรือนก้อนหินนั้นรัศมีวงโค้งแม่นยำทีเดียว ตกอยู่แทบเท้าของชวนหงชวนหงก้มมองดู แล้วมองไปตามทิศทางที่ก้อนหินกลิ้งมา เงยหน้าขึ้นมององครักษ์คนนั้นชวนหงพยักหน้าเล็กน้อย องครักษ์จึงเข้าใจ รีบเดินจากไปสิ้นเสียงกลองสามยาม หว่านฉิงที่นอนหลับสนิทถือผ้าเช็ดตัว เดินไปยังลานด้านหลังท่าทางเหมือนจะไปเข้าห้องน้ำแต่ปลายทางของนางกลับไม่ใช่ห้องน้ำ แต่เป็นประตูหลังที่ใช้สำหรับเทน้ำทิ้งในลานด้านหลังก๊อก… ก๊อกก๊อก!เสียงเคาะประตูหนึ่งยาวสองสั้นได้รับการตอบรับจากภายนอกอย่างรวดเร็วเสียงชายหนุ่มถามจากนอกประตูว่า “พบอะไรบ้าง?”หว่านฉิงกระซิบบอก “องค์รัชทายาททรงเขียนรายงานทางทหารทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นการจัดเตรียมการกระจายเบี้
ซ่างกวนซีฃมองดูมือเล็ก ๆ ที่แนบอยู่แทบกาย พูดด้วยความรู้สึกประหลาดว่า “คนข้างเตาเหมือนดวงจันทร์ ข้อมือขาวเนียนดุจหิมะ”เยี่ยนเว่ยฉืองามยิ่งนัก อย่างน้อยในสายตาของซ่างกวนซี นางไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยนชิงซูเลยแม้แต่น้อยซ่างกวนซีจับข้อมือเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ ไม่ได้ผลักนางออกไป แต่กลับลูบไล้เบา ๆมือนั้นนุ่มนวลราวกับไม่มีกระดูก ผิวพรรณดุจหยก จับใจมิอาจวางเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างกายของสตรีจะอ่อนโยนกว่าบุรุษถึงเพียงนี้ข้อมืออ่อนนุ่มเช่นนี้ ส่วนอื่น ๆ คงจะนุ่มนวลยิ่งกว่านี้ใช่หรือไม่?ขณะที่ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหัวใจตนเองเริ่มเต้นรัวเร็วขึ้น ตาก็เหลือบไปเห็นกำไลหยกที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือเขาลูบไล้กำไล ขมวดคิ้วมุ่นพลางบ่นพึมพำ “นี่กำไลอะไรกัน? เนื้อหยกจัดว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม แต่ทำไมรูปทรงจึงแปลกเช่นนี้ หรือว่านางทำแตกเอง?”เมื่อนึกถึงเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังเลือกซื้อกำไลอยู่ในตลาด ซ่างกวนซีจึงตัดสินใจในใจว่าจะมอบกำไลคู่หนึ่งให้นางในภายหลัง“วี๊ดๆๆ! วี๊ดๆๆ!”เสียงนกหวีดดังมาจากนอกหน้าต่างนั่นคือสัญญาณประจำตัวของอวี๋เฟยเหยียนซ่างกวนซีถอนตัวออกจากอ้อมแขนของเยี่ยนเว่ยฉือ เดินไปที่ประตู
ซ่างกวนเจวี๋ยเม้มริมฝีปาก “หืม เรื่องนี้มันแปลกตรงไหน เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ข้าได้สืบข้อมูลมาแล้ว นางเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุของผิงอี้โหว ถูกเลี้ยงดูในชนบท มือคงไม่เคยจับแม้แต่เศษสตางค์แดงเดียว บัดนี้ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาททั้งที องค์รัชทายาทจะจัดหาทรัพย์สินส่วนตัวให้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ข้าไม่นึกเลยว่า องค์รัชทายาทจะกินไม่เลือก นางกินนอนในคอกหมู กลับยังกอดได้ลง ฮ่า ๆ ๆ!”ซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะร่าเริง ดูเหมือนอยากรู้เรื่องราวบนเตียงระหว่างซ่างกวนซีกับเยี่ยนเว่ยฉืออย่างยิ่งซ่างกวนหลีนึกถึงใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ พลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของนาง ใบหน้านั้น...”พูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนหลีตบต้นขาตัวเองด้วยความหงุดหงิด “เฮ้! ข้าพูดเรื่องนี้กับเจ้าทำไมกันนะ อย่าขัดข้าสิ ข้ากำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่”เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ? โดยทั่วไปแล้วการจัดหาทรัพย์สินก็มักจะเป็นโรงเตี๊ยมโรงน้ำชา หรือไม่ก็ที่ดิน บ้านเรือน จะมีใครอยากซื้อโรงงานกัน?”ซ่างกวนเจวี๋ยครุ่นคิด เห็นว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้างเขาจึงนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ถ้าเสด็จพี่รองรู้สึกไม่สบายใจ เ
รถม้าหยุดลง ทุกคนก็เห็นว่ามีคุณชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังสั่งให้คนงานขนของ“พวกเจ้าระมัดระวังด้วย แยกของที่ใช้ได้กับของที่ใช้ไม่ได้ออกจากกัน อีกทั้งห้องเก็บน้ำมันตุงก็ต้องตรวจสอบให้ดี ห้ามให้หลังคารั่ว รอบ ๆ ก็ห้ามมีวัตถุไวไฟ เข้าใจหรือไม่?”คนงานต่างตอบรับพร้อมเพรียงเรื่องอื่น ๆ ไม่น่าสนใจ แต่คำว่า ‘น้ำมันตุง’ กลับดึงดูดความสนใจของซ่างกวนหลีและซ่างกวนเจวี๋ยได้ในทันทีซ่างกวนหลีหันไปมองซ่างกวนเจวี๋ย “เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ น้ำมันตุงหรือ?”ซ่างกวนเจวี๋ยพยักหน้า “ถูกต้อง น้ำมันตุง อ้อ ใช่แล้ว โรงงานทำร่มกระดาษ ก็ต้องใช้น้ำมันตุงทาร่มเพื่อกันฝนมิใช่หรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนหลีก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ร้องออกมาเบา ๆ ว่า “ข้ารู้แล้วว่าซ่างกวนซีกำลังจะทำอะไร!”ซ่างกวนเจวี๋ยมองด้วยความสงสัย “จะทำอะไรหรือ?”ซ่างกวนหลีกลับเข้ามาในรถม้า ทำเหมือนไม่คิดจะหาคำตอบ แต่กลับสั่งเสียงเบาว่า “จี้อู๋ เจ้าพาคนสองคนไปดูโรงงานหน่อย ว่าในนั้นมีน้ำมันตุงจริง ๆ หรือไม่”จี้อู๋รับคำสั่งแล้วจากไปจากนั้นซ่างกวนหลีก็สาปแช่งซ่างกวนซีอยู่ในรถม้า“ซ่างกวนซี ข้าคิดว่าเจ้าไม่คิดจะแก่งแย่งแข็งขันอะไรแล้ว ไ
จี้อู๋รู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าดูคุ้นเคยแปลก ๆ ราวกับเคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแต่ให้คิดในครู่เดียวย่อมจำไม่ได้ จึงไม่ได้คิดมาก เอ่ยถามว่า “ท่านเป็นเจ้าของโรงงานใช่หรือไม่?”เย่เทียนซูรีบพยักหน้า “บิดาข้าเป็นเจ้าของ ข้าเป็นเพียงทายาท ท่านก็มาดูโรงงานเช่นกันหรือ? น่าเสียดาย ที่นี่ขายไปแล้วในราคาห้าพันตำลึง”“ห้าพันตำลึง?” จี้อู๋พิจารณาขนาดของโรงงาน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขออภัยที่พูดตรง ๆ ที่นี่พื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก อาคารเหล่านี้ก็ทรุดโทรมไม่น้อย เหตุใดถึงขายแพงเช่นนี้?”“ท่านไม่เข้าใจ ข้าขายที่ดินพร้อมทั้งอาคาร วัสดุ และคนงาน ที่ไม่ต้องพูดถึงเลยคือ น้ำมันตุงในโรงงานของข้ามีมูลค่ามหาศาล ถึงแม้ไม่ได้เปิดโรงงาน แค่ขายน้ำมันตุงให้ทางการก็ได้กำไรมากโข หากไม่ใช่เพราะบิดาของข้าป่วยหนัก ต้องการเงินรักษาจำนวนมาก ข้าก็ไม่ยอมขายหรอก!” เย่เทียนซูเม้มริมฝีปาก สายตาแสดงให้เห็นว่าจี้อู๋ช่างไม่รู้ของดีจี้อู๋ยิ้ม “คุณชายเย่อย่าได้โกรธเคือง เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าในโรงงานมีน้ำมันตุงอยู่มาก ไม่ทราบว่าพอจะให้ข้าดูได้หรือไม่? หากเป็นเช่นที่ท่านว่า นายท่านของข้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึงเพื่อซื้อที่นี่”
เย่เทียนซูขมวดคิ้ว “นี่… เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า เกรงว่า...”จี้อู๋เข้าใจทันที กล่าวว่า “ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ พ่อบ้านของข้าจะนำตั๋วเงินเจ็ดพันตำลึงมาเพื่อทำการซื้อขาย ณ ที่นี้ ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”หกพันตำลึงสำหรับซื้อโรงงาน หนึ่งพันตำลึงเป็นค่าชดเชยการผิดสัญญาของผู้ซื้อคนก่อนเย่เทียนซูได้ยินจำนวนเงินนี้ก็แสดงสีหน้าละโมบทันที ตาเป็นประกาย ตอบว่า “เช่นนั้นท่านจงจำคำพูดตนเองให้ดี หากเลยเที่ยงวันไปแล้ว ข้าต้องขายให้ที่นี่แก่คนอื่นแล้วนะ”“ไม่โป้ปดแน่!”เย่เทียนซูยิ้ม “ขอบคุณนายท่าน เช่นนั้นท่านเดินทางดี ๆ!”จี้อู๋พยักหน้า พาคนของตนเดินกลับไปยังรถม้าด้วยความยินดีเมื่อเห็นรถม้าขับออกไปไกล กระทั่งลับหายไปจากสายตาเยี่ยนเว่ยฉือและซ่างกวนซีจึงค่อย ๆ เดินออกมาเย่เทียนซูเข้ามาใกล้ ยิ้มแย้ม “ศิษย์พี่ การแสดงของข้ายอดเยี่ยมหรือไม่?”เย่เทียนซูม้วนผมของตน ยิ้มเย้ายวนทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากซ่างกวนซีชินกับท่าทางของเขาแล้ว ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่กลับสงสัยเรื่องโกดังเก็บของเมื่อครู่ จึงถามว่า “เจ้าหาน้ำมันตุงมาจากไหนมากมายเช่นนี้?”เย่เทียนซูชี้ไปที่เยี่ยนเว่ย
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ไม่รู้ด้วยเหตุใด คืนนี้กลับอยากจะพูดคุยกับนางเขาเอ่ยปาก “คืนนี้เจ้าอยู่ที่นี่” ไม่ใช่คำขอร้อง แต่เหมือนคำสั่งมากกว่า“เอ่อ… อ๊ะ?” เยี่ยนเว่ยฉือหดตัวกลับโดยไม่รู้ตัว ในหัวคิดอะไรต่อมิอะไรซ่างกวนซีไม่สนใจนาง แต่เดินไปยังแท่นเตียงแล้วเอนกายลงนอน พลางตอบคำถามเมื่อครู่ของนาง “หากเหยื่อตกปลากานพลูมีแต่เจ้าที่ทำได้ สูตรนี้ก็ต้องหลุดออกไปจากจวนรัชทายาท คนของฮองเฮาและอันกั๋วกงคงไม่ไร้สาระถึงขั้นต้องบันทึกแม้แต่สูตรเหยื่อตกปลา”เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งไปที่ขอบเตียง ถามด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาทหมายความว่า ในจวนรัชทายาท นอกเหนือจากคนของฮองเฮาและอันกั๋วกง ยังมีคนของฮ่องเต้อีกด้วย? ทว่าสูตรเหยื่อตกปลา พระองค์จะเรียนรู้ไปทำไม?”ซ่างกวนซีตบที่ด้านในของเตียง เป็นสัญญาณให้เยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมานอนคุยกันเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะแห้งๆ “เอาเป็นว่า… พรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือหันหลังจะเดินไป ทันใดนั้นเอวก็รู้สึกรัดแน่นขึ้น กลายเป็นว่าถูกซ่างกวนซีโอบเอวจากด้านหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะแขนของซ่างกวนซียาวหรือเอว
ฉินเซียงหรูตกอยู่ในความสับสน ไม่รู้ว่าจะบอกสิ่งที่ตนค้นพบกับซ่างกวนซีดีหรือไม่ถ้าบอกออกไป ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพ่อลูกตนเป็นคนนอก อีกหนึ่งปีก็จะได้รับอิสรภาพแล้ว ไยต้องไปทำตัวเป็นคนพาลถ้าไม่บอก ซ่างกวนซีก็จะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตน หากเผลอทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้ขุ่นเคือง จะถูกฮ่องเต้คังอู่ทอดทิ้งหรือไม่?ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคงจะเดือดร้อนไปด้วยฉินเซียงหรูถอนหายใจ นวดระหว่างคิ้ว “คนทั่วไปคิดว่าชีวิตในวังสุขสบาย แต่หารู้ไม่ว่าความทุกข์ในวังนั้นมากมายเพียงใด”…… อันที่จริง ความกังวลของฉินเซียงหรูนั้นเกินความจำเป็นโดยสิ้นเชิงเพราะมีคนหนึ่งได้พูดเรื่องนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมาแล้วซ่างกวนซีไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนที่ออกมาจากห้องด้านข้าง ก็พบว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังยืนอยู่ในห้องของเขาเมื่อครู่เยี่ยนเว่ยฉือกลับไปที่เรือนหน้าแล้ว ไยจึงมาที่เรือนซวงหานของเขากะทันหันเช่นนี้หนำซ้ำ… ยังสวมชุดนอนอยู่อีกด้วยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หัวใจกลับเต้นผิดจังหวะเพราะเขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเสื้อผ้าของเขา กำลังจุมพิต… หรือสูดดม?เขาเข้าไปดูใกล้ ๆ ที่แท้ก็แค่ดม“เ
โดยที่ซ่างกวนซีไม่ทันได้ตอบโต้ อวี๋เฟยเหยียนก็ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้นด้วยตัวเอง“ไม่ ไม่ใช่ ฮวาอวี๋ดูเหมือนจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับศิษย์พี่ ตอนที่เกิดเรื่อง เขาก็คงจะอายุแค่เจ็ดแปดขวบ เป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนร้ายต่ออดีตฮองเฮา อีกทั้งสองพี่น้องเป่ยอิ้นก็บอกว่าปิ่นปักผมนั้นเป็นของที่ฮวาอวี๋ทำตกไว้ แต่ปิ่นคู่นั้น ข้าเห็นกับตาว่าเยี่ยนเว่ยฉือไถ่ถอนมาจากโรงรับจำนำ ดังนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับฮวาอวี๋”เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็ครุ่นคิดอีกครั้ง “เว้นแต่… เว้นแต่คนเบื้องหลังโรงรับจำนำคือฮวาอวี๋? หรือหลังจากฮวาอวี๋ ยังมีคนร้ายคนอื่นอีก?”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามา ไปบอกเทียนซู ข้าต้องการหาคนผู้นั้นให้เจอ!”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง ต้องลากตัวคนออกมา ถามต่อหน้าต่อตถึงจะกระจ่างได้ แต่พฤติกรรมของคนผู้นั้นช่างแปลกประหลาด บาดเจ็บสาหัสแทนที่จะไปรักษาตัว กลับลักพาตัวเยี่ยนเว่ยฉือไป พอพาตัวไปก็ไม่ได้ทำอะไร วนเวียนอยู่พักหนึ่งก็ปล่อยตัวกลับมา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่”ซ่างกวนซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกันฮวาอวี๋ผู้นั้นมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา มองปราดเ
อวี๋เฟยเหยียนเอ่ยขึ้น “โอ้โฮ ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก หากไม่กล่าวเสียก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ บัดนี้ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกเหนือจากท่านหญิงอิ๋นตางแล้ว คงหาสตรีใดเหมาะสมที่จะอภิเษกเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีแทนองค์หญิงได้อีก!”เยี่ยนเว่ยฉือก็กล่าวเสริม “ความคิดนี้ก็ไม่เลวนัก แต่ดวงหทัยอันบริสุทธิ์ของท่านหญิงอิ๋นตางนั้น ได้มอบให้แด่องค์รัชทายาทของพวกเราจนหมดสิ้นแล้ว นางจะยอมปฏิบัติตามแต่โดยดีได้อย่างไร?”อวี๋เฟยเหยียนรับช่วงต่อ “ถึงแม้นางจะยินยอมโดยดี แต่อ๋องจ่างซิ่นก็คงไม่เห็นด้วยเป็นแน่! นั่นคือบุตรีคนเดียวของเขา! ข้าดูจากท่าทางแข็งนอกอ่อนในของอ๋องจ่างซิ่นแล้ว คาดว่าในชีวิตนี้คงมีนางเพียงคนเดียว เขาจะยอมส่งนางไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บอย่างเป่ยอิ้นได้อย่างไร”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็พลันบังเกิดความกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายดาย ฝ่าบาททรงมอบภาระอันหนักอึ้งให้ท่านเสียแล้ว!”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ยากจริง แต่เว้นจากข้าแล้ว เสด็จพ่อคงไม่อาจหาผู้ใดอื่นมาทำสิ่งนี้แทนได้อีก”“เฮ้อ!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน กลับมีผู้ที่สามารถใช้งานได้เพียงน้อยนิด ช่างน่าเศร้า
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เพียงแต่อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินกึ่งศตวรรษ มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ลูกเกรงว่าเขาจะไม่ยินยอม”ฮ่องเต้คังอู่เผยรอยยิ้ม “เขาไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน ถึงเวลาต้องใช้กลอุบายบ้างแล้ว ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตะลึงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อเขาครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ หากอ๋องจ่างซิ่นรู้ความจริง เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”“เช่นนั้นก็อย่าให้เขารู้สิ!” ฮ่องเต้คังอู่โยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงในสระปลาจากนั้นปัดเศษอาหารออกจากมือพลางกล่าวต่อ “เรื่องนี้ มอบหมายให้เจ้าไปทำ! เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช่หรือไม่?”ตามแผนการของซ่างกวนซี เขาไม่ต้องการที่จะจัดการกับอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันในเมืองหลวงในเมื่อตอนนี้ได้เปิดศึกกับอันกั๋วกงอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ควรกำจัดอันกั๋วกงก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับอ๋องจ่างซิ่นแต่เมื่อซ่างกวนซีนึกถึงความต้องการของท่านหญิงอิ๋นตาง และการประชันของนางกับเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็เปลี่ยนใจเขาจึงตอบรับทันที “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะทำการอย่างลับๆ แน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่ตบไหล่ซ่างกวนซี แล้วเ
ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำพูดของฮ่องเต้คังอู่มีเหตุผลหากเป็นอันกั๋วกงทำจริง ๆ เช่นนั้นอันกั๋วกงย่อมไม่มีทางทิ้งปิ่นหางหงส์อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ไว้แต่หากไม่ใช่อันกั๋วกงทำ เช่นนั้นจะเป็นใคร?ปิ่นของเยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำหลังจากนั้นโรงรับจำนำก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนทำลายศพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยเช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ ก็คือฆาตกรที่สังหารพระมารดาของเขาในอดีต?เวลาผ่านไปนานปี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ไฉนเลยจึงนำปิ่นหางหงส์ออกมา ทั้งยังจูงใจให้เยี่ยนเว่ยฉือซื้อกลับมาที่จวนรัชทายาทอีก?ทั้งหมดนี้มีแผนการร้ายอะไรแฝงอยู่?ซ่างกวนซีคิดไม่ออกไปชั่วขณะ“เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะสืบสาวเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่วางใจในตัวซ่างกวนซีหลังจากกล่าวเรื่องนี้จบ เขาก็เอ่ยถาม “เรื่องการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเป่ยอิ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ลูกไม่กล้าแสดงความเห็น”ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจอย่างจนใจสิบปีที่พ่อลูกแยกจากกัน สุดท้ายก็ห่างเหินซ่างกวนซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นับวันก็ยิ่งเหมือนขุนนาง ไม่ใช่พ่อลู
แต่เยี่ยนเว่ยฉือเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพียงแต่…รู้สึกกังวลอย่างประหลาดเมื่อซ่างกวนซีเห็นนางมีสีหน้ากังวล แต่กลับพูดอะไรไม่ออกก็เอ่ยปลอบ “กลับไปรอข้าอย่างเชื่อฟังเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้านางรู้สึกว่าคำพูดของซ่างกวนซีที่ว่า “รอข้า” ปลอบโยนนางได้มากเขาไม่ใช่คนผิดคำพูด เขาให้นางรอ เขาย่อมต้องรีบกลับมา!……วังหลัง อุทยานหลวงซ่างกวนซีเดินตามเต๋อซุ่วนกงกงมาถึงอุทยานหลวงมองเห็นแต่ไกลว่าฮ่องเต้คังอู่กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่ริมสระปลาทองในเวลานี้ ฮ่องเต้คังอู่มีพระเนตรที่สุกใสน่ากลัว สีหน้าก็เคร่งขรึม ไม่หลงเหลือท่าทางมึนเมาเช่นในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้ซ่างกวนซีเข้าใจแล้ว ฮ่องเต้คังอู่แสร้งทำเป็นเมาเขาเดินไปข้างหน้า ประสานมือคารวะ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้น ไล่คนรอบข้างออกไปซ่างกวนซีถามต่อ “เสด็จพ่อเรียกลูกมา มีอะไรจะสั่งสอนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้คังอู่มีสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ชูจิ่ง เจ้าจะต้องตามหาสตรีที่สวมปิ่นของเสด็จแม่เจ้า หรือจับกุมบุรุษที่ชื่อฮวาอวี๋ให้ได้!”ซ่างกวนซีตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกฉงน “เสด็จพ่อไม่ได้มอบ
ในขณะที่ฮ่องเต้คังอู่ลังเล ซ่างกวนหลีก็รีบลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้มอบให้กระหม่อมจัดการเถิด! ตราบใดที่คนผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง กระหม่อมจะต้องหาทางจับตัวเขาออกมาให้ได้!”อันกั๋วกงก็รีบกล่าวเช่นกัน “ใช่แล้วฝ่าบาท ก่อนหน้านี้เมื่อสำนักปกครองเมืองหลวงตรวจสอบปิ่นปักผมนี้ ก็ได้รายงานคดีนี้ให้องค์ชายรองทราบแล้ว ให้องค์ชายรองสืบสวนต่อไปก็ดี จะได้ไม่ต้องส่งมอบให้ผู้อื่น เพิ่มความยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์”ฮ่องเต้คังอู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ดี เรื่องนี้ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าต้องทำให้ประชาชนทุกคนในเมืองหลวงได้สัมผัสกับน้ำยาเถาเหลยกง!”“กระหม่อมรับพระบัญชา!” ซ่างกวนหลีรับคำอย่างยินดีอีกด้านหนึ่ง เยี่ยนเว่ยฉือ อวี๋เฟยเหยียน และฉินเซียงหรูต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซ่างกวนซีเพราะทุกคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยปิ่นหางหส์นี้เป็นของรักของอดีตฮองเฮากล่าวอีกนัยหนึ่ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตฮองเฮามากที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นพระโอรสองค์เดียวของอดีตฮองเฮาที่ยังมีชีวิตอยู่ซ่างกวนซีจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษแต่ทำไมฮ่องเต้คังอู่ถึงไม่มอบหมายเรื่องนี้ให้เขาทำ?ก่อนหน้า
ฮ่องเต้คังอู่ต้องการออกโจทย์การประชันด้านอักษร ย่อมมีประสงค์ที่จะช่วยเหลือเยี่ยนเว่ยฉือเขาต้องการถามเยี่ยนเว่ยฉือเป็นการส่วนตัวว่า แท้จริงแล้ว พิณ หมากรุก อักษร และภาพวาด นางถนัดสิ่งใดเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยได้ยินฝ่าบาทออกหน้า ย่อมไม่อาจขัดพระราชโองการได้ต่างก็เอ่ยตอบรับ“หม่อมฉันล้วนยอมรับการจัดการของฝ่าบาทเพคะ”“หม่อมฉันก็ยอมรับเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นเรื่องการประชันค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ กลับโต๊ะตนเองเถิด อย่าได้เอะอะอีก!”ฮ่องเต้คังอู่หันมองอ๋องจ่างซิ่น ส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตาอ๋องจ่างซิ่นพยักหน้าอย่างจนใจ อัดอั้นตันใจอย่างยิ่งหากแพ้ เสียหน้าเป็นเรื่องเล็ก ที่ร้ายแรงคือสูญเสียอำนาจคุมกองทัพเสินเช่อแต่หากชนะ เขาจะให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงานกับผีดิบที่ใกล้ตายหรือ?“เฮ้อ!” อ๋องจ่างซิ่นถอนหายใจ กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง…… ทุกคนดูละครจบก็ร่ำสุรา สนทนากันต่อพูดไปพูดมาก็วกกลับมาที่คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับการประชันของเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟย ทุกคนย่อมให้ความสำคัญกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมากกว่าเบื้องบน ฮองเฮาอดไม