ซ่างกวนเจวี๋ยเม้มริมฝีปาก “หืม เรื่องนี้มันแปลกตรงไหน เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ข้าได้สืบข้อมูลมาแล้ว นางเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุของผิงอี้โหว ถูกเลี้ยงดูในชนบท มือคงไม่เคยจับแม้แต่เศษสตางค์แดงเดียว บัดนี้ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาททั้งที องค์รัชทายาทจะจัดหาทรัพย์สินส่วนตัวให้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ข้าไม่นึกเลยว่า องค์รัชทายาทจะกินไม่เลือก นางกินนอนในคอกหมู กลับยังกอดได้ลง ฮ่า ๆ ๆ!”ซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะร่าเริง ดูเหมือนอยากรู้เรื่องราวบนเตียงระหว่างซ่างกวนซีกับเยี่ยนเว่ยฉืออย่างยิ่งซ่างกวนหลีนึกถึงใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ พลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของนาง ใบหน้านั้น...”พูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนหลีตบต้นขาตัวเองด้วยความหงุดหงิด “เฮ้! ข้าพูดเรื่องนี้กับเจ้าทำไมกันนะ อย่าขัดข้าสิ ข้ากำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่”เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ? โดยทั่วไปแล้วการจัดหาทรัพย์สินก็มักจะเป็นโรงเตี๊ยมโรงน้ำชา หรือไม่ก็ที่ดิน บ้านเรือน จะมีใครอยากซื้อโรงงานกัน?”ซ่างกวนเจวี๋ยครุ่นคิด เห็นว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้างเขาจึงนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ถ้าเสด็จพี่รองรู้สึกไม่สบายใจ เ
รถม้าหยุดลง ทุกคนก็เห็นว่ามีคุณชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังสั่งให้คนงานขนของ“พวกเจ้าระมัดระวังด้วย แยกของที่ใช้ได้กับของที่ใช้ไม่ได้ออกจากกัน อีกทั้งห้องเก็บน้ำมันตุงก็ต้องตรวจสอบให้ดี ห้ามให้หลังคารั่ว รอบ ๆ ก็ห้ามมีวัตถุไวไฟ เข้าใจหรือไม่?”คนงานต่างตอบรับพร้อมเพรียงเรื่องอื่น ๆ ไม่น่าสนใจ แต่คำว่า ‘น้ำมันตุง’ กลับดึงดูดความสนใจของซ่างกวนหลีและซ่างกวนเจวี๋ยได้ในทันทีซ่างกวนหลีหันไปมองซ่างกวนเจวี๋ย “เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ น้ำมันตุงหรือ?”ซ่างกวนเจวี๋ยพยักหน้า “ถูกต้อง น้ำมันตุง อ้อ ใช่แล้ว โรงงานทำร่มกระดาษ ก็ต้องใช้น้ำมันตุงทาร่มเพื่อกันฝนมิใช่หรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนหลีก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ร้องออกมาเบา ๆ ว่า “ข้ารู้แล้วว่าซ่างกวนซีกำลังจะทำอะไร!”ซ่างกวนเจวี๋ยมองด้วยความสงสัย “จะทำอะไรหรือ?”ซ่างกวนหลีกลับเข้ามาในรถม้า ทำเหมือนไม่คิดจะหาคำตอบ แต่กลับสั่งเสียงเบาว่า “จี้อู๋ เจ้าพาคนสองคนไปดูโรงงานหน่อย ว่าในนั้นมีน้ำมันตุงจริง ๆ หรือไม่”จี้อู๋รับคำสั่งแล้วจากไปจากนั้นซ่างกวนหลีก็สาปแช่งซ่างกวนซีอยู่ในรถม้า“ซ่างกวนซี ข้าคิดว่าเจ้าไม่คิดจะแก่งแย่งแข็งขันอะไรแล้ว ไ
จี้อู๋รู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าดูคุ้นเคยแปลก ๆ ราวกับเคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแต่ให้คิดในครู่เดียวย่อมจำไม่ได้ จึงไม่ได้คิดมาก เอ่ยถามว่า “ท่านเป็นเจ้าของโรงงานใช่หรือไม่?”เย่เทียนซูรีบพยักหน้า “บิดาข้าเป็นเจ้าของ ข้าเป็นเพียงทายาท ท่านก็มาดูโรงงานเช่นกันหรือ? น่าเสียดาย ที่นี่ขายไปแล้วในราคาห้าพันตำลึง”“ห้าพันตำลึง?” จี้อู๋พิจารณาขนาดของโรงงาน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขออภัยที่พูดตรง ๆ ที่นี่พื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก อาคารเหล่านี้ก็ทรุดโทรมไม่น้อย เหตุใดถึงขายแพงเช่นนี้?”“ท่านไม่เข้าใจ ข้าขายที่ดินพร้อมทั้งอาคาร วัสดุ และคนงาน ที่ไม่ต้องพูดถึงเลยคือ น้ำมันตุงในโรงงานของข้ามีมูลค่ามหาศาล ถึงแม้ไม่ได้เปิดโรงงาน แค่ขายน้ำมันตุงให้ทางการก็ได้กำไรมากโข หากไม่ใช่เพราะบิดาของข้าป่วยหนัก ต้องการเงินรักษาจำนวนมาก ข้าก็ไม่ยอมขายหรอก!” เย่เทียนซูเม้มริมฝีปาก สายตาแสดงให้เห็นว่าจี้อู๋ช่างไม่รู้ของดีจี้อู๋ยิ้ม “คุณชายเย่อย่าได้โกรธเคือง เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าในโรงงานมีน้ำมันตุงอยู่มาก ไม่ทราบว่าพอจะให้ข้าดูได้หรือไม่? หากเป็นเช่นที่ท่านว่า นายท่านของข้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึงเพื่อซื้อที่นี่”
เย่เทียนซูขมวดคิ้ว “นี่… เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า เกรงว่า...”จี้อู๋เข้าใจทันที กล่าวว่า “ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ พ่อบ้านของข้าจะนำตั๋วเงินเจ็ดพันตำลึงมาเพื่อทำการซื้อขาย ณ ที่นี้ ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”หกพันตำลึงสำหรับซื้อโรงงาน หนึ่งพันตำลึงเป็นค่าชดเชยการผิดสัญญาของผู้ซื้อคนก่อนเย่เทียนซูได้ยินจำนวนเงินนี้ก็แสดงสีหน้าละโมบทันที ตาเป็นประกาย ตอบว่า “เช่นนั้นท่านจงจำคำพูดตนเองให้ดี หากเลยเที่ยงวันไปแล้ว ข้าต้องขายให้ที่นี่แก่คนอื่นแล้วนะ”“ไม่โป้ปดแน่!”เย่เทียนซูยิ้ม “ขอบคุณนายท่าน เช่นนั้นท่านเดินทางดี ๆ!”จี้อู๋พยักหน้า พาคนของตนเดินกลับไปยังรถม้าด้วยความยินดีเมื่อเห็นรถม้าขับออกไปไกล กระทั่งลับหายไปจากสายตาเยี่ยนเว่ยฉือและซ่างกวนซีจึงค่อย ๆ เดินออกมาเย่เทียนซูเข้ามาใกล้ ยิ้มแย้ม “ศิษย์พี่ การแสดงของข้ายอดเยี่ยมหรือไม่?”เย่เทียนซูม้วนผมของตน ยิ้มเย้ายวนทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากซ่างกวนซีชินกับท่าทางของเขาแล้ว ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่กลับสงสัยเรื่องโกดังเก็บของเมื่อครู่ จึงถามว่า “เจ้าหาน้ำมันตุงมาจากไหนมากมายเช่นนี้?”เย่เทียนซูชี้ไปที่เยี่ยนเว่ย
ผู้ชายคนนี้ นางอุตส่าห์ช่วยเหลือเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขากลับยังสงสัยเคลือบแคลงในตัวนาง“เห้อ ชีวิตพระชายาช่างยากเย็น น่าเบื่อหน่ายเสียจริง!” ถ้อยคำของเยี่ยนเว่ยฉือดึงดูดความสนใจของเย่เทียนซูเย่เทียนซูหัวเราะ “ฮ่า ๆ แม่นางน้อย เจ้าว่าอย่างไรนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเจื่อน ๆ “ไม่มี ไม่มีอะไร!” เมื่อกล่าวจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ก้าวเดินตามซ่างกวนซีไป…… บนรถม้าผู้ที่หลอกลวงไร้ความยินดี แต่ผู้ที่ถูกหลอกลวงกลับมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อจี้อู๋ขึ้นรถม้าก็เล่าสิ่งที่ตนได้พบเห็นแก่สององค์ชายทราบ ซ่างกวนหลีและซ่างกวนเจวี๋ยฟังอย่างตั้งใจจากนั้นเขาก็ฉีกแขนเสื้อของตน จุดไฟให้ทั้งสองดูเมื่อเห็นแขนเสื้อที่ติดไฟในทันที ซ่างกวนหลีก็ตบต้นขาดังฉาด “ทำได้เยี่ยม!”ซ่างกวนเจวี๋ยก็กล่าวด้วยความยินดี “อาศัยโรงงานทำร่มกระดาษนี้ ไม่เพียงแต่เสด็จพี่รองจะสามารถอธิบายเรื่องนั้นได้แล้ว ยังสามารถอธิบายต่อเสด็จพ่อได้อีกด้วย”ซ่างกวนหลีพยักหน้า “ถูกต้อง แต่บัดนี้ยังติดปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง”“ปัญหาอะไร?”ซ่างกวนหลีเม้มริมฝีปาก ดูเหมือนลำบากใจที่จะเอ่ยซ่างกวนเจวี๋ยมองด้วยความสงสัยซ่างกวนหลียิ้ม “เรื่องนี้ ข
ซ่างกวนเจวี๋ยได้ยินดังนั้น รีบประจบประแจงว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เสด็จพี่รองฉลาดเฉลียวกว่าใคร ข้ากลับคิดแผนการไม่ออกเลย!”ซ่างกวนหลียิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ายังเยาว์เกินไป ไปกันเถอะ ไม่มีเรื่องน่าหนักใจแล้ว พวกเราไปที่พักผ่อนคลายกันที่หอหงซิ่วเถอะ!”…… ค่ำคืนนั้น ที่จวนผิงอี้โหวโครม! เพล้ง! ปัง!ในลานด้านหลังจวนผิงอี้โหว ได้ยินเสียงทุบทำลายข้าวของดังไม่ขาดสายบรรดาหญิงรับใช้และนางกำนัลต่างเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าขัดขวาง“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกัน?” ผิงอี้โหวอย่างเยี่ยนหานซานและท่านหญิงหมิงหยาง รีบวิ่งเข้ามาจากลานด้านหน้าเฉิงเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปหา รายงานว่า “นายท่าน ฮูหยิน โปรดเข้าไปดูคุณหนูด้วยเถิดเจ้าค่ะ นับตั้งแต่คุณหนูกลับมาจากตลาด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายโกรธเสียที บะ… บ่าวเองก็ห้ามไม่ได้!”“โกรธหรือ? โกรธอะไร? ไม่ใช่ว่าข้าให้ตั๋วเงินไปแล้วหรอกหรือ?” ท่านหญิงหมิงหยางงุนงงผิงอี้โหวได้ยินดังนั้น จึงถามว่า “ตั๋วเงิน? ตั๋วเงินอะไร?”ท่านหญิงหมิงหยางถอนหายใจ “อ้อ วันนี้ซูเอ๋อร์เห็นสร้อยข้อมือสองคู่ จึงบอกว่าต้องการเงินสองพันตำลึง แม้ว่าจะแพงไปหน่อย แต่เพ
ท่านหญิงหมิงหยางจับมือของเยี่ยนชิงซูแล้วพานางเข้าไปในห้องจากนั้นนางก็พูดปลอบด้วยความรักและจริงใจ “ซูเอ๋อร์ พ่อของเจ้าจะทำร้ายเจ้าได้อย่างไร? องค์รัชทายาทอาจมีสถานะสูงส่ง แต่เขาไม่มีตระกูลมารดาคอยสนับสนุนและอยู่ในเมืองหลวงอย่างโดดเดี่ยว เขานั่งตำแหน่งนี้ได้อีกไม่นานหรอก”เยี่ยนชิงซูทำหน้ามุ่ยและแค่นเสียงเย็น ราวกับนางไม่สนใจว่าซ่างกวนซีจะเป็นองค์รัชทายาทหรือไม่ สิ่งเดียวที่นางสนใจคือรูปลักษณ์ของซ่างกวนซีเท่านั้นเมื่อเห็นเช่นนั้น ท่านหญิงหมิงหยางก็กล่าวต่อ “ส่วนเรื่องร่างกายของเขา ตอนที่เขายังเป็นเด็ก เขาได้รับพิษประหลาดเข้าไปมากมาย แม้ฝ่าบาทจะทรงใช้ความพยายามทั้งหมดของคนทั้งแคว้น ก็ไม่สามารถถอนพิษให้เขาได้อย่างสมบูรณ์ ทำได้เพียงระงับพิษไว้เท่านั้น คนเช่นนี้ตายได้ทุกเมื่อ หากเจ้าแต่งงานกับเขาจะไม่กลายเป็นหม้ายตั้งแต่ยังสามเอาหรือ?”“แต่ก็เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเขาดูดีมากเลยนี่เจ้าคะ!" เยี่ยนชิงซูเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ “เขาไม่เพียงแค่ดูดีมากเท่านั้น แต่เขายัง…อ่อนโยนและเอาใจใส่เยี่ยนเว่ยฉือถึงเพียงนั้นอีกด้วย!...ฮึ่ย!”เยี่ยนชิงซูขยำผ้าเช็ดหน้าในมือ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความอิจฉาริษ
ท่านหญิงหมิงหยางทำสีหน้าชั่วร้าย นางพูดพร้อมเผยรอยยิ้มอันน่ากลัว “ข้าอยากให้ชีวิตแต่งงานของนางไม่มีความสุข”“หา? นี่…”ก่อนที่เยี่ยนหานซานจะเอ่ยห้าม ท่านหญิงหมิงหยางก็พูดด้วยความโกรธ “ทำไม? เป็นห่วงนางรึ? อย่าบอกนะว่าท่านยังคิดถึงนางหญิงสารเลวเยวี่ยฉงหรงนั่นอยู่!”เยี่ยนหานซานรีบมาโอบฮูหยินด้วยสีหน้ายิ้มแย้มและพูดปลอบใจในเวลาเดียวกัน “ดูสิ ดู ๆ ฮูหยินพูดอะไรน่ะ? ในใจข้ามีฮูหยินเพียงคนเดียวเท่านั้น!”ขณะที่เยี่ยนหานซานพูด เขาก็ดันนางไปทางเตียงนอนท่านหญิงหมิงหยางมองท้องฟ้าแล้วพูดยั่วเย้าว่า “นายท่าน ยังไม่มืดเลย”เยี่ยนหานซานยิ้มและพูดว่า “กลัวอะไร ซูเอ๋อร์กำลังจะแต่งงาน เจ้ากับข้าก็เหลือหงเอ๋อร์เป็นลูกชายเพียงคนเดียว ถึงตอนนั้นคงจะเหงาแย่ พวกเรารีบมีน้องให้ซูเอ๋อร์กับหงเอ๋อร์สักคนสองคนดีกว่า จะได้มีลูกเต็มบ้านและครอบครัวอบอุ่น!”ใบหน้าของท่านหญิงหมิงหยางแดงเล็กน้อย สุดท้ายนางก็อาศัยความแข็งแกร่งของเยี่ยนหานซาน ท่องไปยังแดนสวรรค์ด้วยกัน……ณ จวนองค์รัชทายาท“ฮัดชิ่ว!” เยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังนั่งอยู่ในห้องตำราส่งเสียงจามรบกวนซ่างกวนซีที่นั่งทำงานอยู่ ทั้งยังดึงความสนใจหว่านฉิงที่
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว