“นี่ ๆ ๆ องค์รัชทายาท ช้าก่อน ท่านจะรีบไปไหนเนี่ย!” เยี่ยนเว่ยฉือเกือบล้มหน้าคะมำซ่างกวนซีลากนางเข้าไปในห้องนอนโดยปราศจากคำอธิบาย จากนั้นก็เอื้อมมือไปปิดประตูเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าอากาศรอบตัวเริ่มร้อนระอุและคลุมเครือขณะที่นางกำลังสับสน ซ่างกวนซีก็ชี้ไปที่ตั่งเตี้ย ๆ ข้างเตียงแล้วพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้านอนตรงนี้”เยี่ยนเว่ยฉือมองเตียงใหม่ที่แสนกว้างขวาง จากนั้นก็มองไปที่ตั่งเล็กแคบ ๆ สุดท้ายก็หันไปมองซ่างกวนซี ดวงตากลมโตของนางกะพริบด้วยความสับสนซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า “ฟังไม่รู้เรื่อง?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก ไม่ใช่ว่านางฟังไม่รู้เรื่อง นางแค่...ไม่เข้าใจนิดหน่อย“องค์รัชทายาทนอนกับข้าแล้วรู้สึก...อึดอัดมากเลยหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะถามซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่ใช่เพราะเขาอึดอัด แต่เพราะใจเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวต่างหากวิชาสหัสเหมันต์ควรถูกนำมาใช้ช่วยชีวิต ไม่ใช่เพื่อช่วยให้เขาระงับความปรารถนาของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่าเยี่ยนเว่ยฉือที่ทำสีหน้าไม่รู้ความและไร้เดียงสา ราวกับไม่รู้ตัวว่าท่าทางที่งดงามนี้น่าหลงใหลเป็นที่สุดเขาไม่ใช่คนตายด้านทั้งยัง
โดยเฉพาะซ่างกวนซีที่ถามอย่างหมดคำจะพูด “พูดอะไรของเจ้า? เหตุใดข้าต้องถอดเสื้อผ้าด้วย!”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายขวดยาในมือ กะพริบตาแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาททิ้งสมองไว้ในอ่างตอนที่อาบน้ำรึ? เมื่อครู่ข้าก็เพิ่งบอกว่าข้าไปหยิบยา และนั่นก็เป็นยาที่จะเอามาทาให้ท่าน ซึ่งแน่นอนว่าตอนทายาก็ต้องถอดเสื้อผ้าอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีพูดไม่ออกชั่วขณะ เขาขมวดคิ้วและพูดว่า “บังอาจนัก!” กล้าดีอย่างไรถึงมาว่าเขาไม่มีสมอง?เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม ก้าวไปดึงข้อมือของซ่างกวนซีแล้วเดินไปที่โต๊ะนางคุ้นชินกับความปากร้ายแต่ใจดีของซ่างกวนซีแล้ว“เอาล่ะ ๆ นี่ไม่ใช่วันแรกที่ข้าทำตัวอวดดีเสียหน่อย ท่านควรจะชินได้แล้ว มา ถอดเสื้อผ้า!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบขวดยาขึ้นมาและรอให้ซ่างกวนซีเปลื้องผ้าซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า “แผลภายนอกก็หายดีหมดแล้ว เหตุใดข้าต้องยาทาอีก?”เยี่ยนเว่ยฉือกระพริบตาแล้วพูดว่า “ก่อนหน้านี้ก็เพื่อห้ามเลือดและลดการอักเสบ แต่ตอนนี้ใช้ลบรอยแผลเป็น เพื่อความสวยงามอย่างไรเล่า!”“ลบรอยแผลเป็นรึ?” ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ข้าไม่จำเป็นต้องลบรอยแผลเป็นหรอก”เขาอยู่ในสนามรบมมาตลอดทั้งปีและมีรอยแผลเป็นบนร่างกายนับไม
“แตะ...แตะต้องข้า?” ดวงตากลมโตของเยี่ยนเว่ยฉือกะพริบปริบ ๆ ดูเหมือนนางจะไม่เข้าใจในสิ่งที่ซ่างกวนซีพูด“ไม่เข้าใจรึ? เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าได้สัมผัสมันเอง!” ทันทีที่ซ่างกวนซีพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเหมือนโลกกำลังหมุนขณะที่นางกำลังจะมองเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้ชัดเจน นางก็ถูกอุ้มขึ้นมาแล้ว“ว้าย! องค์รัชทายาท นี่ท่านทำอะไรเนี่ย?!” ทายาให้อยู่ดี ๆ เหตุใดจู่ ๆ คนผู้นี้ถึงได้อุ้มนางเล่า?ซ่างกวนซีวางนางไว้บนเตียงโดยไร้ซึ่งคำอธิบายใด ๆ จากนั้นเขาก็โน้มตัวทาบทับลงมาอย่างฉับพลันลมหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือเริ่มติดขัดในทันที แม้นางจะหัวช้าแค่ไหน แต่นางก็เข้าใจสายตาคุกคามของซ่างกวนซีนี่มันแย่สุด ๆ!นางเพียงแค่ทายาให้ซ่างกวนซีก็เท่านั้น เขาจะเนรคุณนางเช่นนี้ได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือรีบวางมือบนหน้าอกของซ่างกวนซีและพูดตะกุกตะกัก “อะ…องค์รัชทายาท…จะ...ใจเย็นก่อน!”ซ่างกวนซีโต้กลับด้วยความโกรธ “เจ้าจะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรในเมื่อเจ้าลูบ ๆ คลำ ๆ ข้าเช่นนี้? เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าจะยั่วข้าแล้วปฏิเสธอยู่ร่ำไปเยี่ยงนี้จนถึงเมื่อไร?”“องค์รัชทายาท ข้าเปล่านะ ข้า...ข้ามีเจตนาดีหวังจะทายาให้ท่าน ไม่
เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้ว่าซ่างกวนซีจะทำอะไร แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นถูกต้องตอนนี้นางจิตใจไม่สงบเป็นอย่างมาก แต่การที่คนสองคนแนบชิดกัน อีกทั้งนางก็อยู่ในสภาพที่เสื้อผ้าไม่เรียบร้อยเช่นนี้ จะให้นางใจเย็นอย่างไร??นางมองซ่างกวนซีอย่างประหม่า เห็นเขาเหยียดนิ้วเรียวยาวไปแต้มขี้ผึ้งขึ้นมาแล้วค่อย ๆ ถูบนไหล่ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามเสียงทุ้ม “ตอนนี้...เจ้าเข้าใจแล้วหรือยัง?”“ขะ...เข้าใจอะไร?” เยี่ยนเว่ยฉือสับสนนิ้วของซ่างกวนซีค่อย ๆ เลื่อนลงมาตามไหล่เรียบเนียนของนาง ไล่ไปที่กระดูกไหปลาร้าของนางแล้วลูบเบา ๆ “เช่นนี้เล่า เข้าใจหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยสีหน้าขมขื่น “องค์รัชทายาท ทะ...ท่านโปรดพูดให้ชัดเจนกว่านี้หน่อยสิ วะ...ว่าข้าควรเข้าใจอะไร?”ซ่างกวนซีจนใจ ที่เขาจนใจนั้นไม่ใช่เพียงเพราะความหัวช้าของเยี่ยนเว่ยฉือ แต่ยังเป็นเพราะปฏิกิริยาของตัวเองด้วยหากเยี่ยนเว่ยฉือยังไม่เข้าใจอีก เขาก็จะทนไม่ไหวแล้ว!นิ้วของซ่างกวนซีที่เปื้อนขี้ผึ้งเนื้อเนียน ยังคงเคลื่อนช้า ๆ ไปตามกระดูกไหปลาร้าของเยี่ยนเว่ยฉือ และหลังจากนั้นไม่นาน มันก็เคลื่อนมาถึงขอบกางเกงชั้นในของเยี่ยนเว่ยฉือซ่างกวนซีถามเสียงท
ปึง!ประตูถูกเปิดออกด้วยแรงจากฝ่ามือ กระแทกชวนหงเข้าอย่างแรง“โอ๊ย——” ยังไม่ทันที่นางจะกรีดร้องจนสิ้นเสียง ชวนหงก็ถูกประตูกระแทกจนหมดสติและเลือดกำเดาสีแดงสดไหลลงมาอาบหน้าของนางในทันทีเสียงความวุ่นวายที่ดังอึกทึกทำให้พ่อบ้านจางกับจางมามา รวมไปถึงซูเค่อและหว่านฉิงที่อยู่ตรงเรือนด้านนอกต่างก็ได้ยินกันหมดจางมามาไม่ยอมให้สาวใช้ทั้งสองเข้ามา พาเพียงแค่พ่อบ้านจางเข้าไปตรวจสอบในเรือนคนชราทั้งสองมีสายตาที่หลักแหลม เมื่อพวกเขาเห็นประตูห้องเปิดอยู่และเห็นซ่างกวนซีนั่งอยู่ในห้อง ส่วนชวนหงนอนอยู่ในเรือน พวกเขาก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นจางมามาตะโกนไปทางประตู “พวกเจ้าสองคนมัวยืนเหม่ออะไรอยู่ ไม่รีบแบกนางกลับไปอีก?”ซูเค่อและหว่านฉิงมองหน้ากัน จากนั้นก็รีบก้าวไปแบกชวนหงออกไปทั้งสองปฏิบัติตามโดยไม่ได้ถามอะไรแม้แต่คำเดียวหลังจากคนอื่น ๆ ไปกันหมดแล้ว จางมามาก็ก้าวไปปิดประตูโดยไม่พูดอะไรซ่างกวนซีถอนหายใจ แม้เขาจะรำคาญชวนหงจนระบายอารมณ์ออกไป แต่ก็สามารถระงับความว้าวุ่นของเขาได้เขายิ้มเจื่อนด้วยความละอาย “นี่ข้าเป็นอะไรเนี่ย? โตจนป่านนี้แล้วแท้ ๆ หรือว่าข้าอยู่อย่างเปล่าเปลี่ยวมานานเกินไป?”
“ท่านรัฐทายาท ท่านกำลังตามหาองค์รัชทายาทหรือขอรับ ตอนนี้พระองค์ไปที่เรือนด้านหน้าแล้วขอรับ” พ่อบ้านจางกล่าวอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า จากนั้นหันไปมองผ้าห่มแล้วพูดด้วยความสับสน “เกิดอะไรขึ้น? จะซักผ้าห่มรึ? ศิษย์พี่ใหญ่ของข้าคงไม่ได้ฉี่รดที่นอนหรอกนะ ฮ่า ๆ ๆ!”พ่อบ้านจางคุ้นชินกับนิสัยชอบหยอกล้อของอวี๋เฟยเหยียนแล้วเขาจึงทำเพียงแค่หัวเราะและพูดว่า “เฮอะ ๆ ๆ ปกติขอรับ ปกติ!”อวี๋เฟยเหยียนกะพริบตา อีกฝ่ายหมายถึงอะไร เหตุใดเขาถึงฟังไม่เข้าใจ?พ่อบ้านจางไม่มีเวลาอธิบายมากนัก เขาจึงรีบกล่าวขอตัวจากไปอวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “หมายถึงอะไรกัน?”อวี๋เฟยเหยียนเงยหน้ามองท้องฟ้า เป็นเวลาชั่วครู่หนึ่งที่เขาจำไม่ได้ว่าวันนี้เป็นวันอะไรแต่จะเป็นวันอะไรก็ไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือวันนี้เป็นวันที่ซ่างกวนหลีนัดซื้อโรงงานทำร่มกระดาษน้ำมันของตระกูลเย่……เมื่ออวี๋เฟยเหยียนมาถึงเรือนด้านหน้า ก็เห็นซ่างกวานซีกำลังรับประทานอาหารเช้าเพียงลำพังเขามองไปรอบ ๆ ห้องด้วยความสับสน จากนั้นจึงหันไปมองที่เรือนแล้วถามว่า “เยี่ยนเว่ยฉือเล่า?”ซ่างกวนซีตอบเสียงเรียบ “ยังไม่ตื่น”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้าและพูดว่า “เช่นนั้
“พรืด!” เยี่ยนเว่ยฉือกลั้นไม่ไหวและพ่นโจ๊กสีขาวในปากออกมาจนทำให้อาหารบนโต๊ะไม่สามารถกินต่อได้แล้วศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองหันมามองนางเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายมากจนไม่รู้ว่าจะปิดหน้าหรือปิดปากดี แต่นางก็กลั้นไม่ไหวแล้ว“ฮ่า ๆ ๆ ! ฮ่า ๆ ๆ !” เสียงหัวเราะราวกับระฆังเงินดังก้องไปทั่วทั้งห้องซ่างกวนซีสูดลมหายใจลึก คิดอยากจะเตะอวี๋เฟยเยียนไปให้พ้น ๆ เสีย!อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ข้าเดาผิดหรือ?”ซ่างกวนซีเมินอีกฝ่าย และมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ “น่าขันมากนักรึ?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวอย่างรวดเร็ว ไม่หรอก ไม่น่าขันเลย แต่ถึงจะน่าขันนางก็ไม่กล้าหัวเราะอวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจ แต่นางเข้าใจดีเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากแน่น ยังคงอยากหัวเราะอยู่เพราะนางรู้ว่าเหตุผลที่ซ่างกวนซีทำเช่นนั้นน่าจะเป็นเพราะนางทายาให้คาดไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทแห่งแผ่นดินจะมีความเป็นสุภาพบุรุษ แม้เขาจะอึดอัด แต่เขาก็ไม่บังคับให้นางยินยอมที่สำคัญกว่านั้น เขาไม่ใช่คนที่กินไม่เลือก ไม่เคยคิดเกินเลยกับสาวใช้แสนสวยทั้งสี่คนนั้นเลยช่างรักษากายให้บริสุทธิ์เช่นนี้!เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปากยิ้ม รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างแล้ว……หล
อวี๋เฟยเหยียนพูดด้วยความประหลาดใจ “เหตุใดถึงเป็นเขาล่ะ?”เยี่ยนเว่ยฉือถามว่า “เขาคือใครหรือ?”อวี้เฟยหยานอธิบายว่า “หยางอวิ๋นเฟิง รองเจ้ากรมพลเรือนที่มีชื่อเสียงในด้านดี เขาเป็นขุนนางที่ซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา แล้วเขามาร่วมมือกับซ่างกวนหลีได้อย่างไร?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ดูเหมือนขุนนางผู้ซื่อสัตย์ที่ข้าชอบใจ เก้าในสิบคนจะเป็นหนามยอกอกของตระกูลอันกั๋วกง”อวี๋เฟยเหยียนหันไปมองซ่างกวนซี “ศิษย์พี่ใหญ่หมายความว่าซ่างกวนหลีจงใจเลือกเขา ไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็แล้วไป แต่หากเกิดเรื่องก็จะโยนความผิดทุกอย่างไปให้เขาและกำจัดเขาทิ้งใช่หรือไม่ขอรับ?”ซ่างกวนซีพยักหน้าอวี๋เฟยเหยียนพูดต่ออย่างเป็นกังวล “เช่นนั้นพวกเราควรทำอย่างไรกันดี? จะทำตามแผนเดิมหรือไม่? หากยึดตามแผนเดิม วันนี้เขาต้องประสบปัญหาใหญ่แน่”ซ่างกวนซีมองไปที่หยางอวิ๋นเฟิงอย่างเงียบ ๆ หลังจากนั้นไม่นาน เขาและเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดพร้อมกัน “ทำตามแผนเดิม!”ซ่างกวนซีเป็นคนพูดนั้นไม่เท่าไร แต่เหตุใดเยี่ยนเว่ยฉือถึงตัดสินใจเช่นเดียวกัน?ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือโดยไม่รอให้ทั้งสองถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดขึ้น
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ