ชวนหงนึกในใจว่า ‘เสียงดังขนาดนี้เชียว องค์รัชทายาทดูองอาจหาญกล้าสมชายชาตรี ไม่เห็นเป็นเช่นข่าวลือที่ว่าไร้สมรรถภาพเลย ข้าว่าข่าวลือข้างนอกล้วนเป็นเพียงเรื่องไร้สาระทั้งสิ้น หวังว่าต่อจากนี้ไปพระชายาจะหมดแรงไปเสีย ข้าจะได้เข้าไปปรนนิบัติแทน!’ชวนหงครุ่นคิดฝันหวานอยู่คนเดียวขณะนั้นเอง ทหารองครักษ์คนหนึ่งในจวนองค์รัชทายาทเดินผ่านประตูเรือนซวงหาน แล้วโยนก้อนหินก้อนเล็ก ๆ เข้าไปในเรือนก้อนหินนั้นรัศมีวงโค้งแม่นยำทีเดียว ตกอยู่แทบเท้าของชวนหงชวนหงก้มมองดู แล้วมองไปตามทิศทางที่ก้อนหินกลิ้งมา เงยหน้าขึ้นมององครักษ์คนนั้นชวนหงพยักหน้าเล็กน้อย องครักษ์จึงเข้าใจ รีบเดินจากไปสิ้นเสียงกลองสามยาม หว่านฉิงที่นอนหลับสนิทถือผ้าเช็ดตัว เดินไปยังลานด้านหลังท่าทางเหมือนจะไปเข้าห้องน้ำแต่ปลายทางของนางกลับไม่ใช่ห้องน้ำ แต่เป็นประตูหลังที่ใช้สำหรับเทน้ำทิ้งในลานด้านหลังก๊อก… ก๊อกก๊อก!เสียงเคาะประตูหนึ่งยาวสองสั้นได้รับการตอบรับจากภายนอกอย่างรวดเร็วเสียงชายหนุ่มถามจากนอกประตูว่า “พบอะไรบ้าง?”หว่านฉิงกระซิบบอก “องค์รัชทายาททรงเขียนรายงานทางทหารทุกวัน ส่วนใหญ่เป็นการจัดเตรียมการกระจายเบี้
ซ่างกวนซีฃมองดูมือเล็ก ๆ ที่แนบอยู่แทบกาย พูดด้วยความรู้สึกประหลาดว่า “คนข้างเตาเหมือนดวงจันทร์ ข้อมือขาวเนียนดุจหิมะ”เยี่ยนเว่ยฉืองามยิ่งนัก อย่างน้อยในสายตาของซ่างกวนซี นางไม่ได้ด้อยไปกว่าเยี่ยนชิงซูเลยแม้แต่น้อยซ่างกวนซีจับข้อมือเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ ไม่ได้ผลักนางออกไป แต่กลับลูบไล้เบา ๆมือนั้นนุ่มนวลราวกับไม่มีกระดูก ผิวพรรณดุจหยก จับใจมิอาจวางเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าร่างกายของสตรีจะอ่อนโยนกว่าบุรุษถึงเพียงนี้ข้อมืออ่อนนุ่มเช่นนี้ ส่วนอื่น ๆ คงจะนุ่มนวลยิ่งกว่านี้ใช่หรือไม่?ขณะที่ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหัวใจตนเองเริ่มเต้นรัวเร็วขึ้น ตาก็เหลือบไปเห็นกำไลหยกที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือเขาลูบไล้กำไล ขมวดคิ้วมุ่นพลางบ่นพึมพำ “นี่กำไลอะไรกัน? เนื้อหยกจัดว่ามีคุณภาพดีเยี่ยม แต่ทำไมรูปทรงจึงแปลกเช่นนี้ หรือว่านางทำแตกเอง?”เมื่อนึกถึงเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังเลือกซื้อกำไลอยู่ในตลาด ซ่างกวนซีจึงตัดสินใจในใจว่าจะมอบกำไลคู่หนึ่งให้นางในภายหลัง“วี๊ดๆๆ! วี๊ดๆๆ!”เสียงนกหวีดดังมาจากนอกหน้าต่างนั่นคือสัญญาณประจำตัวของอวี๋เฟยเหยียนซ่างกวนซีถอนตัวออกจากอ้อมแขนของเยี่ยนเว่ยฉือ เดินไปที่ประตู
ซ่างกวนเจวี๋ยเม้มริมฝีปาก “หืม เรื่องนี้มันแปลกตรงไหน เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ข้าได้สืบข้อมูลมาแล้ว นางเป็นบุตรีที่เกิดจากอนุของผิงอี้โหว ถูกเลี้ยงดูในชนบท มือคงไม่เคยจับแม้แต่เศษสตางค์แดงเดียว บัดนี้ได้เป็นพระชายาองค์รัชทายาททั้งที องค์รัชทายาทจะจัดหาทรัพย์สินส่วนตัวให้บ้างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ข้าไม่นึกเลยว่า องค์รัชทายาทจะกินไม่เลือก นางกินนอนในคอกหมู กลับยังกอดได้ลง ฮ่า ๆ ๆ!”ซ่างกวนเจวี๋ยหัวเราะร่าเริง ดูเหมือนอยากรู้เรื่องราวบนเตียงระหว่างซ่างกวนซีกับเยี่ยนเว่ยฉืออย่างยิ่งซ่างกวนหลีนึกถึงใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ พลางกล่าวว่า “ดูเหมือนเจ้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าแท้จริงของนาง ใบหน้านั้น...”พูดมาถึงตรงนี้ ซ่างกวนหลีตบต้นขาตัวเองด้วยความหงุดหงิด “เฮ้! ข้าพูดเรื่องนี้กับเจ้าทำไมกันนะ อย่าขัดข้าสิ ข้ากำลังพูดเรื่องสำคัญอยู่”เขาขมวดคิ้วแล้วกล่าวต่อว่า “เจ้าไม่รู้สึกแปลกหรือ? โดยทั่วไปแล้วการจัดหาทรัพย์สินก็มักจะเป็นโรงเตี๊ยมโรงน้ำชา หรือไม่ก็ที่ดิน บ้านเรือน จะมีใครอยากซื้อโรงงานกัน?”ซ่างกวนเจวี๋ยครุ่นคิด เห็นว่าพอมีเหตุผลอยู่บ้างเขาจึงนั่งตัวตรงแล้วพูดว่า “ถ้าเสด็จพี่รองรู้สึกไม่สบายใจ เ
รถม้าหยุดลง ทุกคนก็เห็นว่ามีคุณชายหนุ่มคนหนึ่ง กำลังสั่งให้คนงานขนของ“พวกเจ้าระมัดระวังด้วย แยกของที่ใช้ได้กับของที่ใช้ไม่ได้ออกจากกัน อีกทั้งห้องเก็บน้ำมันตุงก็ต้องตรวจสอบให้ดี ห้ามให้หลังคารั่ว รอบ ๆ ก็ห้ามมีวัตถุไวไฟ เข้าใจหรือไม่?”คนงานต่างตอบรับพร้อมเพรียงเรื่องอื่น ๆ ไม่น่าสนใจ แต่คำว่า ‘น้ำมันตุง’ กลับดึงดูดความสนใจของซ่างกวนหลีและซ่างกวนเจวี๋ยได้ในทันทีซ่างกวนหลีหันไปมองซ่างกวนเจวี๋ย “เมื่อครู่เขาพูดว่าอะไรนะ น้ำมันตุงหรือ?”ซ่างกวนเจวี๋ยพยักหน้า “ถูกต้อง น้ำมันตุง อ้อ ใช่แล้ว โรงงานทำร่มกระดาษ ก็ต้องใช้น้ำมันตุงทาร่มเพื่อกันฝนมิใช่หรือ?”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนหลีก็เปลี่ยนสีหน้าทันที ร้องออกมาเบา ๆ ว่า “ข้ารู้แล้วว่าซ่างกวนซีกำลังจะทำอะไร!”ซ่างกวนเจวี๋ยมองด้วยความสงสัย “จะทำอะไรหรือ?”ซ่างกวนหลีกลับเข้ามาในรถม้า ทำเหมือนไม่คิดจะหาคำตอบ แต่กลับสั่งเสียงเบาว่า “จี้อู๋ เจ้าพาคนสองคนไปดูโรงงานหน่อย ว่าในนั้นมีน้ำมันตุงจริง ๆ หรือไม่”จี้อู๋รับคำสั่งแล้วจากไปจากนั้นซ่างกวนหลีก็สาปแช่งซ่างกวนซีอยู่ในรถม้า“ซ่างกวนซี ข้าคิดว่าเจ้าไม่คิดจะแก่งแย่งแข็งขันอะไรแล้ว ไ
จี้อู๋รู้สึกว่าบุคคลตรงหน้าดูคุ้นเคยแปลก ๆ ราวกับเคยพบเจอที่ไหนมาก่อนแต่ให้คิดในครู่เดียวย่อมจำไม่ได้ จึงไม่ได้คิดมาก เอ่ยถามว่า “ท่านเป็นเจ้าของโรงงานใช่หรือไม่?”เย่เทียนซูรีบพยักหน้า “บิดาข้าเป็นเจ้าของ ข้าเป็นเพียงทายาท ท่านก็มาดูโรงงานเช่นกันหรือ? น่าเสียดาย ที่นี่ขายไปแล้วในราคาห้าพันตำลึง”“ห้าพันตำลึง?” จี้อู๋พิจารณาขนาดของโรงงาน แล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย “ขออภัยที่พูดตรง ๆ ที่นี่พื้นที่ไม่กว้างขวางมากนัก อาคารเหล่านี้ก็ทรุดโทรมไม่น้อย เหตุใดถึงขายแพงเช่นนี้?”“ท่านไม่เข้าใจ ข้าขายที่ดินพร้อมทั้งอาคาร วัสดุ และคนงาน ที่ไม่ต้องพูดถึงเลยคือ น้ำมันตุงในโรงงานของข้ามีมูลค่ามหาศาล ถึงแม้ไม่ได้เปิดโรงงาน แค่ขายน้ำมันตุงให้ทางการก็ได้กำไรมากโข หากไม่ใช่เพราะบิดาของข้าป่วยหนัก ต้องการเงินรักษาจำนวนมาก ข้าก็ไม่ยอมขายหรอก!” เย่เทียนซูเม้มริมฝีปาก สายตาแสดงให้เห็นว่าจี้อู๋ช่างไม่รู้ของดีจี้อู๋ยิ้ม “คุณชายเย่อย่าได้โกรธเคือง เมื่อครู่ท่านกล่าวว่าในโรงงานมีน้ำมันตุงอยู่มาก ไม่ทราบว่าพอจะให้ข้าดูได้หรือไม่? หากเป็นเช่นที่ท่านว่า นายท่านของข้ายินดีจ่ายเพิ่มอีกหนึ่งพันตำลึงเพื่อซื้อที่นี่”
เย่เทียนซูขมวดคิ้ว “นี่… เป็นเพียงสัญญาปากเปล่า เกรงว่า...”จี้อู๋เข้าใจทันที กล่าวว่า “ก่อนเที่ยงวันพรุ่งนี้ พ่อบ้านของข้าจะนำตั๋วเงินเจ็ดพันตำลึงมาเพื่อทำการซื้อขาย ณ ที่นี้ ไม่ผิดคำพูดแน่นอน”หกพันตำลึงสำหรับซื้อโรงงาน หนึ่งพันตำลึงเป็นค่าชดเชยการผิดสัญญาของผู้ซื้อคนก่อนเย่เทียนซูได้ยินจำนวนเงินนี้ก็แสดงสีหน้าละโมบทันที ตาเป็นประกาย ตอบว่า “เช่นนั้นท่านจงจำคำพูดตนเองให้ดี หากเลยเที่ยงวันไปแล้ว ข้าต้องขายให้ที่นี่แก่คนอื่นแล้วนะ”“ไม่โป้ปดแน่!”เย่เทียนซูยิ้ม “ขอบคุณนายท่าน เช่นนั้นท่านเดินทางดี ๆ!”จี้อู๋พยักหน้า พาคนของตนเดินกลับไปยังรถม้าด้วยความยินดีเมื่อเห็นรถม้าขับออกไปไกล กระทั่งลับหายไปจากสายตาเยี่ยนเว่ยฉือและซ่างกวนซีจึงค่อย ๆ เดินออกมาเย่เทียนซูเข้ามาใกล้ ยิ้มแย้ม “ศิษย์พี่ การแสดงของข้ายอดเยี่ยมหรือไม่?”เย่เทียนซูม้วนผมของตน ยิ้มเย้ายวนทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปากซ่างกวนซีชินกับท่าทางของเขาแล้ว ไม่ได้รู้สึกกระอักกระอ่วนใจ แต่กลับสงสัยเรื่องโกดังเก็บของเมื่อครู่ จึงถามว่า “เจ้าหาน้ำมันตุงมาจากไหนมากมายเช่นนี้?”เย่เทียนซูชี้ไปที่เยี่ยนเว่ย
ผู้ชายคนนี้ นางอุตส่าห์ช่วยเหลือเขาอย่างเหน็ดเหนื่อย เขากลับยังสงสัยเคลือบแคลงในตัวนาง“เห้อ ชีวิตพระชายาช่างยากเย็น น่าเบื่อหน่ายเสียจริง!” ถ้อยคำของเยี่ยนเว่ยฉือดึงดูดความสนใจของเย่เทียนซูเย่เทียนซูหัวเราะ “ฮ่า ๆ แม่นางน้อย เจ้าว่าอย่างไรนะ?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเจื่อน ๆ “ไม่มี ไม่มีอะไร!” เมื่อกล่าวจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ก้าวเดินตามซ่างกวนซีไป…… บนรถม้าผู้ที่หลอกลวงไร้ความยินดี แต่ผู้ที่ถูกหลอกลวงกลับมีความสุขอย่างยิ่งเมื่อจี้อู๋ขึ้นรถม้าก็เล่าสิ่งที่ตนได้พบเห็นแก่สององค์ชายทราบ ซ่างกวนหลีและซ่างกวนเจวี๋ยฟังอย่างตั้งใจจากนั้นเขาก็ฉีกแขนเสื้อของตน จุดไฟให้ทั้งสองดูเมื่อเห็นแขนเสื้อที่ติดไฟในทันที ซ่างกวนหลีก็ตบต้นขาดังฉาด “ทำได้เยี่ยม!”ซ่างกวนเจวี๋ยก็กล่าวด้วยความยินดี “อาศัยโรงงานทำร่มกระดาษนี้ ไม่เพียงแต่เสด็จพี่รองจะสามารถอธิบายเรื่องนั้นได้แล้ว ยังสามารถอธิบายต่อเสด็จพ่อได้อีกด้วย”ซ่างกวนหลีพยักหน้า “ถูกต้อง แต่บัดนี้ยังติดปัญหาอยู่เรื่องหนึ่ง”“ปัญหาอะไร?”ซ่างกวนหลีเม้มริมฝีปาก ดูเหมือนลำบากใจที่จะเอ่ยซ่างกวนเจวี๋ยมองด้วยความสงสัยซ่างกวนหลียิ้ม “เรื่องนี้ ข
ซ่างกวนเจวี๋ยได้ยินดังนั้น รีบประจบประแจงว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว เสด็จพี่รองฉลาดเฉลียวกว่าใคร ข้ากลับคิดแผนการไม่ออกเลย!”ซ่างกวนหลียิ้มอย่างภาคภูมิใจ “เจ้ายังเยาว์เกินไป ไปกันเถอะ ไม่มีเรื่องน่าหนักใจแล้ว พวกเราไปที่พักผ่อนคลายกันที่หอหงซิ่วเถอะ!”…… ค่ำคืนนั้น ที่จวนผิงอี้โหวโครม! เพล้ง! ปัง!ในลานด้านหลังจวนผิงอี้โหว ได้ยินเสียงทุบทำลายข้าวของดังไม่ขาดสายบรรดาหญิงรับใช้และนางกำนัลต่างเงียบกริบ ไม่มีใครกล้าขัดขวาง“เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นกัน?” ผิงอี้โหวอย่างเยี่ยนหานซานและท่านหญิงหมิงหยาง รีบวิ่งเข้ามาจากลานด้านหน้าเฉิงเอ๋อร์เห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปหา รายงานว่า “นายท่าน ฮูหยิน โปรดเข้าไปดูคุณหนูด้วยเถิดเจ้าค่ะ นับตั้งแต่คุณหนูกลับมาจากตลาด จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หายโกรธเสียที บะ… บ่าวเองก็ห้ามไม่ได้!”“โกรธหรือ? โกรธอะไร? ไม่ใช่ว่าข้าให้ตั๋วเงินไปแล้วหรอกหรือ?” ท่านหญิงหมิงหยางงุนงงผิงอี้โหวได้ยินดังนั้น จึงถามว่า “ตั๋วเงิน? ตั๋วเงินอะไร?”ท่านหญิงหมิงหยางถอนหายใจ “อ้อ วันนี้ซูเอ๋อร์เห็นสร้อยข้อมือสองคู่ จึงบอกว่าต้องการเงินสองพันตำลึง แม้ว่าจะแพงไปหน่อย แต่เพ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ