ซ่างกวนซีที่ค่อย ๆ ดึงมือกลับก็ได้เห็นดวงตาใส ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามอย่างสงสัย “ข้าไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถึงขั้นต้องร้องไห้เลยหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบนอนลงและพลิกตัวหันหลังให้เขาพลางพูดต่อ “ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย ข้าพอจะเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดคร่าว ๆ แล้ว หากให้เวลาข้าสักหนึ่งวัน ข้าคงจะคิดแผนดี ๆ ออกอย่างแน่นอน และอันกั๋วกงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลามาแพร่ข่าวลือของท่านอีกเลย”ซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังกับเยี่ยนเว่ยฉือมากนักแต่เพียงแค่พูดเรื่องบางเรื่องให้นางฟัง ก็ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจวนองค์รัชทายาทได้เวลาาออกไปข้างนอกจะได้ระมัดระวังการกระทำมากขึ้นหากนางไม่อยากแบกรับความกดดันนี้ แน่นอนว่า...นางก็สามารถเลือกที่จะจากไปได้เช่นกันซ่างกวนซีขยับออกไปเล็กน้อย และเทียนในห้องก็ดับลงเขาพูดเนิบ ๆ “นอนเถอะ!”ปากก็บอกให้นอน แต่ใช่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนหลับลงแม้ซ่างกวนซีจะไม่ได้พูดถึงฮองเฮาองค์ก่อนสักคำ แต่เมื่อฟังเรื่องราวในอดีตที่เขาเล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยนเว่ยฉือที่จะจินตนาการว่าอาจมีเรื่องราวภายในมากมายเกี่ยวกับการสวรรคตของฮองเฮาองค์ก่อนกระมัง?หากฮองเฮ
เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกมา หว่านฉิงก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอถวายความเคารพพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปที่เรือนของท่านชายรัฐทายาทอวี๋แล้วเพคะ”ถือว่าฉลาดใช้ได้ ไม่ต้องรอให้นางถาม อีกฝ่ายก็รู้ว่านางอยากทราบเรื่องอะไรเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากทำให้คนรับใช้ต้องลำบากใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง และไปที่เรือนของอวี๋เฟยเหยียนเพื่อตามหาซ่างกวนซีแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเพียงความว่างเปล่าพ่อบ้านจางกล่าวว่า “พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปเรือนรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไปหาฮวาอวี๋เหรอ?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็มุ่งหน้าไปยังเรือนรับแขก แต่ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนเดินมาพอดีขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังเดิน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไอ้หมอนั่น บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่ก็ยังหนีไปได้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”“หา? นี่พวกท่านจะบอกว่าฮวาอวี๋ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาทักทายเขาซ่างกวนซีมองนางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม? อาลัยอาวรณ์เขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ข้าจะไปอาลัยอาวรณ์เขาทำไม ข้
เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
เมื่อซ่างกวนซีมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดอย่างหนักแน่น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกปกติแล้วเขาจะไม่เดิมพันคาดหวังกับเด็กสาว เพราะซ่างกวนซีไม่ใช่คนที่พึ่งพาการปกป้องจากสตรีแต่จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไรในเมื่อมีคนพยายามอย่างหนักเพื่อเขา คอยวางแผนต่าง ๆ ให้และคิดมากเพื่อเขาถึงเพียงนี้?ซ่างกวนซีหยิบซาลาเปาเนื้อมาวางลงในชามของเยี่ยนเว่ยฉือ “กินข้าวก่อน!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดอย่างไม่สงวนท่าทีและกินอย่างเอร็ดอร่อย!……ณ จวนอันกั๋วกงซ่างกวนหลีนั่งอยู่ในโถงหลักของจวนกั๋วกงด้วยดวงตาที่หมองคล้ำ ขณะนั้นอันกั๋วกงก็เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจซ่างกวนหลีพูดว่า “ท่านลุง หยุดเดินไปเดินมาเถอะ ข้าเวียนหัว”“คนแก่เช่นข้าสิที่ต้องเวียนหัว องค์ชายรอง เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เอาน้ำมันตุงไปเก็บไว้ในจวนของตัวเองได้อย่างไร?” อันกั๋วกงถามอย่างวิตกซ่างกวนหลีทำหน้าบูดบึ้งพลางพูดว่า “ก็เพราะเจ้าสี่นั่นแหละ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างไร?” อันกั๋วกงประหลาดใจซ่างกวนหลีพยักหน้า “เดิมทีวางแผนกันไว้ว่าจะให้เจ้าสี่ส่งน้ำมันตุงชุดนี้ออกจากเมืองตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน แต่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนเจวี๋ยมีความคิดดี ๆ น่าสนุกอยู่มากมาย ระหว่างนี้เขาคงทิ้งซ่างกวนเจวี๋ยไม่ได้จริง ๆหลังจากครุ่นคิดไปมา ซ่างกวนหลีก็พูดว่า “เรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง!”“เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร?” อันกัวกงถามรบเร้าอย่างกังวลแต่ซ่างกวนหลีไม่สนใจ ขณะที่เดินออกไปก็พูดว่า “ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เสด็จพ่อจับได้หรอก!”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อันกั๋วกงก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“การที่ฟ้าผ่าจนเกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริง ๆ น่ะรึ? หากเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดในวันนั้นเยี่ยนเว่ยฉือถึงได้มาปรากฏตัวใกล้กับจวนองค์ชายรอง? ไม่ได้การ ข้าคงต้องตรวจสอบนางหน่อยแล้ว”เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็เอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ ไปตามดาบทมิฬมาทีซิ”นักฆ่าดาบทมิฬถูกจัดเป็นอันดับสามของนักฆ่าแถวหน้าในสองแคว้นสี่นครเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาถูกจับกุมที่แคว้นต้าหลีและถูกตัดสินโทษตัดศีรษะแต่อันกั๋วกงใช้อำนาจของตัวเองช่วยดาบทมิฬออกมาอย่างลับ ๆตั้งแต่นั้นมา ดาบทมิฬก็เชื่อฟังคำสั่งของอันกั๋วกงและถือว่าเขาคือเจ้านายของตนหลังจากนั้นไม่นาน ดาบทมิฬผู้มีรอยแผลจากของมี
ซ่างกวนซีมองดูนางอย่างจดจ่อพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เกาหัว “รูปโฉมเป็นหนึ่งในสองแคว้นสี่นครอะไรกัน? แล้วฉลาดหลักแหลมอะไร? ร่มกระดาษน้ำมันนี่เกี่ยวอะไรกับรูปร่างหน้าตากับสติปัญญาของศิษย์พี่?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มพลางกอดรัดแขนของซ่างกวนซีไว้แน่น และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะองค์รัชทายาทมีรูปโฉมงดงาม ข้าจึงเต็มใจช่วยเหลือ และเพราะองค์รัชทายาทฉลาดหลักแหลม ฉะนั้นจึงมีบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดก็....เข้าใจกัน องค์รัชทายาท ท่านมีข้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”ซ่างกวนซีพยายามดึงมือกลับอีกครั้ง แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็จับไว้แน่นเกินไปในหัวของซ่างกวนซีนึกย้อนไปถึงภาพที่เขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือเปลือยเปล่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคอตนเริ่มแห้งผากขึ้นมาเขาพูดอย่างจนใจ “คนมองเยอะแยะ เจ้า...ยับยั้งชั่งใจหน่อยสิ”“โอ้ เช่นนั้นหลังกลับถึงจวน องค์รัชทายาทจะอนุญาตให้ข้าทำทุกอย่างที่ต้องการได้หรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหยอกล้ออวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหัวเราะคิกคักซ่างกวนซีถอนหายใจ “
ขณะที่กำลังคุยกัน คนเหล่านั้นก็เริ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาใกล้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบหันหลัง เดินไปที่แผงลอยแผงหนึ่งและหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมานางจำคนผู้นั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้านั่นคือเจ้ามือโต๊ะพนันจากบ่อนพนันซื่อเซิ่งที่ถูกนางหลอกไม่ใช่หรือ?ภาพวาดในมือของเขาคือปิ่นปักผมเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากพลางพูดกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่ได้โง่เลย รู้จักใช้วิธีหาคนด้วยปิ่นปักผมเสียด้วย แต่มันไม่ดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรไปหน่อยหรือ? บนโลกนี้มันจะไม่มีปิ่นปักผมที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยรึอย่างไร?”ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังครุ่นคิด คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดที่หน้าแผงขายของเดียวกับนางเจ้ามือโต๊ะพนันถามคนขายแผงลอยอย่างดุดัน “เฮ้ เคยเห็นปิ่นปักผมนี้ไหม?”คนหาบเร่มองมันแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านล้อข้าน้อยเล่นรึ คนธรรมดาจะกล้าใช้เครื่องหัวดอกหางหงส์ได้อย่างไร?”ดอกหางหงส์?มันคืออะไร?เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าเจ้ามือโต๊ะพนันเองก็ไม่รู้จัก เขาจึงถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ มันคื
เยี่ยนชิงซูมองไปที่คนหาบเร่และพูดว่า “ไม่ว่านางจะเสนอเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า!”“หา? เอ่อ…” คนหาบเร่มีสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากได้เงิน แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะต้องฝ่าฝืนกฎที่ว่าใครมาก่อนได้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มออกมา “โอ้ จริงรึ? เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้เจ้าคงได้กระเป๋าฉีกเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือมองคนหาบเร่และพูดว่า “ข้าเพิ่งเจรจาราคากับเขาไปว่าสร้อยข้อมือสองเส้นนี้ข้าจะจ่าย...หนึ่งพันตำลึง!”‘หนึ่งพันตำลึง?’ดวงตาของคนหาบเร่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสร้อยข้อมือสองเส้นนี้มีมูลค่าแค่สิบตำลึงเองนะ!รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของเยี่ยนชิงซูแข็งทื่อในทันทีจากนั้นนางก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและแค่นเสียงเย็น “ไร้สาระ แค่สร้อยข้อมือสองเส้นมันจะราคาถึงพันตำลึงได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “จะคุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากข้าชอบก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน”เยี่ยนชิงซูยิ้มเย็นพลางพูดว่า “อย่าทำเป็นหน้าใหญ่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวด้วยซ้ำ”สถานการณ์อันลำบากของจวนองค์รัชทายาทได้เป็นที่
ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ
ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ