ซ่างกวนซีที่ค่อย ๆ ดึงมือกลับก็ได้เห็นดวงตาใส ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาถามอย่างสงสัย “ข้าไม่ได้ออกแรงเลยนะ ถึงขั้นต้องร้องไห้เลยหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือรีบนอนลงและพลิกตัวหันหลังให้เขาพลางพูดต่อ “ข้าไม่ได้ร้องเสียหน่อย ข้าพอจะเข้าใจเรื่องที่ท่านพูดคร่าว ๆ แล้ว หากให้เวลาข้าสักหนึ่งวัน ข้าคงจะคิดแผนดี ๆ ออกอย่างแน่นอน และอันกั๋วกงก็จะยุ่งจนไม่มีเวลามาแพร่ข่าวลือของท่านอีกเลย”ซ่างกวนซีไม่ได้คาดหวังกับเยี่ยนเว่ยฉือมากนักแต่เพียงแค่พูดเรื่องบางเรื่องให้นางฟัง ก็ทำให้นางเข้าใจสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของจวนองค์รัชทายาทได้เวลาาออกไปข้างนอกจะได้ระมัดระวังการกระทำมากขึ้นหากนางไม่อยากแบกรับความกดดันนี้ แน่นอนว่า...นางก็สามารถเลือกที่จะจากไปได้เช่นกันซ่างกวนซีขยับออกไปเล็กน้อย และเทียนในห้องก็ดับลงเขาพูดเนิบ ๆ “นอนเถอะ!”ปากก็บอกให้นอน แต่ใช่ว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนหลับลงแม้ซ่างกวนซีจะไม่ได้พูดถึงฮองเฮาองค์ก่อนสักคำ แต่เมื่อฟังเรื่องราวในอดีตที่เขาเล่า ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเยี่ยนเว่ยฉือที่จะจินตนาการว่าอาจมีเรื่องราวภายในมากมายเกี่ยวกับการสวรรคตของฮองเฮาองค์ก่อนกระมัง?หากฮองเฮ
เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือออกมา หว่านฉิงก็โค้งคำนับด้วยความเคารพ “หม่อมฉันขอถวายความเคารพพระชายาองค์รัชทายาทเพคะ พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปที่เรือนของท่านชายรัฐทายาทอวี๋แล้วเพคะ”ถือว่าฉลาดใช้ได้ ไม่ต้องรอให้นางถาม อีกฝ่ายก็รู้ว่านางอยากทราบเรื่องอะไรเยี่ยนเว่ยฉือไม่อยากทำให้คนรับใช้ต้องลำบากใจ จึงพยักหน้าเบา ๆ จากนั้นก็กลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนของตัวเอง และไปที่เรือนของอวี๋เฟยเหยียนเพื่อตามหาซ่างกวนซีแต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะพบเพียงความว่างเปล่าพ่อบ้านจางกล่าวว่า “พระชายา องค์รัชทายาทเสด็จไปเรือนรับแขกแล้วพ่ะย่ะค่ะ”“ไปหาฮวาอวี๋เหรอ?” เมื่อคิดได้ดังนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็มุ่งหน้าไปยังเรือนรับแขก แต่ขณะนั้นก็บังเอิญเห็นซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนเดินมาพอดีขณะที่อวี๋เฟยเหยียนกำลังเดิน เขาก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ไอ้หมอนั่น บาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นแต่ก็ยังหนีไปได้ ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ ”“หา? นี่พวกท่านจะบอกว่าฮวาอวี๋ไปแล้วหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้ามาทักทายเขาซ่างกวนซีมองนางพลางขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “ทำไม? อาลัยอาวรณ์เขารึ?”เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้าประหลาดใจ “ข้าจะไปอาลัยอาวรณ์เขาทำไม ข้
เยี่ยนเว่ยฉือไม่ตอบแต่ถามกลับ “องค์รัชทายาทเล่นหมากรุกเป็นหรือไม่?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสับสนอวี๋เฟยเหยียนรีบพูด “ศิษย์พี่เป็นถึงองค์รัชทายาท ไม่มีอะไรที่เขาทำไม่ได้ เขาเชี่ยวชาญทั้งพิณกู่ฉิน หมากล้อม พู่กันภาพวาด เพลงกลอน สี่ตำราห้าคัมภีร์ และศาสตร์แห่งมหาบุรุษทั้งหก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แล้วอะไรคือสิ่งสำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกเล่า?”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “อย่าโลภในชัยชนะ เดินหมากอย่างเชื่องช้า เป็นทั้งฝ่ายรุกฝ่ายรับ ทิ้งหมากเพื่อชิงความได้เปรียบ”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวพลางโบกมือ “ไม่ ๆ ๆ มันไม่ได้ซับซ้อนขนาดนั้น ในความคิดของข้า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเล่นหมากรุกคือการโค่นล้มสิ่งหนึ่งเพื่อดึงให้อีกสิ่งผงาดขึ้นมา หรือก็เปลี่ยนหากสีดำของฝ่ายตรงข้ามบนกระดานให้กลายเป็นหมากสีขาวของข้า”ซ่างกวนซีพูดอย่างจนใจ “ที่เจ้าพูดก็ถูก” เขาเก็บคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือมาคิดมากเกินไปสินะเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดังนั้นข้าจึงจะใช้กลอุบายนี้”กลอุบาย? นางรู้จักใช้กลอุบายด้วยหรือ?ซ่างกวนซีถามเสียงเรียบ “อธิบายให้ชัดเจนกว่านี้”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “องค์รัชทายาท อ
เมื่อซ่างกวนซีมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังพูดอย่างหนักแน่น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างบอกไม่ถูกปกติแล้วเขาจะไม่เดิมพันคาดหวังกับเด็กสาว เพราะซ่างกวนซีไม่ใช่คนที่พึ่งพาการปกป้องจากสตรีแต่จะไม่ให้หวั่นไหวได้อย่างไรในเมื่อมีคนพยายามอย่างหนักเพื่อเขา คอยวางแผนต่าง ๆ ให้และคิดมากเพื่อเขาถึงเพียงนี้?ซ่างกวนซีหยิบซาลาเปาเนื้อมาวางลงในชามของเยี่ยนเว่ยฉือ “กินข้าวก่อน!”เยี่ยนเว่ยฉือหยิบซาลาเปาขึ้นมากัดอย่างไม่สงวนท่าทีและกินอย่างเอร็ดอร่อย!……ณ จวนอันกั๋วกงซ่างกวนหลีนั่งอยู่ในโถงหลักของจวนกั๋วกงด้วยดวงตาที่หมองคล้ำ ขณะนั้นอันกั๋วกงก็เดินไปเดินมาอย่างกังวลใจซ่างกวนหลีพูดว่า “ท่านลุง หยุดเดินไปเดินมาเถอะ ข้าเวียนหัว”“คนแก่เช่นข้าสิที่ต้องเวียนหัว องค์ชายรอง เจ้าเลอะเลือนไปแล้วหรือ เอาน้ำมันตุงไปเก็บไว้ในจวนของตัวเองได้อย่างไร?” อันกั๋วกงถามอย่างวิตกซ่างกวนหลีทำหน้าบูดบึ้งพลางพูดว่า “ก็เพราะเจ้าสี่นั่นแหละ”“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่อย่างไร?” อันกั๋วกงประหลาดใจซ่างกวนหลีพยักหน้า “เดิมทีวางแผนกันไว้ว่าจะให้เจ้าสี่ส่งน้ำมันตุงชุดนี้ออกจากเมืองตั้งแต่เมื่อสิบวันก่อน แต่พอดี
ยิ่งไปกว่านั้น ซ่างกวนเจวี๋ยมีความคิดดี ๆ น่าสนุกอยู่มากมาย ระหว่างนี้เขาคงทิ้งซ่างกวนเจวี๋ยไม่ได้จริง ๆหลังจากครุ่นคิดไปมา ซ่างกวนหลีก็พูดว่า “เรื่องนี้ ข้าจะแก้ปัญหาเอง!”“เจ้าจะแก้ปัญหาอย่างไร?” อันกัวกงถามรบเร้าอย่างกังวลแต่ซ่างกวนหลีไม่สนใจ ขณะที่เดินออกไปก็พูดว่า “ท่านลุงไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้เสด็จพ่อจับได้หรอก!”เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยืนกรานที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเอง อันกั๋วกงก็ทำได้เพียงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้“การที่ฟ้าผ่าจนเกิดเพลิงไหม้นั้นเป็นเพียงอุบัติเหตุจริง ๆ น่ะรึ? หากเป็นอุบัติเหตุ เหตุใดในวันนั้นเยี่ยนเว่ยฉือถึงได้มาปรากฏตัวใกล้กับจวนองค์ชายรอง? ไม่ได้การ ข้าคงต้องตรวจสอบนางหน่อยแล้ว”เมื่อคิดได้เช่นนั้น อันกั๋วกงก็เอ่ยขึ้น “ใครก็ได้ ไปตามดาบทมิฬมาทีซิ”นักฆ่าดาบทมิฬถูกจัดเป็นอันดับสามของนักฆ่าแถวหน้าในสองแคว้นสี่นครเมื่อไม่กี่ปีก่อน เขาถูกจับกุมที่แคว้นต้าหลีและถูกตัดสินโทษตัดศีรษะแต่อันกั๋วกงใช้อำนาจของตัวเองช่วยดาบทมิฬออกมาอย่างลับ ๆตั้งแต่นั้นมา ดาบทมิฬก็เชื่อฟังคำสั่งของอันกั๋วกงและถือว่าเขาคือเจ้านายของตนหลังจากนั้นไม่นาน ดาบทมิฬผู้มีรอยแผลจากของมี
ซ่างกวนซีมองดูนางอย่างจดจ่อพลางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ถือว่าเจ้าฉลาดไม่เบา”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ เกาหัว “รูปโฉมเป็นหนึ่งในสองแคว้นสี่นครอะไรกัน? แล้วฉลาดหลักแหลมอะไร? ร่มกระดาษน้ำมันนี่เกี่ยวอะไรกับรูปร่างหน้าตากับสติปัญญาของศิษย์พี่?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้มพลางกอดรัดแขนของซ่างกวนซีไว้แน่น และพูดด้วยรอยยิ้มที่ภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามันต้องเกี่ยวข้องอยู่แล้ว เพราะองค์รัชทายาทมีรูปโฉมงดงาม ข้าจึงเต็มใจช่วยเหลือ และเพราะองค์รัชทายาทฉลาดหลักแหลม ฉะนั้นจึงมีบางเรื่องที่ไม่ต้องพูดก็....เข้าใจกัน องค์รัชทายาท ท่านมีข้าอยู่ข้างกายเช่นนี้ ท่านจะไม่ถูกเอาเปรียบอย่างแน่นอน!”ซ่างกวนซีพยายามดึงมือกลับอีกครั้ง แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็จับไว้แน่นเกินไปในหัวของซ่างกวนซีนึกย้อนไปถึงภาพที่เขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือเปลือยเปล่า เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าคอตนเริ่มแห้งผากขึ้นมาเขาพูดอย่างจนใจ “คนมองเยอะแยะ เจ้า...ยับยั้งชั่งใจหน่อยสิ”“โอ้ เช่นนั้นหลังกลับถึงจวน องค์รัชทายาทจะอนุญาตให้ข้าทำทุกอย่างที่ต้องการได้หรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือหยอกล้ออวี๋เฟยเหยียนอดไม่ได้ที่จะก้มหน้าหัวเราะคิกคักซ่างกวนซีถอนหายใจ “
ขณะที่กำลังคุยกัน คนเหล่านั้นก็เริ่มถามคนที่เดินผ่านไปมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่ามีคนเดินมาใกล้ เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบหันหลัง เดินไปที่แผงลอยแผงหนึ่งและหยิบของชิ้นหนึ่งขึ้นมานางจำคนผู้นั้นได้ คนที่เป็นหัวหน้านั่นคือเจ้ามือโต๊ะพนันจากบ่อนพนันซื่อเซิ่งที่ถูกนางหลอกไม่ใช่หรือ?ภาพวาดในมือของเขาคือปิ่นปักผมเล็ก ๆ คู่หนึ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำเยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากพลางพูดกับตัวเอง “คนพวกนั้นไม่ได้โง่เลย รู้จักใช้วิธีหาคนด้วยปิ่นปักผมเสียด้วย แต่มันไม่ดูเหมือนงมเข็มในมหาสมุทรไปหน่อยหรือ? บนโลกนี้มันจะไม่มีปิ่นปักผมที่เหมือนกันเป๊ะ ๆ เลยรึอย่างไร?”ขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังครุ่นคิด คนกลุ่มนั้นก็มาหยุดที่หน้าแผงขายของเดียวกับนางเจ้ามือโต๊ะพนันถามคนขายแผงลอยอย่างดุดัน “เฮ้ เคยเห็นปิ่นปักผมนี้ไหม?”คนหาบเร่มองมันแล้วพูดพร้อมรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ท่านล้อข้าน้อยเล่นรึ คนธรรมดาจะกล้าใช้เครื่องหัวดอกหางหงส์ได้อย่างไร?”ดอกหางหงส์?มันคืออะไร?เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟังบทสนทนาของทั้งสองเห็นได้ชัดว่าเจ้ามือโต๊ะพนันเองก็ไม่รู้จัก เขาจึงถามอย่างสงสัย “อธิบายมาให้ชัด ๆ ซิ มันคื
เยี่ยนชิงซูมองไปที่คนหาบเร่และพูดว่า “ไม่ว่านางจะเสนอเงินเท่าไหร่ ข้าจะให้เป็นสองเท่า!”“หา? เอ่อ…” คนหาบเร่มีสีหน้าลำบากใจ เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็อยากได้เงิน แต่เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะต้องฝ่าฝืนกฎที่ว่าใครมาก่อนได้ก่อนเยี่ยนเว่ยฉือที่ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ้มออกมา “โอ้ จริงรึ? เช่นนั้นเกรงว่าวันนี้เจ้าคงได้กระเป๋าฉีกเป็นแน่”เยี่ยนเว่ยฉือมองคนหาบเร่และพูดว่า “ข้าเพิ่งเจรจาราคากับเขาไปว่าสร้อยข้อมือสองเส้นนี้ข้าจะจ่าย...หนึ่งพันตำลึง!”‘หนึ่งพันตำลึง?’ดวงตาของคนหาบเร่เบิกกว้างด้วยความตกตะลึงสร้อยข้อมือสองเส้นนี้มีมูลค่าแค่สิบตำลึงเองนะ!รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากของเยี่ยนชิงซูแข็งทื่อในทันทีจากนั้นนางก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยท่าทางโกรธเกรี้ยวและแค่นเสียงเย็น “ไร้สาระ แค่สร้อยข้อมือสองเส้นมันจะราคาถึงพันตำลึงได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “จะคุ้มค่าหรือไม่นั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งของ แต่ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้า หากข้าชอบก็ถือว่าคุ้มค่าเงิน”เยี่ยนชิงซูยิ้มเย็นพลางพูดว่า “อย่าทำเป็นหน้าใหญ่ไปหน่อยเลย เจ้าไม่มีเงินติดตัวสักแดงเดียวด้วยซ้ำ”สถานการณ์อันลำบากของจวนองค์รัชทายาทได้เป็นที่
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี