นางตบหน้าอกเบา ๆ รู้สึกดีใจราวกับรอดชีวิตมาจากความตายเยี่ยนเว่ยฉือสวมเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พลางพูดด้วยความสิ้นหวัง “เมื่อไหร่กันที่ข้าถึงจะเลิกนิสัยชอบนอนเปลือยได้ ก่อนนอนยังสวมเสื้อผ้าดี ๆ อยู่เลย แต่พอหลับไปก็ถอดออกหมดเสียแล้ว คนยุคโบราณเหล่านี้ล้วนมีวิทยายุทธ์สูงส่ง สามารถลักลอบเข้ามาในห้องของผู้อื่นได้ราวกับเดินบนพื้นราบ หากถูกผู้อื่นมองเห็นเข้า ข้าคงต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงแน่ ๆ”แต่หารู้ไม่ว่าเรือนร่างของนางนั้นได้ถูกซ่างกวนซีจ้องมองและสลักลงในใจเรียบร้อยแล้ว…… โถงหลักอวี๋เฟยเหยียนยื่นมือออกไป โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซีซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ผลักมือเขาออก “ทำอะไร?”อวี๋เฟยเหยียนมองซ่างกวนซีด้วยความสงสัย “ศิษย์พี่ใหญ่ วันนี้ท่านดูแปลกไปนะ เหม่อลอยไปถึงไหนกัน? ไม่สบายหรือ? หรือเมื่อคืนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม”เมื่อคืน...ซ่างกวนซีเม้มริมฝีปากด้วยความประหม่า โกหกไปว่า “ไม่มีอะไร แค่เป็นกังวลเรื่องน้ำมันตุงเท่านั้น”เรื่องนี้ทำให้อวี๋เฟยเหยียนหันเหความสนใจไปได้อวี๋เฟยเหยียนกล่าว “เมื่อวานนี้ข้าไปสืบมาแล้ว ทีแรกเพลิงไหม้บนหลังคาจวนองค์ชายรองนั้นกินรัศมีไม่กว้างนัก แต่มีสะเก็ดไฟปลิวไ
ซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าใบหน้าของนางแดงก่ำราวกับจะหยดเป็นเลือดลงมาได้สองมือเล็ก ๆ กำเข้าหากันจนข้อนิ้วซีดขาวซ่างกวนซีรู้สึกสับสนในใจ รีบคว้าข้อมือของอวี๋เฟยเหยียนขึ้นมาจับไว้ “ในเมื่อกินอิ่มแล้วก็ออกไปกับข้า!”“เดี๋ยวสิ ๆ ๆ! ศิษย์พี่ใหญ่ อาหารยังไม่มาเลย กินอิ่มอะไรกัน!” ซ่างกวนซีไม่สนใจเสียงบ่นของอวี๋เฟยเหยียน ลากตัวเขาออกไปจากโถงหลักส่วนเยี่ยนเว่ยฉือนั้นนั่งตัวแข็งทื่อ ปิดหน้าตัวเองด้วยความอับอายอย่างที่สุดโอ้สวรรค์ นางทำอะไรลงไปกันนี่!ซ่างกวนซีลากอวี๋เฟยเหยียนออกไปจากจวนรัชทายาทเขาไม่ได้มีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน เพียงแค่รู้สึกว่าหากยังอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นต่อไป เยี่ยนเว่ยฉือคงจะยิ่งอับอายเข้าไปใหญ่อวี๋เฟยเหยียนลอบสังเกตซ่างกวนซีอยู่ตลอดเวลา อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อ “ศิษย์พี่ใหญ่ ท่านเองก็อายุยี่สิบกว่าแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นว่าที่พระชายาที่ฝ่าบาททรงประกาศให้เหล่าขุนนางทราบโดยทั่วกัน แม้จะทำอะไรเกินเลยลงไปก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ไม่เห็นต้องทำท่าทางรู้สึกผิดเช่นนี้เลย!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองเขา “ยังจะพูดอีกหรือ?”อวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “ก็ได้ ๆ ๆ ข้าไม่พูดแล้วก
การสนทนาของทั้งสามคนนั้น ซ่างกวนซีและอวี๋เฟยเหยียนได้ยินทุกคำสีหน้าของซ่างกวนซีเคร่งขรึม ส่วนอวี๋เฟยเหยียนก็กลั้นหัวเราะเสียปวดกรามซ่างกวนซีผุดลุกขึ้นจากที่นั่ง อวี๋เฟยเหยียนรีบวางเงินลงกับโต๊ะแล้วตามออกไป“ศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ใหญ่ อย่าโกรธเคืองไปเลย ในสถานการณ์เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือไม่มีทางเลือกอื่นจึงจำเป็นต้องทำ”“ข้าไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกว่าสตรีนางนี้ประหลาดเกินไป คำกล่าวที่ว่า ‘ทำได้ทุกสิ่ง ยกเว้นเรื่องทางกามารมณ์’ นางสามารถพูดออกมาโดยไม่กระดากปากได้อย่างไรกัน? ไร้กฎเกณฑ์! ไร้ยางอายสิ้นดี!” ซ่างกวนซีสะบัดแขนเสื้อ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกหมดคำจะกล่าวอวี๋เฟยเหยียนหัวเราะ “ใช่แล้ว ๆ เยี่ยนเว่ยฉืออาจแตกต่างจากคนอื่นอยู่บ้าง แต่จุดประสงค์ของนางก็ยังดีอยู่ ศิษย์พี่ใหญ่ คำกล่าวของเยี่ยนเว่ยฉือนี้ นางพูดเฉพาะเมื่ออยู่ในวังเท่านั้น โดยปกติแล้วไม่น่าจะแพร่กระจายออกไปสู่ภายนอกได้เร็วเพียงนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอาการป่วยขององค์ชายรัชทายาทแห่งแคว้นด้วย ตอนนี้ข่าวแพร่กระจายออกไป เห็นทีเรื่องนี้น่าจะมีผู้อยู่เบื้องหลัง”เมื่อได้ยินคำกล่าวของอวี๋เฟยเหยียน ซ
ซูเค่อที่ตัวสั่นรีบตอบ “ทูลองค์รัชทายาท จางมามาสั่งให้พวกเราออกไปซื้อของเพื่อซ่อมจวนองค์รัชทายาทเพคะ”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า “ในเมื่อพวกเจ้าสี่คนถูกสั่งให้ออกไปซื้อด้วยกัน แล้วเหตุใดของทุกอย่างถึงอยู่ในมือของนางแต่เพียงผู้เดียว?”“เอ่อ…” ซูเค่อพูดไม่ออก ไม่รู้จะตอบอย่างไรชวนหงที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวว่า “ทูลองค์รัชทายาท มันเป็นเพียงการละเล่นระหว่างบ่าวด้วยกันเท่านั้น นางแพ้เดิมพัน นางจึงต้องช่วยเหล่าพี่ ๆ น้อง ๆ ถือของเพคะ”พูดจบ ชวนหงก็มองไปยังฉิงเอ๋อร์ที่คุกเข่าอยู่แล้วถามว่า “หว่านฉิง ใช่รึเปล่า?”นางชื่อหว่านฉิงนี่เองหว่านฉิงทำตัวหดพลางพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ชะ...ใช่เพคะ ใช่ เป็นแค่การเล่นกันเท่านั้น”ซ่างกวนซีมองทั้งสี่คนและถามต่ออย่างเย็นชา “เช่นนั้นตอนนี้เล่นกันจบแล้วหรือยัง?”ซูเค่อรีบพูดว่า “จบแล้วเพคะจบแล้ว หม่อมฉันจะกลับจวนเลยเพคะ”ซูเค่อรีบก้มลงไปช่วยหว่านฉิงถือของ ส่วนชวนหงและสาวใช้อีกคนฝูฉวีก็รีบช่วยหว่านฉิงถือของด้วยเช่นกันหลังจากที่ทั้งสี่คนหยิบของมาถือแล้ว พวกนางก็ทำความเคารพซ่างกวนซีและจากไปอย่างรวดเร็วหลังจากที่ทุกคนเดินจากไป อวี๋เฟยเหยียนก็ก้าวไปข้างหน้
ทันทีที่เยี่ยนเว่ยฉือไปถึงหน้าประตู นางก็ถูกองครักษ์ขวางทางไว้องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า “กระหม่อมขอทำความเคารพพระชายา! ตอนนี้องค์รัชทายาททรงกำลังยุ่งอยู่ ขอพระชายาโปรดรอตรงนี้ก่อน เดี๋ยวกระหม่อมจะรีบไปรายงานให้องค์รัชทายาททราบพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือมองเขาด้วยความประหลาดใจ “รายงาน? รายงานอะไรกัน? ข้าก็แค่จะเข้าเรือนของตัวเองไปหาสามีของข้า เหตุใดต้องรอให้เจ้าเข้าไปรายงานด้วย? องค์รัชทายาทสั่งให้เจ้าขวางข้าไว้รึ?”องครักษ์สะดุ้งตัวแล้วส่ายหน้าที่เขากล้าขวางนางนั้นเรียกได้ว่าเป็นเพราะหน้าที่แต่เขาไม่กล้าโกหกออกไป ไม่อย่างนั้น หากเยี่ยนเว่ยฉือไปถามซ่างกวนซีเขาก็อาจจะถูกจับได้ว่าโกหกเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเยาะ ไม่สนใจเขาและเดินตรงเข้าไปในเรือนซวงหานมีแสงสว่างอยู่ในห้อง อีกทั้งประตูไม่ได้ปิด เยี่ยนเว่ยฉือจึงคิดว่าทั้งสองคนที่อยู่ในห้องอาจจะไม่ได้ทำอะไรที่เหนือความคาดหมายแต่นางกลับคาดไม่ถึงว่าทันทีที่ข้ามผ่านประตูเข้าไปนางจะได้เห็นว่าหว่านฉิงกำลังแอบอิงอยู่ในอ้อมแขนของซ่างกวนซี“ว้าย องค์รัชทายาทเพคะ!”ซ่างกวนซีไม่ได้ผลักนางออกไป เพียงแต่ถามว่า “เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”หว่านฉิงรีบผละออกจาก
ซ่างกวนซีแค่นเสียงเย้ยหยันเบา ๆ “ในเมื่อเจ้าดูออกว่านางมีเจตนาไม่บริสุทธิ์ แล้วเจ้าจะมาโกรธข้าทำไม!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นยืนเท้าเอวแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเหตุใดท่านถึงยอมให้นางเข้าใกล้ท่านง่ายดายเพียงนี้ แต่ข้าขอบอกท่านตรงนี้เลยนะว่าข้าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้โกรธเพราะเรื่องนี้ ท่านจะรังแกข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า ที่จวนแห่งนี้ ทุกสิ่งจะเป็นไปอย่างไรก็ล้วนขึ้นอยู่กับท่าน หากท่านไม่ให้เกียรติข้า พวกเขาก็จะเรียนรู้จากท่านพากันไม่ไว้หน้าข้าเช่นกัน แล้วข้าจะอยู่ดีมีสุขได้อย่างไร? นอกจากนั้น หากข่าวนี้แพร่ออกไป ข้าเยี่ยนเว่ยฉือก็จะถูกตราหน้าว่าเทียบเคียงแม้แต่เด็กรับใช้ของฮองเฮาไม่ได้ แล้วข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!”“รังแกเจ้า? รังแก...อย่างไรล่ะ?” ซ่างกวนซีก้าวไปข้างหน้าการเข้าใกล้อย่างกะทันหันทำให้เยี่ยนเว่ยฉือหลบเลี่ยงโดยไม่รู้ตัวแต่ด้านหลังนางคือโต๊ะแปดเซียน นางถอยมาแล้วครึ่งก้าว แต่ก็ถอยไปอีกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือเอนตัวไปด้านหลังเพื่อเพิ่มระยะห่างพลางพูดต่อ “ขะ...ข้าหมายถึงจะมีปัญหากับข้าหรือทะเลาะกับข้าก็ได้ แต่ท่านห้ามนอกใจข้า!” เกิดอะไรขึ้นกับบุรุษผู้นี้ เหตุใดเ
ที่นางทำกับซ่างกวนซีก็เป็นแค่การล้อเล่น แต่ดูเหมือนซ่างกวนซีจะไม่ได้ล้อเล่นเมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงซ่างกวนซีไม่ได้ขวางนาง เพียงแต่พูดเสียงเรียบ “เจ้าสามารถเดินออกไปได้ ตำแหน่งรัชทายาทนี้ก็ยกให้เจ้าเลย!”เยี่ยนเว่ยฉือหายใจแรงพลางมองซ่างกวนซีด้วยความประหม่า “องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร? ท่านโกรธข้าหรือ?”ซ่างกวนซียังคงเปลื้องผ้าต่อไปจนกระทั่งเหลือเพียงชุดด้านใน จากนั้นเขาก็นั่งบนเตียงแล้วพูดว่า “ว่าง่ายหน่อยเถอะ พวกเราแค่นอนคุยกันเท่านั้นเอง”กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหากเจ้ากวนใจข้า ข้าก็จะกวนใจเจ้าเช่นกันเยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “แค่นอนห่มผ้า...คุยกันจริง ๆ ใช่ไหม?”“เจ้าคาดหวังอย่างอื่นด้วยรึ?” ซ่างกวนซีถามเยี่ยนเว่ยฉือรีบก้มหน้าส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าแล้วพูดว่า “ปะ...เปล่า”ซ่างกวนซียื่นมือไปผลักนางลงบนเตียงโดยไม่สนใจว่านางจะอึดอัดเพียงใดพลางนอนลงข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้จริง ๆ ว่าซ่างกวนซีกำลังคิดอะไรอยู่แต่นางรู้ดีว่าเวลาเล่นกับไฟต้องควบคุมปริมาณอย่างระมัดระวัง หากเล่นสนุกมากเกินไปก็อาจจะถูกไฟคลอกได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสตรีที่อยู่กับบุรุษเพียงสองต่อ
เยี่ยนเว่ยฉือทำแก้มป่อง “ข้าไม่ได้อยากจะสอดเรื่องของท่านเสียหน่อย ข้าก็แค่ไม่ชอบที่เห็นใครกระโจนใส่ท่านเช่นนั้น”นางจะปล่อยให้คนอื่นเข้ามายุ่งกับผู้ชายของนางได้อย่างไร?เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้พูดประโยคหลัง แต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้เขาแอบยิ้มบาง ๆ ไม่ให้ใครเห็น จากนั้นก็หุบยิ้มและแสร้งทำเป็นโกรธ “คำพูดที่มาจากความไม่ชอบใจของเจ้าทำให้หว่านฉิงหวาดกลัว หากครั้งหน้าจะส่งข่าวผ่านนางก็คงต้องใช้ความพยายามมากกว่าเดิม เจ้าพูดมาซิว่าข้าควรทำอย่างไรกับเรื่องนี้ดี?”“นี่ท่านกำลัง...โทษข้าหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาพลางรู้สึกเหลือเชื่อซ่างกวนซีหันมามองนาง “อะไรเล่า? ใครพูดไว้กันนะว่าข้าผู้นี้ไร้น้ำยา?”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก เมื่อนางได้ยินประโยคดังกล่าว นางก็รู้สึกผิดขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวนางล้มตัวลงนอนราบบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่มองซ่างกวนซีอีกดวงตากลมโตกะพริบปริบ ๆ ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ซ่างกวนซีไม่ได้เร่งเร้าอีกฝ่าย พลางมองไปยังหลังคาเตียงอย่างนิ่งสงบเช่นกันหลังจากผ่านไปนาน ในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “หากต้องการให้คนนอกหยุดเผยแพร่ข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวขององค์รัชทายาท ท่