คืนนั้น ยามสาม ณ วัดร้างนอกเมือง หมิงตาวนั่งอยู่เพียงลำพังในวัดร้าง แกะผ้าพันแผลออกจากแขน แล้วก็ใช้ยาสมานแผลทาลงบนบาดแผลเขากำลังจะเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้อื่นเข้าหมิงตาวจึงขว้างขวดยาในมือไปยังทิศทางที่เสียงดังมาปัง! บุคคลนั้นใช้มือรับไว้ พลางเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ไม่พบกันนาน หมิงตาว!”หมิงตาวเมื่อเห็นผู้มาเยือนก็ทำหน้าเคร่งเครียดพลางตอบว่า “เย่เทียนซู ไม่นึกว่าเจ้าจะรอดจากวิชาฝ่ามือทะลุใจของข้า หายป่วยเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนจวนองค์รัชทายาท จะมีคนเก่ง ๆ ซ่อนอยู่มากมาย”รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เทียนซูแข็งทื่อเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มเย็น “เจ้ารู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์รัชทายาทอยู่แล้วจริง ๆ ด้วย”หมิงตาวพันแผลให้ตัวเองไปพลาง พลางตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “องค์รัชทายาทอยู่ในกองทัพ เจ้าก็อยู่ที่ด่านเฟิงหลิง องค์รัชทายาทอยู่บนภูเขาฝึกวิชา เจ้าก็อยู่ที่เชิงเขา องค์รัชทายาทกลับเมืองหลวง เจ้าก็อยู่ที่หอหงซิ่ว ความสัมพันธ์ของพวกเจ้า คาดเดายากตรงไหนกัน?”พูดมาถึงตรงนี้ หมิงตาวเงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนซู พลางขมวดคิ้วกล่าว “หากเจ้ามาเพื่อแก้แค้นให้ตนเอง เจ้าก็ไปได้แล้ว เ
หมิงตาวจ้องมองซ่างกวนซีด้วยความระแวดระวัง เพื่อต้องการรู้ว่าเขาจะกระทำการอันใดก่อนที่ซ่างกวนซีจะกล่าวสิ่งใด เย่เทียนซูผู้ยืนอยู่ข้างกายก็กล่าวขึ้นว่า “ในยุทธภพ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าเจ้าสิ้นชีพไปแล้ว ดังนั้นศัตรูของเจ้าจึงไม่ได้ตามล่าเจ้าอีก หากเราเผยแพร่ข่าวว่าเจ้ายังไม่ตาย ค่ำคืนนี้ อาจเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เจ้าจะได้นอนหลับอย่างสงบสุข”อวี๋เฟยเหยียนก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า พลางเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแต่จะมีผู้คนมากมายมาตามล่าเจ้า เชื่อเถิดว่านายของเจ้าก็ไม่กล้าเรียกใช้เจ้าอีกต่อไป รสชาติของหนูตกบ่อขยะ ไม่ใช่รสชาติที่น่าพึงพอใจนักหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมิงตาวจึงกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “เป็นข้าที่ช่วยนางไว้ พวกเจ้ากลับลืมบุญคุณกันไปแล้วหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าต้องการจับตัวนาง บุรุษชุดดำต้องการสังหารนาง จุดประสงค์ของพวกเจ้าล้วนแต่ต้องการทำร้ายนาง ไม่มีความแตกต่างกัน เจ้าเพียงโชคดีที่ทำไม่สำเร็จ มิฉะนั้นบุคคลที่เราจะสังหารคงไม่ใช่เขา แต่เป็นเจ้า”หมิงตาวขมวดคิ้วมองซ่างกวนซี ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “กระบวนกระบี่เฉียบคม กระบี่ยาวบางเฉียบ
เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “แล้วข้าก็ลองคิดดู นอกจากพรรคพวกของอันกั๋วกงแล้ว ผู้ที่จ้องจะมีเรื่องกับข้า ก็มีเพียงฮูหยินแม่เลี้ยงของข้า และบุตรสาวของนาง เยี่ยนชิงซู”พูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซี พลางเลิกคิ้วกล่าว “ฝ่าบาท ยังจำเรื่องที่ข้ากับเยี่ยนชิงซูแย่งสร้อยข้อมือกันบนถนนได้หรือไม่?”ซ่างกวนซีพยักหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “วันนั้น สายตาของนางดุจดั่งสุนัขจรจัดที่เห็นกระดูก อยากจะกลืนกินท่านเข้าไปให้ได้ คำพูดของข้าไม่เกินจริงเลย หากท่านทำผมร่วงสักเส้น นางคงจะเก็บไปบูชาวันละสามครั้ง”“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูอดหัวเราะไม่ได้ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เริ่มพูดจาไร้สาระอีกแล้ว บาดแผลของเจ้ายังไม่ทันหายดีก็ลืมความเจ็บปวดเสียแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “โธ่ ข้าเพียงเปรียบเทียบ วันนั้นนางชื่นชมท่านมาก นางหลงใหลในตัวท่านมากเพียงใด ก็ยิ่งเกลียดชังข้ามากเพียงนั้น นอกจากนี้ ท่านแม่ของนาง ท่านหญิงหมิงหยาง อาศัยพี่ชายที่เป็นถึงองค์ชายจ่างซิ่น วางตนเป็นสตรีที่ไม่เกรงกลัวใคร ในเมืองหลวง หากบุตรสาวของนางต้องการกำจัดข้า ท่านหญิงหมิงหยางก็จะส่งดาบให้ ไม่เคยขัดขวาง!”อวี๋เฟยเหยียนกล่าวว่
ซ่างกวนซีถอดอาภรณ์ไปพลาง หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือผู้กำลังนิ่งงันอยู่ พลางถามด้วยความสงสัยว่า “ยืนนิ่งอยู่เช่นนั้นอยู่ทำไม ยังไม่ขึ้นเตียงพักผ่อนอีกหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตกใจเล็กน้อย แล้วก็กล่าวว่า “ข้า… ขึ้นเตียงได้หรือ?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “บาดแผลของเจ้ายังไม่หาย ไม่สะดวกที่จะนอนบนที่เตียงเล็ก ข้าอนุญาตให้เจ้านอนบนเตียงได้”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “ฝ่าบาท… แท้จริงแล้ว… ข้าสามารถกลับไปนอนที่เรือนหน้าได้”“ไม่ได้!” ซ่างกวนซีปฏิเสธโดยแทบไม่คิดหลายวันที่ผ่านมา เยี่ยนเว่ยฉือนอนอยู่ที่เรือนหน้า เขาก็เฝ้าอยู่ที่ห้องนั้นด้วยกังวลว่าจะทำให้แขนที่บาดเจ็บของนางกระทบกระเทือน ซ่างกวนซีจึงไม่กล้านอนร่วมเตียงกับนางและเพราะกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะนอนไม่นิ่ง ซ่างกวนซีจึงต้องคอยดูว่านางได้พลิกตัวไปทับแขนตัวเองบ้างหรือไม่หลายวันที่ผ่านมา ซ่างกวนซีทำงานในเวลากลางวัน และเฝ้าไข้ในเวลากลางคืนนี่คือวิธีการแสดงความเสียใจของเขา แต่วิธีการนี้ก็มีขีดจำกัดเช่นกันหากไม่ได้นอนหลับพักผ่อนติดต่อกันหลายวัน เขากลัวว่าจะตนเองกลายเป็นซ่างกวนหลีผู้ผอมโซซ่างกวนซีหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเ
ซินมามาหันกลับไปมองบุรุษชุดดำ กลอกตาพลางกล่าวว่า “หากสำเร็จก็ให้ราคาหนึ่ง หากล้มเหลวก็ให้อีกราคาหนึ่ง”บุรุษชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แต่เดิมท่านหญิงหมิงหยางไม่ได้กล่าวเช่นนั้น”“แต่เดิม? แต่เดิมเจ้าก็กล่าวว่าจะไม่พลาดเหมือนกัน! ฮึ่ม!” ซินมามาจึงก้าวเข้าไปในประตูหลังของจวน ไม่ได้สนใจบุรุษชุดดำอีกเมื่อเห็นเช่นนั้น บุรุษชุดดำก็โกรธทันที เหยียบปลายเท้า กระโดดข้ามกำแพง ยืนขวางอยู่ตรงหน้าซินมามาดาบอันคมกริบวางอยู่บนไหล่ซินมามา“ว้าย! เจ้า… เจ้าบังอาจ! จะทำอะไร!” ซินมามาแสดงสีหน้าหวาดกลัวบุรุษชุดดำกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนคำพูดต่อหน้าข้าได้ ก่อนลงมือ ข้าได้กล่าวไว้แล้ว ไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ ข้าต้องการเงินหนึ่งพันตำลึง! หากให้ไม่ได้ ก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!”เมื่อบุรุษชุดดำกล่าวจบก็กำลังจะสังหารซินมามาขณะนั้น เสียงของท่านหญิงหมิงหยางก็ดังขึ้น “หยุด!”บุรุษชุดดำหันไปตามเสียง เห็นท่านหญิงหมิงหยางนำองครักษ์ของจวนเดินตรงเข้ามาอย่างดุเดือดบุรุษชุดดำหัวเราะเยาะเย้ย “ทำไม? ต้องการอาศัยกำลังคนมากเข้าสู้หรือ?”ท่านหญิงหมิงหยางพยายามฝืนยิ้ม “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เราทำ
เยี่ยนหานซานผู้นี้ รู้ทุกสิ่งทุกอย่างจริง ๆท่านหญิงหมิงหยางสะบัดมือเยี่ยนหานซานออก พลางขมวดคิ้วกล่าวว่า “ท่านหมายความว่าอย่างไร? หรือว่าในใจยังคงคิดถึงเยวี่ยฉงหรงอยู่ จึงเผื่อแผ่ความรักไปถึงเยี่ยนเว่ยฉือด้วย?”เยี่ยนหานซานกล่าวด้วยความไม่สบอารมณ์ “ฮูหยิน ฉงหรงสิ้นชีพไปแล้ว แต่เดิมที่ข้าแต่งงานกับนางก็เพราะสถานการณ์บังคับ ไม่ใช่เพราะความรัก เมื่อเจ้าเข้ามา ข้าก็ลดฐานะนางเป็นอนุแล้ว ผ่านไปหลายปีแล้ว เหตุใดเจ้าจึงยังคงยึดติดกับเรื่องนี้อีก?”“ท่านไม่ใช่หรือที่ทำให้ข้ายึดติด?” ท่านหญิงหมิงหยางเริ่มสะอื้น“แต่เดิมเมื่อท่านรู้จักกับข้า ท่านกล่าวว่าตนยังไม่ได้แต่งงาน ข้าจึงหลงรักท่าน แต่กลับรู้ว่าท่านมีภรรยาอยู่แล้ว ถึงแม้ท่านจะลดฐานะนางเป็นอนุ แต่ข้าก็เป็นเมียที่มาทีหลัง หลายปีที่ผ่านมา สตรีในตระกูลใหญ่ ต่างก็นินทาข้า เยาะเย้ยข้า ข้าเป็นท่านหญิงแห่งจวนอ๋องจ่างซิ่น ถึงแม้จะคู่ควรกับเชื้อพระวงศ์ แต่ข้ากลับเลือกแต่งงานกับท่าน ท่านลองคิดดูสิ หลายปีที่ผ่านมา ข้าได้อะไรบ้าง? สิ่งที่ได้ก็คือคำด่าทอและการติฉินนินทา! ฮือฮือฮือ...”ท่านหญิงหมิงหยางร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจแต่หยาดน้ำตานี้ ไ
“หมอฉิน?” เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปทักทายฉินเซียงหรูหยุดมือ หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ ส่งยิ้มบาง ๆ “แม่นางเยี่ยน”เยี่ยนเว่ยฉือสูดหายใจเข้าลึก คิดในใจว่า “เยี่ยมจริง ๆ สมัยโบราณนี้ แห่งหนใดก็มีแต่ชายรูปงาม หมอฉินผู้นี้เป็นต้นแบบของชายหนุ่มในชุดขาว อ่อนโยนดั่งหยก สุภาพอย่างมาก สง่างามดังดวงจันทร์ รูปงามหาใครเทียบ ถึงแม้จะด้อยกว่าซ่างกวนซีผู้งามสง่าอยู่เล็กน้อย แต่ก็มีอัธยาศัยอ่อนโยน ไม่ได้แผ่รังสีผลักไสผู้คนเหมือนซ่างกวนซี ยอดเยี่ยม รอยยิ้มงดงามจริง ๆ”ฉินเซียงหรูเห็นเยี่ยนเว่ยฉือจ้องมองตนเอง จึงลูบหน้าด้วยความสงสัย “ข้า มีดินติดหน้าหรือ?”เดิมทีไม่มี แต่เมื่อฉินเซียงหรูลูบหน้าก็ทำให้ดินติดบนใบหน้าขาวเนียนเยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่เป็นไร ดินเพียงเล็กน้อย กระนั้นก็บดบังรูปโฉมอันงดงามของหมอฉินไม่ได้หรอก ความบกพร่องเล็กน้อยนี้ไม่อาจบดบังความงามได้!”ฉินเซียงหรูตกใจเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มด้วยความเขินอาย “เอ่อ… ฮ่าฮ่า แม่นางเยี่ยนชมเกินไปแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือมองสมุนไพรที่วางอยู่บนโต๊ะ พลางเลิกคิ้วกล่าวว่า “โอ้ นี่เป็นสมุนไพรที่ท่านนำมาด้วยหรือ? หลายชนิดเป็นสมุนไพรหายากในแคว้นหลี”ฉินเซียงหรูประหลา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่มีอะไร ก็แค่ปลาหายากชนิดหนึ่ง”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างเข้าใจแจ่มแจ้ง “โอ้ ข้าเข้าใจแล้ว ท่านใช้หญ้าหางสุนัขเขียวเพื่อจับปลาชนิดนี้หรือ?”ฉินเซียงหรูพยักหน้า “ทำนองนั้น”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก คาดไม่ถึงว่าท่านหมอฉินจะหมกมุ่นอยู่กับการตกปลามากจนต้องไปที่หนองน้ำเพื่อหาเหยื่อสำหรับตกปลาถึงขั้นเสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อจะหาอะไรกิน ช่างน่าทึ่งจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าแปลก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือ ฉินเซียงหรูก็อดไม่ได้ที่จะสงสัยว่า “มีปัญหาอะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะแห้ง ๆ “มะ ไม่มีอะไร ทุกคนล้วนมีความชอบของตัวเอง จะหัวเราะเยาะคนตะกละมิได้!”ฉินเซียงหรูสับสน ‘ตะกละรึ? พูดถึงใครกัน?’ฉินเซียงหรูเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือยังคงเดินป้วนเปี้ยนอยู่แถว ๆ ยาสมุนไพรของโดยไม่คิดจะออกไป เขาจึงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “แม่นางเยี่ยนยังมีเรื่องอะไรอีกหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ไม่มีอะไร อ้อจริงสิ ในเมื่อท่านเห็นแก่กินขนาดนี้ ข้าจะพาท่านออกไปทานอาหารดี ๆ สักหน่อยแล้วกัน!”“หา? เห็น...เห็นแก่กิน?” คำว่าตะกละที่พูดถึงก่อนหน้านี้หมายถึงเขาหรอกรึ? นี่เ
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ