Rrrr. Rrrr.Rrrr
เสียงเรียกเข้าจากมือถือราคาแพงดังไม่หยุด หลิวเยี่ยนฟางกำลังขับรถอยู่ไม่อยากกดรับจึงปล่อยให้สายตัดไป
Rrrrr.Rrrrr.Rrrrr.
"อะไรนักหนา ก็ไม่รับสายตอนขับรถไงไม่รู้หรือ นี่มันเฮ้อเบอร์ผู้การนี่ ตาแก่หวังนี่มันช่วงพักร้อนฉันนะ" ก่อนจะเอื้อมมือกดรับสาย
" ฮัลโหลคะผู้การ ฉันขับรถอยู่เดี๋ยวหาที่จอดก่อนจะโทรกลับนะคะ"
หลิวเยี่ยนฟางกดวางสายทันที ไม่รอให้อีกฝั่งตอบกลับมา เธออยู่ในช่วงลาพักร้อนกำลังรอไฟท์บินไปมัลดีฟในอีกสามวัน อยากหาบรรยากาศชิวๆผ่อนคลายบ้าง
หลิวเยี่ยนฟางเป็นครูฝึกหน่วยรบพิเศษมาเกือบสิบปีแล้ว ปีนี้อายุ35 ตั้งแต่คนรักนอกใจเมื่อ7ปีก่อนก็ไม่คบหาใครอีกเลย
เสียงมือถือดังติดๆกันหลายรอบ สุดท้ายก็ตัดสินใจหาที่จอดเพื่อรับสาย ตอนนี้5ทุ่มแล้วต้องหาที่ปลอดภัยก่อนจะจอด จากนั้นก็ตบไฟเลี้ยว ขณะที่เธอกำลังจะเลี้ยวก็มีรถตู้ขับมาอย่างไว ประสานงากับรถของเธออย่างจัง หลิวเยี่ยนฟางรู้สึกว่ารถของเธอหมุนหลายตลบ จากนั้นสติที่มีอยู่ก็ค่อยๆดับไป
แคว้นซ่ง
ร่างบางในชุดสีซีดนอนอยู่บนเตียงที่ทำจากการเอากระดานไม้มาวางต่อๆกัน ห้องข้างๆมีเสียงทุ้มมีเสน่ห์บุรุษคนหนึ่งเอ่ยเรียกหาน้องชาย
"อาเจิน ไปไปดูพี่สะใภ้เจ้าสักหน่อยเถอะไม่รู้ว่านางเป็นอย่างไรบ้าง แค่กๆ" เมิ่งหย่งชวนที่นอนอยู่อีกห้องเรียกหาน้องชายให้ไปดูภรรยาที่เพิ่งแต่งเข้ามาเมื่อวาน
"ขอรับพี่ใหญ่"
เมิ่งหย่งชวนไอออกมาจนตัวโยน เขาถูกบ้านใหญ่ไล่มาเพราะว่าอาการป่วยของเขาทำให้ไปสอบไม่ได้ เขาสอบได้ซิ่วไฉทางบ้านใหญ่จึงได้ละเว้นภาษีที่นา
แต่พวกเขาไม่พอใจยังเหลืออีกสองสิทธิ์จึงอยากขายสิทธิ์นั้นให้แก่เศรษฐีที่ดินในหมู่บ้านอีกคน เมิ่งหย่งชวนไม่ยอม เขาเป็นบัณฑิตเรื่องเสื่อมเกียรติเช่นนั้นเขาไม่ทำ
หลังจากนั้นไม่นานตอนกำลังจะสอบจี่เหรินสามวันก่อนสอบอยู่ๆเขาก็ป่วย อีกสองวันต่อมาเขาก็ได้ข่าวว่าเศรษฐีจูได้รับสิทธิ์ละเว้นภาษีที่นาเกือบสี่สิบหมู่ พร้อมกับที่บ้านใหญ่ส่งหนังสือแยกบ้านและหนังสือตัดสัมพันธ์มาให้เขา
เด็กสาวที่นอนอยู่บนเตียงคือเสิ่นเยี่ยนฟาง เมิ่งหลงผู้นำหมู่บ้านเห็นว่าการที่บ้านใหญ่ของเมิ่งหย่งชวนทำเช่นนี้เหมือนกับปล่อยให้เขากับน้องชายต้องตาย
อย่างไรก็เป็นซิ่วไฉของหมู่บ้าน จึงปรึกษากับผู้อาวุโสทั้งหลายว่าจะแต่งงานให้เขา เพื่อแก้ชงและหาคนมาดูแลสองพี่น้อง แน่นอนไม่มีใครอยากยกบุตรสาวตนเองให้กับบัณฑิตยากจนที่ป่วยขี้โรคอย่างเขาสักคน
แม้ว่าเขาจะหล่อเหล่าแต่อย่างไรเล่ามันไม่ได้ทำให้อิ่มท้องสักนิด อีกทั้งยังมีน้องชายที่เป็นภาระอีกหนึ่งคนพ่วงมาด้วย แต่ในที่สุดก็เจอคนที่ดวงสมพงษกันจนได้ คือเสิ่นเยี่ยนฟางจากหมู่บ้านห้าสิบลี้ ซินแสบอกว่าสตรีที่เหมาะสมที่สุดก็คือเด็กกำพร้าจากสกุลเสิ่นคนนี้
"เป็นอย่างไรบ้างอาเจิน นางดีขึ้นหรือไม่ นางเป็นไข้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เจ้าไปขอยืมเงินบ้านท่านปู่ผู้นำสักหน่อย แล้วไปเชิญท่านหมอมาดูนางเถอะ นางแต่งมาเมื่อวานจะมาตายที่นี่หรือไร นางแต่งงานมาแก้ชงให้ข้าหรือมาเพิ่มความอัปมงคลให้ข้ากันแน่ แค่กๆ"
เมิ่งหย่งชวนเอ่ยถามน้องชายที่เขาสั่งให้เข้าไปดูคนป่วย วาจานั้นทำเอาคนที่เพิ่งฟื้นถึงกับสะดุ้ง ไอ้เด็กปากเสียนี่มันน่าจับทุ่มสักทีเหอะ
"ตรรกะอะไรวะเนี่ย นังหนูนี่เวรกรรมอะไรต้องมาแต่งงานแก้ชงให้ไอ้เด็กบ้านนั่นคนเขาอุตส่าห์แต่งมา ดันมาหาว่านางมาทำให้อัปมงคลอีก ปากน่าตบสักที ขอไปดูหน้าหน่อยเถอะ"
หลิวเยี่ยนฟางที่นอนอยู่ในบ้านตื่นมาสักพักแล้ว กำลังรวบรวมความทรงจำของร่างนี้อยู่ ได้ยินคำพูดสามีของร่างเดิมที่เพิ่งจะเป็นสามีแค่ข้ามคืนก็ยากจะลุกไปโบกสักที ป่วยใกล้จะตายยังปากดี
แต่ทันทีที่ลืมตาก็แทบจะสำลักตาย ทั้งหยากไย่ทั้งฝุ่นหนาเตอะ เมื่อได้รับความทรงจำของร่างนี้มาแแล้วก็ทบทวนความทรงจำของตนเอง เธอขับรถกลับบ้านหลังจากไปฟิทเนตมา หวังเจี่ยผู้การภาคเจ้านายของหน่วยงานที่เธอสังกัดอยู่โทรหา เนื่องจากเขาโทรมามากกว่ายี่สิบสาย ในที่สุดหลิวเยี่ยนฟางจึงตัดสินใจหาที่จอดรถเพื่อจะรับสาย
กำลังจะเลี้ยวก็มีรถตู้ที่ไม่รู้ว่าพุ่งมาจากไหน ประสานงากับรถเก๋งของเธออย่างจัง รู้สึกว่ารถกลิ้งหลายตลบมาก หน้าอกกระแทกกับถุงลมนิรภัย แต่ดูเหมือนจะชนแรงมากจึงทำให้เธอกระแทกแรงเกินไป
จากการเป็นนาวิกโยธิมาหลายปีก่อนจะมาเป็นครูฝึก สันนิษฐานได้ว่ากระดูกซี่โครงเธอหักและน่าจะทิ่มปอด เพราะก่อนที่เธอจะหมดสิติเธอรู้สักเหมือนมีลมออก และหายใจไม่ทั่งท้องติดขัดๆ จนในที่สุดสติก็ดับไปเธอตายแล้วจริงๆ ตอนนี้อยู่ในร่างของเสิ่นเยี่ยนฟางเด็กสาวกำพร้าที่ถูกอาสาวขายมาด้วยเงินหนึงตำลึงกับข้าวหนึ่งถุง
"ฉันตายแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในร่างเด็กอายุสิบเจ็ดหรือ ชื่อเสิ่นเยี่ยนฟางแต่งงานแก้ชงเมื่อวานอะไรกันเนี่ย ฉันไม่ชอบอ่านนิยายนะไอ้ทะลุมิติเนี่ย ทำไม่ไปโผล่โลกอนาคตย่ะ แล้วจะใช้ชีวิตต่อไปแบบไหนอ่ะมีผัวแล้วคลอดลูกเลี้ยงลูก นั่งเย็บผ้ารอผัวกลับบ้าน ผัวมีสามภรรยาสี่อนุเหรอ ยี้ แต่ยากจนขนาดนี้คงไม่มีปัญญาหาเมียเพิ่มหรอกแถมขี้โรคอีกด้วย ดูแล้วน่าจะปากดีอีกต่างหาก"
เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าของร่างเดิมนั้นเนื่องจากบิดาแต่งงานใหม่ แล้วไปทำการค้าต่างถิ่นเป็นพ่อค้าเร่เขาจึงทิ้งนางไว้กับอาสาว หลังจากอาสาวแต่งงานก็พาเธอมาอยู่ด้วยเพราะพี่ชายมักจะส่งเงินค่าเลี้ยงดูมาให้เดือนละสองตำลึง รายได้ส่วนนี้เป็นสิ่งเดียวที่เสิ่นอ้ายยอมเลี้ยงหลานสาวกำพร้ามาสี่ปีจนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนฟางอายุสิบเจ็ด
แต่เมื่อสามเดือนก่อนอาเขยพยายามลวนลามนางแต่ร่างเดิมสู้กลับนางไม่ยอม จากนั้นก็ไปฟ้องอาเล็กของนางแต่ใครจะรู้กลายเป็นว่าอาเล็กเข้าข้างสามี ด่าทอทุบตีเสิ่นเยี่ยนฟาง หาว่านางไปยั่วยวนบุรุษของตน
จากนั้นเมิ่งหลงผู้นำหมู่บ้านสี่ลิบลี้เป็นคนไปจัดการหมั้นหมายและขอนางมาเป็นภรรยาเมิ่งงงหย่งชวน ด้วยสินสอดหนึ่งตำลึง ข้าวสารหนึ่งถุง นางจึงได้มาอยู่ที่นี่เป็นภรรยาเมิ่งหย่งชวน ดูท่านเจ้าของร่างเดิมต่างหากที่เจอดาวอัปมงคลแต่งวันแรกก็ตาย เมิ่งหย่งชวนคนนี้เป็นหายนะที่แท้จริง
"อยากรู้นักว่าซินแสคนไหนผูกดวง เจ๊จะไปเผาสำนักเสียเลย แก้ชงดวงสมพงษ์บ้านป้าแกสิ แต่งมาวันแรกก็ตาย เจ้าบ่าวแบบนี้ดวงอัปมงคลชัดๆ"
ตอนนี้มาอยู่ในร่างนี้แล้ว ต้องรับสภาพให้ได้ก่อนอันดับแรก เด็กหนุ่มอายุยี่สิบที่นอนอยู่ห้องข้างๆชื่อเมิ่งหย่งชวน เป็นสามีหมาดๆเพิ่งแต่งงานกันกับร่างนี้เมื่อวาน ไอ้เด็กนั่นถูกบ้านใหญ่บังคับแยกบ้าน เพราะป่วยต้องใช้เงินรักษาตัว เงินที่พ่อแม่เขาทิ้งไว้ให้ท่านย่าเป็นคนฮุบเอาไปทั้งหมด และไม่ยอมนำมารักษาเขาทั้งที่เป็นเงินพ่อแม่ของเขาพอเขาไม่สารมารถไปสอบได้เพราะอาการป่วยและต้องรออีกสามปี ซึ่งถึงเวลานั้นคนบ้านเมิ่งมองว่าเขาอายุมากไปอีกทั้งไม่ได้ไปเรียนอาจไม่คุ้มที่ต้องทุ่มเทให้ จึงไม่รักษาและไล่ให้ไปอยู่บ้านเชิงเขา อ้างว่าเขาเป็นโรคร้ายอาจนำมาแพร่คนในบ้านแต่กลับอาศัยตำแหน่งซิ่วไฉของเขาละเว้นภาษีที่นาตนเอง รวมถึงจะขายขายสิทธิ์ที่เหลืออีกสี่สิบแปลงเพราะเขาสอบได้อับดับหนึ่งของปีก่อน แต่เมิ่งหย่งชวนไม่ยอมจึงถูกปู่กับย่าขับไล่ออกมาพร้อมน้องชายอายุสิบสาม หลังจากนั้นก็ทำหนังสือแยกบ้านมาให้ผู้นำหมู่บ้านสงสารเขาสองพี่น้อง เลยอยากหาภรรยาให้มาช่วยดูและพวกเขา จึงเอาดวงของเขาไปให้ซินแสดู ปรากฎว่าดวงของเด็กน้อยเสิ่นเยี่ยนฟางเป็นดวงสมพงษ์ที่สุด ขบวนเจ้าสาวก็แค่ส่งเกวียนกับผู้อาวุโสสี่คนไปรับนางไม่มีชุดแต่ง
ตอนนี้น่าจะสิบเอ็ดโมงแล้วมั้ง เวลายุคนี้คงเรียกว่ายามอู่กระมัง หลิวเยี่ยนฟางยอมรับแล้วว่าตัวเองตายไปแล้ว และตอนนี้เธอคือเสิ่นเยี่ยนฟางหรือเสิ่นซื่อภรรยาบัณฑิตขี้โรคเมิ่งหย่งชวนนางลุกขึ้นแล้วนั่งถอนหายใจพักใหญ่ก็เดินออกมาจากห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางออกไปนอกบ้าน มองดูบริเวณรอบๆ มีรั้วไม้ไผ่ที่โย้เย้ เถาไม้เลื้อยขึ้นพันเต็มไปหมด บริเวณบ้านน่าจะประมาณสามร้อยตารางวาได้มีแต่หญ้ากับพืชล้มลุก เอ๊ะมีลูกแดงๆขาวๆอยู่หลายต้นจึงเดินไปดู สตอเบอรี่นี่ จ๊อก จ๊อก จ๊อก เสียงท้องของนางร้องดัง และยังมีอีกคนที่ท้องร้องเช่นกัน หันไปก็เห็นเด้กผู้ชายคนนึง เขาคือน้องชายสามีของร่างเดิม เมิ่งลู่เจินอายุสิบสามแล้วแต่ตัวเล็กเหลือเกิน เทือบกับบุตรชายลุงใหญ่เมิ่งหานที่อายุเพียงแปดขวบกลับตัวโตยิ่งนัก"พะ พี่ พี่สะใภ้ท่านฟื้นแล้วหรือขอรับ ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่นะขอรับ""อืม มาช่วยข้าก่อน หิวจะตายอยู่แล้วในบ้านมีของกินหรือไม่""มีแค่แผ่นแป้งข้าวโพดที่ท่านปู่หลงเอามาให้ขอรับ แข็งไปสักนิดเดี๋ยวข้าไปต้มน้ำอุ่นให้ท่านนะขอรับ""ไม่ต้องหรอก มาช่วยข้าเก็บสิ่งนี้หน่อย ดินที่นี่น่าจะปลูกพืชได้ดีนะ เป็นที่ดินของท่านพ่อของเจ้าใช่หรือไม่"
ทวงคืนข้าวของ2106 คำเมิ่งลู่เจินที่กำลังถือจานที่ใส่เฉาเหมยมาก็รีบมาดึงแขนของเสิ่นเยี่ยนฟางเอาไว้ เขาไม่อยากให้พี่สะใภ้ไปบ้านใหญ่เขากลัวพี่สะใภ้ถูกตีกลับมา เมื่อวานพี่สามก็ตีพี่สะใภ้ อีกทั้งยังเอาปิ่นปักผมแทงนางอีก พีสามใจร้ายเกินไป เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเด้กชายก่อนจะลูบศีรษะของเขา"เด็กดี พี่จะไม่เป็นอะไร เมื่อวานนี้พี่ไม่ทันตั้งตัวเลยถูกคนชั่วฉวยโอกาศทำร้ายได้ จากนี้ไปพวกเขาไม่มีโอกาสนั้นอีกแล้วล่ะ""พี่สะใภ้ใหญ่ พวกเขาใจร้าย ท่านลุง ท่านย่า ท่านปู่พวกเขาใจร้ายมากเลยนะขอรับ ปิ่นเงินนั่นข้าจะไปรับจ้างหาเงินมาซื้ออันใหม่ให้ท่านนะ ท่านอย่าไปเลย"เมิ่งลู่เจินนัยย์ตาแดง เมื่อวานพี่สะใภ้ตกน้ำเป็นไข้ตัวร้อนมาก พวกเขายังบอกว่าจะฝังพี่สะใภ้กับพี่ชายเขาด้วยกัน ให้ไปเป็นคู่ผัวเมียในนรก เขาเกลียดบ้านใหญ่"ภรรยา เจ้าเชื่ออาเจินเถอะ เจ้าตัวเล็กเพียงนี้ ไปก็เสียเปรียบเจ้าโทษข้าเถอะที่ไม่สามารถปกป้องเจ้าได้"เมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหดหู่ แต่เสิ่นเยี่ยนฟางฟังออก เขาไม่ได้ป่วยแน่นอน แต่เหตุใดแกล้งป่วยไม่ไปเข้าสอบอันนี้นางไม่รู้ ก่อนจะเอ่ย"อาเจิน ท่านพี่อย่าห่วงเลย ข้าบอกแล้วว่าเมื่อวานข้าแค่ไม่
เมิ่งซุนที่ตอนนี้เลือดกลบปาก พร้อมกับขี้ฝุ่นเข้าปากก็เอ่ยโวยวาย ไม่นานหัวหน้าหมู่บ้านเมิ่งหลงก็มาถึง เห็นสภาพคนบ้านเมิ่งแล้วก็ถอนหายใจ นี่แหละนะเขาว่ากระต่ายหากจนตรอกก็ยังกัดคนได้ ดูเหมือนสะใภ้เมิ่งคนนี้จะไม่ใช่ลูกพลับนิ่มเสียแล้ว"ภรรยาอาชวน เจ้าทุบตีพวกเขาเช่นนี้ไม่ถูกนักนะ เหตุใดกันถึงต้องทำร้ายกันเพียงนีเ ตอบข้ามาหน่อย" เสียงร้องไห้ของเมิ่งจื่อดังขึ้นมานางชิงฟ้องก่อน"ฮือๆๆๆ ท่านปู่หลง นางโสเภณีนี่แย่งปิ่นเงินของข้าเจ้าค่ะ พอข้าไม่ให้นางก็ลงมือทบตีคน นางช่างเป็นสตรีแพศยาเสียงจริงๆ"เสิ่นเยี่ยนฟางจึงคุกเข่าลงแล้วร้องไห้บ้างสองมือกุมปิ่นเงินไว้แน่นแนบกับหน้าอกตัวเอง สะอื้นตัวโยนร้องไห้จะขาดใจ ชางบ้านที่เพิ่งมาถึง ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ก่อนหน้าก็สงสาร ส่วนคนที่มาก่อนกำลังปรับอารมณ์อยู่ เมื่อกี้นางเพิ่งจขะทุบตีไล่เตะคนเองนะ ตอนนี้ร้องไห้เสียงดัง จนเมิ่งหลงหัวหน้าหมู่บ้านต้องเอ่ยถาม"ภรรยาอาชวน เจ้าอย่าร้องไห้ มีอะไรก็พูดมาเถอะข้ารอฟังเจ้าอยู่ ข้าจะไม่ฟังความข้างเดียวแน่นอน""ฮึก ฮึก ท่านผู้นำท่านช่างใจร้ายนัก ฮือๆๆท่านไปสู่ขอข้ามาทำไมกัน ไหนท่านบอกว่าจะหาสามีที่ดีให้ข้าไง ท่านใจร้ายหลอกล
สิ้นเสียงของหัวหน้าหมู่บ้าน แม่เฒ่าเมิ่งก็ร้องไห้ฟูมฟายทุบตีตบหน้าขาตนเองทันที"เจ้าๆๆ นางแพศยาเจ้าอยากฆ่าข้าหรือ เจ้ามาเลยมาเอาชีวิตข้าเลย" เสิ่นเยียนฟางเห็นยายแก่เสแสร้งก็ไม่ยอมนางร้องกลับซ้ำยังร้องดังกว่าอีก"ฮือๆๆๆ ท่านพี่ท่านมีญาติเช่นนี้ได้อย่าไร ฮือๆๆท่านหัวหน้าหมู่บ้านพวกเขาต้องการบีบให้พวกข้าผัวเมีมยตายจริงๆ เขาต้องการที่ดินขอดีๆก็ได้ ทำไมต้องวางแผนมากมายขนาดนี้ จนสามีข้าทรงตัวจะไม่อยู่แล้ว ฮือๆๆๆ ท่านแต่งข้ามาเพื่อฝังรวมเขาจริงๆใช่ๆหม ท่านโกหกเมิ่งหลงท่านเป็นคนหลอกลวงฮือๆๆๆๆๆ"เมิ่งหลงหน้าดำเป็นก้นหม้อแล้ว เขาเป็นหัวหน้าหมู่บ้านต่อจากบิดามาหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกด่าต่อหน้าคนมากมาย เมิ่งซุนตัวดีเจ้าทำให้เด็กมาถอนหงอกข้าหรือ"เจ้าพวกเจ้า ชดใช้ให้นางสิบตำลึง ไม่เช่นนั้นลงโทษตามกฎตระกูลกับกฎหมู่บ้านหรือจะไปศาลาว่าการ"เมิ่งอี้ที่ได้ยินรีบรีบมาทันที เขาจะสอบอยู่แล้วจะให้ชื่อเสียงตนด่างพร้อยไม่ได้เขาจึงกระซิบกับท่านปูท่านย่า"ท่านปู่ท่านพ่อจ่ายเถอะขอรับ ข้าจะสอบแล้วชื่อเสียงจำเป็นนัก อีกอย่างข้ากำลังคบหากับบุตรสาวขุนนางท่านนึง ไม่อยากให้ชาวบ้านเอาไปนินทาเสียหายขอรับ นังอัปลัก
สุยกว่างโจวพูดคุยสักพักก็กลับไป เสิ่นเยี่ยนฟางตั้งท่าจะพาเขาไปในเมือง ก่อนจะเรียกหาน้องสามี“ลู่เจิน มาช่วยพี่ชายเจ้าสักหน่อยข้าจะพาเขาไปหาหมอในเมือง มีเงินก็ต้องรีบใช้ เดี๋ยวปลิงดูดเลือดบ้านเจ้ามาก่อเรื่องอีก ข้าเพิ่งจะหายป่วยกระทืบพวกเขาเอ้ย เจรจากับพวกเขาไม่ไหว”เมิ่งหย่งชวนลุกจากเตียงเดินมาหานางก่อนจะลากไปยังลำธารหลังบ้าน เสิ่นเยี่ยนฟางขัดขืนเขาพร้อมกับโวยวาย“นี่เมิ่งหย่งชวน เจ้าจะทำอะไรข้า ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ บอกให้ปล่อยไงวะ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้นะว่าเจ้าแกล้งป่วย เดี๋ยวแม่จับทุ่มเลยนี่”“พูดจาอะไรของเจ้าฟังไม่รู้เรื่อง เจ้าจะไปในเมืองใครจะขายของให้เจ้ากัน อัปลักษณ์เพียงนี้ น้ำก็ไม่อาบเมิ่งหว่านให้เสื้อผ้ามาสองชุด เจ้าควรอาบน้ำได้แล้ว สกปรกเหลือเกิน เหม็นสาบยิ่งนักจะให้ข้านอนกับเจ้าได้อย่างไรกันไ” โอ๊ย บ้านเจ้ามีตั้งสี่ห้องแยกกันนอนก็ได้แล้ว เจ้าจะทำอะไร ไอ้เด็กบ้านี่ปล่อยข้านะ เฮ้ย”ตูม!!!!เมิ่งหย่งชวนรำคาญเสียงโวยวายเลยจับนางโยนลงน้ำ เขาตามลงมาใช้ใยบวบขัดตามแขนนางจนเสิ่นเยี่ยนฟางแสบไปหมด จากผิวกระดำกระด่างพอถูกจับขาดก็ขาวนวลเนียน แต่คนตัวโตไม่พอใจจับนางกดน้ำขยี้ศรีษะแรงๆ“ผมนี่ไม่
เสิ่นเยี่ยนฟางสังเกตุบริเวณรอบๆ ตามสไตล์ของหน่วยสอดแนมทุกอย่างต้องประมวลผลฉับไว เดินไปตามตรอกต่างๆ สังเกตุทุกอย่าง ก่อนจะมองหาอาชีพที่ต้องทำหากินยังโลกที่โหดร้ายนี่เฮ้อกำลังจะไปที่โรงหมอก็เจอเข้ากับอาเขยพอดีกับที่อาเขยหันมาเจอนาง สวยผิดหูผิดตาจริงๆ ขนาดตอนที่ใส่เสื้อผ้าเก่าๆ มอมแมมนางยังงามนัก ตอนนี้นางยิ่งงาม ปากชมพูอวบอิ่มนั่น หน้าอกที่เขาเคยได้สัมผัสมันครั้งหนึ่งก่อนที่นางจะเอาหมอนไม้ฟาดหัวเขาจนแตก แล้วเมียเขากลับมาพอดี อยากจับไว้ใต้ร่างจริงๆ แต่งให้ไอ้ขี้โรคนั่นน่าเสียดาย“หืมใครเนี่ย เสี่ยวฟางของอานี่นามาเดินตลาดหรือ วันนี้แต่ตัวงดงามมากนัก เจ้าอยากกินอะไรหรือไม่อาเลี้ยงเจ้าเองดีไหม สามีขี้โรคของเจ้าเล่า คงไม่ได้มาซื้อของเซ่นไหว้หรอกนะ เสียดายความสาวเจ้าจริงๆ อยากให้อาเขยคนนี้ช่วยคลายความเหงาดีหรือไม่”เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสายเขาที่มองนางด้วยสายตาลามกโลมเลีย อีกทั้งสหายของเขาอีกสองคนก็ใช้สายตาเช่นเดียวกัน ดูท่าคงนิสัยอุบาทว์เหมือนกัน จึงไม่ตอบแต่เดินหนีแทน หวังซูอาเขยของนางเดินมาดักหน้า ก่อนจะกางแขนกั้น ส่งสายตาโลมเลียเสิ่นเยี่ยนฟางนับหนึ่งในใจ ชาวบ้านกำลังจะไปช่วยแต่หนึ่งในนั้นคื
เมิ่งหย่งชวนสังเกตุภรรยาของเขาคนนี้ดูมีกาลเทศะและมีความรู้มากกว่าข่าวที่เขาได้รับเสียอีก ข่าวที่ได้ยินคือนางหยาบคายไร้มารยาทสกปรกไม่ชอบอาบน้ำ ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ชอบอาบน้ำจะเป็นเรื่องจริง สกปรกเหลือทนเมื่อจ่ายเงินก็รับยาเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินนั่งรอทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นเขามองไปยังกลุ่มเด็กวัยเดียวกันที่ใส่ชุดของสำนักศึกษาจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะแตะบ่าผอมแห้งนั่น"อาเจิน อย่าห่วงเลยพี่สะใภ้จะหาเงินส่งให้เจ้าได้เข้าเรียน ตอนนี้เจ้าก็ฝึกกับพี่ชายเจ้าไปก่อนนะ""ข้าไม่เรียนหรอกขอรับพี่สะใภ้ พี่ใหญ่ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเป็นขุนนางยอมลำบากเพื่อให้พวกเรามีกิน เงินเดือนซิ่วไฉนั่นท่านปู่กับท่านย่าก็อ้างความกตัญญูยึดไปหมด พี่ชายข้าได้กินเพียงน้ำข้าวใสๆ ตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่านี้ขอรับ"เด็กชายเอ่ยไปพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วย เขาไม่อยากเรียนหรอก เขาจะรับจ้างทำงานส่งให้พี่ใหญ่ได้เรียนสูงๆเพื่อสอบขุนนาง จะได้ไม่ถูกคนรังแกเช่นทุกวันนี้ เสิ่นเยี่ยนฟางถอนหายใจ เวลานี้พูดไปก็เท่านั้น ต้องทำให้เห็นว่านางทำได้ก่อนสิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ต้องไปหาซื้อเ
นางทะลุมิติมาอยู่ที่นี่สี่เดือนกว่าแล้ว ทุกครั้งที่เมิ่งหย่งชวนจะเดินทางก็มีเหตุให้ชะงักมาหลายครั้ง นางอยากให้เขาเจอบิดาโดยไวนางอยากให้เด็กๆได้เกิดเป็นบุตรของนางจริง เสิ่นเยี่ยนฟางตัดสินใจจะถอนเข็มที่นางฝังไว้ออก ช่วงระยะสิบวันนี้หากมีสัมพันธ์ผัวเมียกันนางมีโอกาสตั้งครรภ์ เขาดีเพียงนี้นางอยากมีบุตรให้เขาจริงๆที่ไม่ใช่เด็กในอุปถัมภ์"ท่านพี่ ข้าต้มน้ำเก็กฮวยไว้ท่านรับสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ"ขาสั้นๆดุ๊กดิ๊กของเสี่ยวเฟิงเดินที่ถือเอาน้ำมาให้บิดา ส่วนเสี่ยวฮวาถืออีกถ้วยมาให้ท่านอาที่ตามท่านพ่อมา เสี่ยวเย่าจุงมือเสี่ยวเหอถือจานขนมมา เด็กๆเอ่ยเรียกบิดาเมิ่งหย่งชวนมองภาพตรงหน้าแล้วอบอุ่นนัก หากเขามีลูกจริงๆคงดี เด็กเหล่านี้หากไม่เจอครอบครัวเขาจะเลี้ยงไว้เอง ว่าไปก็แปลก เด็กทั้งหกคนนี้ยิ่งใกล้ชิดรู้สึกว่าหน้าตาเหมือนเขากับเมียแทบจะคัดลอกกันออกมา เสียงหวานๆของเสี่ยวเฟิงเรียกเขา เมิ่งหย่งชวนยิ้มให้เจ้าตัวน้อย"ท่านพ่อน้ำเก็กฮวยหวานๆชื่นใจเจ้าค่ะ""ท่านอา น้ำเก็กฮวยหวานๆเจ้าค่ะ""ท่านพ่อ ขนมขอรับ"เมิ่งหย่งชวนรับขนมมาก่อนจะค่อยๆกินทีละนิด จางเหมิ่นถึงกับเอ่ยปากชม ขนมนี่อร่อยมากนัก"อาจารย์หญิงนับว่
ยามเซินเมิ่งหย่งชวนจ้างรถม้าจากในตำบลกลับมา ทันทีที่รถม้าจอดสนิทเมิ่งหย่งชวนก็ลงจากรถม้า ตามด้วยจางเหมิ่นทันทีที่เห็นพี่ชายจางลี่ก็หน้างอกันที จะมาจับผิดอะไรกันอีกมาลำมากขนาดนี้ยัง ไม่พอใจอีกหรือ เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสามีกลับมาก็แปลกใจไหนเขาบอกว่าจะไปสิบวัน"ท่านพี่ ไหนว่าไปสิบวันไงเจ้าคะ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือเปล่า หรือว่าอาการป่วยของท่านกำเริบ"เสิ่นเยี่ยนฟางรีบไปดูเขาทันที มือบางอังหน้าผากกว้างเมื่อเห็นว่าตัวไม่ร้อน ก็จับมือหนามากุมเกรงว่าอาการป่วยกลับมาเขาจะหนาวสั่นอีก เมิ่งหย่งชวนรั้งนางมากอดเอาไว้กดปลายคางกับเรือนผมงามก่อนจะเอ่นถามด้วยความกังวล" เสี่ยวฟาง.. ที่บ้านเกิดเรื่องอันใดหรือไม่นกเหยี่ยวของอาเจินคาบปิ่นเงินของเจ้าไปตามพี่ที่บ้านเศรษฐีจาง""หืม.. นกเหยี่ยวของอาเจินหรือเจ้าคะ"สิ่นเยี่ยนฟางนึกถึงลูกนกที่เมิ่งลู่เจินเลี้ยงเอาไว้ยังผลัดขนไม่เต็มเลยจะบินไปได้อย่างไรกัน ดูท่าดงเป็นบุตรชายคนเล็กมากกว่า เด็กๆ ที่ตอนนี้ท่านอาจารย์หม่ากลับไปแล้ว เหลือเพียงหวงหย่งเหนียนที่ยังสอนเมิ่งสู่เจินอยู่ และเพิ่งไปไม่นานรถม้าน่าจะสวนกันกับสามี เด็กทั้งสี่รีบวิ่งมาหาก่อนจะพักทายบิดา"คารวะท่
ทางด้านของเมิ่งอี้ที่ได้เห็นหน้าตาของเด็กๆ ทั้งหกคนก็คิดที่จะอุ้มเด็กๆ ไปขายทันที หน้าตาน่ารักขายได้คนหนึ่งไม่น่าต่ำกว่าห้าร้อยตำลึงแน่ๆ เขารู้จักพวกชอบเด็กวัยนี้หน้าตาเช่นนี้ราคาดี ต้องวางแผนดีๆ เมิ่งอี้ไม่รู้ว่าตนเองชะตาขาดแล้วนับแต่คิดจับเด็กๆไปขายวันนี้จากคนที่ไม่เคยหยิบทำสิ่งใดกลับมาหาเสิ่นเยี่ยนฟางแต่เช้าเพื่อขอช่วยงาน"พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเองเมิ่งอี้ท่านอยู่หรือไม่ขอรับ"เสิ่นเยี่ยนฟางที่ตอนนี้กำลังเกล้าผมให้เสี่ยวอิงอยู่ เพราะเขายังเล็กจึงไม้ได้เรียนหนังสือไม่เช่นนั้นจะถูกสงสัยได้ ก็ชะโงกหน้าออกมาตามเสียงเรียก เห็นเมิ่งอี้ยืนอยู่นอกรั้ว หืมพ่อบัณฑิตรูปงามสะโอดสะองเหลือเกินเขาเก็บกันจนจะไถกลบปลูกใหม่เพิ่งจะโผล่หัว ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆมาทำไมกัน เสี่ยวเย่าส่งข้อความผ่านมารดาทางจิต"ท่านแม่ คนนิสัยเลวคนนี้ต้องการจับพวกเราพี่น้องไปขายขอรับ""หืม เมิ่งอี้กล้าคิดขายลูกข้าหรือ เสี่ยวเย่าลูกจัดการได้เลยอย่าให้แปลกปะหลาดจนชาวบ้านตกใจก็พอ แล้วตั้งแต่เช้าเสี่ยวเถาไปไหนกันนอนอีกแล้วหรือ""พี่ห้าหลับขอรับท่านแม่ พี่ห้าจะนอนอะไรนักหนาเก้าหมื่นปียังนอนไม่พอหรือไงกันเฮ้อ""หุบปากไปเลยนะ ไม่งั้นข
เมิ่งหย่งซินนำโจวหยวนกับหวงหย่งเหนียนไปพบคนด้านใน ทันทีที่เห็นหน้าโจวหยวนก็ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับเมิ่งหย่งซิน"แม่นางเมิ่ง รบกวนท่านช่วยออกไปก่อนสักครู่ เขาคือน้องชายคนเล็กของข้าโจวหยางน่ะ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับน้องชายนิดหน่อยขออภัยแม่นางเมิ่งด้วยที่เสียมารยาท""อ้อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่แท้ก็คนกันเองถ้าเช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว เชิญใต้เท้าทั้งสองตามสบายเจ้าคะ"เมิ่งหย่งซินออกไปแล้ว หวงหย่งเหนียนก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม รอฟังสองพี่กับน้องคุยกัน"เห็นอาซ้อเมิ่งบอกว่าเจ้าหนีหมาป่าจนตกเขา หยางเอ๋อร์ อย่างเจ้านะหรือจะหนีหมาป่า ฝีมือเช่นเจ้ามิใช่หมาป่าต้องวิ่งหนีหรอกหรือ""ข้าหนีคนขององค์ชายรอง บังเอิญไปเจอพวกเขาสมคบศัตรูแอบค้าขายแร่เหล็กกับแร่เงินเข้า แต่โชคดีที่พวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าแกล้งเป็นคนตาบอดเดินคลำทาง พวกเขาไม่ไว้ใจจึงพยายามไล่ล่าข้าจึงแกล้งตกเขาลงมา แต่ไม่คิดว่าด้านล่างจะมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ ข้าเลยกระแทกอย่างแรง กระดูกร้าวน่ะไม่ถึงกับหัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนขององค์ชายรองยังอยู่ไหมเลยต้องอยู่แต่ในบ้านไปก่อน ไม่อยากให้คนบ้านนี้เดือดร้อนเพราะช่วยข้านะขอรับพี่รอง"โจวหยางเอ่
ยามเฉินเสิ่นเยี่ยนฟางที่นั่งหน้าบ้านรอจางลี่ก็ยังไม่มา คิดจะลองดีกับนางหรือ หากยามซื่อไม่มาข้าจะไปลากถึงที่นอนเลยเชียว ปลายยามซื่อรถม้าก็วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน เลยมาทางด้านท้ายหมู่บ้านเศรษฐีจางลากบุตรชายลงมา จางลี่หน้าเง้าหน้างอพอเห็นเสิ่นเยี่ยนฟางก็ถลึงตาใส่ จากนั้นจางหมิ่นก็พูดคุยกับนาง"ข้าพาเขามาส่ง อาจารย์หญิงท่านจะเปลี่ยนใจหรือไม่บุตรชายข้าดื้อด้านนัก""ช่างเถอะ ท่านลุงหกมาพาคนงานใหม่ไปเก็บดอกฝ้ายในไร่ด้วยเจ้าค่ะ"ทันทีที่นางเอ่ยจบก็มีชายฉกรรจ์อายุประมาณสี่สิบเดินมาก่อนจะนำทางจางลี่ไป แต่เขาอิดออดจนบิดาต้องดุ จางหมิ่นเดินตามเสิ่นเยี่ยนฟางไปที่แปลงฝ้าย ทันทีที่เห็นผักในแปลงดินก็ตกตะลึงก่อนจะเอ่ยปากขอซื้อ"อาจารย์หญิงผักสดนี่ครั้งก่อนที่อาจารย์เมิ่งนำไปฝากรสหวานยิ่งนัก ครั้งนี้ท่านช่วยขายให้ข้าได้หรือไม่เล่า""ข้าเก็บไว้ให้แล้ว สามีข้าเพิ่งซื้อที่ดินเพิ่มข้าจะขยายแปลงผักอีกหน่อยเราอาจเป็นคู่ค้ากันก็ได้ อ้อถึงแปลงฝ้ายแล้วเชิญท่านดูเถอะ"จางหมิ่นทันทีที่เห็นดอกฝ้ายที่คุณภาพนับว่าดียิ่งนัก เขาไม่เคยเจอฝ้ายที่ดอกหนาสีขาวบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อนจึงเผยสีหน้ายินดีออกมา จางลี่ไม่ยอมทำงานยื
เสิ่นเยี่ยนฟางมองไปที่จางลี่จากนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย จางลี่เห็นรอยยิ้มนางถึงกับขนลุกทันที ได้ยินนางเอ่ยวาจาที่ทำให้เขาถึงกับโมโหเป็นอย่างมาก"ท่านจาง ข้ามิอาจอวดเก่งต่อหน้าพ่อค้าใหญ่เช่นท่านได้ แต่มีเรื่องหนึ่งข้าช่วยท่านได้นะเจ้าค่ะ""เมิ่งฮูหยินเชิญกล่าวมาเถอะ""บุตรชายของท่านจางลี่ หากท่านไม่รังเกียจข้าที่เป็นสตรี ข้ายินดีเป็นอาจารย์ให้เขาเอง ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้เขาเข้าไร่เก็บดอกฝ้าย จากนี้ท่านห้ามให้เงินเขา หากวันใดเขาทำงานข้าจะจ่ายค่าแรงเอง หากไม่ทำก็ให้เขาอดข้าว เขากินดีอยู่ดีเกินไปไม่รับรู้ความลำบากของบิดามารดาที่ต้องทำงานหาเลี้ยงเขา""เอ่อเมิ่งฮูหยินคือเรื่องนี้ข้าว่า.....""นังตัวดีเจ้ากล้าหรือ ท่านพ่อนางถือว่าสามีเป็นอาจารย์ของพี่ใหญ่ก็เลยอยากทำให้ข้าอับอายนะขอรับ ท่านอย่าหลงกลนางสารเลวนี่เชียว"เมิ่งหย่งชวนมองหน้าภรรยาอย่างหาคำตอบ แต่เสิ่นเยี่ยนฟางแค่เพียงยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเอ่ย"ท่านจาง ดอกฝ้ายเหล่านั้นข้าจะส่งมอบให้ท่าน บุตรชายท่านหากข้าสั่งสอนเขาให้เป็นผู้เป็นคนไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนข้ายินดีไม่รับเงินค่าดอกฝ้ายสักอีแปะเจ้าค่ะ หากข้าทำได้ท่านก็แค่จ่ายค่าฝ้ายข้า
เสิ่นเยี่ยนฟางนำหมั่นโถวกับซาลาเปาใส่กะละมังไม้หลายใบก่อนจะเข็นเดินไปทั่วหมู่บ้านเพื่อแจกซาลาเปากับหมั่นโถว"ทุกท่านนี่คือบุตรชายบุตรสาวของข้า ทั้งหกคน เด็กๆคารวะท่านปู่ท่านย่าท่านลุงท่านอาทั้งหลายสิ ยังมีพี่สาวพี่ชายท่านน้าอีกด้วย""พวกเราคารวะทุกท่านเจ้าค่ะ/ขอรับ"ชาวบ้านต่างยิ้มให้เด็กหกคนนี้น่ารักเสียจริงๆ"นี่ภรรยาซิ่วไฉ หากบอกว่าเป็นบุตรชายบุตรสาวของเจ้าข้าเชื่อสนิทใจเชียวล่ะ""ใช่ๆ หน้าตาถอดเจ้ากับเมิ่งซิ่วไฉมาเชียว""ขอบคุณพวกท่านมาก ฝากเอ็นดูลูกๆข้าด้วยนะเจ้าคะ"เสิ่นเยี่ยนฟางทยอยแจกอาหารจนครบทุกหลังคาเรือนจากนั้นก็เข็นรถพาลูกๆกลับบ้าน เมิ่งหย่งชวนเตรียมตัวกินข้าวแล้วจะไปค้างคืนที่จวนจางสิบคืน"ท่านพ่อพวกเรากลับมาแล้วเจ้าค่ะ"เสี่ยวฮวาวิ่งนำหน้าถลามากอดขาเมิ่งหย่งชวนก่อนจะเงยหน้าส่งสายตาไร้เดียงสามาให้ เมิ่งหย่งชวนก้มลงอุ้มนางขึ้นมาก่อนจะดุ"วันหลังอย่าวิ่งแบบนี้อีก หากหกล้มลูกจะเจ็บได้ วันนี้พ่อไม่อยู่อย่าดื้อกับท่านแม่เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อเสี่ยวฮวาไม่ดื้อเจ้าค่ะ เสี่ยวฮวาอยากมีท่านพ่อเสี่ยวฮวาอยากมีท่านแม่"เมิ่งหย่งชวบบีบจมูกโด่งที่ถอดแบบเขามาไม่ผิดเพี้ยน นี่ถ้าเขามีลูกเ
เมิ่งซุนยื่นมือไปขออุ้ม เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเสี่ยวอิงบุตรชายคนที่หกที่เกินจากข้อตกลงมา เสี่ยวอิงกางแขนหาท่านปู่ทวดทันที"อืม ไหนเรียกท่านปู่ทวดสิ""ท่านปู่ทวด ท่านปู่ทวดขอรับ"เมิ่งซุนยืนมือเหี่ยวย่นไปลูบศรีษะ จากนั้นเมิ่งหย่งซินก็ไปจัดห้องให้เด็กๆ ต้นยามเหมาแล้ว นางกับเสิ่นเยี่ยนฟางไม่นอนต่อแต่ติดไฟนวดแป้งทำซาลาเปา นึ่งหมั่นโถว ต้มไก่ทำกับข้าวไปไหว้บิดามารดาของท่านปู่"อาเล็ก ทำเยอะหน่อยเถอะพรุ่งนี้จะไปแจกในหมู่บ้านด้วย พาเด็กๆไปแนะนำกับคนในหมู่บ้านด้วย""อืม เจ้าไปพักเถอะเสี่ยวฟางงานตรงหน้าอาเล็กทำได้""ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาเล็กช่วยกันทำงานเสร็จเร็วจะได้มีเวลาพัก"เมิ่งลู่เจินที่ตอนนี้เป็นท่านอาแล้วก็มีหน้าที่พาหลานๆไปเดินเล่นระหว่างที่ผู้ใหญ่ทำงาน"อย่ามาเล่นแถวนี้อันตราย เจ้าชื่ออะไรนะ""ข้าชื่อเสี่ยวเฟิงเจ้าค่ะท่านอา อีกอย่างข้าไม่ซนเจ้าค่ะข้าอยากช่วยงาน""อืมๆๆ อาเล็กรู้แต่ว่าในครัวมีฟืนไฟต้องระวัง เสี่ยวเย่าเจ้าเป็นพี่คนโตใช่หรือไม่"เสี่ยวเย่าเดินมาหาเมิ่งลู่เจินเขาก้มลงอุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นมาก่อนจะมองหน้าแล้วเอ่ย"เสี่ยวเย่า เจ้าเป็นพี่ต้องดูแลน้องๆ ห้ามเข้าใกล้เตาไฟ ห้าม
เสิ่นเยี่ยนฟางใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแต่เมิ่งหย่งชวนยังคงไขว่คว้าสองเต้าอย่างไม่ยอมแพ้ เสิ่นเยี่ยนฟางจับมือเขาไว้ก่อนจะส่งสายตาดุไปให้ คนตัวโตต้องยอมปล่อยเพราะเมียเริ่มดุแล้ว"นอนนะเจ้าคะ พรุ่งนี้ต้องไปสอนหนังสืออีก ท่านคึกทุกคืนเช่นนี้ร่างกายจะแย่เอา""เมียจ๋า อีกครึ่งเดือนต้องเดินทางแล้วนะ""ท่านพี่นอนเจ้าค่ะ"เมิ่งหย่งชวนยอมนอนเสิ่นเยี่ยนฟานนอนหนุนแขนเขาจนกระทั่งปลายยมอิ๋นเสียงเรียกของเสี่ยวเย่าดังขึ้นมา"ท่านแม่ขอรับน้องตื่นแล้วขอรับ""ท่านแม่เจ้าขาเสี่ยวเหอกับเสี่ยเถาตื่นแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงด้วย"เสิ่นเยี่ยนฟางหูผึ่งทันที เสี่ยวอิงหรือคือใครกันมาจากไหนอีกเล่า ไหนว่าห้าคนไง ก่อนจะค่อยๆเอาแขนของสามีออกจากนั้นก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุม เนื่องจากชาติก่อนนางเป็นหน่วยซีลเก่าการเคลื่อนไหวจึงนับว่าเบามาก เสิ่นเยี่ยนฟางห่มผ้าให้เมิ่งหย่งชวนก่อนจะจุมพิตแก้มสากจากนั้นก็เปิดประตูออกไปเมิ่งหย่งชวนที่นอนอยู่ลืมตาทันที ภรรยาลุกไปกลางดึกอีกทั้งสวมเสื้อคลุม ใส่มิดชิดเพียงนี้คงมิได้ไปสุขาแน่ๆ เสียงเดินไปทางป่าท้อ เมิ่งหย่งชวนลุกขึ้นก่อนเดินออกมาเห็นหลังนางไวๆ เสิ่นเยี่ยนฟางที่มาถึงก็เห็นสามคนรออยู