เมิ่งหย่งชวนสังเกตุภรรยาของเขาคนนี้ดูมีกาลเทศะและมีความรู้มากกว่าข่าวที่เขาได้รับเสียอีก ข่าวที่ได้ยินคือนางหยาบคายไร้มารยาทสกปรกไม่ชอบอาบน้ำ ดูเหมือนเรื่องที่ไม่ชอบอาบน้ำจะเป็นเรื่องจริง สกปรกเหลือทน
เมื่อจ่ายเงินก็รับยาเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินนั่งรอทั้งสองคนอยู่เงียบๆ เป็นเด็กรู้ความยิ่งนัก เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นเขามองไปยังกลุ่มเด็กวัยเดียวกันที่ใส่ชุดของสำนักศึกษาจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะแตะบ่าผอมแห้งนั่น
"อาเจิน อย่าห่วงเลยพี่สะใภ้จะหาเงินส่งให้เจ้าได้เข้าเรียน ตอนนี้เจ้าก็ฝึกกับพี่ชายเจ้าไปก่อนนะ"
"ข้าไม่เรียนหรอกขอรับพี่สะใภ้ พี่ใหญ่ตั้งใจเรียนเพื่อสอบเป็นขุนนางยอมลำบากเพื่อให้พวกเรามีกิน เงินเดือนซิ่วไฉนั่นท่านปู่กับท่านย่าก็อ้างความกตัญญูยึดไปหมด พี่ชายข้าได้กินเพียงน้ำข้าวใสๆ ตอนที่ท่านพ่อท่านแม่ยังอยู่พวกเรามีชีวิตที่ดีกว่านี้ขอรับ"
เด็กชายเอ่ยไปพร้อมน้ำตาที่คลอหน่วย เขาไม่อยากเรียนหรอก เขาจะรับจ้างทำงานส่งให้พี่ใหญ่ได้เรียนสูงๆเพื่อสอบขุนนาง จะได้ไม่ถูกคนรังแกเช่นทุกวันนี้ เสิ่นเยี่ยนฟางถอนหายใจ เวลานี้พูดไปก็เท่านั้น ต้องทำให้เห็นว่านางทำได้ก่อน
สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ต้องไปหาซื้อเสื้อผ้า ที่นอนกับเสบียงก่อน บ้านเมิ่งนั่นช่างใจร้ายกับลูกหลานจริงๆ ข้าวสักเม็ดก็ไม่ให้กิน ร่างเดิมคงทั้งหิวทั้งเป็นไข้เลยจากไป เสิ่นเยี่ยนฟางจุงมือเมิ่งลู่เจินออกจากร้านหมอจากนั้นก็พาไปกินบะหมี่ เมิ่งหย่งชวนไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่ เขาเป็นสามีที่ป่วยนางกลับไม่สนใจ แต่ไปจับมือถือแขนกับน้องชายเขาใช้ได้ที่ไหนกัน จึงเอ่ยเสีเข้ม
"อาเจินเจ้าโตแล้ว เดินจับมือสตรีมิสมควรอีกทั้งนางยังเป็นพี่สะใภ้เจ้าด้วย"
หืม ไอ้เด็กบ้านี่น้องชายนายอายุเท่าไหร่กันเชียวแหม่เว้ยเฮ้ย เมิ่งลู่เจินปล่อยมือพี่สะใภ้ทันทีด้วยท่ามางสำนึกผิด เสิ่นเยี่ยนฟางหมันใส้เขาจึงไม่สนใจนั่งลงแล้วหันไปสั่งบะหมี่แทน
"เถ้าแก่ขอบะหมี่น้ำสองชามใส่ไข่ด้วย ส่วนอีกชามขอเนื้อน้อยๆผักเยอะๆเจ้าค่ะ"
"อ้อๆๆ แต่แม่นางน้อยผักสดหายากเต็มที ตอนนี้อากาสร้อนอยู่อีกครึ่งเดือนกว่าจะฝนตก เพาะปลูกไม่คอยดีนัก"
"อ้อ งั้นท่านทำมาเถอะ เนื้อไม่ต้องเยอะเท่าไหร่ ส่วนของสามีข้ากับน้องชายเพิ่มเนื้อสักหน่อยนะเจ้าคะ"
เจ้าของร้านหันไปทำบะหมี่ เสิ่นเยี่ยนฟางกำลังนั่งวิเคราะห์ ยุคโบราณนี่ไร้มลพิษอากาสดี แต่ผู้คนความรู้น้อย มีแค่คนเรียนหนังสือเท่านั้นที่มีความรู้รู้กว้างขวาง
ปลูกผักหรือ ต้องไปดูที่ดินของเมิ่งหย่งชวนก่อนว่าปลูกพืชชนิดใดได้บ้าง จากนั้นก็เอ่ยกับเมิ่งหย่งชวน
"นี่ตาทึ่ม ข้าจะไปซื้อเสบียงกับผ้าห่ม เจ้าสองคนเสื้อผ้าก็ขาดเก่าจนเปื่อยหมดแล้วซื้อคนละสามชุดเถอะ"
"เจ้า เรียกสามีตัวเองดีๆไม่ได้หรืออย่างไร วาจาเช่นนี้สตรีที่ไหนใช้เรียกสามีกันเสิ่นเยี่ยนฟาง ช่างเป็นพวกสตรีผมยาวสายตาตื้นเขินจริงๆ"
"แหม่พ่อบัณฑิตหางแถว ยังไม่ทันสอบผ่านจี่เหริน สอบทั่นฮวาหลักการยังกับเป็นราชครูผู้ยิ่งใหญ่ ข้าไม่เรียกเจ้าสามีแน่นอน แต่งมาแก้ชงให้เจ้าเท่านั้นอย่าจริงจัง"
"เหอะ ทำตัวให้สมกับเป็นเมียแก้ชงหน่อย มาวันแรกก็ไม่อาบน้ำไม่สระผม กลิ่นตัวเหม็นเพียงนั้นจะมาแช่งให้ข้าตายไวขึ้นนะสิ อยากเป็นแม่หม้ายตั้งแต่อายุน้อยๆเชียวหรือ"
"นี่เมิ่งหย่งชวนสามีขี้โรคจะเอามาทำไม เสียเวลาชีวิตข้าหมด หึ"
ทั้งคู่เถียงกันจนกระทั่งบะหมี่มาส่ง เมิ่งลู่เจินจับแขนเสื้อพี่สะใภ้เอาไว้ มองหน้านางอย่างอ้อนวอน
"พี่สะใภ้ ท่านอย่าทิ้งพี่ใหญ่ไปนะขอรับ ท่านพ่อท่านแม่ทิ้งพวกเราไปแล้ว ข้าจะไปหาเงินเยอะๆให้พี่ใหญ่ได้เรียน ให้ท่านได้สุขสบายเป็นฮูหยินขุนนาง ท่านดูแลพี่ใหญ่ให้ข้านะขอรับ"
เสิ่นเยี่ยนฟางใช้หัวแม่โป้งกรีดน้ำตาให้เมิ่งลู่เจินอย่างเบามือ รั้งเขามากอดลูบหลังให้ปลอบปะโลมเบาๆ เมิ่งหย่งชวนรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินทันที แต่น้องชายรักเขามากเขาเองก็อยากให้น้องชายมีชีวิตที่ดีเช่นกัน
"อาเจิน พี่ไม่ทิ้งเจ้าไปหรอก แล้วเจ้าก็ไม่ต้องไปทำงานส่งเสียพี่สะใภ้ด้วย พี่มีทางหาเงินแล้ว เจ้าจะช่วยพี่หรือไม่เล่า"
"พี่สะใภ้ท่านพูดจริงๆหรือขอรับ ท่านจะให้ข้าทำสิ่งใดข้ายอมทุกอย่างเลยขอรับ"
"เจ้าพูดเองนะ ถ้าเช่นนั้นตอนนี้กินบะหมี่ในชามให้หมดก่อน แล้วเราจะไปดูสิ่งที่ใช้หาเงินกัน"
ทั้งสามไม่เอ่ยสิ่งใดอีก ตั้งใจกินบะหมี่ตรงหน้าอย่าอร่อย หากถามว่าอร่อยไหมสำหรับเสิ่นเยี่ยนฟางแน่นอนว่าสู้ยุคที่นางจากมาไม่ได้ แต่ว่าอย่างไรเล่า มีให้กินก็ดีแล้ว สองพี่น้องที่ไม่ได้กินเนื้อมานานก็กินจนเกลี้ยง
"ข้าต้องรักษาตัวอีกเกือบปีท่านหมอบอก จะอาศัยช่วงที่ไม่ได้ไปเรียนขึ้นเขาล่าสัตว์ก็แล้วกัน เจ้าก็อยู่บ้านดูแลความเรียบร้อยให้ดี สกปรกมากๆระวังข้าจะหย่าเจ้า"
"นี่ๆๆๆ ข้าอ้อนวอนเจ้าตายล่ะอยากหย่าก็เขียนมาเลยไม่ต้องมาขู่ หึ หากดีแต่ปากอย่าทำขอร้อง"
เมิ่งลู่เจินมองหน้าพี่ชายกับพี่สะใภ้แล้วก็กลั้นน้ำตา พวกเขาทะเลาะกันอีกแล้ว พี่ใหญ่ท่านต้องการคนดูแลนะ เหตุใดไล่นางไปเล่า เสิ่นเยี่ยนฟางเห้นน้องสามีก้มหน้าก้เลิกต่อปากต่อคำทันทีก่อนจะหันไปหาเมิ่งหย่งชวน
"ต่อไปห้ามเจ้าชวนข้าทะเลาะต่อหน้าเด็กอีก ไปได้แล้วข้าจะไปหาซื้อของ เสร็จแล้วพวกเจ้าก็รอข้าที่เกวียน ข้าจะไปร้านเหล็กดูเครื่องมือเกษตร"
เสิ่นเยี่ยนฟางจ่ายค่าบะหมี่เรียบร้อย บะหมี่ใส่ไข่สองชามยี่สิบอีแปะ ของนางไม่มีไข่เจ็ดอีแปะค่าแรงที่นี่วันละห้าสิบอีแปะ เฮ้อกินบะหมี่ก็เหลือนิดเดียวแล้ว ต้องหาเงินให้มากๆ ไม่ไหวทำกินเองดีที่สุด สิบอีแปะแต่รสชาติไม่ผ่านโปรอย่างแรง
ทั้งสามคนเดินมาถึงร้านขายผ้า จากความทรงจำเด็กคนนี้เย็บปักถักร้อยเก่งพอควร แต่ถ้าให้นางมานั่งทำไม่เอาดีกว่า เสิ่นเยี่ยนฟางเลือกซื้อเสื้อผ้าที่ตัดสำเร็จแทน
คนงานที่เห็นนางแต่งตัวมอซอก็ไม่ต้อนรับ แต่พอหันไปเห็นเมิ่งหย่งชวนก็ส่งสายตาทอดสะพานทันที แหม่เห็นคนหล่อหน่อยไม่ได้ระริกระรี้เชียวแม่คุณหึ"คุณชายเจ้าคะ ท่านต้องการสิ่งใดหรือเจ้าคะ บอกเสี่ยวหงมาเถอะเจ้าค่ะข้าสมารถหาให้ท่านได้"คนงานหญิงเอ่ยน้ำเสียงอ่อนหวานจนเสิ่นเยี่ยนฟางหมันใส้ ก่อนจะเดินมาเกาะแขนเมิ่งหย่งชวนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวานซึ้งแม้แต่ตัวเองยังเลี่ยน"ท่านพี่ ชุดเก่าหมดแล้วเลือกสักสามสี่ชุดนะเจ้าคะ พี่สาวท่านนี้ข้าอยากได้ชุดบุรุษสีฟ้า สีเทา สีน้ำเงิน สีดำอย่างละชุดและสีขาวสองชุด ขนาดสามีของข้ากับน้องชายของเขา เอาผ้าเนื้อดีนะ แล้วก็ข้าต้องการชุดสตรีห้าชุด สีเขียว ชมพู ฟ้า ขาว ม่วง อย่างละชุดเจ้าค่ะ"คนงานหญิงที่ต้อนรับเมิ่งหย่งชวนถึงกับอ้าปากค้าง ภถรรยาหรือหน้าตาก็ดี แต่เมียมอมแมมเหลือเกิน ยากจนเหมือนขอทานเช่นนี้มีเงินหรือ ดูจากการแต่งตัวไม่น่าจะจ่ายไหวจึงพูดดจาดุถูก"นี่แม่นาง ชุดบุรุษนั้นชุดละสามร้อยห้าสิบอีแปะนะเพราะเจ้าสั่งผ้าเนื้อดี ชุดขนาดของน้องสามีเจ้าก็ชุดละสองร้อยห้าสิบอีแะ ชุดสตรีสามร้อยห้าสิบอีแปะ เจ้ามีเงินแน่หรือ""เสิ่นเยี่ยนฟางเกลียดจริงๆอีพวกดูคนที่เปลือกเนี่ย นี่ขน
เมื่อได้ของเรียบร้อยเสิ่นเยี่ยนฟางก็ให้สองพี่น้องพาคนงานขนาดไปส่งที่เกวียน แล้วรอที่นั่นนางจะไปซื้อข้าวสารกับธัญพืช แต่ทั้งสองคนอยากไปช่วยนางมากกว่า เมิ่งหย่งชงนอยากรู้ด้วยว่านางเอาเงินมาจากที่ใดกัน จึงต้องตามไปดูให้รู้ชัด"เถ้าแก่เนี้ย ข้าขอฝากสินค้าไว้ก่อนนะเจ้าคะ อาเจินอยู่ที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามารับ"ขอรับพี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่"จากนั้นทั้งสองคนก็ตรงไปตรอกขายอาหารแห้งทันที เมื่อเดินมาพ้นจากผู้คนเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าไปเอาเงินมาจากที่ใดกัน เมื่อเช้าเจ้าได้มาเพียงสิบตำลึงมิใช่หรือ ปิ่นปักผมมารดาเจ้าขายอย่างไรก็ไม่น่าเกินสามตำลึง เสิ่นเยี่ยนฟางบอกข้ามานะ""จะอยากรู้ไปทำไม ข้าหาเงินได้ก็แล้วกันน่า เจ้าอย่าโวยวายเหมือนข้าไปฆ่าคนตายได้หรือไม่ นั่นร้านข้าวสารอยู่ตรงนั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวกว่าจะถึงบ้านจำมืดค่ำเสียก่อน"เสิ่นเยี่ยนฟางซื้อข้าวสารห้าสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เกลือสามชั่ง น้ำตาลห้าชั่ง น้ำตาลแดงสามชั่ง น้ำมันห้าไห นางชอบกินของทอดกับอาหารจานผัด ให้มาต้มผักป่าหรือไม่มีทางย่ะ ก่อนจะถามเมิ่งหย่งชวน"ท่านพี่ เราจะหาโม่หินได้จากที่ใดเจ้าคะ ข้าอยากได้สักอัน""
"หลานเมียเจ้ายอมรับมาเถอะว่าเจ้าทำร้ายพวกข้า อีกทั้งยังขโมยเงินของข้ามาอีก"เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นชาวบบ้านมาเริ่มมุงกัน มีชาวบ้านที่ตั้งแผงอยู่เมื่อเช้าด้วย ไหล่สั่นไหวน้ำตาแหมะแรกมาแล้ว ใครว่าหน่วยซิลต้องเข้มแข็งคะพวกฉันเล่นละครเก่งนะไอ้หนู ไม่งั้นจะแฝงตัวทำภารกิจได้หรือสองมือปิดหน้าร้องไห้เสียงดังจนคนที่เดินผ่านต้องหยุดแล้วเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจ นางจะทำอะไรอีก"ฮือๆๆๆๆ ใต้เท้ามือปราบข้าเปล่านะเจ้าคะ""แม่นางน้อย ไปที่ศาลาว่าการเถอะ หากเจ้าไม่ผิดข้าจิ้งเหยียนรับรองว่าไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้""ฮือๆๆๆๆใต้เท้า ท่านจับข้าไปแล้วสามีของข้าจะทำเช่นไร เขาใกล้ไม่ไหวเต็มทีแล้วข้ามารับยาให้เขาหากกลับไม่ทันเล่า ท่านจะไม่ให้ข้าได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้ายหรอกหรือ ข้าไม่ได้ขโมยเงินไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆเจ้าค่ะ ท่านถามชาวบบ้านดูก็ได้ หรือว่าคุณชายจางจะข่มขู่ชาวบ้านมิให้กล่าวความจริง ฮือๆๆๆ ว่ากันว่าเศรษฐีจางท่านใจบุญสุนทานเขาทำเพื่อสิ่งใด เพื่อไถ่บาปที่บุตรชายของท่านก่อขึ้นหรือ ฮือๆๆๆ"เมิ่งหย่งชวนตกใจ นางกล้าแช่งเขาอีกทั้งบอกจะส่งเขาเป้นครั้งสุดท้าย แม้แต่คนงานร้านเหล็กกับร้านข้าวสารก
จากนั้นข้าวของที่ซื้อมาได้ก้อยู่บนเกวียนเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินแม้จะอายุไม่มาก แต่เพราะต้องพาพี่ชายไปหาหมอบ่อยๆ จึงสามารถขับเกวียนได้ พ้นจากประตูเมืองมาถึงกลางทางเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าเป็นสตรีแบบใดถึงยืนแช่งสามีตนเองห๊ะเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่งมาให้ข้าหายป่วยหรือมาให้ข้าตายไวขึ้นกันแน่""ข้าเป็นนสตรีจิตใจดี รูปร่างหน้าตางดงาม แหม่เจ้าก็ยังอยู่ดีนี่ ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนบางคนยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ เจ้ารียนมาเยอะมิเคยได้ยินบ้างหรอกหรือ เฮ้อดวงเจ้าต่างหากที่อัปมงคล แต่งมาวันแรกก้ไปแม่น้ำเหลืองเสียแล้ว"เยียนฟางเอ่ยเบาๆในตอนท้าย อย่างไว้อาลัยเสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิม"เจ้าๆๆ เหอะ แล้วข้าวของนี่ไม่ซื้อเยอะเกินไปหรือ อีกอย่างเหตุใดไม่เก็บเงินไว้บ้างใช้จ่ายจนหมด""มีเงินก็ต้องใช้สิ ขืนเก็บเอาไว้บ้านใหญ่เจ้าก็มารุมทึ้งไม่เลิก ปลิงยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับปู่ย่าเจ้าเลย นี่เมิ่งหย่งชวนหากเจ้าจะกตัญญูข้าไม่ว่านะ แต่อย่าเอาคำว่าผู้อาวุโสและกตัญญูมาใช้กับข้า ปู่กับย่าเจ้า และลุงใหญ่กับป้าสะใภ้เจ้าไม่ได้คลอดข้าออกมา อย่ามารำเริบข้าจะตอกให้หงายหลังเลย"จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก เมิ่งหย่งชวนเผล
เมิ่งหย่งชวนไม่ตอบโต้ คนอย่างเมิ่งอี้ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้าน นอกจากเห่าก็ไม่กล้าทำอันใด อีกอย่างเมิ่งอี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเพราะความประพฤติของตนเอง แต่เมิ่งลู่เจินไม่ยอมให้พี่ชายถูกคนหยามเกียรติจึงกล่าวตอบโต้เมิ่งอี้กลับไป"เหอะ พี่ใหญ่ข้าแค่ป่วยอีกสามปีก็ไปสอบได้แล้ว ไม่ใช่คนขี้แพ้สักหน่อย เมิ่งอี้เจ้าสอบซิ่วไฉให้ผ่านเสียก่อนค่อยมาคุยโวจะดีกว่า เรียนมาหกปีเพิ่งสอบถงเซิ่งได้ ลู่เจาบุตรชายแม่หม้ายลู่ทิศตะวันตกของหมู่ เพิ่งเรียนได้ไม่ถึงปีอายุเก้าขวบก็สอบผ่านถงเซิ่งแล้ว เจ้าอายุสิบแปดเพิ่งสอบผ่านช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก""ไอ้สารเลวเมิ่งลู่เจิน อย่าคิดว่าเมิ่งหย่งชวนไอ้คนขี้โรคกลับมาแล้วจะปกป้องเจ้าได้นะ มานี่ข้าจะสั่งสอนเจ้าสองคนพี่น้องให้คลานกลับบ้านเลยทีเดียว"เมิ่งอี้ย่างสามขุมมาหาสองคนพี่น้องที่เกวียน เมิ่งหย่งชวนทำว่าร้อน สบัดแขนเสื้อเบาๆ เมิ่งอี้ก็ถูกหอบลอยไปกระแทกกับต้นไม้ตกลงมาทันทีเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เมิ่งอี้ลอยไปกระแทกได้อย่างไร แต่เพื่อเงินสามร้อยอีแปะที่เมิ่งอี้จ้างวานมาพวกอันธพาลจึงกรูเข้ามาล้อมรถม้าเพื่อจะรุมทำร้ายสองพี่น้อง แต่ยังไม
อาหารเย็นนางซื้อมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำ แต่นางอยากได้ไข่ไก่มานวดกับแป้งเพื่อทำบะหมี่ไข่พรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เสิ่นเยี่ยนฟางนางรู้ตัวว่าฝืนไม่ไหวแล้ว เมื่อเมิ่งหย่งชวนเอ่ยลาทุกคน ก็พานางกลับบ้านทันทีที่ถึงบ้านเสิ่นเยี่ยนฟางก็เดินโซซัดโซเซไปหาที่นอนทันทีปวดหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แผลที่ถูกแทงคงอักเสบแน่ๆไข้จึงขึ้น"เจ้าไหวไหม ตัวร้อนขนาดนี้ป่วยหนักกว่าข้าเสียอีกนะ""อืม ไหวๆอาเจินเอาเกวียนไปคืนท่านปู่หลงแล้วอุ่นอาหารเองนะ พี่สะใภ้ซื้อมาแล้วไม่ต้องทำ ท่านชาวยหาสุรามาให้หน่อยข้าจะล้างแผล คงอักเสบน่ะข้าถึงมีไข้""ได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้เจ้าพักผ่อนเถอะ"เมิ่งหย่งชวนเห็นสภาพนางก็สงสารจึงอุ้มนางไปนอนในห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางปูที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาวางนางเอาไว้ก่อนจะให้นางนอนพักแล้วตนเองก็ไปต้มยาเมิ่งลู่เจินที่เพิ่งมาถึงจากเอาเกวียนไปคืนก็รับอาสาเฝ้าเตาไฟ เมิ่งหย่งชวนเข้าไปดูคนตัวเล็กเห็นนางนอนสั่นจึงห่มผ้าให้ เสิ่นเยี่ยนฟางหนาวสั่นจนเขาต้องทอดกายลงข้างๆแล้วกอดนางเอาไว้ ไม่นานน้องชายก็เดินมาหาพร้อมชามยาในมือ"พี่ใหญ่ขอรับ ยาของพี่สะใภ้ได้แล้วขอรับ""ขอบใจมากอาเจิน เจ้าอุ่นอาหารแล้วกินก่อนได้เลยนะ
จากนั้นเมิ่งหย่งชวนสวมเสื้อนวมที่นางซื้อให้ ในใจรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยแม้ภายนอกนางจะดูก้าวร้าวไปสักนิด แต่รู้จักใส่ใจคนอื่น เมิ่งหย่งชวนเดินออกมาจากรั้วบ้านท้องฟ้ามืดครึ้มมาจริงๆ เขาจะทำเช่นไรหากเดินไปกลับไม่ทันแน่น จึงจำเป็นต้องใช้วิชาตัวเบาที่ไม่อยากจะใช้เท่าไหร่นัก เมิ่งหย่งชวนดีดตัวเองไม่นานก็มาถึงบ้านของเมิ่งหลง ประตูบ้านปิดแล้วเนื่องจากลมแรงเพราะพายุกำลังมา เมิ่งหย่งชวนร้องเรียกคนด้านใน"ท่านปู่หลงท่านอยู่หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเองอาชวนขอรับ""ใครน่ะ อ้าวๆอาชวนหรือฝนจะตกแล้วมีเรื่องอะไรหรือ เจ้าป่วยอยู่มาถูกลมเช่นนี้ไม่ดีเท่าไหร่""ท่านปู่ ข้าขอซื้อสุราสักหน่อยขอรับ สักสามไห""เจ้าป่วยอยู่จะดื่มได้อย่างไรกันอาชวน""ข้ามิได้ดื่มขอรับ แต่จะเอาไปล้างแผลให้เสี่ยวฟาง แผลนางอักเสบขอรับ อีกอย่างนางตัวร้อนนักเห็นท่านหมอบอกว่าสุราสามารเช็ดตัวช่วยให้ไข้ลดลงได้ขอรับ""ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่เอาสามไหใช่หรือไม่"เมิ่งหลงเดินเข้าไปในบ้านหยิบสุรามาสามไหจากนั้นก็ส่งให้เมิ่งหย่งชวน"ได้แล้ว ไหละแปดสิบอีแปะ สามไหเป็นเงินสองร้อยสี่สิบอีแปะข้าคิดเจ้าแค่สองร้อยอีแปะเท่านั้นรีบกลับเถอะฝนจะลงเม็ดแล
เมิ่งหย่งชวนใส่เสื้อผ้าให้นางกลับตามเดิมก่อนจะไปอุ่นยาให้นางอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มาปลุกคนตัวเล็กลุกขึ้นมากินยาอีกครั้ง"เสี่ยวฟาง ลุกเถอะมากินยาได้แล้ว เด็กดื้อหรือว่าเจ้าอยากให้ข้าป้อนอีกหื้ม""อืม ปวดหัวไม่กินได้ไหมขอนอนก่อนนะ อื้อ อึกๆๆ"เมิ่งหย่งชวนรู้ว่านางไม่ยอมกินแน่ๆจึงป้อนยาให้นางด้วยปากเขาอีกตามเคย กระทั่งยาหมดชาม เสิ่นเยี่ยนฟางงึมงำต่อว่าเขา"ฮือๆๆ คนใจร้ายข้าไม่อยากกินมันขมนี่ ฮือๆๆ เมิ่งหย่งชวนคนนิสัยไม่ดี""อย่างอแง เดี๋ยวก็หายขมแล้วนะข้ามีน้ำผึ้งให้ด้วย"เขาลังเลที่จะให้นางกินเองหรือว่าจะป้อนแบบเมื่อกี้ดี ในที่สุดเขาก็เลือกป้อนนางจากปากตัวเอง ครั้งนี้เขาจูบนางเนิ่นนานจนคนตัวเล็กประท้วงเพราะหายใจไม่ทันเมิ่งหย่งชวนทอดกายลงนอนเคียงข้างกอดนางเอาไว้กระซิบข้างหู"อากาศหนาวข้ากอดเจ้านะคนดี เจ้าเป็นไข้ต้องอบอุ่นไว้ อย่าดื้อนะเสี่ยวฟาง"เสิ่นเยี่ยนฟางหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา บวกกับพิษไข้ แต่คนตัวโตกับนอนไม่หลับ ร่างนุ่มนิ่มทำเขาไม่สามารถข่มตาได้"เด็กดื้อ อย่าโทษข้านะเจ้าเย้ายวนน่ารักเกินไป ข้าไม่ล่วงเกินหรอกขอแค่ชื่นใจเองนิดหน่อยนะ"เมิ่งหย่งชวนจี้จุดหลับให้นาง ก่อนจะจุมพิตเบาๆ
นางทะลุมิติมาอยู่ที่นี่สี่เดือนกว่าแล้ว ทุกครั้งที่เมิ่งหย่งชวนจะเดินทางก็มีเหตุให้ชะงักมาหลายครั้ง นางอยากให้เขาเจอบิดาโดยไวนางอยากให้เด็กๆได้เกิดเป็นบุตรของนางจริง เสิ่นเยี่ยนฟางตัดสินใจจะถอนเข็มที่นางฝังไว้ออก ช่วงระยะสิบวันนี้หากมีสัมพันธ์ผัวเมียกันนางมีโอกาสตั้งครรภ์ เขาดีเพียงนี้นางอยากมีบุตรให้เขาจริงๆที่ไม่ใช่เด็กในอุปถัมภ์"ท่านพี่ ข้าต้มน้ำเก็กฮวยไว้ท่านรับสักหน่อยเถอะเจ้าค่ะ"ขาสั้นๆดุ๊กดิ๊กของเสี่ยวเฟิงเดินที่ถือเอาน้ำมาให้บิดา ส่วนเสี่ยวฮวาถืออีกถ้วยมาให้ท่านอาที่ตามท่านพ่อมา เสี่ยวเย่าจุงมือเสี่ยวเหอถือจานขนมมา เด็กๆเอ่ยเรียกบิดาเมิ่งหย่งชวนมองภาพตรงหน้าแล้วอบอุ่นนัก หากเขามีลูกจริงๆคงดี เด็กเหล่านี้หากไม่เจอครอบครัวเขาจะเลี้ยงไว้เอง ว่าไปก็แปลก เด็กทั้งหกคนนี้ยิ่งใกล้ชิดรู้สึกว่าหน้าตาเหมือนเขากับเมียแทบจะคัดลอกกันออกมา เสียงหวานๆของเสี่ยวเฟิงเรียกเขา เมิ่งหย่งชวนยิ้มให้เจ้าตัวน้อย"ท่านพ่อน้ำเก็กฮวยหวานๆชื่นใจเจ้าค่ะ""ท่านอา น้ำเก็กฮวยหวานๆเจ้าค่ะ""ท่านพ่อ ขนมขอรับ"เมิ่งหย่งชวนรับขนมมาก่อนจะค่อยๆกินทีละนิด จางเหมิ่นถึงกับเอ่ยปากชม ขนมนี่อร่อยมากนัก"อาจารย์หญิงนับว่
ยามเซินเมิ่งหย่งชวนจ้างรถม้าจากในตำบลกลับมา ทันทีที่รถม้าจอดสนิทเมิ่งหย่งชวนก็ลงจากรถม้า ตามด้วยจางเหมิ่นทันทีที่เห็นพี่ชายจางลี่ก็หน้างอกันที จะมาจับผิดอะไรกันอีกมาลำมากขนาดนี้ยัง ไม่พอใจอีกหรือ เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นสามีกลับมาก็แปลกใจไหนเขาบอกว่าจะไปสิบวัน"ท่านพี่ ไหนว่าไปสิบวันไงเจ้าคะ มีเรื่องอันใดเกิดขึ้นหรือเปล่า หรือว่าอาการป่วยของท่านกำเริบ"เสิ่นเยี่ยนฟางรีบไปดูเขาทันที มือบางอังหน้าผากกว้างเมื่อเห็นว่าตัวไม่ร้อน ก็จับมือหนามากุมเกรงว่าอาการป่วยกลับมาเขาจะหนาวสั่นอีก เมิ่งหย่งชวนรั้งนางมากอดเอาไว้กดปลายคางกับเรือนผมงามก่อนจะเอ่นถามด้วยความกังวล" เสี่ยวฟาง.. ที่บ้านเกิดเรื่องอันใดหรือไม่นกเหยี่ยวของอาเจินคาบปิ่นเงินของเจ้าไปตามพี่ที่บ้านเศรษฐีจาง""หืม.. นกเหยี่ยวของอาเจินหรือเจ้าคะ"สิ่นเยี่ยนฟางนึกถึงลูกนกที่เมิ่งลู่เจินเลี้ยงเอาไว้ยังผลัดขนไม่เต็มเลยจะบินไปได้อย่างไรกัน ดูท่าดงเป็นบุตรชายคนเล็กมากกว่า เด็กๆ ที่ตอนนี้ท่านอาจารย์หม่ากลับไปแล้ว เหลือเพียงหวงหย่งเหนียนที่ยังสอนเมิ่งสู่เจินอยู่ และเพิ่งไปไม่นานรถม้าน่าจะสวนกันกับสามี เด็กทั้งสี่รีบวิ่งมาหาก่อนจะพักทายบิดา"คารวะท่
ทางด้านของเมิ่งอี้ที่ได้เห็นหน้าตาของเด็กๆ ทั้งหกคนก็คิดที่จะอุ้มเด็กๆ ไปขายทันที หน้าตาน่ารักขายได้คนหนึ่งไม่น่าต่ำกว่าห้าร้อยตำลึงแน่ๆ เขารู้จักพวกชอบเด็กวัยนี้หน้าตาเช่นนี้ราคาดี ต้องวางแผนดีๆ เมิ่งอี้ไม่รู้ว่าตนเองชะตาขาดแล้วนับแต่คิดจับเด็กๆไปขายวันนี้จากคนที่ไม่เคยหยิบทำสิ่งใดกลับมาหาเสิ่นเยี่ยนฟางแต่เช้าเพื่อขอช่วยงาน"พี่สะใภ้ใหญ่ ข้าเองเมิ่งอี้ท่านอยู่หรือไม่ขอรับ"เสิ่นเยี่ยนฟางที่ตอนนี้กำลังเกล้าผมให้เสี่ยวอิงอยู่ เพราะเขายังเล็กจึงไม้ได้เรียนหนังสือไม่เช่นนั้นจะถูกสงสัยได้ ก็ชะโงกหน้าออกมาตามเสียงเรียก เห็นเมิ่งอี้ยืนอยู่นอกรั้ว หืมพ่อบัณฑิตรูปงามสะโอดสะองเหลือเกินเขาเก็บกันจนจะไถกลบปลูกใหม่เพิ่งจะโผล่หัว ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆมาทำไมกัน เสี่ยวเย่าส่งข้อความผ่านมารดาทางจิต"ท่านแม่ คนนิสัยเลวคนนี้ต้องการจับพวกเราพี่น้องไปขายขอรับ""หืม เมิ่งอี้กล้าคิดขายลูกข้าหรือ เสี่ยวเย่าลูกจัดการได้เลยอย่าให้แปลกปะหลาดจนชาวบ้านตกใจก็พอ แล้วตั้งแต่เช้าเสี่ยวเถาไปไหนกันนอนอีกแล้วหรือ""พี่ห้าหลับขอรับท่านแม่ พี่ห้าจะนอนอะไรนักหนาเก้าหมื่นปียังนอนไม่พอหรือไงกันเฮ้อ""หุบปากไปเลยนะ ไม่งั้นข
เมิ่งหย่งซินนำโจวหยวนกับหวงหย่งเหนียนไปพบคนด้านใน ทันทีที่เห็นหน้าโจวหยวนก็ถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับเมิ่งหย่งซิน"แม่นางเมิ่ง รบกวนท่านช่วยออกไปก่อนสักครู่ เขาคือน้องชายคนเล็กของข้าโจวหยางน่ะ ข้ามีเรื่องต้องคุยกับน้องชายนิดหน่อยขออภัยแม่นางเมิ่งด้วยที่เสียมารยาท""อ้อ ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ที่แท้ก็คนกันเองถ้าเช่นนั้นข้าไม่รบกวนแล้ว เชิญใต้เท้าทั้งสองตามสบายเจ้าคะ"เมิ่งหย่งซินออกไปแล้ว หวงหย่งเหนียนก็นั่งลงที่เก้าอี้ตรงกันข้าม รอฟังสองพี่กับน้องคุยกัน"เห็นอาซ้อเมิ่งบอกว่าเจ้าหนีหมาป่าจนตกเขา หยางเอ๋อร์ อย่างเจ้านะหรือจะหนีหมาป่า ฝีมือเช่นเจ้ามิใช่หมาป่าต้องวิ่งหนีหรอกหรือ""ข้าหนีคนขององค์ชายรอง บังเอิญไปเจอพวกเขาสมคบศัตรูแอบค้าขายแร่เหล็กกับแร่เงินเข้า แต่โชคดีที่พวกเขาไม่รู้ว่าข้าเป็นใคร ข้าแกล้งเป็นคนตาบอดเดินคลำทาง พวกเขาไม่ไว้ใจจึงพยายามไล่ล่าข้าจึงแกล้งตกเขาลงมา แต่ไม่คิดว่าด้านล่างจะมีก้อนหินขนาดใหญ่อยู่ ข้าเลยกระแทกอย่างแรง กระดูกร้าวน่ะไม่ถึงกับหัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าคนขององค์ชายรองยังอยู่ไหมเลยต้องอยู่แต่ในบ้านไปก่อน ไม่อยากให้คนบ้านนี้เดือดร้อนเพราะช่วยข้านะขอรับพี่รอง"โจวหยางเอ่
ยามเฉินเสิ่นเยี่ยนฟางที่นั่งหน้าบ้านรอจางลี่ก็ยังไม่มา คิดจะลองดีกับนางหรือ หากยามซื่อไม่มาข้าจะไปลากถึงที่นอนเลยเชียว ปลายยามซื่อรถม้าก็วิ่งเข้ามาในหมู่บ้าน เลยมาทางด้านท้ายหมู่บ้านเศรษฐีจางลากบุตรชายลงมา จางลี่หน้าเง้าหน้างอพอเห็นเสิ่นเยี่ยนฟางก็ถลึงตาใส่ จากนั้นจางหมิ่นก็พูดคุยกับนาง"ข้าพาเขามาส่ง อาจารย์หญิงท่านจะเปลี่ยนใจหรือไม่บุตรชายข้าดื้อด้านนัก""ช่างเถอะ ท่านลุงหกมาพาคนงานใหม่ไปเก็บดอกฝ้ายในไร่ด้วยเจ้าค่ะ"ทันทีที่นางเอ่ยจบก็มีชายฉกรรจ์อายุประมาณสี่สิบเดินมาก่อนจะนำทางจางลี่ไป แต่เขาอิดออดจนบิดาต้องดุ จางหมิ่นเดินตามเสิ่นเยี่ยนฟางไปที่แปลงฝ้าย ทันทีที่เห็นผักในแปลงดินก็ตกตะลึงก่อนจะเอ่ยปากขอซื้อ"อาจารย์หญิงผักสดนี่ครั้งก่อนที่อาจารย์เมิ่งนำไปฝากรสหวานยิ่งนัก ครั้งนี้ท่านช่วยขายให้ข้าได้หรือไม่เล่า""ข้าเก็บไว้ให้แล้ว สามีข้าเพิ่งซื้อที่ดินเพิ่มข้าจะขยายแปลงผักอีกหน่อยเราอาจเป็นคู่ค้ากันก็ได้ อ้อถึงแปลงฝ้ายแล้วเชิญท่านดูเถอะ"จางหมิ่นทันทีที่เห็นดอกฝ้ายที่คุณภาพนับว่าดียิ่งนัก เขาไม่เคยเจอฝ้ายที่ดอกหนาสีขาวบริสุทธิ์เช่นนี้มาก่อนจึงเผยสีหน้ายินดีออกมา จางลี่ไม่ยอมทำงานยื
เสิ่นเยี่ยนฟางมองไปที่จางลี่จากนั้นก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างชั่วร้าย จางลี่เห็นรอยยิ้มนางถึงกับขนลุกทันที ได้ยินนางเอ่ยวาจาที่ทำให้เขาถึงกับโมโหเป็นอย่างมาก"ท่านจาง ข้ามิอาจอวดเก่งต่อหน้าพ่อค้าใหญ่เช่นท่านได้ แต่มีเรื่องหนึ่งข้าช่วยท่านได้นะเจ้าค่ะ""เมิ่งฮูหยินเชิญกล่าวมาเถอะ""บุตรชายของท่านจางลี่ หากท่านไม่รังเกียจข้าที่เป็นสตรี ข้ายินดีเป็นอาจารย์ให้เขาเอง ตั้งแต่พรุ่งนี้ให้เขาเข้าไร่เก็บดอกฝ้าย จากนี้ท่านห้ามให้เงินเขา หากวันใดเขาทำงานข้าจะจ่ายค่าแรงเอง หากไม่ทำก็ให้เขาอดข้าว เขากินดีอยู่ดีเกินไปไม่รับรู้ความลำบากของบิดามารดาที่ต้องทำงานหาเลี้ยงเขา""เอ่อเมิ่งฮูหยินคือเรื่องนี้ข้าว่า.....""นังตัวดีเจ้ากล้าหรือ ท่านพ่อนางถือว่าสามีเป็นอาจารย์ของพี่ใหญ่ก็เลยอยากทำให้ข้าอับอายนะขอรับ ท่านอย่าหลงกลนางสารเลวนี่เชียว"เมิ่งหย่งชวนมองหน้าภรรยาอย่างหาคำตอบ แต่เสิ่นเยี่ยนฟางแค่เพียงยิ้มหวานให้เขาก่อนจะเอ่ย"ท่านจาง ดอกฝ้ายเหล่านั้นข้าจะส่งมอบให้ท่าน บุตรชายท่านหากข้าสั่งสอนเขาให้เป็นผู้เป็นคนไม่ได้ภายในหนึ่งเดือนข้ายินดีไม่รับเงินค่าดอกฝ้ายสักอีแปะเจ้าค่ะ หากข้าทำได้ท่านก็แค่จ่ายค่าฝ้ายข้า
เสิ่นเยี่ยนฟางนำหมั่นโถวกับซาลาเปาใส่กะละมังไม้หลายใบก่อนจะเข็นเดินไปทั่วหมู่บ้านเพื่อแจกซาลาเปากับหมั่นโถว"ทุกท่านนี่คือบุตรชายบุตรสาวของข้า ทั้งหกคน เด็กๆคารวะท่านปู่ท่านย่าท่านลุงท่านอาทั้งหลายสิ ยังมีพี่สาวพี่ชายท่านน้าอีกด้วย""พวกเราคารวะทุกท่านเจ้าค่ะ/ขอรับ"ชาวบ้านต่างยิ้มให้เด็กหกคนนี้น่ารักเสียจริงๆ"นี่ภรรยาซิ่วไฉ หากบอกว่าเป็นบุตรชายบุตรสาวของเจ้าข้าเชื่อสนิทใจเชียวล่ะ""ใช่ๆ หน้าตาถอดเจ้ากับเมิ่งซิ่วไฉมาเชียว""ขอบคุณพวกท่านมาก ฝากเอ็นดูลูกๆข้าด้วยนะเจ้าคะ"เสิ่นเยี่ยนฟางทยอยแจกอาหารจนครบทุกหลังคาเรือนจากนั้นก็เข็นรถพาลูกๆกลับบ้าน เมิ่งหย่งชวนเตรียมตัวกินข้าวแล้วจะไปค้างคืนที่จวนจางสิบคืน"ท่านพ่อพวกเรากลับมาแล้วเจ้าค่ะ"เสี่ยวฮวาวิ่งนำหน้าถลามากอดขาเมิ่งหย่งชวนก่อนจะเงยหน้าส่งสายตาไร้เดียงสามาให้ เมิ่งหย่งชวนก้มลงอุ้มนางขึ้นมาก่อนจะดุ"วันหลังอย่าวิ่งแบบนี้อีก หากหกล้มลูกจะเจ็บได้ วันนี้พ่อไม่อยู่อย่าดื้อกับท่านแม่เข้าใจหรือไม่""ท่านพ่อเสี่ยวฮวาไม่ดื้อเจ้าค่ะ เสี่ยวฮวาอยากมีท่านพ่อเสี่ยวฮวาอยากมีท่านแม่"เมิ่งหย่งชวบบีบจมูกโด่งที่ถอดแบบเขามาไม่ผิดเพี้ยน นี่ถ้าเขามีลูกเ
เมิ่งซุนยื่นมือไปขออุ้ม เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเสี่ยวอิงบุตรชายคนที่หกที่เกินจากข้อตกลงมา เสี่ยวอิงกางแขนหาท่านปู่ทวดทันที"อืม ไหนเรียกท่านปู่ทวดสิ""ท่านปู่ทวด ท่านปู่ทวดขอรับ"เมิ่งซุนยืนมือเหี่ยวย่นไปลูบศรีษะ จากนั้นเมิ่งหย่งซินก็ไปจัดห้องให้เด็กๆ ต้นยามเหมาแล้ว นางกับเสิ่นเยี่ยนฟางไม่นอนต่อแต่ติดไฟนวดแป้งทำซาลาเปา นึ่งหมั่นโถว ต้มไก่ทำกับข้าวไปไหว้บิดามารดาของท่านปู่"อาเล็ก ทำเยอะหน่อยเถอะพรุ่งนี้จะไปแจกในหมู่บ้านด้วย พาเด็กๆไปแนะนำกับคนในหมู่บ้านด้วย""อืม เจ้าไปพักเถอะเสี่ยวฟางงานตรงหน้าอาเล็กทำได้""ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ อาเล็กช่วยกันทำงานเสร็จเร็วจะได้มีเวลาพัก"เมิ่งลู่เจินที่ตอนนี้เป็นท่านอาแล้วก็มีหน้าที่พาหลานๆไปเดินเล่นระหว่างที่ผู้ใหญ่ทำงาน"อย่ามาเล่นแถวนี้อันตราย เจ้าชื่ออะไรนะ""ข้าชื่อเสี่ยวเฟิงเจ้าค่ะท่านอา อีกอย่างข้าไม่ซนเจ้าค่ะข้าอยากช่วยงาน""อืมๆๆ อาเล็กรู้แต่ว่าในครัวมีฟืนไฟต้องระวัง เสี่ยวเย่าเจ้าเป็นพี่คนโตใช่หรือไม่"เสี่ยวเย่าเดินมาหาเมิ่งลู่เจินเขาก้มลงอุ้มหลานชายตัวน้อยขึ้นมาก่อนจะมองหน้าแล้วเอ่ย"เสี่ยวเย่า เจ้าเป็นพี่ต้องดูแลน้องๆ ห้ามเข้าใกล้เตาไฟ ห้าม
เสิ่นเยี่ยนฟางใส่เสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วแต่เมิ่งหย่งชวนยังคงไขว่คว้าสองเต้าอย่างไม่ยอมแพ้ เสิ่นเยี่ยนฟางจับมือเขาไว้ก่อนจะส่งสายตาดุไปให้ คนตัวโตต้องยอมปล่อยเพราะเมียเริ่มดุแล้ว"นอนนะเจ้าคะ พรุ่งนี้ต้องไปสอนหนังสืออีก ท่านคึกทุกคืนเช่นนี้ร่างกายจะแย่เอา""เมียจ๋า อีกครึ่งเดือนต้องเดินทางแล้วนะ""ท่านพี่นอนเจ้าค่ะ"เมิ่งหย่งชวนยอมนอนเสิ่นเยี่ยนฟานนอนหนุนแขนเขาจนกระทั่งปลายยมอิ๋นเสียงเรียกของเสี่ยวเย่าดังขึ้นมา"ท่านแม่ขอรับน้องตื่นแล้วขอรับ""ท่านแม่เจ้าขาเสี่ยวเหอกับเสี่ยเถาตื่นแล้วเจ้าค่ะ เสี่ยวอิงด้วย"เสิ่นเยี่ยนฟางหูผึ่งทันที เสี่ยวอิงหรือคือใครกันมาจากไหนอีกเล่า ไหนว่าห้าคนไง ก่อนจะค่อยๆเอาแขนของสามีออกจากนั้นก็ลุกขึ้นมาสวมเสื้อคลุม เนื่องจากชาติก่อนนางเป็นหน่วยซีลเก่าการเคลื่อนไหวจึงนับว่าเบามาก เสิ่นเยี่ยนฟางห่มผ้าให้เมิ่งหย่งชวนก่อนจะจุมพิตแก้มสากจากนั้นก็เปิดประตูออกไปเมิ่งหย่งชวนที่นอนอยู่ลืมตาทันที ภรรยาลุกไปกลางดึกอีกทั้งสวมเสื้อคลุม ใส่มิดชิดเพียงนี้คงมิได้ไปสุขาแน่ๆ เสียงเดินไปทางป่าท้อ เมิ่งหย่งชวนลุกขึ้นก่อนเดินออกมาเห็นหลังนางไวๆ เสิ่นเยี่ยนฟางที่มาถึงก็เห็นสามคนรออยู