เมิ่งหย่งชวนไม่ตอบโต้ คนอย่างเมิ่งอี้ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้าน นอกจากเห่าก็ไม่กล้าทำอันใด อีกอย่างเมิ่งอี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเพราะความประพฤติของตนเอง แต่เมิ่งลู่เจินไม่ยอมให้พี่ชายถูกคนหยามเกียรติจึงกล่าวตอบโต้เมิ่งอี้กลับไป
"เหอะ พี่ใหญ่ข้าแค่ป่วยอีกสามปีก็ไปสอบได้แล้ว ไม่ใช่คนขี้แพ้สักหน่อย เมิ่งอี้เจ้าสอบซิ่วไฉให้ผ่านเสียก่อนค่อยมาคุยโวจะดีกว่า เรียนมาหกปีเพิ่งสอบถงเซิ่งได้ ลู่เจาบุตรชายแม่หม้ายลู่ทิศตะวันตกของหมู่ เพิ่งเรียนได้ไม่ถึงปีอายุเก้าขวบก็สอบผ่านถงเซิ่งแล้ว เจ้าอายุสิบแปดเพิ่งสอบผ่านช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก"
"ไอ้สารเลวเมิ่งลู่เจิน อย่าคิดว่าเมิ่งหย่งชวนไอ้คนขี้โรคกลับมาแล้วจะปกป้องเจ้าได้นะ มานี่ข้าจะสั่งสอนเจ้าสองคนพี่น้องให้คลานกลับบ้านเลยทีเดียว"
เมิ่งอี้ย่างสามขุมมาหาสองคนพี่น้องที่เกวียน เมิ่งหย่งชวนทำว่าร้อน สบัดแขนเสื้อเบาๆ เมิ่งอี้ก็ถูกหอบลอยไปกระแทกกับต้นไม้ตกลงมาทันที
เหล่าอันธพาลในหมู่บ้านที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เมิ่งอี้ลอยไปกระแทกได้อย่างไร แต่เพื่อเงินสามร้อยอีแปะที่เมิ่งอี้จ้างวานมา
พวกอันธพาลจึงกรูเข้ามาล้อมรถม้าเพื่อจะรุมทำร้ายสองพี่น้อง แต่ยังไม่ทันลงมือ เมิ่งหลงผู้นำหมู่บ้านก็มาทันทีก็มาถึงพอดี ไม้เท้าในมือของเขากระแทกจนพื้นดินแตก
"พวกเจ้ากล้าหรือ?! หึ เมิ่งอี้อาชวนเป็นพี่ชายเจ้าอีกทั้งยังเป็นซิ่วไฉของหมู่บ้าน เจ้าไม่เพียงไม่เคารพพี่ชาย แต่เจ้ากลับเอ่ยวาจาหยาบคาย พาอันธพาลวันๆงานการไม่ทำมาก่อเรื่อง เจ้าเป็นผู้เรียนหนังสือแบบใดกัน การกระทำเช่นนี้เป็นสิ่งที่คนเรียนหนังสือควรกระทำหรือ"
เมิ่งอี้ที่พยุงตนเองลุกขึ้น อยู่ๆเขาลอยมากระแทกได้อย่างไร หันเป็นทางเมิ่งหย่งชวนเห็นเขากำลังเอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากไอหนักๆอยู่
"แค่กๆๆ ท่านปู่หลงอาอี้ยังอายุน้อย อาจเพราะคบเพื่อนไม่ดีเลยทำให้มีนิสัยก้าวร้าวไปบ้างท่านอย่าถือสาเลยขอรับ แค่กๆๆ"
เมิ่งอี้คิดว่าเขาเสแสร้งจึงตวาดเมิ่งหย่งชวนกลับไป
"หึ ไม่ต้องมาทำเป็นพูดจาดี ไอ้ขี้โรคเจ้าทำร้ายข้าท่านปู่หลงท่านต้องจัดการให้ข้านะขอรับ ดูเหมือนแขนข้าจะหัก"
"เจ้านี่มัน หึเจ้ามันเกินเยียวยาแล้วเมิ่งอี้ เจ้าบอกว่าอาชวนทำร้ายเจ้าหรือ เขาไอจนแทบเอาตัวเองยังจะไม่ไหว จะเอาแรงที่ไหนมาจับเจ้าเหวี่ยงกันเล่า"
เมิ่งอี้ทำท่าจะเดินเข้าไปหา แต่อยู่ๆก็ลอยหวือไปกระแทกอีกรอบ เสียงกังวาลไพเราะดังขึ้นท่ามกลางความตะลึงของชาวบ้าน
"เจ้าคิดว่าสามีข้าเป็นอะไร อยากรังแกเขาใครให้ความกล้านั้น เมิ่งอี้กลับไปหยอดน้ำหยอดยาคนบ้านเจ้าซะ อย่าให้ข้าต้องลงมืออีกรอบ อ้อ อันธพาลอย่างพวกเจ้าใช่ไหมที่จะทำร้ายสามีข้า มาๆ เริ่มจากใครก่อนดี"
ในมือเสิ่นเยี่ยนฟางถือท่อนไม้ขนาดใหญ่เท่าแขนเด็กห้าขวบฟาดสะเปะสะปะไปมาไม่รู้ทิศทาง จนคนเหล่านั้นถอยร่นคนละทิศละทาง ท่อนไม้ใหญ่เพียงนี้หากถูกฟาดรับรองว่าต่อให้ไม่ตายก็คงมีนอนติดเตียงไปหลายเดือน
อันธพาลที่รับเงินเมิ่งอี้มาจึงถอยหลัง คนเหล่านี้เห็นนางลงมือกับบ้านใหญ่เมื่อเช้าแล้วนางน่ากล้วนัก จากนั้นก็พากันวิ่งหนีหายไปหมด เมิ่งอี้เจ็บใจแต่ทำอะไรไม่ได้ จึงค่อยๆพยุงตัวเองกลับบ้าน
เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นทุกคนไปแล้ว แต่ชาวบ้านที่เหลือมองมายังนาง เสิ่นเยี่ยนฟางจึงเดินมานั่งที่เกวียนซบไหล่เมิ่งหย่งชวน เอามือลูบหน้าอกตนเองทำท่าโล่งอก
"โอยท่านพี่ ดีที่พวกมันวิ่งหนีไป ข้าหัวใจจะวาย หากพวกมันอยากทำร้านพวกเราจะทำเช่นไรกัน ช่างน่ากลัวจริงๆเลย แล้วท่านกับอาเจินพวกท่านบาดเจ็บหรือไม่ ไม่ได้ถูกพวกเขาทำอะไรนะเจ้าคะ"
เมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าภรรยากำลังเล่นละครนางไม่ได้กลัวคนเหล่านั้นจริงๆ เรื่องที่นางทุบตีคนบ้านใหญ่เขารู้แล้ว สตรีคนนี้น่าค้นหายิ่งนัก ภายนอกนางดูอ่อนหวานแต่ก็เวลาดื้อคงปราบไม่ง่ายเท่าไหร่ ก่อนจะเอ่ยปากถามว่านางมาทำอะไรที่นี่
" ภรรยา เจ้ามาทำอะไรหรือ ไหนบอกว่าให้ข้ากับอาเจินมาซื้อโม่หินไง แล้วเหตุใดต้องมาถูกลมเจ้าไม่สบายมีไข้อยู่นะ"
"ท่านหมอจ้าวบอกว่าต่อให้ยาดีเพียงใดแต่หากไม่มีอาหารดีๆบำรุงก็ไร้ผล ที่ผ่านมาข้าวสารเอย เงินที่ทางการจ่ายให้ท่านในตำแหน่งซิ่วไฉก็ถูกบ้านใหญ่ยึดไปหมด"
"ตั้งแต่กลับมาจากเมืองหลวงก็ถูกพวกเขากลั่นแกล้งไม่เคยได้กินอิ่มสักมื้อ ร่างกายขาดสารอาหารยาที่กินเข้าไปจะดูดซึมอย่างไรเจ้าคะ ข้าก็เลยจะไปซื้อไข่ไก่มาบำรุงท่านสักหน่อย"
เสิ่นเยี่ยนฟางจงใจเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนเท่านั้น แต่ว่าวาจานางแต่ละคำทำให้เห็นว่าที่เมิ่งหย่งชวนป่วยเรื้อรังเช่นนี้เป็นเพราะพ่อเฒ่าเมิ่งกับแม่เฒ่าไม่ดูแลเขา แต่กับยึดเอาเงินที่ได้รับจากทางการองเขามาใช้สอย ข้าวสารที่ได้จากทางการเดือนละสิบชั่งไม่เคยได้กินสักเม็ด นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว เด็กสองคนนี่มิใช่ลูกหลานหรอกหรือ ชาวบ้านต่างเห็นใจผัวเมียคู่นี้จริงๆ
"เมิ่งซิ่วไฉ ที่บ้านข้ามีไข่ไก่เดี๋ยวจะให้บุตรชายเอาไปให้นะ"
"ที่บ้านข้าก็มีผักกาดอยู่ แม้จะไม่สวยเท่าไหร่แต่ก็ยังมีผักให้กินเดี๋ยวจะฝากบุตรชายป้าสี่เอาไปให้เจ้าเช่นกัน"
ชาวบ้านต่างเอ่ยปากให้เสบียงพวกเขา เมิ่วหย่งขวนกล่าวขอบคุณ วันนี้เสิ่นเยี่ยนฟางซื้อของมามากมายแล้วจึงไม่อยากให้ชาวบ้านที่ลำบากอยู่แล้วต้องมาลำบากเพิ่มอีก
"ขอบพระคุณขอรับ แต่ว่าอย่าเลยพวกท่านก็ต้องเลี้ยงปากเลี้ยงท้องเช่นกัน"
" แล้วนี่พวกเจ้าสองพี่น้องจะไปที่ใดกันหรือ"
เมิ่งหลงเอ่ยถามเมื่อหย่งชวน ที่กำลังไปทิศใต้ของหมู่บ้าน
"เอ่อ คือว่าข้าจะไปซื้อโม่หินขอรับ ภรรยาของข้านางอยากได้โม่หินน่ะขอรับ"
"หืม เจ้าจะซื้อโม่หินหรือ ราคาแพงอยู่มากนักเห็นว่าอันนึงก็สิบสองตำลึงแล้ว จะเอาไปทำอะไรหรือภรรยาอาชวน เหตุใดไม่ยืมที่ลานหมู่บ้านไปใช้ก่อนเล่า"
"พอดีมีเรื่องต้องใช้บ่อยๆเจ้าค่ะ ไม่อาจแย่งชาวบ้านได้ ว่าแต่ท่านปู่รู้จักถั่วงอกกับเต้าหู้หรือไม่เจ้าคะ"
"อืม ถั่วงอกกับเต้าหู้หรือ ไม่รู้จักหรอกว่าแต่มันคือสิ่งใด เอาไว้ทำอันใดหรือ"
เสิ่นยี่ยนฟางยิ้มหวานเลยเชียว แม้เต้าหู้กับถั่วงอกวิธีทำจะไม่ได้ยุ่งยาก แต่ตราบใดที่ไม่มีคนรู้จักก็ขอใช้พวกมันหาเงินก่อนแล้วกัน
"เอ่อเป็นอาหารอย่างหนึ่งเจ้าค่ะ แค่กๆๆ อืมดูเหมือนข้าจะมีไข้จริงๆ ขอตัวไปซื้อไข่ให้ท่านพี่บำรุงก่อนนะเจ้าคะแค่ก"
เสิ่นเยี่ยนฟางกำลังจะไป เมิ่งหย่งชวนก็รั้งเอวนางไว้ มือเรียวสวยราวกับสตรีแตะที่หน้าผากของนาง ตัวร้อนจริงๆแล้วยังออกมาถูกลมอีก เด็กดื้อ ก่อนจะพูดอ่อนหวานจนชาวบานที่เป็นสตรียังมิออกเรือนถึงกับเขินอายหน้าแดง
"เมียจ๋าเจ้าตัวร้อนแล้ว กลับบ้านก่อนเถอะ โม่หินเดี๋ยวข้าให้ท่านลุงหกมาส่งที่บ้านก็ได้ ไข่ไก่ก็ไม่ต้องแล้ว เจ้าหายก่อนค่อยว่ากันกลับกันเถอะลมแรงแล้ว"
"เอาเข่นนี้ถอะ นี่อาชวนเดี๋ยวตามปูไปที่บ้านเอาข้าวสารกับไข่ไก่ไปกินเถอะ รีบกลับบ้านไปก่อน นางดูเหมือนว่าจะเป็นไข้ อย่าให้ถูกลมแรงๆ"
เมิ่งหย่งชวนกล่าวขอบคุณ จากนั้นก็เอ่ยลาชาวบ้านกับท่านปู่หลง เสิ่นเยี่ยนฟางเริ่มมึนหัวเหมือนจะมีไข้จริงๆ ขอบตาร้อนๆน้ำตาคลอตลอดเวลาอาการเดี๋ยวหนาวเดี๋ยวร้อนเสียแล้ว
อาหารเย็นนางซื้อมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำ แต่นางอยากได้ไข่ไก่มานวดกับแป้งเพื่อทำบะหมี่ไข่พรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เสิ่นเยี่ยนฟางนางรู้ตัวว่าฝืนไม่ไหวแล้ว เมื่อเมิ่งหย่งชวนเอ่ยลาทุกคน ก็พานางกลับบ้านทันทีที่ถึงบ้านเสิ่นเยี่ยนฟางก็เดินโซซัดโซเซไปหาที่นอนทันทีปวดหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แผลที่ถูกแทงคงอักเสบแน่ๆไข้จึงขึ้น"เจ้าไหวไหม ตัวร้อนขนาดนี้ป่วยหนักกว่าข้าเสียอีกนะ""อืม ไหวๆอาเจินเอาเกวียนไปคืนท่านปู่หลงแล้วอุ่นอาหารเองนะ พี่สะใภ้ซื้อมาแล้วไม่ต้องทำ ท่านชาวยหาสุรามาให้หน่อยข้าจะล้างแผล คงอักเสบน่ะข้าถึงมีไข้""ได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้เจ้าพักผ่อนเถอะ"เมิ่งหย่งชวนเห็นสภาพนางก็สงสารจึงอุ้มนางไปนอนในห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางปูที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาวางนางเอาไว้ก่อนจะให้นางนอนพักแล้วตนเองก็ไปต้มยาเมิ่งลู่เจินที่เพิ่งมาถึงจากเอาเกวียนไปคืนก็รับอาสาเฝ้าเตาไฟ เมิ่งหย่งชวนเข้าไปดูคนตัวเล็กเห็นนางนอนสั่นจึงห่มผ้าให้ เสิ่นเยี่ยนฟางหนาวสั่นจนเขาต้องทอดกายลงข้างๆแล้วกอดนางเอาไว้ ไม่นานน้องชายก็เดินมาหาพร้อมชามยาในมือ"พี่ใหญ่ขอรับ ยาของพี่สะใภ้ได้แล้วขอรับ""ขอบใจมากอาเจิน เจ้าอุ่นอาหารแล้วกินก่อนได้เลยนะ
จากนั้นเมิ่งหย่งชวนสวมเสื้อนวมที่นางซื้อให้ ในใจรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยแม้ภายนอกนางจะดูก้าวร้าวไปสักนิด แต่รู้จักใส่ใจคนอื่น เมิ่งหย่งชวนเดินออกมาจากรั้วบ้านท้องฟ้ามืดครึ้มมาจริงๆ เขาจะทำเช่นไรหากเดินไปกลับไม่ทันแน่น จึงจำเป็นต้องใช้วิชาตัวเบาที่ไม่อยากจะใช้เท่าไหร่นัก เมิ่งหย่งชวนดีดตัวเองไม่นานก็มาถึงบ้านของเมิ่งหลง ประตูบ้านปิดแล้วเนื่องจากลมแรงเพราะพายุกำลังมา เมิ่งหย่งชวนร้องเรียกคนด้านใน"ท่านปู่หลงท่านอยู่หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเองอาชวนขอรับ""ใครน่ะ อ้าวๆอาชวนหรือฝนจะตกแล้วมีเรื่องอะไรหรือ เจ้าป่วยอยู่มาถูกลมเช่นนี้ไม่ดีเท่าไหร่""ท่านปู่ ข้าขอซื้อสุราสักหน่อยขอรับ สักสามไห""เจ้าป่วยอยู่จะดื่มได้อย่างไรกันอาชวน""ข้ามิได้ดื่มขอรับ แต่จะเอาไปล้างแผลให้เสี่ยวฟาง แผลนางอักเสบขอรับ อีกอย่างนางตัวร้อนนักเห็นท่านหมอบอกว่าสุราสามารเช็ดตัวช่วยให้ไข้ลดลงได้ขอรับ""ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่เอาสามไหใช่หรือไม่"เมิ่งหลงเดินเข้าไปในบ้านหยิบสุรามาสามไหจากนั้นก็ส่งให้เมิ่งหย่งชวน"ได้แล้ว ไหละแปดสิบอีแปะ สามไหเป็นเงินสองร้อยสี่สิบอีแปะข้าคิดเจ้าแค่สองร้อยอีแปะเท่านั้นรีบกลับเถอะฝนจะลงเม็ดแล
เมิ่งหย่งชวนใส่เสื้อผ้าให้นางกลับตามเดิมก่อนจะไปอุ่นยาให้นางอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มาปลุกคนตัวเล็กลุกขึ้นมากินยาอีกครั้ง"เสี่ยวฟาง ลุกเถอะมากินยาได้แล้ว เด็กดื้อหรือว่าเจ้าอยากให้ข้าป้อนอีกหื้ม""อืม ปวดหัวไม่กินได้ไหมขอนอนก่อนนะ อื้อ อึกๆๆ"เมิ่งหย่งชวนรู้ว่านางไม่ยอมกินแน่ๆจึงป้อนยาให้นางด้วยปากเขาอีกตามเคย กระทั่งยาหมดชาม เสิ่นเยี่ยนฟางงึมงำต่อว่าเขา"ฮือๆๆ คนใจร้ายข้าไม่อยากกินมันขมนี่ ฮือๆๆ เมิ่งหย่งชวนคนนิสัยไม่ดี""อย่างอแง เดี๋ยวก็หายขมแล้วนะข้ามีน้ำผึ้งให้ด้วย"เขาลังเลที่จะให้นางกินเองหรือว่าจะป้อนแบบเมื่อกี้ดี ในที่สุดเขาก็เลือกป้อนนางจากปากตัวเอง ครั้งนี้เขาจูบนางเนิ่นนานจนคนตัวเล็กประท้วงเพราะหายใจไม่ทันเมิ่งหย่งชวนทอดกายลงนอนเคียงข้างกอดนางเอาไว้กระซิบข้างหู"อากาศหนาวข้ากอดเจ้านะคนดี เจ้าเป็นไข้ต้องอบอุ่นไว้ อย่าดื้อนะเสี่ยวฟาง"เสิ่นเยี่ยนฟางหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา บวกกับพิษไข้ แต่คนตัวโตกับนอนไม่หลับ ร่างนุ่มนิ่มทำเขาไม่สามารถข่มตาได้"เด็กดื้อ อย่าโทษข้านะเจ้าเย้ายวนน่ารักเกินไป ข้าไม่ล่วงเกินหรอกขอแค่ชื่นใจเองนิดหน่อยนะ"เมิ่งหย่งชวนจี้จุดหลับให้นาง ก่อนจะจุมพิตเบาๆ
ด้านนอกเมิ่งลู่เจินต้มน้ำตาลทรายแดงเสร็จแล้ว กำลังจะยกมาให้พี่สะใภ้ แต่เมิ่งหย่งชวนบอกว่าเขาจะจัดการเอง ให้น้องชายต้มข้าวต้มเดี๋ยวเขาออกมาช่วย เมื่อวานเสิ่นเยี่ยนฟางซื้อเนื้อหมูมาอีกทั้งปู่ใหญ่ให้ไข่ไก่มาจึงต้มข้าวต้มหมูกับไข่ต้มคนละฟองเสิ่นเยี่ยนฟางเปลี่ยนผ้าเรียบร้อยแล้วก็คลานขึ้นเตียงนอนต่อ ยุคโบราณไม่มีอะไรบรรเทาได้เลย มิน่าที่เขาว่าสตรียุคโบราณหากมีระดูจะไม่ออกจากบ้านกัน ปวดท้องจะตายอยู่แล้ว เมิ่งหย่งชวนเข้ามาหาพร้อมถ้วยน้ำตาลรายแดงต้ม ก่อนจะเรียกนางให้ลุกขึ้นมาดื่ม"เสี่ยวฟางลุกมาดื่มน้ำตาลทรายแดงต้มสักหน่อยเถอะจะได้ดีขึ้น มาข้าจะช่วยให้เจ้าอุ่นท้อง"เสิ่นเยี่ยนฟางค่อยๆลุกแล้วรับชามมาดื่ม เมิ่งลู่เจินเข้ามาถามว่าจะให้ยกข้าวมาข้าในหรือไม่"พี่สะใภ้ท่านให้ข้ายกข้าวต้มมาให้ท่านข้างในดีหรือไม่ขอรับ""เดี๋ยวข้าออกไปกินเองก็ได้อย่าลำบากเลย""อาเจินหากทำเสร็จแล้วกินก่อนเถอะ เดี๋ยวของพี่สะใภ้เจ้าพี่จะจัดการเอง""อ้อขอรับ เอ่อ ว่าแต่พี่สะใภ้ขอรับ คอท่านไปโดนอะไรกัดมาหรือขอรับ ทำไมแดงเป็นจุดๆเช่นนั้นเล่าขอรับ"เสิ่นเยี่ยนฟางทำสีหน้างงๆ ก่อนจะหันไปคว้ากระจกทองเหลืองมาส่องดูก็เห็นที่คอกับเ
เสิ่นเยี่ยนฟางกอดเด็กน้อยเอาไว้ปลอบใจพักใหญ่ ก่อนจะดันบ่าเล็กออกแล้วมองหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"นี่เด็กดี เขาบอกว่าพี่ชายคนโตก็เปรียบเหมือนบิดา พี่สะใภ้ก็เปรียบเหมือนมารดางั้นจากนี้ไปให้พี่สะใภ้เป็นท่านแม่ให้เจ้าดีหรือไม่ อีกหน่อยพอพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามีเจ้าตัวน้อยเจ้าก็ได้เป็นท่านอา แต่ตอนนี้ต้องเข้มแข็งห้ามทำตัวอ่อนแอ พี่ใหญ่เจ้าป่วยอยู่อย่าทำให้เขาเป็นห่วง เขารักเจ้ามากนะ""ข้ารู้ข้าเข้าใจขอรับ ว่าแต่ท่านแม่เหตุใดต้องทิ้งข้ากับท่านพ่อไป ข้าไม่เข้าใจ""อาเจิน ผู้ใหญ่อาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถพูดหรือบอกออกมาได้ เจ้าโตขึ้นพยายามทำทุกอย่างให้รอบคอบ เวลาทำสิ่งใดใช้สติให้มากๆ เรื่องของผุ้ใหญ่อย่าไปคิดแทนพวกเขาเลย มานี่พี่จะสอนสานลายแปลกๆ พี่สานได้นะแต่อาจช้าสักหน่อย เดี๋ยวพี่จะค่อยๆบอกเจ้านะ"ทั้งสองคนช่วยกันสานตะกร้า เมิ่งหย่งชวนมานานแล้ว เขาได้ยินทุกคำพุดของนาง นางอ่อนโยนกับน้องชายเขายิ่งนัก ช่างเป็นสตรีอบอุ่นเหลือเกิน แต่กับเขาแทบจะฆ่าให้ตายแต่เมื่อกี้นางบอกว่าจะมีเจ้าตัวเล็กกับเขาให้อาเจินเลี้ยง ถึงเขาจะรู้ว่าเป็นคำพูดปลอบใจน้องชายเขาแแล้วอย่างไร เขาถือว่านั่นเป็นคำสัญญาแล้วกัน ต้อ
เสิ่นเยี่ยนฟางเอ่ยเสียงอุบอิบก่อนจะนอนหันหลังให้เขา หน้าแดงไปหมดตาบ้านี่ลามก หื่นกามน่าดูระวังให้ดีข้าจะควักลูกตาให้ เมิ่งหย่งชวนหัวเราะคนตัวเล็กที่อาศัยความเงียบต่อต้านเขา แต่ก็ยังไม่วายห่วงใยอาการป่วยของเขา ก่อนจะห่มผ้าให้นางอย่าเบามือ ก้มลงหอมแก้มจึงออกจากห้องเมิ่งหย่งชวนเดินไปคว้าตะกร้าเพื่อจะไปจับปลา เมิ่งลู่เจินมองหน้าเขา เมิ่งหย่งชวนจำเป็นต้องอธิบาย"พี่ไม่ได้ทะเลาะกับนางแค่ดุนางนิดหน่อย หากถูกน้ำเย็นนางจะป่วยอีก""แต่พี่ใหญ่ท่านเองก็ป่วยอยู่นะขอรับ""ไม่เป็นไร พี่จับได้โดยที่ไม่ต้องลงน้ำ อาเจินไม่ต้องสานแล้วพอเถอะมือแตกแล้ว""พี่สะใภ้สอนลายใหม่ให้ มันสวยดีข้าว่าต้องขายดีแน่ๆ พี่ใหญ่ข้าจะหาเงินให้ท่านกลับไปเรียน ท่านรอสักนิดนะขอรับ"เมิ่งหย่งชวนลูบศีรษะน้องชาย เขาไม่ต้องการเป็นขุนนางจอมปลอมเหมือนคนพวกนั่น และที่สำคัญเขาก็ไม่ไร้หนทางเสียทีเดียว อีกสามเดือนต้องเดินทาง มีเสิ่นเยียนฟางมาอยู่เป็นเพื่อนน้องชายเขาก็สบายใจหน่อยดูแล้วนางเป็นสตรีที่ดีพอควร แม้จะอยู่ด้วยกันเป็นวันที่สี่แต่เขาดูออก นางไม่ใช่คนเหลวไหล ติดแค่เถียงคำไม่ตกฟากเท่านั้นละเมิ่งหย่งชวนใช้ตะกร้าชอนปลาแต่พวกมันว่
เมิ่งหย่งชวนถือถ้วยยาเข้าไปในห้องให้เสิ่นเยี่ยนฟางสองถ้วยๆนึงเป็นยาแก้ไข้หวัด ส่วนอีกถ้วยเป็นยาสำหรับสตรีมีประจำเดือนที่เขาไปหาท่านหมอจ้าวมาเมื่อตอนสายๆที่นางหลับเพื่อไปซื้อยาเสิ่นเยี่ยนฟางมองถ้วยยาก็เอามือปิดปากแน่นหันหน้าหนีทันที นางไม่กินไม่มีทางกินมันอีกแน่ๆ มิหนำซ้ำยังมีเพิ่มมาอีกถ้วยด้วยจึงส่งเสียงออดอ้อนแสนหวานให้คนตัวสูงใจอ่อน"ท่านพี่ ข้าไม่กินได้ไหมแล้วเหตุใดมีมาเพิ่มอีกถ้วยเล่าเจ้าคะ"เมิ่งหย่งชวนอมยิ้ม พูดจาอ่อนหวานน่ารักเสียด้วย เวลาอยากเอาตัวรอดนี่ช่างน่ารักเสียจริงๆแม่ลูกกวางน้อย เสิ่นเยี่ยนฟางที่แท้เจ้ากลัวการกินยานี่เอง"ยาถ้วยนี้เป็นยาแก้ไข้หวัด ท่านหมอจ้าวบอกว่าต้องกินให้หมดห้าเทียบ ส่วนอีกถ้วยเป็นยาสตรี ข้าไปหาท่านหมอมาบอกเขาว่าเจ้าปวดท้องเขาจึงจัดมาให้อีกห้าเทียบ กินดีๆอย่าดื้อ""เมิ่งหย่งชวนตาบ้านี่ แค่ยาแก้หวัดก็ขมจะตายแล้วใครให้เจ้าไปเพิ่มยาให้ข้า ออกไปเลยนะไม่กินแล้ว""เจ้าก็รู้ว่าข้ามีวิธีให้เจ้ากินยา เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าถ้าชอบให้ข้าจูบเจ้าก็ไม่บอกดีๆ เหตุใดสร้างปัญหามากมายนัก มาข้าป้อนก็ได้""อย่ามาโรคจิตนะ อื้ม"เมิ่งหย่งชวนรั้งนางเอาไว้กรอกยาลงไปแต่นางไม่ยอ
ท่านไม่คู่ควรเอ่ยถึงบิดาข้าสิบเดือนก่อนหน้าเมิ่งหย่งชวนกำลังอ่านตำราในที่พักของบัณฑิตเนื่องจากอีกสามวันจะเป็นวันเข้าสอบจริง สองวันก่อนหน้าเขาได้ทำการสอนให้เหล่าบัณฑิตด้วยกันจนหนึ่งในคนที่ร่วมสอบปีนี้เกิดริษยา ตกดึกก็มีคนมาเคาะประตูห้องพอเขาเปิดออกมาก็พบกับชายชราที่เขาไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เลยก๊อกๆๆๆเมิ่งหย่งชวนเปิดประตูก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนส่วนอีกคนเป็นชายชรา เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก"พวกท่านมีอะไรหรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตเท่านั้น มิทราบว่าจะให้ช่วยเหลือสิ่งใด""บัณฑิตเมิ่งข้าคือจางฮั่นรองใต้เท้ากรมอาญา และนี่คือใต้เท้าลู่หานอำมาตย์ซ้ายวันนี้มีเรื่องอยากคุยกับเจ้า จะเชิญข้าเข้าไปได้หรือไม่""อ้อใต้เท้าทั้งสองเชิญขอรับ"สามคนเข้ามาในห้อง ลู่หานใช้สีหน้าดูถูกเขา แม้แต่เก้าอี้ยังเขาไม่อยากนั่ง ช่างต่ำต้อยเสียจริงๆ"บัณฑิตเมิ่ง ข้ามีน้องชายคนนึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอ่ยปาก แต่ข้าอยากให้เจ้าไม่ลงสอบในอีกสามวันข้างหน้าได้หรือไม่""ใต้เท้าจางเอ่ยสิ่งใดกันข้าน้อยไม่เข้าใจขอรับ ข้าเดินทางมาไกลหวังการสอบครั้งนี้มากนักก็เพื่อครอบครัวของข้า หากไม่สอบ
ทันทีที่หวงหย่งเหนียนกลับถึงจวนหยางซิงเหยียนก็นั่งหน้างอหงิกบนเตียงก่อนจะเอ่ยออกมา"ท่านอา ท่านยกเลิกการรับเมิ่งลู่เจินเป็นศิษย์สายตรงเถอะเจ้าค่ะ"ขอเหตุผลหน่อยได้ไหมเมียจ๋าคนดี"ปากก็พูดแต่มือกลับอยู่ไม่สุกปลดสายรัดเอวหยางซิงเหยียนก่อนจะฝังใบหน้ากับเต้าอวบอิ่ม ครอบครองดูดดื่มสลับทั้งสองจนเปียกแฉะไปด้วยน้ำลายของเขา มือหนาปลดกระโปรงนางออก ตามด้วยชุดตนเองจับเข่าตั้งชันขึ้นฝังใบหน้ากลางร่อยหลืบที่เริ่มมีน้ำหวานหลั่งชโลมออกมา"อื้อ เสียวเหลือเกินเจ้าค่ะ แต่ท่านอาเจ้าขาขอคุยเรื่องสำคัญก่อนนะเจ้าคะ อ่าห์""อืม จ๊วบๆๆ อืมหวาน" หวงหย่งเหนียนยอมละใบหน้าจากร่องรักของนางก่อนจะเลื่อนมาดูดเม็ดทับทิมสองข้างฟังนางพูดคุย"ว่ามาเถอะเมียจ๋า พี่รอฟังอยู่ อืมนุ่มหวาน อยากนอนดูดทั้งวันจริงๆเหยียนเอ๋อร์ของข้า""อืม เสียวจัง ท่านอา จ เจ้า คะ คือว่า อื้อ อูย ล ลู่ซิน ฮู หยิน ฮูหยินจางเป็นมารดาแท้ๆของเมิ่งซิ่วไฉ อ่าห์ ท่านอาหย่งเหยียนท่านรักข้าเถอะเดี๋ยวค่อยคุย ข้าต้องการท่านแล้ว อ๊าย ล ลึกไปแล้ว อืม จ จุก""เจ้าแน่นขนาดนี้ อาจะไม่ไหวเอานะคนดี โอ้วเสียวมากนักด้ามพู่กันของข้าแทบหักค่าร่องเจ้า เหตุใดเสียวเยี่ยง
เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าเมิ่งลู่เจินเขาพยักหน้าก่อนจะก้าวมาข้างหน้าคารวะหวงหย่งเหนียนด้วยท่าทีที่บุตรขุนนางชั้นสูงเท่านั้นจะทำเช่นนี้หวงหย่งเหนียนเอ่ยถามความรู้จากที่เขาเรียนมาเมิ่งลู่เจินตอบได้อย่างไม่ขัดเขิน คนในสำนักศึกษาไม่รู้ว่าเขาเป็นใครจึงเอ่ย"แหม่ มาอวดความรู้อยู่ที่หน้าโรงเรียนมิอายผู้คนจริงๆหรือ นี่พี่ชายท่านนั้นคิดว่าตนเองเป็นใครกัน อาจารย์สุยของพวกเรานับว่ารอบรู้ที่สุด หากเจ้าอยากได้ความรู้ มิสู้มาถามอาจารย์สุยเล่า ฮ่าๆๆๆ""ฮ่าๆๆๆ นี่เมิ่งอี้หรือว่าพี่ชายลูกพี่ลูกน้องเจ้าจะจ้างคนมาเล่นละครกัน"องครักษ์ทำท่าจะเข้าไปสั่งสอน แต่หวงหย่งเหนียนห้ามเอาไว้ก่อนจะถามเมิ่งลู่เจิน"ผู้ใดสอนบทเรียนเหล่านี้ให้เจ้าหรือ""เป็นพี่ชายขอรับ""อืมนับว่าเจ้ามีอาจารย์ที่เก่งนัก เอาล่ะรองเจ้าเมืองข้าได้คนแล้ว ลูกศิษย์ส่วนตัวที่จะได้ไปเป็นสหายร่วมเรียนรัชทายาทคนสุดท้ายนับว่าข้าเจอแล้ว เมิ่งฮูหยิน ตั้งแต่พรุ่งนี้รถม้าของจวนเจ้าเมืองจะไปรับส่งน้องสามีท่านทุกวัน ข้าจะอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามเดือน เพื่อสอนคนที่ข้าเลือก สุดท้ายแล้วเขาต้องไปร่ำเรียนต่อที่เมืองหลวง พวกเรากลับกันเถอะ กลับเถอะ"หวงหย่งเหนียนเ
ทางด้านเสิ่นเยี่ยนฟางเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ เกลือขึ้นราคาอย่างมากเช่นนี้ราษฎรคงลำบากไม่น้อ้ย ได้ยินว่าเกลือขาดแคลน ราชสำนักควบคุมราคาเกลืออยู่ตอนนี้ เสี่ยวเย่ามองถังหูลู่ตาละห้อยเสิ่นเยี่ยนฟางเห็นบุตรชายยืนมองก็เดินมาถาม“กินได้หรือ มิใช่ว่าเจ้าเป็นจิตวิญญาณหรือ”“ท่านแม่ลืมแล้วหรือขอรับว่าข้ามีกายสังขารแล้ว ที่คนอื่นไม่เห็นข้าเพราะข้าไม่ต้องการให้พวกเขาเห็นเท่านั้น”“อืม เช่นนั้นเจ้าจะเอากี่ไม้ เดี๋ยวซื้อไปฝากท่านอาเจ้าสักสามไม้ท่านพ่อเจ้าสองไม้”“ขอบคุณขอรับท่านแม่ ข้าชอบท่านแม่ที่สุดเลย”“ไปหาผลซานจามาให้แม่สิ แล้วแม่จะทำให้กินจนเบื่อเลย”เสิ่นเยี่ยนฟางสั่งหมั่นโถวร้อยลูก ขาหมูตุ๋นสามขา ซาลาเปาอีกร้อยลูก ก่อนจะนำขึ้นรถม้าของเย่วฝางไปส่งที่หมู่บ้านก่อนเพราะเกรงว่าคนงานจะหิว เมิ่งหย่งซิน ไปกับเย่วฝางส่วนเสิ่นเยี่ยนฟางพาเมิ่งลู่เจินไปสำนักศึกษา ไม่นานก็เดินมาถึงสำนักศึกษา คุณธรรมค้ำใต้หล้า ของอาจารย์สุยกว่างโจวท่านนั้น เสิ่นเยี่ยนฟางยืนรอหน้าสำนักศึกษาก็เห็นอาจารย์คนหนึ่งเดินมาทางนี้จึงเอ่ยปากถามไถ่"เอ่อ ท่านอาจารย์เจ้าคะ ที่นี่คือสำนักศึกษาคุณธรรมค้ำใต้หล้าใช่หรือไม่เจ้าคะ"อาจารย์
กระทั่งรถม้าของเย่วฝางมาถึงในตำบล เสิ่นเยี่ยนฟางขอตัวไปหาพี่สาวที่จวนเจ้าเมืองก่อน เย่วฝานเห็นว่าไหนๆ ก็มาแล้วพบท่านเจ้าเมืองสักหน่อยก็ดี ทั้งสามมาถึงจวนท่านเจ้าเมือง เสิ่นเยี่ยนฟางคำนับโจวเฉิงพ่อบ้านที่ติดตามโจวหยวนโจวเฉิงคำนับกลับ ช่างเป็นสตรีที่กิริยามารยาทดีงามอะไรเช่นนี้ นี่ใช่สตรีที่แต่งงานมาแก้ชงของแม่ทัพเมิ่งจริงๆ หรือ"ท่านอาเฉิง ข้ามาขอพบพี่เสี่ยวฮวา มิทราบว่าจะรบกวนเกินไปหรือไม่เจ้าคะ""เอ่อ เมิ่งฮูหยินท่านรอสักครู่ได้ไหมขอรับ คุณชายรองกำลังสนทนากับเอ่อ ราชครูหวงอยู่ด้านใน พี่สาวท่านนางก็อยู่ในนั้นด้วย""อ้อ เช่นนั้นเดี๋ยวข้ามาใหม่จะดีกว่า พอดีจะพาอาหญิงของท่านพี่ไปซื้อของเซ่นไหว้นะเจ้าค่ะ ฝากใต้เท้าแจ้งแก่นางด้วย"เมิ่งลู่เจินจับมือพี่สะใภ้เขาได้ยินเสียงที่ดังลอดออกมาจากด้านใน พี่ชายฝึกยุทธให้เขามาสักพักแล้วจึงหูดี อีกอย่างพี่สะใภ้จับเขาวิ่งขึ้นลงภูเขาทุกวัน ตอนนี้เขาแข็งแรงกว่าเก่ามากนัก เมิ่งลู่เจินเอ่ยแก่เสิ่นเยี่ยนฟางเบาๆ"พี่สะใภ้ดูเหมือนว่าวันนี้เราคงมิได้พบหรอกขอรับ ดูท่าข้างในจะมีเรื่องกัน""(ท่านแม่ ใต้เท้าคนนั้นกำลังดุด่าสตรีนางหนึ่งอยู่ขอรับ มีบุรุษอีกคนกอดนางอ
เมื่ออาเล็กสามีกล่าวจบ เสิ่นเยี่ยนฟางสำลักน้ำลายทันที โดนเตะขนาดนั้นยังไม่ตายนับว่าทนมือทนเท้านางนัก เมื่อเช้ามาขออาหารเพื่อให้บุตรสาวหรอกหรือ ก่อนนางจะหันไปเอ่ยกับบรรดาพ่อค้าที่เจอเมื่อคืนในงานเลี้ยงเจ้าเมือง"พวกท่านมาบ้านข้าเพราะเหตุใด วันนี้สามีข้ามีญาติมาหาไม่สะดวกรับแขกเชิญกลับไปก่อน""เอ่อ เมียอาชวนคนเหล่านี้บอกว่าจะมาซื้อเต้าหู้นะ" ทันทีที่เมิ่งหลงพูดจบชาวบ้านที่มามุงดูก็มองหน้ากันไปมา"สูตรเต้าหู้หรือ ข้าไม่ขาย""ข้าให้เจ้าสองร้อยตำลึง หึยังมีอีกข้าจะให้สินเดิมแก่เจ้าเพิ่มร้อยตำลึง แต่งงานออกมาไม่มีสินเดิมไม่มีบ้านเดิมยังคิดจะยืนหยัดที่บ้านสามีอีกหรือ""โอ้ว เศรษฐีเสิ่นช่างใจกว้างนัก ท่านพี่ข้าต้องมีสินเดิมเท่าไหร่กันถึงพอเจ้าคะ ว่ากันว่าแต่กับขุนนางต้องสินเดิมยาวสิบลี้ บิดาข้าอยากให้ข้าได้มีที่ยืนในบ้านสามี งั้นสักหนึ่งหมื่นตำลึง กับทองคำหนึ่งพันชั่งพอไหมเจ้าคะท่านพี่"เสิ่นกว่าผิงหน้าดำนางเด็กนี่เห็นๆว่าอยากให้เขาโมโหตาย"มันจะมากไปแล้วนะ เจ้าเป็นสตรีแบบใดมีค่าคู่ควรกับเงินมากมายขนาดนั้นหรือ ท่านพ่อข้าอุตส่าห์ลดตัวมาคุยกับเจ้านับว่าให้เกียรติมากแล้ว" เสิ่นเว่ยเว่ยเอ่ยปากตวา
"เมื่อเช้าท่านปู่ท่านมาขออาหาร ไปอาบน้ำนะเจ้าคะคนดี วันนี้เขานอนเร็วก็ได้ข้าจะตามใจท่าน""อืม กี่ชั่วยามดีเมียข้า""ท่านนี่นะ ไปเถอะเจ้าค่ะอาเจินตื่นสายทุกวันเลย คงต้องคุยกันแล้วเขาชอบเรียนหนังสือข้าก็ดีใจ แต่อ่านหนังสือดึกทุกคืนย่อมไม่ดีแน่ สายตาจะแย่เอาได้"เมิ่งหย่งชวนแต่งตัวให้เมียสาวก่อนจะอุ้มนางลงจากเตียงพาไปห้องอาบน้ำด้วย ก่อนจะไม่ยอมให้นางฉวยโอกาสหนีเมิ่งหย่งชวนจับนางกินในอ่างจนได้ เขาสุขสมไปถึงสองครั้งจึงยอมปล่อยนาง เสิ่นเยี่ยนฟางงับจมูกเขาอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะแต่งตัวให้เขาแล้วพากันออกมาข้างนอก เมิ่งลู่เจินที่ตอนนี้ตั้งโต๊ะเตรียมมื้อเช้าเรียบร้อยแล้วทั้งสามนั่งกินข้าว ไม่มีใครเอ่ยสิ่งใดต่างมุ่งอยู่กับความคิดตนเอง จนกระทั่งเสิ่นเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้น"เมื่อเช้าปู่ของพวกเจ้ามาขออาหาร ข้าบอกว่าหากเมิ่งอี้มาขอโทษอาเจินวันนี้พวกเขาจะมีข้าวกินหนึ่งวัน หากขอโทษและยอมรับผิดเรื่องที่เขาใส่ร้ายอาเจิน พวกเขาจะมีข้าวกินสิบวัน""อืม พี่ใหญ่มิใช่ว่าเงินเดือนซิ่วไฉเดือนละสองตำลึงใกล้จะถึงวันจ่ายแล้วหรือขอรับ ท่านจะให้พวกเขาหรือไม่""เราแยกบ้านมาแล้ว แต่ว่าอนาคตเจ้าต้องเรียนเพื่อสอบจอหงวน จะละเล
ยามเหมาเสิ่นเยี่ยนฟางตื่นแล้ว นางเข้าครัว เอะ!! ฟืนมาจากไหนเนี่ย เสี่ยวเย่าคงจัดการให้ เสิ่นเยี่ยนฟางติดไฟเพื่อต้มน้ำร้อนให้สามีกับน้องชาย ก่อนจะนวดแป้งวันนี้จะทำแป้งย่างเค้กต้นหอม เห็ดที่อยู่ในตะกร้าไม่เหี่ยวเฉาสักนิด เสิ่ยเยี่ยนฟางเก็บไข่ไก่จากไก่ป่าที่นางจับได้มาสิบห้าตัวครั้งก่อน นางทำเล้าไก่ขังเอาไว้ กำลังเล็งๆว่าจะซื้อที่ดินที่ติดกับบริเวณบ้านเพิ่ม เนื่องจากที่ดินสามีก็อยู่ติดกัน เมิ่งหย่งชวนไม่เคยทำนา ที่ดินเพาะปลูกไม่ดีเขาเลือกที่จะรับใช้ราชสำนักเพื่อผ่อนปรนภาษีของครอบครัว น่าเสียดายที่บรรดาญาติเหมือนผีตายซากทั้งนั้นเสียงกุกกักๆอยู่หน้ารั้วบ้าน เสิ่นเยี่ยนฟางเดินออกมาดูก็เห็นชายชรามายืนด้อมๆมองๆ สองมือถูกกันไปมา เสิ่นเยี่ยนฟางเดินมาหาก่อนจะถาม"ตาเฒ่าเมิ่ง มาบ้านข้าทำไมอยากถูกทุบอีกหรือ""ไม่ๆๆ หลานสะใภ้เจ้าพอมีอาหารไหม คือว่าข้าอยากจะขอยืมสักหน่อย ที่บ้านไม่มีอะไรกินแล้ว เห็นว่าเจ้าไปช่วยงานใต้เท้าโจวพอจะมีของกินเหลือหรือไม่""หึ" เสิ่นเยี่ยนฟางเป่าปอยผมที่ปรกหน้าออกก่อนจะเอ่ย"ข้านี่นะไม่ใช่คนใจดำ แต่คนบ้านใหญ่เจ้าสิใจดำ มาขอข้าวข้ากินข้าย่อมให้อยู่แล้ว ตาเฒ่าเมิ่งหากเช้านี
เสิ่นกว่างผิงโกรธจนหน้าคล้ำยกมือขึ้นตบหน้าเสิ่นเยี่ยนฟางทันที แต่มือยังไม่ถึงใบหน้างามข้อมือเขากลับถูกมือหนาแข็งแกร่งบีบจนต้องนิ่วหน้า เสิ่นเว่ยรีบลุกมาทันทีเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน"ท่านพี่หย่งชวนเจ้าคะ ท่านพ่อแค่อยากสั่งสอนสตรีคนนี้เป็นเพราะนางทำชื่อเสียงตระกูลเสื่อมเสีย ปีนเตียงอาเขยตนเองไม่พอ ขนาดแต่งงานมาแล้วยังไปให้ท่าบุตรชายเศรษฐีจางอีก ท่านพี่หย่งชวนอย่าถูกใบหน้าจิ้งจอกของนางหลอกลวงนะเจ้าคะ"เสิ่นเยี่ยนฟางมองออกเสแสร้งเหรอ มาดูกันใครเก่งกว่า น้ำตามาแล้วผัวรักผัวหลงขนาดนี้หล่อนจะเอาอะไรมาสู้ฉัน จะแย่งผัวเจ๊หรือนังหนูไหล่บอบบางสั่นเท่า น้ำตารินไหลหันไปทางเสิ่นกว่างผิงกับหลิวหงที่ยืนยิ้มมองดูนางอยู่ก่อนจะเอ่ยวาจา"ท่านพ่อ นางเป็นน้องสาวข้าจริงๆหรือว่านางเป็นลูกติดท่านน้าหลิวหงกัน""เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าพูดอะไร เสี่ยวเว่ยเป็นบุตรสาวข้ากับท่านพี่ เจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ ตนเองไม่สะอาดก็อย่ามาสาดน้ำโคลนผู้อื่น" หลิวหงรีบแก้ต่างทันที ใครจะรู้เสิ่นเยี่ยนฟางกลับคุกเข่านั่งลงมือบางกุมหน้าอกตนเองก่อนจะทุบมันอย่างอัดอั้นตันใจ ร้องไห้ปานจะขาดใจ"ฮือๆๆๆ ท่านแม่ท่านดูนี่ นางคือบุตรสาวของท่านพ่อก
เมิ่งหย่งชวนยิ้มหวานให้นางแต่เมียสาวไม่สนใจ นางไปอาบน้ำแต่งตัวก่อนจะมาเตรียมมื้อเช้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็นั่งลงกินข้าว"อาหารวันนี้อร่อยมากนัก เสี่ยวฟางเจ้าทำตอนไหนหรือ ขาหมูตุ๋นนี้เนียนลิ้น ยังมีผัดหมี่นี่เนื้อหมูบ้านเรามิใช่หมดไปแล้วหรือ"เสิ่นเยี่ยนฟางอมยิ้มบุตรชายของนางน่ารักเหลือเกิน ทำอาหารก็เก่งมิหนำซ้ำยังอร่อยอีกด้วย ไว้วันหลังนางจะบอกสูตรอาหารให้บุตรชายเยอะๆ สามีช่างสังเกตเกินไป ทั้งสามคนกินมื้อเช้าอย่างเอร็ดอร่อยเสิ่นเยี่ยนฟางกินอาหารก็รู้สึกว่ารสชาติคล้ายๆเหลาอาหารที่สามีเคยพาไปนั่งกิน เสี่ยวเย่านับว่ามีฝีมือ แต่มารดาคนงามไม่รู้เลยว่าตอนนี้ขาหมูตุ๋นที่นายอำเภอสั่งจองไว้กับทางเหลาอาหารเพื่อนำมาร่วมงานเลี้ยงท่านเจ้าเมืองหายไปจากรถเสบียง ยังมีผัดหมี่อายุยืนของหัวหน้ามือปราบชิวที่เตรียมไว้อีกก็หายไปเช่นกัน รวมถึงขนมงาอีกด้วยเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยก็พากันออกเดินทาง ก่อนจะไปเสิ่นเยี่ยนฟางนำโสมน้อยสองต้นใส่กระถางปลูกเอาไว้ในห้องนอน เป็นห้องที่นางซ่อมแซมให้แข็งแรงแต่แรก ก่อนจะไปหลังบ้านเรียกหาเจ้าตัวน้อย"เสี่ยวเย่า เฝ้าบ้านให้แม่ดูแลน้องสาวเจ้าด้วย ระวังคนบ้านใหญ่ของท่านพ่อเจ