เสิ่นเยี่ยนฟางกอดเด็กน้อยเอาไว้ปลอบใจพักใหญ่ ก่อนจะดันบ่าเล็กออกแล้วมองหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"นี่เด็กดี เขาบอกว่าพี่ชายคนโตก็เปรียบเหมือนบิดา พี่สะใภ้ก็เปรียบเหมือนมารดางั้นจากนี้ไปให้พี่สะใภ้เป็นท่านแม่ให้เจ้าดีหรือไม่ อีกหน่อยพอพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามีเจ้าตัวน้อยเจ้าก็ได้เป็นท่านอา แต่ตอนนี้ต้องเข้มแข็งห้ามทำตัวอ่อนแอ พี่ใหญ่เจ้าป่วยอยู่อย่าทำให้เขาเป็นห่วง เขารักเจ้ามากนะ""ข้ารู้ข้าเข้าใจขอรับ ว่าแต่ท่านแม่เหตุใดต้องทิ้งข้ากับท่านพ่อไป ข้าไม่เข้าใจ""อาเจิน ผู้ใหญ่อาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถพูดหรือบอกออกมาได้ เจ้าโตขึ้นพยายามทำทุกอย่างให้รอบคอบ เวลาทำสิ่งใดใช้สติให้มากๆ เรื่องของผุ้ใหญ่อย่าไปคิดแทนพวกเขาเลย มานี่พี่จะสอนสานลายแปลกๆ พี่สานได้นะแต่อาจช้าสักหน่อย เดี๋ยวพี่จะค่อยๆบอกเจ้านะ"ทั้งสองคนช่วยกันสานตะกร้า เมิ่งหย่งชวนมานานแล้ว เขาได้ยินทุกคำพุดของนาง นางอ่อนโยนกับน้องชายเขายิ่งนัก ช่างเป็นสตรีอบอุ่นเหลือเกิน แต่กับเขาแทบจะฆ่าให้ตายแต่เมื่อกี้นางบอกว่าจะมีเจ้าตัวเล็กกับเขาให้อาเจินเลี้ยง ถึงเขาจะรู้ว่าเป็นคำพูดปลอบใจน้องชายเขาแแล้วอย่างไร เขาถือว่านั่นเป็นคำสัญญาแล้วกัน ต้อ
เสิ่นเยี่ยนฟางเอ่ยเสียงอุบอิบก่อนจะนอนหันหลังให้เขา หน้าแดงไปหมดตาบ้านี่ลามก หื่นกามน่าดูระวังให้ดีข้าจะควักลูกตาให้ เมิ่งหย่งชวนหัวเราะคนตัวเล็กที่อาศัยความเงียบต่อต้านเขา แต่ก็ยังไม่วายห่วงใยอาการป่วยของเขา ก่อนจะห่มผ้าให้นางอย่าเบามือ ก้มลงหอมแก้มจึงออกจากห้องเมิ่งหย่งชวนเดินไปคว้าตะกร้าเพื่อจะไปจับปลา เมิ่งลู่เจินมองหน้าเขา เมิ่งหย่งชวนจำเป็นต้องอธิบาย"พี่ไม่ได้ทะเลาะกับนางแค่ดุนางนิดหน่อย หากถูกน้ำเย็นนางจะป่วยอีก""แต่พี่ใหญ่ท่านเองก็ป่วยอยู่นะขอรับ""ไม่เป็นไร พี่จับได้โดยที่ไม่ต้องลงน้ำ อาเจินไม่ต้องสานแล้วพอเถอะมือแตกแล้ว""พี่สะใภ้สอนลายใหม่ให้ มันสวยดีข้าว่าต้องขายดีแน่ๆ พี่ใหญ่ข้าจะหาเงินให้ท่านกลับไปเรียน ท่านรอสักนิดนะขอรับ"เมิ่งหย่งชวนลูบศีรษะน้องชาย เขาไม่ต้องการเป็นขุนนางจอมปลอมเหมือนคนพวกนั่น และที่สำคัญเขาก็ไม่ไร้หนทางเสียทีเดียว อีกสามเดือนต้องเดินทาง มีเสิ่นเยียนฟางมาอยู่เป็นเพื่อนน้องชายเขาก็สบายใจหน่อยดูแล้วนางเป็นสตรีที่ดีพอควร แม้จะอยู่ด้วยกันเป็นวันที่สี่แต่เขาดูออก นางไม่ใช่คนเหลวไหล ติดแค่เถียงคำไม่ตกฟากเท่านั้นละเมิ่งหย่งชวนใช้ตะกร้าชอนปลาแต่พวกมันว่
เมิ่งหย่งชวนถือถ้วยยาเข้าไปในห้องให้เสิ่นเยี่ยนฟางสองถ้วยๆนึงเป็นยาแก้ไข้หวัด ส่วนอีกถ้วยเป็นยาสำหรับสตรีมีประจำเดือนที่เขาไปหาท่านหมอจ้าวมาเมื่อตอนสายๆที่นางหลับเพื่อไปซื้อยาเสิ่นเยี่ยนฟางมองถ้วยยาก็เอามือปิดปากแน่นหันหน้าหนีทันที นางไม่กินไม่มีทางกินมันอีกแน่ๆ มิหนำซ้ำยังมีเพิ่มมาอีกถ้วยด้วยจึงส่งเสียงออดอ้อนแสนหวานให้คนตัวสูงใจอ่อน"ท่านพี่ ข้าไม่กินได้ไหมแล้วเหตุใดมีมาเพิ่มอีกถ้วยเล่าเจ้าคะ"เมิ่งหย่งชวนอมยิ้ม พูดจาอ่อนหวานน่ารักเสียด้วย เวลาอยากเอาตัวรอดนี่ช่างน่ารักเสียจริงๆแม่ลูกกวางน้อย เสิ่นเยี่ยนฟางที่แท้เจ้ากลัวการกินยานี่เอง"ยาถ้วยนี้เป็นยาแก้ไข้หวัด ท่านหมอจ้าวบอกว่าต้องกินให้หมดห้าเทียบ ส่วนอีกถ้วยเป็นยาสตรี ข้าไปหาท่านหมอมาบอกเขาว่าเจ้าปวดท้องเขาจึงจัดมาให้อีกห้าเทียบ กินดีๆอย่าดื้อ""เมิ่งหย่งชวนตาบ้านี่ แค่ยาแก้หวัดก็ขมจะตายแล้วใครให้เจ้าไปเพิ่มยาให้ข้า ออกไปเลยนะไม่กินแล้ว""เจ้าก็รู้ว่าข้ามีวิธีให้เจ้ากินยา เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าถ้าชอบให้ข้าจูบเจ้าก็ไม่บอกดีๆ เหตุใดสร้างปัญหามากมายนัก มาข้าป้อนก็ได้""อย่ามาโรคจิตนะ อื้ม"เมิ่งหย่งชวนรั้งนางเอาไว้กรอกยาลงไปแต่นางไม่ยอ
ท่านไม่คู่ควรเอ่ยถึงบิดาข้าสิบเดือนก่อนหน้าเมิ่งหย่งชวนกำลังอ่านตำราในที่พักของบัณฑิตเนื่องจากอีกสามวันจะเป็นวันเข้าสอบจริง สองวันก่อนหน้าเขาได้ทำการสอนให้เหล่าบัณฑิตด้วยกันจนหนึ่งในคนที่ร่วมสอบปีนี้เกิดริษยา ตกดึกก็มีคนมาเคาะประตูห้องพอเขาเปิดออกมาก็พบกับชายชราที่เขาไม่มีวันลืมใบหน้านั้นได้เลยก๊อกๆๆๆเมิ่งหย่งชวนเปิดประตูก็เห็นคนสองคนยืนอยู่ คนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคนส่วนอีกคนเป็นชายชรา เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจก่อนจะเอ่ยปาก"พวกท่านมีอะไรหรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเป็นเพียงบัณฑิตเท่านั้น มิทราบว่าจะให้ช่วยเหลือสิ่งใด""บัณฑิตเมิ่งข้าคือจางฮั่นรองใต้เท้ากรมอาญา และนี่คือใต้เท้าลู่หานอำมาตย์ซ้ายวันนี้มีเรื่องอยากคุยกับเจ้า จะเชิญข้าเข้าไปได้หรือไม่""อ้อใต้เท้าทั้งสองเชิญขอรับ"สามคนเข้ามาในห้อง ลู่หานใช้สีหน้าดูถูกเขา แม้แต่เก้าอี้ยังเขาไม่อยากนั่ง ช่างต่ำต้อยเสียจริงๆ"บัณฑิตเมิ่ง ข้ามีน้องชายคนนึงแม้ว่าเรื่องนี้ไม่ควรเอ่ยปาก แต่ข้าอยากให้เจ้าไม่ลงสอบในอีกสามวันข้างหน้าได้หรือไม่""ใต้เท้าจางเอ่ยสิ่งใดกันข้าน้อยไม่เข้าใจขอรับ ข้าเดินทางมาไกลหวังการสอบครั้งนี้มากนักก็เพื่อครอบครัวของข้า หากไม่สอบ
เขายากจนยิ่งกว่าอะไร เสื้อผ้าที่ซีดจนหาสีเดิมไม่ได้ คนในโรงเตี้ยมดูถูกเขาด้วยสายตา ในที่สุดเขาก็ขึ้นมายังชั้นสอง ในห้องรับรองมีคนนั่งรออยู่แล้ว คนอื่นๆล้วนถูกไล่ออกไปหมด มีเพียงเขาและนางเท่านั้นสตรีวัยสามสิบกว่าช่างงามสง่ายิ่งนัก นางจิบชาก่อนจะเรียกชื่อเขา"หย่งเอ๋อร์ มานั่งนี่สิไม่เจอเจ้านานโตมากแล้ว เจินเอ๋อร์เล่าเขาเป็นเช่นไรบ้างโตมากหรือยัง""ฮูหยินท่านนี้ ท่านรู้จักข้าหรือขอรับ จำได้ว่าเราไม่เคยพบกัน"น้ำตาของลู่ซินค่อยๆไหล ออกมาเอ่ยกับเขาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ"เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้ได้ไหม มิใช่แม่อยากทอดทิ้งพวกเจ้า แต่หากไม่กลับมาตระกูลท่านตาเจ้าจะเดือดร้อน หย่งเอ๋อร์ท่านพ่อเจ้าเล่าเขาสบายดีหรือไม่""ฮูหยิน ท่านแม่ข้านางตายไปนานแล้ว ตายไปเมื่อห้าปีก่อน ส่วนท่านพ่อข้าเป็นหรือตาย มิใช่ว่าพวกท่านรู้ดีที่สุดหรอกหรือ ข้าขอตัวก่อน""หย่งเอ๋อร์ นั่งกับแม่สักหน่อยเถอะ คิดถึงเจ้าเหลือเกิน ดื่มชากับแม่ก่อนค่อยไปได้ไหม"เมิ่งหย่งชวนได้กลิ่นยาในชานานแล้ว หึ แม่หรือมีมารดาที่ไหนวางยาพิษบุตรตนเอง เมิ่งหย่งชวนหยิบถ้วยชาขึ้นมากรอกปากตนเองก่อนจะเขวี้ยงถ้วยลงพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆมือหนาคว้ามือบางขึ้
เมิ่งหย่งชวนที่ตอนนี้คิดถึงเหตุการณ์เมื่อห้าปีก่อนก็กำหมัดแน่น เขาจะเหยียบมันให้จมสกุลลู่ตัวดี สกุลจางที่น่ารังเกียจยี่สิบปีก่อนท่านพ่อออกจากหมู่บ้านไปเปิดสำนักคุ้มภัยของตนเอง วันนึงคุ้มครองสินค้าให้สกุลกับลู่จนได้พบนางสตรีโลเลคนนั้นจากนั้นทั้งคู่มีสัมพันธ์กันอยู่กินด้วยกันจนมีเขาขึ้นมา ท่านพ่อมีวรยุทธและสอนวรยุทธให้เขาจนเก่งกล้าจากนั้นบิดาของนางใต้เท้าลู่ ลู่หานก็ตามาจนเจอพวกเขา และบังคับจะเอาบุตรสาวคืนเพื่อไปแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับบุตรชายขุนนางด้วยกันสตรีคนนั้นนับว่างดงามมากนัก แต่นางไม่ยอมกลับ อีกทั้งตอนนั้นนางตั้งครรภ์อาเจินอยู่ บิดานางลู่หานบังคับให้นางทำลายบุตรในครรภ์แล้วตามกลับเมืองหลวงท่านพ่อกลับมาจากเดินทางไปคุ้มกันสินค้าพอดี จึงช่วยนางกับเขาไว้ได้ เห็นว่าหากรั้งอยู่เมืองหลวงอาจไม่ปลอดภัยจึงพาเมียกับลูกกลับบ้านเกิดที่เมืองเหอป๋ายจากนั้นนางคลอดน้องชายให้เขาใช้ชีวิตเช่นชาวนาเกือบห้าปี เป็นมารดาที่แสนอบอุ่นอยู่มาไม่นานก็มีคนสกุลลู่ตามหาจนเจอ เย็นวันหนึ่งบอกกับท่านพ่อว่ามีคนจากบ้านเดิมมาพบบอกว่าบิดาป่วยหนัก จึงอยากไปดูใจสักครั้งแล้วนางก็กลับเมืองหลวงจากวันนั้นนางก็ขาดการติ
ส่วนเสิ่นเยี่ยนฟางที่ถุกคลายจุดสักพักก็ลืมตาขึ้นมา นางหน้าแดงให้ตายสิฝันบ้าอะไรเนี่ยนางฝันว่าเมิ่งหย่งชวนคลุกเคล้าจูบนางแถมยังดูดนมนางด้วย นี่มันฝันบ้าอะไรเนี่ย อึ๊ยยายบ้าถึงเขาจะหน้าตาดีก็เถอะแต่หล่อนจะมาคิดลามกตอนนอนไม่ได้นะ เสิ่นเยี่ยนฟางมองหน้าคนที่นอนหลับก่อนจะบ่นเบาๆ"คนโรคจิต ข้าไม่มีทางทำกับเจ้าแบบนั้นในชีวิตจริงแน่ๆ แค่ในความฝันเท่านั้นแหละตาบ้า"เสิ่นเยี่ยนฟางค่อยๆจะลุกออกไปแต่ถูกแขนแข็งแรงกอดเอาไว้ ทำให้นางที่กำลังจะก้าวข้ามเขาล้มลงนอนทับร่างสูงเมิ่งหย่งชวนพลิกนางลงใต้ร่างก่อนจะมองด้วยสายตาหยอกล้อ กระซิบเสียงรัญจวนข้างใบหูเล็กๆนั่น พร้อมกับสอดลิ้นเข้าในรูหูของนางจนเสิ่นเยี่ยนฟางถึงกับต้องกลืนน้ำลายด้วยความวาบหวิว"เสี่ยวฟางเจ้าฝันถึงข้าหรือ ไหนบอกมาสิจ้าฝันว่าอะไร เด็กดื้อไม่เช่นนั้นวันนี้ไม่ได้ลงจากเตียงนะ""อื้อ ปล่อยข้านะท่านพี่ข้าหนัก ท่านตัวใหญ่เกินไปแล้ว""คนดี..ข้าไม่ได้ใหญ่แค่ตัวนะ เจ้าอยากพิสูจน์ไหม แต่ว่าเจ้ามีระดูอยู่พิสูจน์ไม่ได้ถ้าเช่นนั้นข้าแค่ให้เจ้าดูน่าจะได้ว่าไงอยากดูหรือเปล่า""พะ พะ พอเลยนะตาบ้า ข้าจะไปหุงข้างแล้วอุ่นอาหาร นะ นะ นี่ ยะ ยะ เย็นมากแล้ว เ
ตอนนี้นางรู้สึกคัดๆเต้านมแปลกๆความฝันนั่นทิ้งความรู้สึกเหมือนจริงขนาดนี้เลยหรือ ให้ตายสิชาติก่อนมีแฟนก็ถูกสวมเขาก่อนแต่งงานยังไม่ทันได้คบคนใหม่ ไม่ได้เปิดซิงก็ตายเสียก่อน ความรู้สึกแบบนี้เรียกอารมณ์กำหนัดหรือเปล่านะ เฮ้อไม่คิดๆๆๆอุ่นหมูตุ๋นต่อเถอะ เดี๋ยวต้องตกลงกับสามีฟ้าประทานสักหน่อยเรื่องกินยา ขมจะตายให้กินอีกฆ่าเจ๊ให้ตายเลยดีกว่าไม่นานเมิ่งลู่เจินก็ออกมาพร้อมพี่ชาย เขาไปล้างหน้าบ้วนปากก่อนจะมานั่งข้างๆเสิ่นเยี่ยนฟาง นางทาน้ำมันให้เขาเบาๆดุเสียงเข้ม"วันหลังอย่าทำแบบนี้ อาเจินมือเจ้าเหมาะที่จะจับพู่กันมากกว่า อยากสานเครื่องเรือนพี่ไม่ว่าแต่อย่าทำจนตนเองบาดเจ็บ อีกหน่อยพี่หาเงินเจ้าไปเรียนหนังสือ พี่ชายเจ้าก็ต้องไปเรียนเช่นกัน""พี่สะใภ้ ข้าอยากสานต้นหวายที่ท่านบอกขอรับ""ฝนตกแบบนี้ขึ้นเขาไม่ได้ ทางลื่นอีกทั้งสัตว์มีพิษเยอะ รออีกสักพักเถอะ พี่จะซ่อมบ้านด้วย"เสิ่นเยี่ยนฟางทาน้ำมันให้เสร็จก็เก็บกระปุกยา ยาของหมอจ้าวนับว่าดีพอสมควร นางกำลังจะตกลงกับเมิ่งหย่งชวนแต่เขาเอ่ยมาก่อน"กินอีกสองมื้อนะเด็กดี พรุ่งนี้จะไปขอซื้อยาลูกกลอนให้"เสิ่นเยี่ยนฟางพยักหน้าสามคนนั่งอยู่หน้ากองไฟ ด้านนอ
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ