เมื่อได้ของเรียบร้อยเสิ่นเยี่ยนฟางก็ให้สองพี่น้องพาคนงานขนาดไปส่งที่เกวียน แล้วรอที่นั่นนางจะไปซื้อข้าวสารกับธัญพืช แต่ทั้งสองคนอยากไปช่วยนางมากกว่า เมิ่งหย่งชงนอยากรู้ด้วยว่านางเอาเงินมาจากที่ใดกัน จึงต้องตามไปดูให้รู้ชัด
"เถ้าแก่เนี้ย ข้าขอฝากสินค้าไว้ก่อนนะเจ้าคะ อาเจินอยู่ที่นี่ก่อนนะเดี๋ยวพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามารับ
"ขอรับพี่สะใภ้ใหญ่ พี่ใหญ่"
จากนั้นทั้งสองคนก็ตรงไปตรอกขายอาหารแห้งทันที เมื่อเดินมาพ้นจากผู้คนเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที
"เจ้าไปเอาเงินมาจากที่ใดกัน เมื่อเช้าเจ้าได้มาเพียงสิบตำลึงมิใช่หรือ ปิ่นปักผมมารดาเจ้าขายอย่างไรก็ไม่น่าเกินสามตำลึง เสิ่นเยี่ยนฟางบอกข้ามานะ"
"จะอยากรู้ไปทำไม ข้าหาเงินได้ก็แล้วกันน่า เจ้าอย่าโวยวายเหมือนข้าไปฆ่าคนตายได้หรือไม่ นั่นร้านข้าวสารอยู่ตรงนั้นไปกันเถอะ เดี๋ยวกว่าจะถึงบ้านจำมืดค่ำเสียก่อน"
เสิ่นเยี่ยนฟางซื้อข้าวสารห้าสิบชั่ง แป้งสาลียี่สิบชั่ง เกลือสามชั่ง น้ำตาลห้าชั่ง น้ำตาลแดงสามชั่ง น้ำมันห้าไห นางชอบกินของทอดกับอาหารจานผัด ให้มาต้มผักป่าหรือไม่มีทางย่ะ ก่อนจะถามเมิ่งหย่งชวน
"ท่านพี่ เราจะหาโม่หินได้จากที่ใดเจ้าคะ ข้าอยากได้สักอัน"
"ที่ในหมู่บ้านมีคนแกะสลักหินขายอยู่ ว่าแต่เจ้าจะเอาไปทำอะไรหรือภรรยา"
"ข้ามีสิ่งที่ต้องทำ ในมื่อท่านบอกว่าหาได้งั้นเถ้าแก่ข้าขอซื้อถั่วเหลืองกับถั่วเขียวอย่างละสิบชั่ง ร้านท่านมีเมล็ดพันธ์พืชผักขายหรือไม่เจ้าคะ ข้าต้องการที่ท่านมีตอนนี้"
"อ้อ ข้ามีอยู่สิบกว่าชนิดเจ้าเอาอย่างละจิ้นไหมข้าจะลดราคาให้"
"เจ้าค่ะเอาตามที่ท่านว่าเอ่อเถ้าแก่ร้านเหล็กไปทางใดเจ้าคะ ข้าจะซื้อเครื่องมือเกษตรสักหน่อย"
เมิ่งหย่งชวนที่ได้ยินก้ถอนหายใจ ที่ดินของเขาถูกบ้านใหญ่ยึดไปหมดแล้ว จะเอาที่ไหนมาเพราะปลูกกันเล่า
"ภรรยาเจ้าจะปลูกผักหรือ แต่ว่าข้าไม่มีที่ดินนะเจ้าจะทำอย่างไร"
"อย่าห่วงเลยข้ามีวิธี ท่านพี่ท่านไปรอที่เกวียนดีกว่า เดี๋ยวถูกลมมากเกินไปคงไม่ดีไ
"ไม่ต้องห่วงข้ายังพอเดินเป็นเพื่อนเจ้าได้ หากอากาสไม่เย็นข้าก็ไม่ไอ"
เสิ่นเยี่ยนฟางท้อใจ จะให้เขาไปห่างๆเพราะอีกเดี๋ยวสามคนนั่นต้องมาหานางแน่ๆ เสิ่นเยียนฟางจุงมือเขามาในตรอกก่อนจะผลักเขาเข้าไปด้านใน ล้วงอกเสื้อเอาเงินออกมา แล้วเทใส่ถุงเงินของเขา จากนั้นก็เหลือไว้ในถุงๆละยี่สิบตำลึง เมิ่งหย่งชวนเห็นเงินก็แปลกใจนี่มันมากกว่าสองร้อยตำลึงเชียวนะ
"เสิ่นเยี่ยนฟางเจ้าไปวิ่งราวผู้ใดมากัน เงินมากขนาดนี้เหตุใดเจ้าถึง หึ "
"โว๊ะตาทึ่ม อย่าโวยวายเสียงดังได้ไหม นี่เป็นเงินอาเขยข้า ก็เขาบอกว่าเจ้าขี้โรคแต่งให้เจ้าน่าเสียดายอยากจะรับข้าไปเลี้ยงดู ข้าก็เลยเอาเงินค่าเลี้ยงดูจากเขามาไง คนแบบนั้นเลวยิ่งกว่าอะไรทำไมเจ้าสงสารหรือ"
"อาเขยเจ้าเท่าที่รู้ชอบการพนัน เที่ยวหอนางโลม นิสัยเกียจคร้านไม่ทำงานจะเอาเงินมาจากที่ใดมากมายนัก"
"อาจจะมือขึ้นดวงดีเล่นได้กระมัง ว่าแต่ข้าเองก็มือขึ้นนะ ลองสักสองสามตาดีไหมนะเผื่อได้สักสองสามพันตำลึง เจ้าว่าอย่างไรดี"
"เจ้าอย่าแม้แต่จะคิดเชียว หึ จะไปร้านเหล็กมิใช่หรือ แล้วเอาเงินมาให้ข้าเจ้าคิดว่าปลอดภัย"
"เจ้าเดินสามก้าวไอสองที นอกจากหน้าตาหล่อเหลามีอันใดให้น่าสนใจกัน หน้าตาเจ้าดึงดูดได้แต่สตรีเท่านั้นแหละ เดินห่างๆข้าหน่อย อย่าทำตัวว่ารู้จักกัน"
เสิ่นเยี่ยนฟางเดินออกจากตรอกไปก่อน เมิ่งงหย่งชวนส่ายหน้านางเจ้าเล่ห์เสียจริง แยกกับเมิ่งหย่งชวนแล้วก็ตรงไปซื้อจอบ ซื้อเสียม เสิ่นเยี่ยนฟางถามหาแม่กุญแจ แต่ราคาแพงมากอันละแปดตำลึง นางจึงซื้อมาห้าอันโดยไม่คิด
เงินที่ได้มาต้องเปลี่ยนเป็นข้าวของ จะเหลือหลักฐานไว้ที่ตัวทำไมกันเล่าเสิ่นเยี่ยนฟางออกจากร้านเหล็กก็ให้คนงานของร้านเดินตามไปยังร้านข้าวสาร เมื่อเจอกับเมิ่งหย่งชวนพวกเขาก้ไปยังเกวียนที่จอดอยุ่ เสิ่นเยี่ยนฟางจะไปรับเมิ่งลู่เจิน แต่ระหว่าทางเจอกับมือปราบและอาเขยของนางกับคุณชายทั้งสองมาดักขวางทางอย่างที่คิดจริงๆ
"นังตัวดี เจ้าทำร้ายข้าแล้วขโมยเงินพวกข้าไป เอามาคืนเดี๋ยวนี้ มือปราบจิ้งจับนางเลย นางนี่แหละที่ตีพวกข้า"
จางลี่ที่ปากแตกคิ้วแตกหันไปบอกกับมือปราบประจำตำบล เขาถูกคนทำร้ายหน้าตายับเยิน เขาไม่มีทางยอมแน่ๆ คอยดุเถอะเข้าไปที่คุกเมื่อไหร่ จะเอานางมาปรนนิบัตบนเตียงให้ขาอ่อนเชียว
"หลานเมียเจ้ายอมรับมาเถอะว่าเจ้าทำร้ายพวกข้า อีกทั้งยังขโมยเงินของข้ามาอีก"เสิ่นเยี่ยนฟางเห็นชาวบบ้านมาเริ่มมุงกัน มีชาวบ้านที่ตั้งแผงอยู่เมื่อเช้าด้วย ไหล่สั่นไหวน้ำตาแหมะแรกมาแล้ว ใครว่าหน่วยซิลต้องเข้มแข็งคะพวกฉันเล่นละครเก่งนะไอ้หนู ไม่งั้นจะแฝงตัวทำภารกิจได้หรือสองมือปิดหน้าร้องไห้เสียงดังจนคนที่เดินผ่านต้องหยุดแล้วเดินเข้ามาดูเหตุการณ์ เมิ่งหย่งชวนถอนหายใจ นางจะทำอะไรอีก"ฮือๆๆๆๆ ใต้เท้ามือปราบข้าเปล่านะเจ้าคะ""แม่นางน้อย ไปที่ศาลาว่าการเถอะ หากเจ้าไม่ผิดข้าจิ้งเหยียนรับรองว่าไม่มีใครทำอันใดเจ้าได้""ฮือๆๆๆๆใต้เท้า ท่านจับข้าไปแล้วสามีของข้าจะทำเช่นไร เขาใกล้ไม่ไหวเต็มทีแล้วข้ามารับยาให้เขาหากกลับไม่ทันเล่า ท่านจะไม่ให้ข้าได้ส่งเขาเป็นครั้งสุดท้ายหรอกหรือ ข้าไม่ได้ขโมยเงินไม่ได้ทำร้ายผู้ใดจริงๆเจ้าค่ะ ท่านถามชาวบบ้านดูก็ได้ หรือว่าคุณชายจางจะข่มขู่ชาวบ้านมิให้กล่าวความจริง ฮือๆๆๆ ว่ากันว่าเศรษฐีจางท่านใจบุญสุนทานเขาทำเพื่อสิ่งใด เพื่อไถ่บาปที่บุตรชายของท่านก่อขึ้นหรือ ฮือๆๆๆ"เมิ่งหย่งชวนตกใจ นางกล้าแช่งเขาอีกทั้งบอกจะส่งเขาเป้นครั้งสุดท้าย แม้แต่คนงานร้านเหล็กกับร้านข้าวสารก
จากนั้นข้าวของที่ซื้อมาได้ก้อยู่บนเกวียนเรียบร้อย เมิ่งลู่เจินแม้จะอายุไม่มาก แต่เพราะต้องพาพี่ชายไปหาหมอบ่อยๆ จึงสามารถขับเกวียนได้ พ้นจากประตูเมืองมาถึงกลางทางเมิ่งหย่งชวนก็เอ่ยปากทันที"เจ้าเป็นสตรีแบบใดถึงยืนแช่งสามีตนเองห๊ะเสิ่นเยี่ยนฟาง แต่งมาให้ข้าหายป่วยหรือมาให้ข้าตายไวขึ้นกันแน่""ข้าเป็นนสตรีจิตใจดี รูปร่างหน้าตางดงาม แหม่เจ้าก็ยังอยู่ดีนี่ ข้าเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า คนบางคนยิ่งแช่งยิ่งอายุยืนนะ เจ้ารียนมาเยอะมิเคยได้ยินบ้างหรอกหรือ เฮ้อดวงเจ้าต่างหากที่อัปมงคล แต่งมาวันแรกก้ไปแม่น้ำเหลืองเสียแล้ว"เยียนฟางเอ่ยเบาๆในตอนท้าย อย่างไว้อาลัยเสิ่นเยี่ยนฟางคนเดิม"เจ้าๆๆ เหอะ แล้วข้าวของนี่ไม่ซื้อเยอะเกินไปหรือ อีกอย่างเหตุใดไม่เก็บเงินไว้บ้างใช้จ่ายจนหมด""มีเงินก็ต้องใช้สิ ขืนเก็บเอาไว้บ้านใหญ่เจ้าก็มารุมทึ้งไม่เลิก ปลิงยังไม่น่ารังเกียจเท่ากับปู่ย่าเจ้าเลย นี่เมิ่งหย่งชวนหากเจ้าจะกตัญญูข้าไม่ว่านะ แต่อย่าเอาคำว่าผู้อาวุโสและกตัญญูมาใช้กับข้า ปู่กับย่าเจ้า และลุงใหญ่กับป้าสะใภ้เจ้าไม่ได้คลอดข้าออกมา อย่ามารำเริบข้าจะตอกให้หงายหลังเลย"จากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรอีก เมิ่งหย่งชวนเผล
เมิ่งหย่งชวนไม่ตอบโต้ คนอย่างเมิ่งอี้ก็แค่สุนัขเฝ้าบ้าน นอกจากเห่าก็ไม่กล้าทำอันใด อีกอย่างเมิ่งอี้ไม่รู้ตัวว่ากำลังจะถูกไล่ออกจากสำนักศึกษาเพราะความประพฤติของตนเอง แต่เมิ่งลู่เจินไม่ยอมให้พี่ชายถูกคนหยามเกียรติจึงกล่าวตอบโต้เมิ่งอี้กลับไป"เหอะ พี่ใหญ่ข้าแค่ป่วยอีกสามปีก็ไปสอบได้แล้ว ไม่ใช่คนขี้แพ้สักหน่อย เมิ่งอี้เจ้าสอบซิ่วไฉให้ผ่านเสียก่อนค่อยมาคุยโวจะดีกว่า เรียนมาหกปีเพิ่งสอบถงเซิ่งได้ ลู่เจาบุตรชายแม่หม้ายลู่ทิศตะวันตกของหมู่ เพิ่งเรียนได้ไม่ถึงปีอายุเก้าขวบก็สอบผ่านถงเซิ่งแล้ว เจ้าอายุสิบแปดเพิ่งสอบผ่านช่างน่าขายหน้ายิ่งนัก""ไอ้สารเลวเมิ่งลู่เจิน อย่าคิดว่าเมิ่งหย่งชวนไอ้คนขี้โรคกลับมาแล้วจะปกป้องเจ้าได้นะ มานี่ข้าจะสั่งสอนเจ้าสองคนพี่น้องให้คลานกลับบ้านเลยทีเดียว"เมิ่งอี้ย่างสามขุมมาหาสองคนพี่น้องที่เกวียน เมิ่งหย่งชวนทำว่าร้อน สบัดแขนเสื้อเบาๆ เมิ่งอี้ก็ถูกหอบลอยไปกระแทกกับต้นไม้ตกลงมาทันทีเหล่าอันธพาลในหมู่บ้านที่เห็นเช่นนั้นก็ตกใจ เมิ่งอี้ลอยไปกระแทกได้อย่างไร แต่เพื่อเงินสามร้อยอีแปะที่เมิ่งอี้จ้างวานมาพวกอันธพาลจึงกรูเข้ามาล้อมรถม้าเพื่อจะรุมทำร้ายสองพี่น้อง แต่ยังไม
อาหารเย็นนางซื้อมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องทำ แต่นางอยากได้ไข่ไก่มานวดกับแป้งเพื่อทำบะหมี่ไข่พรุ่งนี้ แต่ตอนนี้เสิ่นเยี่ยนฟางนางรู้ตัวว่าฝืนไม่ไหวแล้ว เมื่อเมิ่งหย่งชวนเอ่ยลาทุกคน ก็พานางกลับบ้านทันทีที่ถึงบ้านเสิ่นเยี่ยนฟางก็เดินโซซัดโซเซไปหาที่นอนทันทีปวดหัวแทบจะระเบิดอยู่แล้ว แผลที่ถูกแทงคงอักเสบแน่ๆไข้จึงขึ้น"เจ้าไหวไหม ตัวร้อนขนาดนี้ป่วยหนักกว่าข้าเสียอีกนะ""อืม ไหวๆอาเจินเอาเกวียนไปคืนท่านปู่หลงแล้วอุ่นอาหารเองนะ พี่สะใภ้ซื้อมาแล้วไม่ต้องทำ ท่านชาวยหาสุรามาให้หน่อยข้าจะล้างแผล คงอักเสบน่ะข้าถึงมีไข้""ได้ เดี๋ยวข้าจัดการให้เจ้าพักผ่อนเถอะ"เมิ่งหย่งชวนเห็นสภาพนางก็สงสารจึงอุ้มนางไปนอนในห้อง เสิ่นเยี่ยนฟางปูที่นอนไว้เรียบร้อยแล้ว เขาวางนางเอาไว้ก่อนจะให้นางนอนพักแล้วตนเองก็ไปต้มยาเมิ่งลู่เจินที่เพิ่งมาถึงจากเอาเกวียนไปคืนก็รับอาสาเฝ้าเตาไฟ เมิ่งหย่งชวนเข้าไปดูคนตัวเล็กเห็นนางนอนสั่นจึงห่มผ้าให้ เสิ่นเยี่ยนฟางหนาวสั่นจนเขาต้องทอดกายลงข้างๆแล้วกอดนางเอาไว้ ไม่นานน้องชายก็เดินมาหาพร้อมชามยาในมือ"พี่ใหญ่ขอรับ ยาของพี่สะใภ้ได้แล้วขอรับ""ขอบใจมากอาเจิน เจ้าอุ่นอาหารแล้วกินก่อนได้เลยนะ
จากนั้นเมิ่งหย่งชวนสวมเสื้อนวมที่นางซื้อให้ ในใจรู้สึกอบอุ่นไม่น้อยแม้ภายนอกนางจะดูก้าวร้าวไปสักนิด แต่รู้จักใส่ใจคนอื่น เมิ่งหย่งชวนเดินออกมาจากรั้วบ้านท้องฟ้ามืดครึ้มมาจริงๆ เขาจะทำเช่นไรหากเดินไปกลับไม่ทันแน่น จึงจำเป็นต้องใช้วิชาตัวเบาที่ไม่อยากจะใช้เท่าไหร่นัก เมิ่งหย่งชวนดีดตัวเองไม่นานก็มาถึงบ้านของเมิ่งหลง ประตูบ้านปิดแล้วเนื่องจากลมแรงเพราะพายุกำลังมา เมิ่งหย่งชวนร้องเรียกคนด้านใน"ท่านปู่หลงท่านอยู่หรือไม่ขอรับ ข้าน้อยเองอาชวนขอรับ""ใครน่ะ อ้าวๆอาชวนหรือฝนจะตกแล้วมีเรื่องอะไรหรือ เจ้าป่วยอยู่มาถูกลมเช่นนี้ไม่ดีเท่าไหร่""ท่านปู่ ข้าขอซื้อสุราสักหน่อยขอรับ สักสามไห""เจ้าป่วยอยู่จะดื่มได้อย่างไรกันอาชวน""ข้ามิได้ดื่มขอรับ แต่จะเอาไปล้างแผลให้เสี่ยวฟาง แผลนางอักเสบขอรับ อีกอย่างนางตัวร้อนนักเห็นท่านหมอบอกว่าสุราสามารเช็ดตัวช่วยให้ไข้ลดลงได้ขอรับ""ถ้าเป็นเช่นนั้นเจ้ารอข้าสักครู่เอาสามไหใช่หรือไม่"เมิ่งหลงเดินเข้าไปในบ้านหยิบสุรามาสามไหจากนั้นก็ส่งให้เมิ่งหย่งชวน"ได้แล้ว ไหละแปดสิบอีแปะ สามไหเป็นเงินสองร้อยสี่สิบอีแปะข้าคิดเจ้าแค่สองร้อยอีแปะเท่านั้นรีบกลับเถอะฝนจะลงเม็ดแล
เมิ่งหย่งชวนใส่เสื้อผ้าให้นางกลับตามเดิมก่อนจะไปอุ่นยาให้นางอีกครั้ง จากนั้นเขาก็มาปลุกคนตัวเล็กลุกขึ้นมากินยาอีกครั้ง"เสี่ยวฟาง ลุกเถอะมากินยาได้แล้ว เด็กดื้อหรือว่าเจ้าอยากให้ข้าป้อนอีกหื้ม""อืม ปวดหัวไม่กินได้ไหมขอนอนก่อนนะ อื้อ อึกๆๆ"เมิ่งหย่งชวนรู้ว่านางไม่ยอมกินแน่ๆจึงป้อนยาให้นางด้วยปากเขาอีกตามเคย กระทั่งยาหมดชาม เสิ่นเยี่ยนฟางงึมงำต่อว่าเขา"ฮือๆๆ คนใจร้ายข้าไม่อยากกินมันขมนี่ ฮือๆๆ เมิ่งหย่งชวนคนนิสัยไม่ดี""อย่างอแง เดี๋ยวก็หายขมแล้วนะข้ามีน้ำผึ้งให้ด้วย"เขาลังเลที่จะให้นางกินเองหรือว่าจะป้อนแบบเมื่อกี้ดี ในที่สุดเขาก็เลือกป้อนนางจากปากตัวเอง ครั้งนี้เขาจูบนางเนิ่นนานจนคนตัวเล็กประท้วงเพราะหายใจไม่ทันเมิ่งหย่งชวนทอดกายลงนอนเคียงข้างกอดนางเอาไว้กระซิบข้างหู"อากาศหนาวข้ากอดเจ้านะคนดี เจ้าเป็นไข้ต้องอบอุ่นไว้ อย่าดื้อนะเสี่ยวฟาง"เสิ่นเยี่ยนฟางหลับไปแล้วเพราะฤทธิ์ยา บวกกับพิษไข้ แต่คนตัวโตกับนอนไม่หลับ ร่างนุ่มนิ่มทำเขาไม่สามารถข่มตาได้"เด็กดื้อ อย่าโทษข้านะเจ้าเย้ายวนน่ารักเกินไป ข้าไม่ล่วงเกินหรอกขอแค่ชื่นใจเองนิดหน่อยนะ"เมิ่งหย่งชวนจี้จุดหลับให้นาง ก่อนจะจุมพิตเบาๆ
ด้านนอกเมิ่งลู่เจินต้มน้ำตาลทรายแดงเสร็จแล้ว กำลังจะยกมาให้พี่สะใภ้ แต่เมิ่งหย่งชวนบอกว่าเขาจะจัดการเอง ให้น้องชายต้มข้าวต้มเดี๋ยวเขาออกมาช่วย เมื่อวานเสิ่นเยี่ยนฟางซื้อเนื้อหมูมาอีกทั้งปู่ใหญ่ให้ไข่ไก่มาจึงต้มข้าวต้มหมูกับไข่ต้มคนละฟองเสิ่นเยี่ยนฟางเปลี่ยนผ้าเรียบร้อยแล้วก็คลานขึ้นเตียงนอนต่อ ยุคโบราณไม่มีอะไรบรรเทาได้เลย มิน่าที่เขาว่าสตรียุคโบราณหากมีระดูจะไม่ออกจากบ้านกัน ปวดท้องจะตายอยู่แล้ว เมิ่งหย่งชวนเข้ามาหาพร้อมถ้วยน้ำตาลรายแดงต้ม ก่อนจะเรียกนางให้ลุกขึ้นมาดื่ม"เสี่ยวฟางลุกมาดื่มน้ำตาลทรายแดงต้มสักหน่อยเถอะจะได้ดีขึ้น มาข้าจะช่วยให้เจ้าอุ่นท้อง"เสิ่นเยี่ยนฟางค่อยๆลุกแล้วรับชามมาดื่ม เมิ่งลู่เจินเข้ามาถามว่าจะให้ยกข้าวมาข้าในหรือไม่"พี่สะใภ้ท่านให้ข้ายกข้าวต้มมาให้ท่านข้างในดีหรือไม่ขอรับ""เดี๋ยวข้าออกไปกินเองก็ได้อย่าลำบากเลย""อาเจินหากทำเสร็จแล้วกินก่อนเถอะ เดี๋ยวของพี่สะใภ้เจ้าพี่จะจัดการเอง""อ้อขอรับ เอ่อ ว่าแต่พี่สะใภ้ขอรับ คอท่านไปโดนอะไรกัดมาหรือขอรับ ทำไมแดงเป็นจุดๆเช่นนั้นเล่าขอรับ"เสิ่นเยี่ยนฟางทำสีหน้างงๆ ก่อนจะหันไปคว้ากระจกทองเหลืองมาส่องดูก็เห็นที่คอกับเ
เสิ่นเยี่ยนฟางกอดเด็กน้อยเอาไว้ปลอบใจพักใหญ่ ก่อนจะดันบ่าเล็กออกแล้วมองหน้าเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น"นี่เด็กดี เขาบอกว่าพี่ชายคนโตก็เปรียบเหมือนบิดา พี่สะใภ้ก็เปรียบเหมือนมารดางั้นจากนี้ไปให้พี่สะใภ้เป็นท่านแม่ให้เจ้าดีหรือไม่ อีกหน่อยพอพี่สะใภ้กับพี่ชายเจ้ามีเจ้าตัวน้อยเจ้าก็ได้เป็นท่านอา แต่ตอนนี้ต้องเข้มแข็งห้ามทำตัวอ่อนแอ พี่ใหญ่เจ้าป่วยอยู่อย่าทำให้เขาเป็นห่วง เขารักเจ้ามากนะ""ข้ารู้ข้าเข้าใจขอรับ ว่าแต่ท่านแม่เหตุใดต้องทิ้งข้ากับท่านพ่อไป ข้าไม่เข้าใจ""อาเจิน ผู้ใหญ่อาจมีเหตุผลที่ไม่สามารถพูดหรือบอกออกมาได้ เจ้าโตขึ้นพยายามทำทุกอย่างให้รอบคอบ เวลาทำสิ่งใดใช้สติให้มากๆ เรื่องของผุ้ใหญ่อย่าไปคิดแทนพวกเขาเลย มานี่พี่จะสอนสานลายแปลกๆ พี่สานได้นะแต่อาจช้าสักหน่อย เดี๋ยวพี่จะค่อยๆบอกเจ้านะ"ทั้งสองคนช่วยกันสานตะกร้า เมิ่งหย่งชวนมานานแล้ว เขาได้ยินทุกคำพุดของนาง นางอ่อนโยนกับน้องชายเขายิ่งนัก ช่างเป็นสตรีอบอุ่นเหลือเกิน แต่กับเขาแทบจะฆ่าให้ตายแต่เมื่อกี้นางบอกว่าจะมีเจ้าตัวเล็กกับเขาให้อาเจินเลี้ยง ถึงเขาจะรู้ว่าเป็นคำพูดปลอบใจน้องชายเขาแแล้วอย่างไร เขาถือว่านั่นเป็นคำสัญญาแล้วกัน ต้อ
เมื่อถึงมื้อค่ำผู้ใหญ่ก็มีเรื่องคุยกัน หวงหย่งเหนียนเจรจาสู่ขอจางจื่อเหยียนกับจางลี่ให้หวงมู่เหวิน กลับเมืองหลวงแต่งงานทันทีเพราะเด็กทั้งสองนั้นไปไกลแล้ว หากเกิดจางจื่อเหยียนตั้งครรภ์ขึ้นมาก่อนจะไม่ดีจากนั้นซูหยางก็สู่ขอเมิ่งหานเซียงกับเมิ่งหย่วงชวน ส่วนเมิ่งหย่งชวนก็เจรจาสู่ขอหวงเฟยเซียนให้บุตรชายคนโตเช่นกัน ตวนอ๋องเอ่ยกับเมิ่งหย่งชวนว่าเขาจะแต่งงานกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงทำเอาทุกคนอ้าปากค้าง แต่เสิ่นเยี่ยนฟางและเมิ่งหย่งชวนรู้ดีว่าบุตรสาวมีใจให้เสด็จอาสิบสองมานานแล้ว ในเมื่อเป็นความสุขของบุตรสาวทั้งคู่จึงส่งเสริม สรุปทุกคู่หมั้นหมายกันเรียบร้อยแล้วจะแต่งงานกันในอีกครึ่งเดือนเจ็ดเดือนต่อมาเสิ่นเยี่ยนฟางก็คลอดฝาแฝดชายหญิงให้เมิ่งหย่งชวนอีกหนึ่งคู่ ตอนนี้นางกำลังอยู่เดือน บุตรชายและบุตรสาวแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เมิ่งเสี่ยวเถาที่ตอนนี้กลายเป็นพระชายารัชทายาท คนอื่นๆ ก็เป็นฮูหยินน้อยของจวนต่างๆเมิ่งหานเซียงตั้งครรภ์คนแรก หากไม่นับจางจื่อเหยียนที่ตั้งครรภ์ก่อนแต่งงานไปแล้ว จากนั้นก็ตามด้วยโจวจื่อหราน ส่วนที่เหลือสามียังคงตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติภารกิจปั๊มบุตรอย่างไม่ย่อท้อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ในที่
เมิ่งเสี่ยวเถาลืมตาขึ้นมา นางฝันอะไรเนี่ยถึงนางจะชอบจ้าวตงหยางแต่ไม่ควรเก็บเขามาฝันลามกเช่นนี้ได้นะ เขาเรียกนางมหาเทวี ส่วนนางก็เรียกเขาว่าท่านตาเจ้าที่ นี่มันเรื่องอะไรกัน อีกทั้งเขากับนางยังเข้าหอกันในศาลเจ้า นี่มันบ้าไปแล้วหรือนอกจากเมิ่งเสี่ยวเถาจะฝันประหลาดจ้าวตงหยางก็ไม่ต่างกัน เขาฝันเช่นเดียวกับนาง ในความฝันนางช่างหอมหวานยิ่งนัก นึกถึงวันที่ได้ชิมความหวานจากนางเมืองหลายวันก่อนยังตราตรึง อีกทั้งในฝันเสมือนจริงเหลือเกิน หากเขาแหวกม่านประเพณีเข้าหอกับนางก่อนได้ก็คงดีนางจะเป็นพระชายาและจะเป็นแม่ของแผ่นดินคนต่อไป คืนวันแต่งงานหากพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่ได้นางจะใช้ชีวิตที่เหลือลำบาก เขาจึงจำต้องอดเปรี้ยวไว้กินหวาน แต่ในความฝันนางช่างน่าทะนุถนอมเหลือเกิน เขาไม่เข้าใจเหตุใดฝันเช่นนั้นได้แต่ละเมอออกมาไม่รู้ตัว"เทวีของข้า เสี่ยวเถาเด็กดีข้าคิดถึงเจ้าคนงาม"หลังจากมาถึงฮวาป๋ายทุกคนก็พักผ่อนกันเต็มที่ กระทั่งยามซื่อทุกคนก็มารวมตัวกันไปบ้านท่านปู่ทวด เด็กๆให้สาวใช้และบ่าวในจวนขนของขวัญมากมายไปที่บ้านท่านอาหญิง จางจื่อเหยียนจูงมือเหลนเขยไปเยี่ยมท่านตาทวดของนางอย่างอารมณ์ดีเมิ่งซุนที่กำ
หลายเหตุการณ์ผ่านไปถึงเวลาที่ทั้งหมดต้องเดินทางกลับฮวาป๋าย รุ่งสางทุกคนก็เตรียมตัวที่จะออกเดินทาง จ้าวตงหยางพาเมิ่งเสี่ยวเถาขี่ม้าไปด้วยกัน จ้าวไห่เฉิงกับเมิ่งเสี่ยวเฟิงก็ขี่ม้าไปล่วงหน้าแล้ว นางชอบขี่ม้าที่สุด เสด็จอาสิบสองจึงตามใจนางบรรดาสตรีที่เหลือนั่งรถม้าสามคัน จากเมืองลั่วเหอไปฮวาป๋ายใช้เวลาเพียงสองวันเท่านั้น แต่เด็กๆจะแวะไปเมืองเหลยเพื่อเยี่ยมท่านย่าลู่ซินก่อน เดินทางมาได้หนึ่งวันก็ถึงเมืองเหลย ทั้งหมดเข้าที่พักที่ท่านอาเขยเตรียมไว้ให้ หวังจิ่วมารับเด็กๆและอารักขาด้วยตนเอง หวังซูหรานก็ตามบิดามาด้วย นางคิดถึงพี่ๆมากนัก หวังซูหนีว์เห็นหน้าน้องสาวก็รีบทักทาย"ซูหราน เจ้ามาแล้ว""พี่หญิง ข้าคิดถึงท่านที่สุดเลย"คนที่เหลือเปิดม่านออกมาก่อนจะส่งเสียงทักทาย หวังซูหรานควบม้ามาใกล้ๆก่อนจะขี่ม้าขนาบข้างแล้วคุยไปด้วย หวังจิ่วต้องรีบกลับเพราะตอนมานั้นเขามาคนเดียว ใครจะรู้เจ้าตัวดีแอบตามมาด้วย หากกลับไปเมียจัดการเขาแน่นอนกระทั่งถึงที่พักเรียบร้อยก็เป็นเวลาปลายยามเซินแล้ว จากนั้นทั้งหมดก็เข้าที่พัก เมื่อจัดการตัวเองเรียบร้อยก็พากันมากินมื้อเย็น ต่า
จางจื่อเหยียนยอมรับสัมผัสจากหวงมู่เหวิน นางลืมไปแล้วว่านางกำลังโกรธเขา ลืมไปแล้วว่าเขามาเพื่อให้นางยกโทษให้ กระทั่งผิวกายต้องอากาศเย็นนางจึงรับรู้ว่าอาภรณ์ถูกเขาปลดออกแล้ว แผ่นหลังแตะที่นอนโดยมีร่างไร้อาภรณ์ของคนตัวโตทาบทับเกยนางเอาไว้ ดอกบัวตูมเบ่งบานชูช่อ ปลายถันแข็งชันล่อลวงให้คนด้านบนตกอยู่ในมนต์เสน่หา หวงมู่เหวินสบตากับนางจางจื่อเหยียนไม่กล้าสบตาเขาเอ่ยตะกุกตะกัก"คุณชายรอง""เรียกพี่มู่เหวินเหมือนเดิมได้หรือไม่ จื่อเหยียนของพี่ เจ้างามนัก"จางจื่อเหยียนผวา ร่างงามถูกเขานวดเฟ้น ปากหยักครอบครองความหวานตรงหน้า ดรุณีน้อยยกแขนคู่เรียวโอบรั้งท้ายทอยหนาแอ่นอกงามให้เขาเชยชม ใจนางมีเขาอยู่จึงไม่ไตร่ตรองในสิ่งที่กำลังทำ แค่คืนนี้เท่านั้น แค่ครั้งนี้ขอให้นางได้เป็นผู้หญิงของเขา หลังจากคืนนี้ไปนางจะออกจากหนานเป่ยไปใช้ชีวิตที่อื่น"อื้อ พี่มู่เหวิน อาเหยียน สะเสียว""อืม หวานเจ้าหวานมากอาเหยียน"ใบหน้าหล่อเหลาเคลื่อนต่ำลงไปหาดอกไม้บอบบางก่อนเริ่มสำรวจน้ำหวาน ไม่นานคนใต้ร่างก็กระตุกเกร็ง นางแตะสวรรค์จนต้องกลั้นเสียงครางเอาไว้ เกรงว่าจะเล็ดลอดออกไป หวงมู่เหว
จางจื่อเหยียนนอนละเมอทั้งคืน หวงมู่เหวินนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก เขารู้สึกผิดเขาเพิ่งรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเขารักนาง หากว่าวันนี้ไม่เกือบเสียนางไปเขาก็คงไม่รู้หัวใจตัวเองและเป็นเขาเองที่เกือบทำนางหายไป เมิ่งเสี่ยวหว่านออกมาจากห้องเห็นบุตรชายคนรองของมหาราชครูก็ถอนหายใจคนหนึ่งก็พยายามหนีหัวใจตัวเอง อีกคนก็ปากแข็งจนก่อเรื่องร้ายแรง จางลี่ออกมาจากห้องบุตรสาวเห็นคนก่อเรื่องนั่งคุกเข่าอยู่หน้าห้องก็ประคองฮูหยินของตนเดินมาหา "คุณชายรอง....ท่านไปพักก่อนเถอะอาเหยียนนางยังมีไข้และเพ้อเป็นบางครั้ง รอนางดีขึ้นท่านค่อยมาดีกว่า""ท่านอาจาง..ข้าสำนึกผิดแล้วข้าอยากเข้าไปหานาง ท่านอาท่านอนุญาตเถอะขอรับ""คุณชายรอง..มีใช่ว่าพวกเรากีดกันท่าน แต่ให้เวลานางสักหน่อย บุตรสาวข้านางเพิ่งเสียขวัญ อีกทั้งเกือบจมน้ำตาย ตอนนี้หากเห็นหน้าท่านนางอาจทรุดหนักกว่าเดิม"จางลี่โกรธมากเรื่องนี้เมิงเสี่ยวหว่านรู้ดี เขารักบุตรสาวคนนี้ที่สุด จางเหิงบุตรชายคนโตที่เป็นผู้สืบสกุล สามีนางยังมิเอ็นดูเท่ากับบุตรสาวเลย แต่อย่างไรเล่า คนที่คุกเขาอยู่ตรงหน้าคือบุตรชายมหาราชครูเชียวนะ เมิ่งเสี่ยวหว่านถอนหายใจก่อนจะเอ่ยกับสามีของนาง
ทุกคนปรับความเข้าใจกันหมดแล้ว เหลือเพียงเมิ่งลู่เหลียนกับหานมู่เฉินเท่านั้น ตอนนี้ดรุณีน้อยกำลังโมโหเขาอยู่ หานมู่เฉินที่เดิมทีเคยถูกนางทุบตีประจำมาวันนี้เขากลับตรึงนางเสียอยู่หมัด ยามนี้รน่างงามอยู่ใต้ร่างแกร่งเขากดข้อมือนางเอาไว้ ปล้ำจูบนางอย่าเอาแต่ใจ เมิ่งลู่เหลียนที่ถูกเขาหลอกมาตลอดว่าเขาไร้วรยุทธ ยามนี้นางต่างหากที่ห่างไกลคำว่ายอดฝีมือ"ปล่อยข้านะเจ้าบ้าหานมู่เฉิน ไอ้คนโกหกหลอกลวง เจ้าหลอกข้าหรือ อย่าให้ข้ารอดไปได้นะ บอกให้ปล่อยไง""ปล่อยหรือ นี่เมิ่งลู่เหลียนข้าจะบอกให้นะ ทั้งชีวิตข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่นอน""เจ้ามีสิทธิ์อันใดมาควบคุมข้า หานมู่เฉินไอ้คนเลว อื้ออออ"เด็กคนนี้ต้องสั่งสอน เขาต้องปราบนางให้ได้ ดื้อด้านนักทุบตีเขาอยู่เรื่อย ถ้าไม่ใช่ว่าเขารักนางคงจับนางฟาดเสียหลายทีแล้ว ทำตัวเกเรยิ่งนัก เมิ่งลู่เหลียนที่กำลังเสียเปรียบเขาอยู่ ก็หาทางออกให้ตัวเอง ทันทีที่เขาถอนจุมพิตออกนางก็เปลี่ยนเป็นไม้อ่อนทันที"พะ พี่มู่เฉิน เหลียนเอ๋อร์เจ็บมือเจ้าค่ะ ปล่อยเหลียนเอ๋อร์ได้ไหมเจ้าคะ""หืม..อ่อนหวานก็เป็น เอาตัวรอดสิท่าแม่ตัวดี""เปล่านะเจ้าคะ เหลียนเอ๋อร
หนุ่มสาวออกเดินทางไปหลังเขา ซึ่งไม่ได้ไกลจากจวนมากนัก เดินเท้าไปใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยามเท่านั้น ไม่นานทั้งหมดก็มาถึง จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถาไปด้านหนึ่ง จ้าวไห่เฉิงก็จูงมือเมิ่งเสี่ยวเฟิงไปอีกด้าน ส่วนซูหยางรวบเอวบางของเมิ่งหานเซียงไปนั่งเล่นบนโขดหินริมลำธาร องครักษ์ที่ตามมามีมากกว่าสิบคนต่างก็ดูแลรอบนอกเผื่อมีคนนอกหลงเข้ามาเมิ่งเสี่ยวเย่ากับเมิ่งซีฮวนไปหาไก่ป่า ส่วนหวงมู่เหวินไปเก็บฟืนกับหานมู่เฉิน ทั้งคู่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกัน มารดาเป็นเชื้อพระวงศ์ทั้งคู่ สาวๆที่เหลือต่างก็กวดจับกระต่ายป่า โจวจื่อหรานไม่อยากทำร้ายมันจึงปล่อยไป บรรดาบิดามารดาของเด็กๆเหล่านี้ปวดหัวมากนัก เมื่ออยู่กันครบทีไรสร้างเรื่องใหญ่โตทุกที โจวหยวนปวดหัวแต่ต้องยอมตามใจ เจียงเสี่ยวฮวาเองก็ไม่อยากดุแต่จำต้องเข้มงวดเมื่อได้ไก่ป่ามาแล้วบุรุษก็จัดการ ให้บรรดาสตรีนั่งรอ จางจื่อเหยียนสายตาซุกซนนางมองเห็นดอกไม้สีแดงอยู่ลิบๆ แน่นอนว่าใช่ดอกโสมนางต้องไปเอามันกลับให้ได้ เอาไปขายให้ท่านพ่อคงได้หลายร้อยตำลึง ดรุณีน้อยมีหัวการค้ายิ่งนัก แต่ลูกค้าของนางกลับเป็นบิดาอย่างจางลี่ แล
ปลายยามอิ๋นเมิ่งหานเซียงขยับตัว นางนึกขึ้นได้ว่าข้างๆมีคนนอนด้วยก่อนจะขยับร่างบางเข้าหาซุกใบหน้าหวานเข้ากับอกแกร่ง กลิ่นกายซูหยางทำเอาสาวน้อยหวั่นไหว นางกับเขาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดเวลา เป็นเพราะเขาไม่เคยใส่ใจนางเลย แต่กับคุณหนูคนอื่นๆเขากลับดูแลอย่างดี บางคนถึงกับยอมสอนพวกนางให้ส่วนตัว เมิ่งหานเซียงกลัวเขาจะตื่น แต่ก็รวบรวมความกล้าจุมพิตลูกกระเดือกคนตัวโตเบาๆ ไล่จุมพิตไปจนถึงปลายคาง ก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากคนนอนหลับซูหยางตื่นนานแล้ว เขาไม่ขยับอยากรู้ว่านางจะทำอะไร คนตัวโตยิ้มในความมืดมือหนาลูบหลังนางเบาๆเป็นสัญญาว่าเขาตื่นแล้ว เมิ่งหานเซียงเขินอาย เขาตื่นตอนไหนนะ นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอู้อี้"ท่านอา..เช้าแล้วมิกลับห้องหรอกหรือเจ้าคะ""อยากนอนกอดเจ้าอีกหน่อยเด็กดีของอา เซียงเอ๋อร์คนงาม อารักเจ้ายิ่งนัก แล้วเจ้าล่ะรักอาบ้างไหม"ดรุณีน้อยมิตอบคำถาม แต่แขนเรียวโอบกอดเอวหนาของคนตัวโตแทนคำตอบทั้งหมด ซูหยางยิ้มในความมืดก่อนจะพลิกร่างบางลงใต้ร่างแกร่ง เขาพูดชิดริมฝีปากอวบอิ่ม"อยากเข้าหอกับเจ้าจัง ได้ไหมหื้ม""ท่านอา..อย่ารุ่มร่ามเข้าหออะไรของท่าน อยากถูกเส
จ้าวตงหยางจูงมือเมิ่งเสี่ยวเถามาทางสวนท้อด้านหลังจวน เจ้าตัวยุ่งของเขาชอบดอกท้อที่สุด เขาแปลกใจเหมือนกันนางร่ายรำใต้ต้นท้อยามใด ดอกท้อพร้อมใจกันบานเต็มไปหมด ดูเหมือนบุตรสาวจวิ้นอ๋องแต่ละคนคงเป็นเทพธิดามากำเนิดเสียกระมัง เมิ่งเสี่ยวฮวาเดินไปทางใดก็มีแต่ดอกไม้เบ่งบาน เมิ่งเสี่ยวเฟิงเพียงแค่โบกมือเบาๆก็ราวกับควบคุมสายลมได้ ดินแดนตะวันออกไม่เคยแห้งแล้ง เมิ่งเสี่ยวเหอเด็กคนนั้นว่ายน้ำเก่งเสียยิ่งกระไร ทะเลสาบกว้างใหญ่ ราวกับนั่นคือบ้านอีกหลังของนาง ชาวประมงที่หากินกับแม่น้ำยังไม่สามารถว่ายไปกลางทะเลสาบได้เมิ่งเสี่ยวเถาที่เดินตามร่างสูงมาก็หน้างอง้ำ นางไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากเจรจากับเขา กระทั่งมาหยุดลงที่ม้านั่งหินใต้ต้นท้อที่ดอกบานสะพรั่งที่สุด จ้าวตงหยางจับให้เมิ่งเสียวเถานั่งลง ส่วนตัวเขานั้นนั่งลงเรียบร้อยก็นอนหนุนตักนางหน้าตาเฉย จนดรุณีน้อยต้องดุเขาเบาๆ"ไท่จื่อ เป็นถึงรัชทายาทเหตุใดไม่สำรวมสักนิดเพคะ อีกอย่างหม่อมฉันหนัก"มือหนาคว้ามือบางเอามากุมไว้แนบอก ก่อนจะหลับตาลงเอ่ยกับนาง"เสี่ยวเถา เหตุใดไม่เรียกพี่ตงหยางเช่นเมื่อก่อน เจ้าห่างเหินหมางเมิ